I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 22. กิลด์โนเบลส(3)

Chapter 22 กิลด์โนเบลส(3)

ขณะที่ผมจบบทสนทนากับรุ่นพี่ซางมิน ได้มีสายโทรเข้ามา.

“ไง. รุ่นพี่.”

“เอ่อ. ทำไรอยู่ มินชอล?”

“รุ่นพี่ ผมเพิ่งอยู่ที่นี้เพียงชั่วโมงเดียวเองนะ. รุ่นพี่ บางทีคุณชอบผมหรอ?”

“ฉันเพิ่งรู้สึกเกลียดนายนี่แหละ. ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็ดีละ. บอกรุ่นพี่ด้วยถ้านายรู้ว่ามันไม่ชอบมาพากลหรือสังเกตเห็นบางอย่างแปลกๆ. แล้วคุยกัน.”

‘อะไรเนี้ย?. เพียงแค่พูดแล้วก็ตัดสายไปเฉยเลย.’

หลังจากตัดสาย ปาร์คฮยอนได้พูดขึ้นตรงหน้าที่ที่สมาชิกกิลด์รวมกลุ่มกัน.

“ทุกคน ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก. ฉันจองสถานที่เลี้ยงซี่โครงบาร์บีคิวข้างหน้านี้ งั้นฉันจะไปรอที่นั่นนะ.”

“คับ!”

“เข้าใจแล้วคับ!”

ผมได้เลิกล้มที่จะล่าในวันนี้ แต่ก็การอยู่ในที่ที่นี้มันทำให้ผมรวบรวมข้อมูลได้จำนวนมาก.

ด้วยจำนวนที่มากนี้ มันควรคุ้มค่ากว่าเวลาที่เสียไปละมั้ง?

ผมออกจากสมาคมสาขาเขตตะวันตกและมุ่งไปร้านอาหารอย่างไม่รีบร้อน.

เพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิก 500 คน สามารถมารวมกันได้ เธอต้องเลือกร้านอาหารที่โครงสร้างตึกถูกสร้างมาเพื่อการนี้.

จากเริ่มจนจบสงครามกิลด์ แม้กระทั้งพวกเราเดินทางไปร้านอาหาร เขาจับตามองผมอย่างระมัดระวัง หลบเลี่ยงผมดีที่สุดเท่าที่เขาทำได้.

‘ข้าวกล้องของผมเดินอยู่ตรงนั้น.’

“เฮ้! ฮวางแจฮยอค!”

“…..”

“เกิดอะไรขึ้นในวันนั้นน้าา นายเคยซ้อมฉันเพราะฉันไม่ตอบ? ทำไมนายทำอย่างนั้นซะเองละ?”

“ไปให้พ้น. ฉันไม่อยากแม้กระทั้งพูดกับแก.”

“พึฟ! นายกล้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หือ?”

“ไอ้สวะน้อย! แกก็แค่เพียงเก่งขึ้นได้โดยใช้เงิน!”

ผมเดาว่าคุณอาจจะเข้าใจผิดว่าการเติบโตของผมเป็นอย่างนั้น. แต่ผมจะไม่เป็นคนดีและอธิบายให้เขาฟังว่าเขาเข้าใจผิด.

ผมไปหาแจฮยอคเงียบๆและวางมือไว้บนไหล่ของเขา.

จากนั้น.

“นายไม่เข้าใจสถานการณ์ของนายหรอ? ถ้าเป็นอย่างนี้นายกำลังถามหาความตายนะ.”

“อ๊าก.”

ผมใส่ความแข็งแกร่งจำนวนมากในมือและบีบไหล่ของเขา.

เขาทำได้เพียงครวญครางอย่างน่าสงสารในความแข็งแกร่งที่เทียบไม่ได้ตั้งแต่ครั้งก่อน.

“นายยังคิดว่านายเก่งอยู่หรอ?”

“ป-ปล่อย. ปล่อยฉัน ไอ้สวะ.”

“ครั้งก่อนฉันบอกว่าไง? ว่าจะไม่มีทางให้อภัยขยะอย่างนายง่ายๆหรอก. ฉันคาดไว้แล้วนายคงไม่เปลี่ยนไปเลยสินะ!”

“…..”

“เดาว่านายคงจำว่าถูกต่อยครั้งก่อนไม่ได้? มันเศร้าจริงๆที่ได้เห็นความเจ็บปวดมากเท่าใดที่นายได้รับก่อนหน้านี้.”

ผมยกมือของผมขึ้นและย้ายไปที่หน้าของเขา ซึ่งทำให้เขาผงะและปิดตาของเขาลง.

จากนั้น.

“กรุณาหยุดได้แล้ว! พวกเรากำลังจะเป็นครอบครัวใหญ่ พวกเราไม่ควรที่จะสู้กัน นายรู้มั้ย?”

หัวหน้ากิลด์ปาร์คฮยอนตรงมาที่พวกเรา.

“หัว….หัวหน้า.”

ไม่นานที่แจฮยอคเห็นปาร์คฮยอน เขาวิ่งตรงไปหาเธอ.

‘อีดอกหนิ….. เขา(แจฮยอค)ทำงานของเขาดีจริงๆ. กลายเป็นครอบครัวหรือ? พวกเราก็ไม่ใช่เพิ่งแค่สมาชิกกิลด์หรอ?’

“คุณมินชอล. พอได้แล้วและก็ไปทานอาหาร. คุณแจฮยอค คุณก็เช่นกัน.”

ในช่วงนั้นสั้นๆ ผมรู้สึกบางอย่างแปลกๆในท่าทีที่ปาร์คฮยอนมิงที่ผม.

บางทีมันเนื่องจากรุ่นพี่จองโฮบอกเกี่ยวกับข่าวลือ. มันสามารถทำให้ผมไขว้เขวได้.

แต่ลางสังหรณ์ของผมบอกว่าเธอกำลังปิดบังบางอย่างอยู่.

หลังกินเส็จ มันเป็นเวลา 5 ทุ่ม.

เนื่องจากแม่ของผมอยู่ที่บ้าน ผมตัดสินใจที่จะไม่ล่าและกลับบ้านแทน.

ขณะที่ผมโบกมือให้แท็กซี่รับข้างถนน บางคนเรียกผม.

“คุณมินชอล.”

“คับ.”

“คุณทราบหรือยัง?”

“อะไรคับ…?”

“อ้า ฉันเดาว่าคุณยังไม่ทราบ. สมาชิกใหม่ทุกคนต้องสัมภาษณ์กับฉัน. ดังนั้นฉันจึงส่งข้อความไปถามว่าพรุ่งนี้คุณมีเวลาว่างมั้ย แต่ฉันเดาว่ามันยังไม่ถึง.”

“อ้า งั้นเจอกันพรุ่งนี้คับ.”

“แล้วเจอกัน. ได้โปรดมาที่ห้องทำงานตอน 5 โมงเย็น.”

พวกเราบอกลากันและผมก็กลับบ้าน.

แต่ระหว่างทางกลับ ผมอดไม่ได้ที่จะสังสัย.

‘หัวหน้ากิลด์พูดบ่อยๆกับสมาชิกของพวกเขาอย่างนี้จริงๆหรอ?’

ผมรู้ว่ามีสมาชิกใหม่เข้ามาหลายคนด้วยกัน.

แต่ปาร์คฮยอนไม่แม้แต่ชายตามองพวกเขา.

ยิ่งผมคิด ผมก็ยิ่งสงสัยเธอ.

* * *

วันต่อมา 5 โมงเย็น.

เพื่อมาสัมภาษณ์กับปาร์คฮยอน ผมมาถึงที่ตึกกิลด์.

ผมไปที่ห้องของปาร์คฮยอนและเคาะประตู.

“เข้ามา.”

ขณะผมเปิดประตูและเข้าไปในห้อง ปาร์คฮยอนทักทายผมราวกับว่ามีความสุขที่เห็นผม.

“อ้า คุณมินชอบ. ยินดีต้อนรับ. ฉันเกือบจะติดต่อหาคุณแล้ว. ไม่มีปัญหาในการมาใช่มั้ย?”

“คับ ขอบคุณที่เป็นห่วง. ขอบคุณคับ.”

“ฮ่าฮ่า ฉันเข้าใจ. เอาล่ะ มันเป็นครั้งแรกใช่มั้ยที่นายเห็นสงครามกิลด์? เป็นไง? มันสนุกมั้ย?”

“คับ. มันน่าตื่นเต้นมา.”

“สงครามกิลด์ก็เหมือนกีฬาที่กล้าหาญ. ผู้ที่แข็งแกร่งและสุดยอดกว่าจะกลายเป็นผู้ชนะ ส่วนผู้ที่อ่อนแอและด้อยกว่าจะกลายเป็นผู้แพ้…..”

ขณะที่เธอพูด สีหน้าของเธอดูรุนแรงราวกับว่านึกถึงเกี่ยวกับบางอย่าง.

แต่สิ่งที่ผมเห็นคือความไร้เดียงสาเล็กน้อยของเธอ.

“ถ้าผู้ชนะและผู้แพ้ถูกตัดสิน ผมคาดว่าควรทำเป็นเหมือนกีฬานะ.”

หลังจากนั้น.

คำถามทั่วๆไปและคำตอบก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง.

จากนั้น.

“อ้า เมื่อคุณมินชอลยังเป็นเด็ก มันเป็นเรื่องจริงหรอที่พ่อของคุณเสียแล้ว?”

‘อะไรกัน? เธอตรวจสอบพื้นหลังของผม? เนื่องจากที่มันเป็นบางอย่างที่สามารถรู้ได้เพียงแค่อ่านประวัติส่วนตัว ผมควรกังวล?’

“คับ ถูกต้อง. ตอนอายุ 12.”

“ข่าวลือพูดว่ามันเป็นเพราะหนี้.”

“คับ.”

“มันเป็นไงบ้างสำหรับคุณ?”

“เอาล่ะ ผมไม่มีอารมณ์เกี่ยวกับมัน.”

“ฮืม คุณไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อของคุณหรอ?”

“…..”

“อ้า ฉันขอโทษ. เนื่องจากฉันสนใจในตัวคุณมินชอล ฉันมีคำถามมากมายเกี่ยวกับคุณ. ขออภัยด้วย ถ้าฉันหยาบคาย.”

“อ้า ไม่เป็นไร.”

“ขอบคุณ. ฉันเสียใจกับพ่อของคุณด้วย. แต่ถ้าหนี้น้อยกลายเป็นมากและไม่สามารถที่จะจ่ายได้ พวกเขาควรรับผิดชอบ. ฉันพบว่ากฎเกณฑ์ของโลกนี้ดำเนินไปด้วยกฎป่า. จากจุดที่เห็น ฉันคาดว่าพ่อของคุณคงเป็นเหยื่อ. คุณว่ามั้ย?”

“…..”

การได้ยินคำถามของเธอ ผมถามขณะนึกถึงอดีต.

“โทษนะ คุณพยายามจะสื่อถึงอะไรกันแน่?”

“อ้า ฉันจริงจังมากไป. ขอโทษด้วย. ฉันอยากรู้ว่าคุณทำอะไรบ้าง แต่ฉันออกนอกเรื่อง.”

“ไปเรียนกับล่า ผมไม่ทำไม่หักโหมก็ล่าไปวันๆทั้งสองอย่างนี้แหละ.”

“ฉันเข้าใจล่ะ. งั้นเราจบการสัมภาษณ์ไว้ตรงนี้. กรุณามาที่กิลด์บ่อยๆ ฉันคาดหวังกับคุณเป็นอย่างมาก.”

“คับ. ผมไปละ.”

หลังการสนทนา ปาร์คฮยอนให้เลขาคุ้มครองผมไปส่งบ้านอย่างปลอดภัย.

ขณะขึ้นรถกลับ ไม่มีการสนทนาใดๆ แต่บางทีเนื่องจากความสำเร็จเมื่อวาน ผมรู้สึกถึงแรงกดดันเงียบๆ.

ผมรู้สึกถึงมันก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาไร้อารมณ์จริงๆปราศจากการแสดงออกใดๆ. เนื่องจากแว่นกันแดดที่เขาใส่ตลอดเวลา ผมไม่เคยบอกได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่.

* * *

“ผมกลับมาแล้ว.”

“อ้า. เหตุอะไรกันถึงทำให้ลูกชายกลับบ้านเร็ว?”

“พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันหลังแม่ออกจากงาน. ผมรีบกลับมาเพื่อจะได้ใช้เวลาร่วมกัน.”

แม้ขณะที่กำลังพูดอยู่ เธอไปที่ห้องครัวและก็คว้าหม้อกับหม้อหุ้งข้าว และถาม.

“นี้ลูกชาย. ลูกกินอะไรมายั้ง? ลูกควรกินนะ.”

“ไม่ ผมกินมาเรียบร้อยแล้ว. แม่ทำอะไรในวันนี้? อะไรอยู่ในห้องนั่งเล่นหน่ะ?”

“อ้า นั่น? การอยู่บ้านทั้งวันทำให้ฉันเบื่อ ดังนั้นฉันก็เลยรับงานเล็กๆใกล้ที่นี่มาทำ.”

“อ้า ผมบอกคุณให้พักผ่อนแทนที่มาทำอะไรอย่างนี้. ลูกของคุณได้รับเป็นอย่างดี!”

แม่ของผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างมีความสุขในการบ่นของผม.

“การได้ยินอย่างนี้จากลูกทำให้ฉันแข็งแกร่ง! ฉันทำมันเพราะเบื่อ ดังนั้นไม่ต้องกังวลและก็ไปอาบน้ำเลย.”

“อย่าทำงานอย่างนี้ แต่ทำบางอย่างที่สนุกที่แม่ต้องการ. เหมื่อนกับแม่ที่คุณเห็นในทีวีเช่นวาดรูปหรือไม่ก็จัดดอกไม้. ผมจะไปอาบน้ำซักแปปแล้วจะออกมา.”

* * *

หลังเช็คว่าแม่ไปห้องของเธอแล้ว ผมไปที่ห้องของผมและหย่อนตัวลงนอนบนเตียง.

คำที่ปาร์คฮยอนพูด.

อะไรคือวัตถุประสงค์ที่ทำให้เธอพูดคำเหล่านั้น.

มันไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจนักที่คุณแสดงต่อสมาชิกใหม่ และมันเป็นเหตุให้ผมกังวลเป็นอย่างมาก.

คำของจองโฮที่บอกว่ากิลด์โนเบลสเชื่อมโยงกับพวกกลุ่มหัวรุนแรงเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง.

ส่วนที่ค้างอยู่ในใจของผมจริงๆคือครั้งที่เธอพูดว่าผู้อ่อนแอจะถูกบดขยี้คือกฎเกณฑ์ธรรมชาติ.

บางทีเธอวางแผนที่จะลากผมไปยุ่งกับพวกกลุ่มหัวรุนแรง?

นั่นเป็นเหตุที่ว่าทำไมถึงเสนอข้อตกลงที่มีประโยชน์มหาศาลให้แก่ผมเมื่อถามผมตอนเข้าร่วม?

หมายความว่าเธอรู้ความสามารถของผม? รู้มากแค่ไหนกัน?

บางทีนั้นอาจจะเป็นวิธีที่สมาชิกใหม่ทุกคนอาจจะได้รับ หรือบางทีจะมีเหตุผลที่ต่างออกไป. ผมต้องการรายละเอียดจำนวนมากและข้อมูลที่เชื่อถือได้.

แจฮยอคจะมาโรงเรียนในพรุ่งนี้. เนื่องจากเขาขาดไปหลายวัน เขาจะไม่ถึงวันที่ต้องการในการเข้าเรียนและเป็นไปได้ที่ใบอนุญาตอเวคของเขาจะถูกยึด.

“ถ้าผมถามเขา บางทีอาจะได้รู้บางอย่าง?”

แม้แจฮยอคจะไม่ได้เข้าร่วมกิลด์นานมากนัก แต่ผมคิดว่าอย่างน้อยผมก็ได้ข้อมูลเล็กๆน้อยๆจากเขา.

จบความคิดของผม ผมทิ้งข้อความสำหรับจองโฮ.

‘รุ่นพี่ ผมต้องการให้คุณช่วยผม. ผมมีคำถามเกี่ยวกับบางสิ่งที่คุณบอกผมเมื่อวาน.

กรุณามารับผมหลังเลิกเรียน. มีบางอย่างที่ผมจำเป็นต้องบอกคุณ.’

เอาจริงๆ ผมไม่ได้ไว้ใจจองโฮเต็มร้อย.

แต่ผมไว้ใจเขาเพราะไม่มีใครอีกแล้วในสถานการณ์นี้ผู้ที่มีข้อมูลจำนวนมากและติดต่อด้วย.

แน่นอน มีซางมินและปาร์ตี้ของเขา แต่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์โนเบลส.

ถ้าผมถามข้อมูลจากพวกเขา มันก็เหมือนถามปาร์คฮยอนตรงๆ. พวกเขาคือ ‘ศัตรู’ ของผมในตอนนี้.

เพื่อการล่าของวันพรุ่งนี้ ผมปล่อยใจที่เหนื่อยล้าและผลอยหลับไป.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset