64.1 ตอบข้อสักถาม
By loop
“ว้าว!”
“มันไม่เลวเลยนะ”
“ หุ่นยนตร์ตัวนี้ดูน่ารักจังเลย!”
“ โอ้ทุกคนดูสิ หุ่นยนต์มันกำลังร้องไห้อยู่ มันตะโกนว่าเหนื่อยจังเลย เหนื่อยจังเลย ตลกดีนะ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ … ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าหุ่นยนต์ตัวนี้มันตลกมาก!”
เหล่าลูกๆของลุงทั้งสามคนของเฉินจินและหลานอีกสองคนไม่สามารถหยุดขำได้ จากมุขที่ วาวา ได้ปล่อยออกมา
เขาไห่เทาในวัย 22 ปีซึ่งเป็นลูกชายของลุงคนที่สองของเฉินจิน เขาเป็นคนหล่อเหล่ามากๆเพราะเขามีคิ้วที่หนา เขาไห่พยายามใช้ข้อศอกสะกิดเฉินจิน ก่อนที่จะพูดด้วยท่าทางที่ให้เกียรติกับเฉินจินที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขาว่า“ พี่เฉิน สร้างหุ่นยนต์ตัวนี้ด้วยตัวเองจริงๆเหรอ?”
เฉินจินพยักหน้า “ ใช่ ทีมงานด้านเทคโนโลยีในบริษัทของฉันช่วยกันพัฒนามันขึ้นมานะ ฉันเองมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาในครั้งนี้ด้วย”
เขาไห่เทายกนิ้วให้กับเฉินจินด้วยความประทับใจ “ นี่มันสุดยอดมากเลย!”
เมื่อเฉินจินแนะนำหลักการทำงานของหุ่นยนต์และอธิบายความสามารถขั้นสูงบางอย่าง ทุกคนในครอบครัวของเขาที่กำลังยืนมองหุ่นยนตร์อยู่นั้นก็สึกประทับใจมากและรู้สึกชื่นชมในตัวของเฉินจินมากเช่นกัน แม้คำพูดของเฉินจินจะฟังดูเข้าใจยากไปสักหน่อย
ตัดกลับไปที่โต๊ะอาหาร
ขณะที่ทั้งครอบครัวของเฉินจินกำลังมองดูพื้นที่ถูกทำความสะอาดอยู่ จนพื้นตอนนี้เหมือนบ้านหลังนี้พึงเปลี่ยนกระเบื้องปูพื้นแผ่นใหม่ ทุกคนมองการเคลื่อนไหวของหุ่นยนตร์และรู้สึกว่าเฉินจินนั้นสุดยอดมากที่สร้างหุ่นยนตร์ตัวนี้ขึ้นมาได้
อันที่จริงเฉินจิงไม่ได้ตั้งใจจะเอาหุ่นยนตร์มาอวด แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อทั้งครอบครัวได้เห็นการทำงานของหุ่นยนตร์ที่เขาสร้างขึ้นมาก็ช่วยเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อตัวของเฉินจินไปอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะกับปู่ของเขา ชางฮวง เขาดูชื่นชอบมันมากๆ! เขาเรียกเฉินจินให้มาใกล้ๆ ก่อนที่ชางฮวงจะเอาแขนมากอดหน้าอกแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า“ หลานชายของฉันเยี่ยมยอดมาก ฉันอาจจะอยู่ในวัยเกษียณแล้ว แต่ฉันก็ยังสนใจที่จะพัฒนาชาติอยู่ สิ่งที่ประเทศ Z ของเราต้องการนั้นไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ที่ไม่สมจริงและเกินราคา แต่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงที่ใช้งานได้จริง! หากเราไม่พัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงประเทศ Z ก็จะถูกประเทศอื่นกลั่นแกล้งเอาได้! ตัวอย่างที่ดีของหลานชายก็คือพ่อของเขา ตอนนี้ทั้งหลานและพ่อของหลานเป็นความภาคภูมิใจของเรา! ทั้งคู่ได้สร้างเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ในอนาคต ปีนี้ของขวัญที่ฉันชอบมากที่สุดคือหุ่นยนต์ที่เฉินจินให้กับฉัน!” คำพูดที่กล้าหาญและแน่วแน่ของชางฮวงสะท้อนความรู้สึกรักชาติและแนวคิดการต่อสู้แบบชาตินิยมของคนรุ่นก่อน เหล่าบรรดาลูกหลานที่ฟังอยู่ถึงกับน้ำตาไหล มันไม่น่าแปลกใจเท่าไรที่ชางฮวงจะรู้สึกรักชาติเช่นนี้เพราะเขาเป็นอดีตประธารพรรคคอมิวนิสต์ อีกทั้งเขาถูกยกย่องว่าเป็นคนที่โปร่งใสที่สุดและไม่ได้มีฐานะร่ำรวยขึ้นหลังจากการเป็นประธานพรรค ถึงแม้ในชีวติครอบครัวชางฮวงไม่ได้สร้างสมบัติอะไรให้กับลูกหลานมากมาย แต่เขาได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ให้กับประเทศนี้แล้ว
ตอนนี้เฉินจินเองก็เริ่มน้ำตาซึมๆ ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า “คุณปู่! ผมจะพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้ดีขึ้นและผมจะมอบผลิตภัณฑ์ไฮเทคให้คุณปู่เป็นของขวัญทุกปี!”
ชางฮวงถึงกับหัวเราะออกมาอย่างสุดเสียง “ดีดี!”
ตอนนี้ป้าคนสุดท้องรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลย เธอมองดูลูกสาวของเธอขณะที่เสี่ยวหลิงมองดูหุ่นยนต์ที่เคลื่อนที่ไปมาระหว่างที่มันทำความสะอาด พร้อมกับเสียงบ่นที่ดูไร้สาระ ที่เปล่งเสียงออกมาจากหุ่นยนตร์ เฉาเจียเองรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้และอิจฉาเฉินจินอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามความรู้สึกนี้ได้หายไปอย่างรวดเร็ว มันก็แค่หุ่นยนตร์ทำความสะอาด มันจะมีอะไรพิเศษพิโสขนาดนั้นเลยหรอ?
ดูว่าหุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นได้ดีแค่ไหนเฉาไห่ เธอดึงเฉาหลี่มาถามว่า“ พี่ใหญ่ฉันเห็นว่าพี่เอาหุ่นยนต์พวกนี้มาสองสามตัว พี่เอามาให้เป็นของขวัญเฉพาะแม่และพ่อหรอ?”
“ไม่” เฉาหลี่ยิ้ม “ นอกจากตัวที่เราเอามาให้เป็นของขวัญกับพ่อและแม่แล้วฉันยังเหลือหุ่นยนตร์อีก 4 ตัว ฉันแบ่งมาให้ครอบครัวละ 1 ตัว งั้นหลังอาหารเย็นก็เอาหุ่นยนตร์กลับไปด้วยนะ”
เฉาเจียรู้สึกดีใจทันที“ เยี่ยมมาก! ฉันรู้สึกยินดีมากเพราะบ้านหลังใหญ่ที่ครอบครัวฉันพึงปรับปรุงไปปีที่แล้ว บอกได้เลยว่ามันถูบ้านยากมาก! ฉันรู้สึกปวดหลังมากและเสียใจที่มีบ้านหลังใหญ่ๆ ถึงแม้ฉันจะซื้อหุ่นยนตร์ทำความสะอาดมาแล้วแต่ยี่ห้อนั้นมันทำงานได้ไม่ดีเท่าไร อย่างงั้นฉันขอเอาหุ่นยนตร์ที่พี่ใหญ่ให้ไปลองทำความสะอาดบ้านของฉันดู”
เทียนห่าวเองที่เป็นหลานชายอีกคนของครอบครัวหนึ่ง เมื่อยินว่าแต่ละครอบครัวจะได้หุ่นยนตร์กลับบ้านไปคนละ 1 ตัว ทันใดนั้นเขาโห่ร้องด้วยความดีใจและเลิกทานอาหารค่ำในทันที “ ป้าเฉาหลี่บอกว่าแต่ละครอบครัวจะได้หุ่นยนต์ไปจริงๆหรอครับ อย่างงั้นผมขอตัวนี้นะ!” ตอนนี้เฉาหลี่นำหุ่นยนตร์สามตัวมายืนรวมกันก่อนที่จะแจกไปให้แต่ละครอบครัว
ในตอนนี้เฉาเจียได้แต่ส่ายหัวไปมา … ฉันไม่รู้ว่าจะใช้เวลากี่ชั่วอายุคนสำหรับครอบครัวของเราที่จะกลายเป็นครอบครัวที่มีหน้ามตาในสังคมได้ แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับตระกูลของเรา พ่อของเรานั้นเป็นคนที่เรียบง่ายและไม่ลืมรากเหง้าของการเป็นเกษตรกร
ลุงคนแรกของเฉินจินดึงเฉินจินออกไปและถามด้วยความสับสนว่า“ เสี่ยวจิน หลานลาออกจากงานที่แผนกรัฐบาลแล้วหรอ? และเริ่มไปลงทุนทำธุรกิจหรอ?”
เฉินจินพยักหน้า “ ใช่แล้วครับ ผมลาออกจากงานแล้ว.”
“ อ๊ะทำไมหลานถึงลาออก? เกิดอะไรขึ้นหรอเกี่ยวกับงานตอนที่หลานทำอยู่? หรือว่าเงินที่ได้มันน้อยไป? ยิ่งไปกว่านั้นมันเสี่ยงมากที่จะเริ่มธทำธุรกิจ การเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรือการเงิน แม้ว่าสินค้าที้หลานเอามาด้วยมันจะะสำเร็จแล้วก็ตาม แต่การขายรุ่นถัดไปอาจล้มเหลว การทำงานในหน่วยงานรัฐมันมั่นคงกว่ามาก นอกจากนี้ยังเป็นครอบครัวของเราเองยังไม่มีเส้นสายในรัฐบาลเลยไม่สามรถยกฐานะตระกูลของเราได้สักที ตอนนี้เองลุงก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะช่วยยกฐานะตระกูของเรา แต่หลานยังเด็กอยู่ ตราบใดที่หลานแน่วแน่และกล้าหาญหลานก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอนและอาจไปได้เร็วกว่าลุงเสียอีก…”
เกาเจียง ไม่ได้คาดหวังสูงสำหรับความทะเยอทะยานในอาชีพของเขาในฐานะข้าราชการ อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคาดหวังว่านอกเหนือจากเฉินจินแล้วจะมีครอบครัวอื่นสนใจให้ลูกหลานๆมาเป็นราชการไหม ตอนนี้แม้แต่เฉินจินก็ลาออกจากงานเพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ คนรุ่นต่อไปคงไม่อยู่ในโลกแห่งการเมือง ในท้ายที่สุดแล้วครอบครัวในสายราชการดูจะเป็นเรื่องยากเกินไป มันง่ายกว่าที่จะก้าวไปสู่การเป็นครอบครัวที่มีอำนาจในการสร้างธุรกิจ? เมื่อมาถึงจุดนี่เกาเจียงเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
“ อืม… .. ” เฉินจินไม่รู้จะพูดอะไร เขาคิดว่าลุงคนแรกนั้นติดหล่มอยู่ในความคิดดังเดิม เพราะความคิดเดิมเหล่านี้มากจากรากฐานความคิดของคนสมัยก่อนที่จะต้องมีเส้นสายมากมายและมีลูกน้องคอยปรนนิบัติอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับพรรคมากนัก บางทีลุงคนแรกก็พูดถูก อย่างไรก็ตามในสองเดือนของเขาในฐานะเจ้าหน้าที่ของเมืองเขาได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษอย่างมากและไม่ความเป็นระเบียบของแผนกรัฐบาล เขาไม่สนใจเข้าร่วมพรรครัฐบาล เขาเพียงต้องการทำบางสิ่งที่เขาสนใจสิ่งที่บริสุทธิ์กว่า เขาไม่ต้องการให้โลกนี้ซับซ้อนเกินไป