I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 34. Exp Continues to Rise

34. Exp Continues to Rise

ดูที่การเติบโตไร้สาระนี่สิ.

มันใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาที ในการเครียร์ดันเจี้ยน.

แต่ประสบการณ์ที่ได้รับก็จากมัน 2-2.5 ล้าน

มันใช้เวลาเพียง10วันเท่านั้นในการล่าเพื่อเพิ่มเลเวลของผมจาก 108>124.

ผมสามารถเลเวลอัพได้วันละ1-2เลเวลจากมัน

ถ้าคุณคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วมันก็เป็นธรรมดา

ผมไม่จำเป็นต้องรอการฟื้นฟูของมานาและได้รับค่าประสบการณ์ที่แชร์กัน5-6คนในคนเดียว

บอสลับที่มีโอกาศสูงในการดรอปแก่นอเวคได้.

การปรากฎตัวของ ‘ไกวดอน’, ทำให้ผมได้รับแก่นอเวคอีกชิ้นหนึ่ง.

ทันทีที่ผมได้รับแก่นอเวคผมก็ใช้มันอเวคไฟช๊อค

อย่างน้อยจนกว่าเลเวลจะถึง 150-170 ผมวางแผนที่จะเก็บเลเวลที่นี่

หลังจากนั้นผมก็วางแผนที่จะอเวคสกิลโจมตีทางกายภาพ.

ไอเทมอื่นๆที่ดรอปลงนอกจากแก่นอเวค พวกมันทั้งหมดแทบจะไร้ปรโยชน์เมื่อเทียบกับไอเทมที่
ดรอปลงมาครั้งแรก.

ดรอปรองเท้ามาสามคู่ แต่พวกมันทั้งหมดเพิ่มมานา.

ทำไมไอเทมที่เกี่ยวกับมานาถึงดรอปลงมา…

ต้องขอบคุณพวกมันอย่างมาก ผมได้รับสกิลที่ผมกำลังจะซื้อมาอยู่พอดีอย่าง ‘แฟลช’ ได้.

เมื่อออกจากดันเจี้ยนผมก็ได้เรียนรู้มัน.

มันเป็นสกิลที่จะทำให้ผมหายไปเหมือนกับเทเลพอตในรัศมี 5 เมตร.

อย่างไรก็ตามนี่มันคือรางวัลจริงๆ.

กำไลข้อมือของลูว์เวอร์ดรอปลง!

มันอุปกรณ์ที่มีพลังด้วยตัวของมันเอง มันไม่เหมือนกับอุปกรณ์ปกติเท่าไร

มันเป็น ‘อุปกรณ์ที่มีชื่อ’ ซึ่งจะดรอปจากลูว์เวอร์เท่านั้น.

มันไม่ใช่แค่กำไลข้อมือเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น แหวนหรือสร้อยคอ ก็มีชื่อเป็นของตัวเอง

ถ้าคุณใส่มันทั้งสามอันพร้อมกันคุณจะได้รับผลจากเซ๊ตเอฟเฟค.

‘กำไลข้อมือของลูวเวอร์’ มีผลที่เรียบง่าย.

มันไม่ได้เพิ่มสถานะหรือการป้องกันกับคุณ.

[หลังจากที่ดูดซับเวทย์มนตร์จำนวนหนึ่งและใช้สกิลโดยข้างที่มีกำไลข้อมือนี้ประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นเป็น2เท่าหรือมากกว่า.]

นี่เป็นคำอธิบายของไอเทมที่ง่ายๆ แต่เป็นไอเทมที่ไม่น่าเชื่อ

เอฟเฟคของกำไลยังแสดงให้เห็นถึงพลังที่ไม่น่าเชื่อ.

หลังจากที่ใช้พลังเวทย์และฆ่ามอนเตอร์แล้วกำไลจะเรืองแสงเป็นสีน้ำเงิน.

จากนั้น.

สกิลต่อไปที่ใช้ก็จะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ยังไม่พบมันในรายการประมูล.

แม้แต่ในประวัติของรายการประมูลก็พบว่ามันมีน้อยมาก

‘คนที่ประสบความสำเร็จจะได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ’

เมื่อเร็วๆนี้ ผมคิดว่าคำพูดเหล่านี้เหมาะกับผมอย่างสมบูรณ์

ด้วยความจริงที่ว่ากำไลข้อมือดรอปลง…

ผมหวังอยากจะได้อุปกรณ์ที่จะเพิ่มสถานะความแข็งแกร่งหรือความอดทน

ผมแค่หวังว่าจะมีบางอย่างที่ไม่เพิ่มค่าสถานะของมานา

แต่แทนที่จะได้สิ่งที่ผมหวังไว้แล็กน้อยแต่มันก็ได้ของที่ส่งผลอย่างยอดเยี่ยมแทน(มันไม่อยากได้ของมานา แต่พอมันได้เป็นกำไลที่เกี่ยวข้องกับมานาดันดีกว่าที่มันอยากจะได้จริงๆ/ไรต์)

‘ขวานทอง ขวานเงิน แต่ที่ผมเลือก คือขวานเหล็ก.’

มันเหมือนกับเรื่องราวของคนตัดไม้ที่ทำขวานหายไปในทะเลสาบ

ก่อนหน้านี้อัตตราการดรอปของหินเลือดได้เพิ่มขึ้น5%ตามระดับความเหมาะสมของมัน.

บางทีอาจจะเป็นเพราะจำนวนของมอนเตอร์ที่น้อย?

ปริมาณที่ได้รับหินเลือดก็ได้รับพอๆกับจำนวนมอนเตอร์ในดันเจี้ยนที่มากกว่านี้.

แน่นอนว่าราคาที่ต่างกันของหินเลือดที่ดรอปลงมาของหินBและC.

ผมคิดว่าผมต้องให้เลเวลสกิลเพิ่มขึ้นไปจนถึง100.

หากแก่นอเวคดรอปลงมากขึ้น แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงความคิดเท่านั้น

ผมวางแผนที่จะเก็บเงินซื้อ ‘สนามธารน้ำแข็ง’.

ปัจจุบันเป็นเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก.

ผมต้องการบ่อแม๊กม่าและเรียกอุกกาบาตด้วย แต่ที่ผมเลือกคาถาที่เกี่ยวกับน้ำแข็งเพราะว่าผมได้รับสกิลแรกเป็นคาถา ฟร์อต ออบ.

* * *

ในรถแท๊กซี่หลังจากการล่าเสร็จสิ้นในวันนี้และมุ่งกลับบ้าน…

การเดินทางใช้เวลาแค่30นาทีมันเป็นเวลาที่ผมจะวางแผนและแยกแยะความคิดของผม.

บางทีมันก็เป็นเวลาที่ผมจะโทรหาแม่หรือจุงโฮด้วย

มีหลายครั้งที่คุณซง(คนที่ชวนเข้าปาร์ตี้ครั้งแรก)โทรเข้ามา แต่หลังจากที่ออกจากกิลด์มาก็ไม่ได้มีเวลาที่ได้อธิบายได้ระหว่างนั้นผมก็ไม่ได้ยินดีที่จะอธิบายและผมก็ไม่ค่อยยินดีที่จะพูดกับเขาอีกต่อไป

-กริ๊งงงง.

‘ถ้าพูดถึงเสือมันก็มา.’ จุงโฮโทรเข้ามา.

ผมรู้สึกขอบคุณพี่คนนี้ด้วยความรู้สึกหลายแบบ.

นอกจากอินเตอร์เน็ตแล้วนี่เป็นเส้นทางเดียวที่ได้รับข้อมูล ไม่เพียงแค่นั้นผมยังได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเขายกเว้นแฟชั่น

ในระหว่างมื้ออาหารในการฉลองขึ้นบ้านใหม่ แม่ซึ่งดูเหมือนจะชื่อบชอบมันเป็นอยากมากเหมือนกัน.

“ครับ มันเป็นคำพูดที่ดีที่สุดในโลกของคิมมินชอย.”

“มันเป็นเพราะผู้บัญชาการ ลีจุงโฮ.”

“ฮอล์อ! นี่มันอะไร?”

“เอ่อ มันก็แค่การทำงานหนัก ไม่มีอะไรมากนัก ฉันหวังว่าสุดสัปดาห์นี้ผมจะได้พบคุณ.”

“ไม่ต้องห่วง ผู้บัญชาการ คุณต้องการทานอาหารค่ำของแม่ด้วยหรือป่าว?”

“โอ้โห นั่นเยี่ยมมาก เราจะกลับมาหลังจากที่ไปทำธุระของเรา.”

ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะเข้ากันได้ดีขนาดนี้.

บางทีฉันอาจจะถามปม่อย่างจริงจังว่าไม่ได้มีพี่ชายที่หายตัวไปหรอกนะ?

“แต่มันคืออะไร? นี่เป็นครั้งแรกที่ฮยองขอให้ผมไปหาครั้งแรก?”

“ไม่มีอะไรสำคัญมากแค่อยากให้นายไปที่ไหนสักแห่งกับฉัน.”

“โอเค เข้าใจละ งั้นเจอกันพรุ่งนี้ฮยอง.”

“โอ้ ได้ ฉันขอบคุณมาก.”

* * *

“มินชอย ฉันอยู่หน้าบ้านแล้ว แต่เนื่องจากว่ายามไม่ให้เข้าไปฉันเลยได้แต่จอดรถรออยู่หน้าทางเข้าเท่านั้น”

“ได้ ผมพึ่งจะเข้าลิฟต์ ขอผม แปป.”

“โอเ-”

ผมเห็นจุงโฮอยู่หน้าทางเข้า.

ผมรู้จักเขามาสองเดือนแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถามก่อนที่จะได้ผม.

โดยไม่ต้องบอกอะไรมากเกี่ยวกับประโยชน์.

ผมเห็นจุงโฮกำลังซื้ออะไรอยู่ที่มุมหนึ่ง.

“ว่าไง? คุณเรียกผมมาหาครั้งแรก.”

“ไม่มีอะไรมาก มันเป็นเรื่องน่าอายที่จะพูด.”

“มันคืออะไร? มันทำให้ผมอยากรู้อยากเห็น.”

“ฮยองกำลังจะซื้อชุดเกราะด้วยเงินเก็บของเขา แต่รู้สึกกระสับกระส่ายที่จะเจอกับผู้ขายโดยตรง.”(อันนี้คือ จุงโฮกำลังไปซื้อชุดเกราะ แต่มันไม่มั่นใจเพราะว่ามันพึ่งไปเจอคนขายโดยตรงครั้งแรก ปกติมันจะซื้อขายผ่านทางโทรศัพน์หรือตลาด ในกรณีนี้ผมคิดว่าน่าจะกลัวโดนปล้นมากกว่า/ไรต์)

“อะไร..คุณต้องการบอดี้การ์ด?”

“ขอโทษด้วย ฉันไม่สามารถขอร้องคนอื่นได้เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายเกินไป ลองไปที่ซื้อขายก่อน.”

“อะไร? คุณยังไม่โต?”(What? Beansprouts?/ผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไรเลยคิดว่ามันน่าจะพูดแบบนี้/ไรต์)

“ใช่ มันทั้งหวานและขมมาก.”(Yes. Sweet potatoes and spinach too/น่าจะแปลว่ามันหวานและขมในเวลาเดียวกัน/ไรต์)

“เอ๋?”

ผมสังเกตว่าจุงโฮได้จดหมายสีดำ

มันเหมือนกับกำลังเล่นอัฐยายซื้อขนมยาย…

ผมสังเกตว่าจุงโฮได้ขยับหินแรงค์Cเล็กน้อยในตะกร้าสมุนไพร

ขณะที่มองไปที่จุงโฮ ผมก็ถามคำถามเขาอย่างเงียบๆ.

‘มันเกิดอะไรขึ้น?’

คำถามของผมทำให้เขาเอานิ้วชี้ไปที่ปากและทำท่าทางให้ผมมองไปทางที่เขาส่งซิก

‘เขามาซื้อของจากฉันเป็นเพราะว่าเขามีความผิดหรือเปล่าก็ไม่รู้? ตอนนี้ฉันรู้สึกเป็นคนไม่ดี.’

หลังจากที่การซื้อเสร็จสิ้น จุงโฮเกาหัวของเขาและหัวเราะ

“คุณจะมาด้วยกัน ถูกมั๊ย?”

เขาช่วยผมมาจนถึงตอนนี้ แต่สำหรับบางอย่างที่เรียบง่ายแบบนี้เขาก็รู้สึกปิดและเสียใจ สำหรับผมผมคิดว่าเขาค่อนข้างน่ารัก

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นฮยอง

วันนี้เป็นวันที่เราหยุดพักสัปดาห์อาทิตย์ละครั้ง มีการทานอาหารเย็นกับจุงโฮและแม่ และทุกครั้งที่ผมช่วยฮยองคนนี้ผมก็รู้สึกภูมิใจ.

อย่างไรก็ตามถ้ามันเป็นไปแบบนี้มันก็ไม่สนุก

“อ่า คุณจะทำอย่างไร ฮยอง โทรหาผม หากเจอสถานการณ์ที่ยุ่งยากแบบนี้อีก.”

“เอ่อ…อืม? อ่า ฉันขอโทษ ฉันคิดว่ามันไม่เป็นไรเพราะฉันคิดว่าวันนี้เป็นวันหยุดของนาย.”

“อ่า…จิ๊.”

ใช่ ผมต้องแกล้งเขาอย่างนี้มันถึงจะสนุก ใช่ ยิ่งเห็นเขาทำหน้าแดงด้วยความอายที่กำลังจะระเบิด…

“อุฟ การแกล้งคุณนี่มันสนุกจริงๆ.”

“อะไร? นาย… นายจะไปด้วยกันหรือไม่?”

“แน่นอน ผมจะไป ทำไมคุณถึงถามอะไรแบบนั้น เพราะวันนี้อากาศหนาวแลัวคุณยังใส่เสื้อกันหนาว?”

“ใช่ ฉันคิดว่ามันน่าอายที่จะใส่มันตัวเดียว ทำไม?”

“งั้นเราก็ไปทำให้มันชัวร์ ไปกันเถอะ.”

* * *

มันเป็นสวนสาธารณะขนาดเล็กใกล้ๆกับตลาด

นี่เป็นพื้นที่ที่จุงโอนัดกันมาซื้อขาย

หลังจากโทรหาคนขายจุงโฮก็พูด

“อีก3นาทีพวกเขาจะมาที่นี่.”

“เราจะสักแป๊ก แต่คุณจะซื้อชุดเกราะอะไร?”

“ใช่ มันเป็นเพราะแรงค์B แต่มันเป็นเพราะว่ามันถูกขายในราคาถูก ถ้ามันได้รับการประเมิณใหม่มันจะเป็นเพราะแรงค์กึ่งA.”

“อะฮ่า เท่าไร?”

“ราคา?”

ได้ยินคำถามของฉันเขายิ้มและชูนิ้วขึ้นมา4นิ้ว

“4 ล้าน? ราคามันแพงเกินไปไหม? จากที่ผมได้ยินมันราคาแค่ล้านเดียว ถ้าไม่รวมส่วนหัวด้วยถูกไหม?”

“ไม่ ไม่.”

“ฮยอง คุณไม่ชอบมันถูกไหม?”

“400,000 เหรียญ! มันถูกเหี๊ยๆเลยใช่มั๊ย? ‘โอกาศแบบนี้มันมีเฉพาะคนที่มีชีวิตเท่านั้น’ แต่มันต้องเป็นเงินสดทั้งหมด.”

“ว้าว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไงมันก็เป็นไอเทมที่ถูกจริงๆ? มันดีมาก แต่ผมจะไปห้องน้ำและจะกลับมากอย่างรวดเร็ว.”

มันจำเป็นต้องไปอย่างรวดเร็ว แต่ผมไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว.

ผมต้องไปที่คาเฟ่และต้องซื้อเครื่องดืมเพื่อที่จะได้เข้าห้องน้ำได้.

กลับมาที่สวนสาธารณะผมเห็นจุงโฮและคนขายจากระยะไกล

‘หืม? ทำไมเขาดูคุ้นเคย?’ นี่เป็นสิ่งที่ผมคิด

ขณะที่ผมเดินและคิดไปผมก็ได้ยินเสียงพูดคุย

“เนื่องจากว่าเราจำเป็นต้องตรวจสอบความสามารถของเกราะ เราต้องไปทดสอบมันที่ดันเจี้ยน?”

“ใช่ แต่น้องของฉันไปเข้าห้องน้ำ ต้องรอสักหน่อย.”

“เอ๋ ไม่ใช่ว่าเราต้องรีบกันหรอกหรอ ไปกันได้แล้ว”

คนพวกนี้ เป็นคนที่พยายามที่จะหลอกผมในการซื้อ ‘กำไลของรู้แจ้งของนักเวทย์’ จากผม.

ไม่คิดเลยว่าเขายังไม่เปลี่ยนวิธีการของเขา

“โอ้ เด็กน้อย คุณยังมีชีวิตอยู่หรอ?”

“หืมมม!”

“คุณคิดจริงๆว่าผมยังจะปล่อยให้คุณมีชีวิต.”

เมื่อเขาจำผมได้เขาก็เริ่มสั่นเหมือนใบไม้เมื่อเห็นผม

แม่แต่การพูดของเขาก็ติดอ่างตามไปด้วย

“คุณได้รับความเจ็บปวดมากมายในครั้งสุดท้าย ทำไมคุณถึงไม่เรียนรู้มัน.”

“… นะ-นั่น… เพราะ…..”

“คุณจะไปยืนยันที่ดันเจี้ยน? งั้นไปกันเถอะ.”

ผมสะบัดมือไปจับเกราะของเขา พอนิ้วของผมแตะไปที่เขาเขาก็ทรุดลงไปที่พื้น.

“นายรูจักเขา?”

“ฮยอง ผมคิดว่าผมช่วยคุณประหยัดได้ 4แสนดอลล่าห์ในวันนี้?”

“นายหมายความว่าไง?”

“ชายที่กำลังกลัวเหล่านี้ จำได้ไหมว่ามีคนพยายามที่จะหลอกซื้อกำไลรู้แจ้งของนักเวทย์จากผมและผมก็ทุบตีเขาเหมือนกับขี้ในวันนั้น?”

“ใช่ คนที่นายทำ.”

แทนที่จะตอบผมก็ชี้ไปที่พวกที่หลอกลวง

เมื่อตระหนักถึงสถานการณ์นี้จุงโฮก็หัวเราะแหย่ๆ

อย่างไรก็ตามจุงโฮก็ยังมอบซองจดหมายที่มีเงินที่อยู่ข้างใน

‘มันเป็นจุดที่น่ารำคาญ น่าผิดหวังมาก.’

“คุณจะทำอะไรฮยอง? คุณสามารถเอามันติดตัวไปได้?”

“…..”

หลังจากที่มอบเงินแล้วจุนโฮก็หันหลังกลับไปและกลับไปที่รถด้วยความเงียบ.

ผมสามารถบอกได้เลยว่าผมได้เรียนรู้อีกด้านหนึ่งของเขาซึ่งไม่ใช่ด้านที่ขี้เล่นของเขา มันเป็นด้านที่แตกต่างจากที่ผมรู้มาก.

มันไม่ใช่แค่การจ่ายเงิน แต่ 4แสนเหรียญ

สำหรับคนที่เลเวล60เหมือนกับจุนโฮต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือไม่ก็เป็นปีในการอดออมเพื่อให้มีเงินขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาประหยัดมาก

แต่ที่นี่ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางของเขาด้วยชุดเกราะในความเงียบ

เขาเป็นคนที่ผมไม่เคยเข้าใจ

“งั่นไปด้วยกันฮยอง!”

* * *

เรามุ่งหน้าไปยังรถของจุงโฮ

เขานั่งอยู่ที่นั่งคนขับและแสดงอย่างเป็นธรรมชาติ

ผมขึ้นรถมาอย่างเงียบๆ

“ใช่!มินชอย ชุดเกราะนี้คงดูเหมือนกับนักฆ่า?”

“ฮยอง…..?”

“มันไม่ใช่เรื่องตลก ฉันเสียเหงื่อจากการทำงานหนัก เอาตรงๆก็มันเหมือนกับทหารที่ทำงานอย่างหนัก.”

ผมไม่ได้พูดอะไรกับพวกที่โกง

มันก็แค่เรื่องตลกที่รอบๆตัวเราเหมือนกับปกติขณะที่เราเคลือนไหว

“งั้นเราก็น่าจะตรวจสอบความสามารถของเกราะ ไม่ใช่หรอ?”

“ช่าย?”

“ไปกัน!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset