83 ฉันค้นพบนิวเคลียร์
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ตื่นตาและตื่นเต้นที่ได้เห็นทองคำที่กองสูงเสียดฝาจนมองลับรูหูรู้ตาไป เฉินจินก็พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อนจะกลับมาตั้งสติอีกครั้ง เฉินจินพบว่าตัวเขาเองนั้นกำลังเผชิญกับปัญหาที่ร้ายแรงอยู่ เพราะการที่เขากับพบทองคำจำนวนมหาศาลเช่นนี้ แต่…ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรสำหรับเขาเลย เพราะเขาไม่สามารถนำมันกลับไปบนโลกได้ถึงแม้จะสามารถขนย้ายทองคำเหล่านี้ออกไปเขาก็ขายมันไม่ได้ทั้งหมดในทันทีอยู่ดี เพราะมันเป็นเรื่องยากมาที่จะบอกแหล่งที่มาของทองคำเหล่านี้ให้กับคนอื่นหรือทางคนของหน่วยรัฐบาลบนโลกรู้ได้
มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่เฉินจินสามารถทำได้คือการใช้วิธีการแลกเปลี่ยนทองคำเป็นทองคำ ผ่านช่องทางของร้านขายเครื่องประดับของเขาทุกเดือนซึ่งแต่เดิมเฉินจินก็แลกเปลี่ยนทองคำประมาณ 100 กิโลกรัมอยู่แล้ว ถ้าเพิ่มจำนวนทองคำในการแลกเปลี่ยนมากกว่านี้มันจะทำให้กลายเป็นที่สงสัยได้
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เฉินจินจึงไม่สามารถนำทองคำ 200 ตันนี้กลับมายังโลกได้ในที่เดียว นี้ยังไรวมทองที่มีมากกว่า 1,000 ตันที่ยังเหลือในฐานปฏิบัติการ และนี้ยังมีทองคำชุดใหม่ที่ถูกคนพบโดยหน่วยสำรวจที่สาธารณรัฐโมแลนโดอีก
เฉินจินจึงมองไม่เห็นว่าทองคำจำนวนมากกว่า 1,000 ตันนี้จะมีประโยชน์ใดๆในระยะสั้นเลย เฉินจินเองไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะสามารถขายทองคำเหล่านี้จนหมด ตอนนี้ภายในใจของเฉินจินเต็มไปด้วยความคิดที่รู้สึกเสียดายและเริ่มรู้สึกใจเย็นลงหลังจากมีอาการตื่นเต้นก้อนหน้านี ที่จริงเขายังดีใจเร็วเกินไป
แต่มูลค่าโดยธรรมชาติของทองคำยังคงมีอยู่ แต่เฉินจินเองจะต้องคิดให้ดีก่อนนำทองคำเหล่านี้ไปขายต่อบนโลกเพราะมันเต็มไปด้วยความอันตรายถ้าหากเกิดผิดพลาดอะไรไป “ เฮ้ฉันจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี ฉันจะให้หุ่นยนต์ยกทองคำทั้งหมด 200 ตันกลับไปที่ฐานบัญชาการและใส่ไว้ในโรงงานแคปซูล จากนั้นฉันจะหลอมทองคำแท่งเหล่านั้นและสร้างเป็นสี่เหลี่ยม หลังจากนั้นฉันจะสร้างมันเป็นปราสาททองคำ! ตัวปราสาทจะทำด้วยทองคำทั้งหมด เมื่อเวลาว่างๆฉันก็จะไปพักผ่อนที่นั้น นี่น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียว ปราสาททองคำด้วยทองคำน้ำหนัก 200 ตัน ฮ่าฮ่านี่น่าจะเป็นตึกที่แพงที่สุดในโลก! เอาจริงๆต่อให้เป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกก็ไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้?”
เฉินจินเริ่มมีเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากทองคำเหล่านี้ ตอนนี้เฉินจินพยายามคิดแผนว่าสิ่งที่เขาคิดมันพอจะเป็นไปได้หรือไม่ในตอนนี้กับการสร้างปราสาททองคำ
…
มีหุ่นยนต์จำนวนครึ่งหนึ่งและแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงถูกทิ้งไว้เพื่อจัดการกับทองคำ เที่ยวบินหมายเลข 9 ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศเพื่อให้งานสำรวจส่วนที่เหลือเสร็จสมบูรณ์ การมอบหมายการสำรวจที่เฉินจินวางแผนไว้ไม่เพียง แต่เกี่ยวข้องกับทองคำเท่านั้น หุ่นยนต์ไม่ได้ถูกส่งไปยังเมืองโดนัทตี้ เพื่อทำการค้นหาทองคำเพียงเท่านั้น ทองคำเป็นเรื่องที่เฉินจินให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆเท่านั้น ในแง่ของมูลค่าการปฏิบัติข้อมูลทางเทคนิคมีคุณค่ามากกว่า เพราะเฉินจินสามารถนำหน้าความรู้ด้านเทคโนโลยีมาใช้บนโลกได้และมันจะก้าวหน้ากว่าโลกจริงๆที่เขาอยู่ประมาณ 100 ปีเห็นจะได้!
เมืองโดนัทตี้จะถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางซึ่งจะรัศมีครอบคลุมทั้งหมด 300 กิโลเมตร เขาหวังว่าเขาจะได้พบกับข้อมูลเทคโนโลยีชั้นสูงในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นและมีการพัฒนาสูงเช่นการพบซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง อีกสองสามชุด สิ่งเหล่านี้มันจะมีมูลค่าสูงกว่าทองคำและจะช่วยให้เขาสามารถทำการพัฒนาดาวเคราะห์ไฮเออร์แอลฟาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเฉินจินรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ไม่มีความเจริญรุ่งเรืองหรือความวุ่นวายในเขตปริมณฑลที่ล้อมรอบใจกลางเมืองโดนัทที่ตี้ เหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า มนุษย์หลายสิบล้านคนได้รับผลกระทบจากการระเบิดของนิวเคลียร์ ไม่มีอาคารเหลืออยู่สักแห่งรอบๆเมืองโดนัทตี้
“ มันแห้งแล้งและสภาพรอบๆเป็นสีน้ำตาลเหมือนสระโคลน ไม่มีแม้แต่เส้นผมสักเส้น เหลือเพียงเศษซากปะระหักพัง มากมายกองรวมอยู่ในบริเวณนั้น “
ทันใดนั้นเมื่อเฉินจินกำลังจะยอมแพ้กับการสำรวจ ระบบอัจฉริยะของสายการบินหมายเลข 9 รายงานว่า“ รายงาย! ทางใต้ของเมืองในวงรอบแกนกลางของเมืองหลวง อาคารในเมืองนี้ยังคงสภาพดี จุดนั้นไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีใด ๆเลย ” ตึกระฟ้าจำนวนมากปรากฏในภาพที่ถูกถ่ายทอดกลับมาหาเฉินจิน ตึกเหล่านั้นครอบครองพื้นที่ประมาณ 300 ตารางกิโลเมตร มันเป็นเมืองใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยมีประชากรหนาแน่น น่าจะราวๆล้านคนได้
เฉินจินสงสัยมาก “ เป็นไปได้อย่างไร? เมืองโดยรอบทั้งหมดถูกทำลายหมดแล้ว ทำไมเมืองนี้เป็นเมืองเดียวที่ไม่ถูกทำลาย?” เมืองที่ดูสมบูรณ์แบบและไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้างที่แห้งแล้งดูเหมือนมันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและกะทันหันมาก ที่ยวบินหมายเลข 9เคลื่อนที่ไปยังเมืองนั้นอย่างรวดเร็วลและลดระดับความสูงลงและเข้าสู่น่านฟ้าเหนือเมืองและได้ใช้เรดาห์สำรวจอยู่หลายครั้ง
จึงได้รู้เหตุผลที่ว่าเมืองนี้จึงไม่ถูกทำลาย! เฉินจินตกใจจนอ้าปากค้างออกมา ในใจกลางเมืองนี้มีพลาซ่าอยู่และสิ่งที่อยู่ในใจกลางของพลาซ่านั้นเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณห้าเมตร
เฉินจินยังอยู่ในอาการมึนงงถามว่า“ อะไรนะ…มันคืออะไร”
อลิซอธิบายว่า“ เจ้านายถ้าฉันจะบอกว่าสิ่งนั่นน่าจะเป็นหัวรบนิวเคลียร์ที่ยังไม่ระเบิด มันอาจจะเกิดขอผิดพลาดเนื่องจากความผิดปกติภายใน”
“ เธอ…เธอหมายความว่านั้นเป็นระเบิดนิวเคลียร์ ระเบิดนิวเคลียร์ที่ยังไม่ระเบิด”เฉินจินเริ่มคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน โอ้พระเจ้านอกเหนือจากรูปภาพบนอินเทอร์เน็ตแล้วเขาไม่เคยเห็นระเบิดนิวเคลียร์มาก่อนในชีวิตของเขา และของจริงที่นั่น! เกิดอะไรขึ้นถ้ามันระเบิดขึ้นมาอย่างไม่บอกไม่กล่าว? ภายในใจของเฉินจินจินตนาการถึงควันรูปเห็ดที่ลอยขึ้นมาในอากาศหลังจากการระเบิด
“ ไม่เป็นไรค่ะเจ้านาย ระเบิดนิวเคลียร์ตอนนี้มันหมดอายุแล้ว(ช่วงชีวิตของธาตุกัมมันตรังสี**สามารถหาข้อมูลได้จากวิชาฟิสิกส์ทั่วไป/เคมี) มันจะไม่เกิดการระเบิดอีกแล้ว”
เฉินจินเข้าใจแล้ว. ในที่สุดเฉินจินก็เข้าใจสถานการณ์ด้วยคำอธิบายของอลิซ เมืองนี้ชื่อร็อคฟอร์ด มันถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังเพราะเป็นเมืองที่โชคดีมาก ถ้าเกิดมันเป็นระเบิดนิวเคลียร์ที่ยังใช้งานได้อยู่อาจมีความเป็นไปได้ว่าเมืองนี้ก็จะไม่ต่างจากเมืองอื่นๆที่เฉินจินได้เห็นผ่านมา อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ระเบิดมัน แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยในเมืองนี้กลัวจนหัวหด พวกเขาทั้งหมดหนีออกจากเมืองไป โดยทิ้งให้ระเบิดนิวเคลียร์ลูกนี้ฝั่งอยู่ในนั้นโดยไม่มีใครจัดการกับมัน
เที่ยวบินที่ 9 ลงจอดบนพลาซ่าในใจกลางเมือง หุ่นยนต์ 10 ตัวลงและนำเครื่องมือต่าง ๆ มาด้วย พวกมันเดินไปที่บริเวณหลุมขนาดใหญ่ ใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงพวกเขาขุดลูกระเบิดที่ไม่ระเบิดออกมาจากหลุมอย่างระมัดระวังและตรวจดูระเบิดนิวเคลียร์อย่างพิถีพิถัน ที่ด้านล่างของระเบิดในพื้นที่ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหุ่นยนต์พบการแกะสลักขนาดเท่ามดในสคริปต์มาตรฐานระบุว่ามันมาจากบริษัท ซินติก
มีสี่ตัวอักษร – แสดงถึงว่ามันมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของรัฐ สีของตัวอักษรนั้นค่อนข้างเข้มแสดงถึงรู้สึกถึงพลัง ในที่สุดเขาก็รู้ถึงตัวตนของประเทศที่ได้ยิงระเบิดนิวเคลียร์ไปทั่วใส่ในประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในดาวไฮเออร์แอลฟาอย่างประเทศแมลิกา
“ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ใช่ใช่ใช่! ความเป็นเจ้าโลกไม่สามารถกระทำด้วยความเย่อหยิ่งตลอดไป ในที่สุดมันก็พบกับความหมายที่แท้จริงของความพ่ายแพ้! แม้ว่า…. ท้ายที่สุดคือการทำลายล้างซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ดีต่อให้ประเทศแมลิกาที่ถือว่าเป็นประเทศที่พยายามคลอบง้ำทุกประเทศของดาวไฮเออร์แอลฟาแห่งนี้แต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าจะไม่ถูกทำลายไป” เฉินจินส่ายหัว ตอนนี้เขาต้องการระบายความโกรธและความเกลียดชังในบางสิ่งออกไป เขารู้สึกอยากทำความสะอาดทุกอย่างทั้งภายในและภายนอกจิตใจของเขา แม้ว่าเขาจะเป็นที่อยู่ติดบ้าน แต่ในบางครั้งเขาก็จำเรื่องสำคัญของชาติได้ อย่างไรก็ตามเขามักจะเห็นข่าวเชิงลบเกี่ยวกับวิธีน่านฟ้าและน่านน้ำของประเทศที่ถูกละเมิดโดยจักรวรรดิอเมริกันและวิธีที่พวกเขาคุกคามประเทศของเฉินจิน
จากการค้นพบระเบิดนิวเคลียร์ที่ไม่ระเบิดนี้ทำให้เฉินจินรู้สึกว่ายังมีประเทศที่มีความกล้าหาญและเหมือนกระดูกสันหลังของดาวดวงนี้ พวกเขามีวิญญาณแห่งการต่อสู้และจะไม่ยอมแพ้ อีกทั้งภาคภูมิใจที่ไม่ถูกบดขยี้ด้วยพลังชั่วร้ายใด ๆ ที่พยายามจะครอบงำพวกเขา! ผ่านไปสักครู่เฉินจินก็ตตระหนักคิดถึงเรื่องบางอย่างได้
เฉินจินเริ่มพึมพำ“ หลังจากฉันเสร็จสิ้นการสำรวจที่นี่ ฉันต้องไปดูงานในประเทศทางตะวันออกที่อีกด้านหนึ่งของโลก ฉันต้องไปเรียนรู้ประเทศอื่นๆบ้าง หลังจากฉันสำรวจเมืองแห่งนี้ในดวงดาวไฮเออร์แอลฟามันทำให้ฉันเข้าใจบางอย่างขึ้นมา!” ดังนั้นกำไรจากการสำรวจในวันนี้จึงสามารถสรุปได้ด้วยวลีง่ายๆสั้นว้า :
เขาพบเมืองที่ไม่เสียหายซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีประชากรเป็นล้าน และเขาพบระเบิดนิวเคลียร์!