I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 49. New Ability

49. New Ability

เป็นเวลา1สัปดาห์แล้วที่ลิซคิงปราชัยให้กับผม.

ตอนนี้ผมเกือบจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อกลิ่นได้แล้ว

เลเวลของผมอยู่ที่ 199 แล้ว

หลังจากเครียร์รอบนี้ผมน่าจะอัพเป็น 200.

ทุกครั้งที่ผมเลเวลอัพ ผมพยายามที่ใช้หนังสือที่ผมได้รับมา.

แต่ผลที่ได้นังน่าผิดหวัง มันยังใช้ไม่ได้

สำหรับคนอย่างผมที่เทสถานนะไปที่ความแข็งแกร่งทั้งหมด สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือ หนังสือสกิลจะใช้ไม่ได้เนื่องจากผมไม่มีสถานะความคล่องตัว.

ผมภาวนาให้มันเป็นที่เลเวลโดยเลเวลสูงในการเรียน

[ระดับของคุณเพิ่มขึ้น.]

ผมถูกแสงไฟล้อมตัวผมและคำบรรยายในการเลเวลอัพ.

ผมมาถึงเลเวล 200 ใน4 เดือน

แตกต่างจากปกติผมพยายามจัดสรรสถานะที่สำคัญๆทั้งหมด.

และเมื่อผมจัดการบางอย่างเสร็จผมได้ดึงหนังสือมาไว้ที่หน้าอกของผม.

เลเวล 200 เป๊ะ.

นั่นมันช่วยไม่ได้ที่ผมจะหวังกับมัน.

“ได้โปรด! ฉันอยากรู้!”

เมื่อปิดตาผมหวังว่าสิ่งที่ผมไม่ต้อการเห็น ‘ปรากฎอีกครั้ง’.

สักครู่ผ่านไป.

เกือนความกังวลใจของผม ระบบก็ได้ประกาศออกมา.

[คุณต้องการรับ Dual Casting?](น่าจะเป็นสกิลร่ายซ้ำ)

“มันได้ผล!”

เดาจากความต้องการทั้งหมด มันต้องการเลเวล

นี่เป็นสกิลที่ไม่ปรากฎหลังจากที่แสกนด้วยแอพฯของมัน.

ผมยังหามันทางออนไลน์แต่มันก็ไม่พบอะไร

บางทีอาจจะเป็นสกิลนอกเหนือจากการจัดอันดับที่มี

เป็นสกิลที่ไม่มีข้อมูลใดๆออกมาเลย

ผมไม่สามารถอะไรได้จนกว่าจะได้เรียนรู้มัน

แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ควรจะลังเล

มันไม่ใช่ว่า มีขีดจำกัดในการเรียนรู้

และผมก็ไม่ต้องห่วงพวกสกิลตรงกับสายอาชีพที่ต้องใช้มานา

เพราะมานาที่ไม่มีวันหมดของผม ผมสามารถเรียนสกิลอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องสนใจเกี่ยวกับมานา

“แน่นอน ว่าฉันจะเรียนมัน!”

หนังสือสกิลที่ทำจากโลหะก็กลายเป็นผงและหายไป

ผมต้องการทดสอบพลังของสกิลทันที

เนื่องจากมันเป็นสกิลที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ความคาดหวังของผมก็เพิ่มมากขึ้น

“คุณไม่สามารถรู้ได้นอกจากจะลอง ลองมันเดี๋ยวนี้.”

ผมยังไม่ได้ออกจากดันเจี้ยน

เหมือนกับสกิลอื่นๆผมคิดชื่อมันไว้ในหัว

‘Dual Casting.’

สักพักมันก็เริ่มเผยความสามารถออกมา

อย่างไรก็ตาม.

ผมกางแขนออกและรอให้พลังบางอย่างออกมาแต่มันก็เงียบ.

มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

สงสัยว่ามันเป็นโล่ใช้มั๊ย ผมต้องเช็คมันก่อน

บัฟตนเอง? มันไม่ใช่อย่างใดอยบ่างหนึ่งแน่นอน

จำเป็นต้องมีเป้าหมาย? มีหลายความคิดเข้ามาในหัวของผม

นิ่งเฉยก็ยังไม่มีคำตอบ ผมเป็นสถานะของผม.

แน่นอนว่าผมได้รับสกิล

สกิลที่ไม่ต้องใช้Exp

เหมือน‘Teleport’,ที่ไม่สามารถเพิ่มเลเวลมันได้.

แต่ถ้าคุณใช้เทเลพอต คุณก็ยังรู้สัมผัสมันได้

ขณะที่ผมคิดมันก็เกิดขึ้นกับผม

ตาของผมจดจ้องอยู่ที่มือ

ผมรู้สึกโง่มากที่ไม่รู้สึกตัวก่อนหน้านี้

ผมรู้สึกตื่นเต้นจนลืมชื่อสกิล

บางที ‘Dual Casting’มันเป็นชื่อที่ช่วยให้ผมใช้สกิลสองครั้งได้ในเวลาเดียวกัน?

คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ยิ่งทำให้เสียเวลามากขึ้น

ผมใช้ฟรอส์ออบในมือหนึ่ง

มีเพียงฟรอส์ออบอย่างเดียวที่กระแทกพื้น

ตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าสกิลจะออกมาสองครั้งได้ในเวลาเดียวกัน

“ถ้าเป็นเช่นนั้น…”

ด้วยมือหนึ่งโยนฟรอส์ออบและอีกมือนึงก็ใช้มานาซิล

มันเต็มไปด้วยความหวัง ผมได้ใช้เทเลพอต.

ถ้าเทเลพอตทำงาน….

การใช้เทเลพอตมันทำให้ผมสามารถกระโดดไปข้างหน้าด้วยเวลาสั้นๆ.

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว

Dual Casting เหมือนเป็น ‘มือข้างที่สาม’.

ผมสามารถใช้เวทย์มนตร์สองแบบได้ในเวลาเดียวกันภายในมือข้างเดียว

มันน่าทึ่งแต่ผมคิดว่ามันน่าจะได้เพิ่มอีกหนึ่ง…

ผมสามารถใช้เวทย์ถึง4แบบได้พร้อมกันด้วยมือทั้งสองข้าง

“มัน..มันเป็นไปได้….”

ในการต่อสู้ ผมได้สูญเสียความสามารถที่น่ารังเกียจของผมเนื่องจากผมต้องใช้มานาชิลในมือข้างหนึ่ง.

เพื่อที่จะปลดปล่อยพลังให้มากขึ้นผมจึงต้องละชิลของผมไปและอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤติ.

ตอนนี้ผมได้รับสกิลที่ปิดจุดอ่อนของผมแล้ว

แต่ดูเหมือนกว่าที่ผมจะทำได้ดีผมต้องลองดูสักหน่อย

เป้าหมายที่จำเป็นในการโจมตีคือเป้าเคลื่อนไหว

เพื่อที่จะใช้สกิลได้หลากหลาย ผมจำเป็นต้องการมีการฝึกฝน

มันดีสำหรับคนที่วุ่นอยู่กับการล่า แต่มันก็ใช้เวลาไม่นาน.

ถ้าผมสามารถควบคุมมันได้ ผมควรจะแข็งแกร่งเพิ่มกว่าเดิม 1.5 เท่า

* * * *

หลังจากที่เรียนสกิลไร้ระดับ Dual Casting ผมก็มีปัญหาอย่างหนึ่งในการดูแล.

สกิลหลักของผมคือ เมเทโอ ไอซ์เบิร์ก และไฟช๊อค

ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการร่ายและคูลดาวน์.

หลังจากที่ใช้สกิลทั้งสามแล้วผมก็ไม่มีเหลือสกิลที่จะกดดันอีกต่อไป

สมมติว่าผมใช้มือข้างหนึ่งใช้โล่และอีกข้างร่ายกราวิตี้เลเซอร์

แต่ผมมี ‘มือที่สาม’?

ผมไม่สามารถร่ายอย่างอื่นได้ยยกเว้น ฟรอส์ออบหรือไลนิ่งสเปรย์ เมื่อไม่มีอะไรทำ

สกิลที่ผมต้องการมากที่สุด

การร่ายที่ไม่ต้องใช้เวลาในการร่ายและคูลดาวน์

ไม่ตำเป็นต้องมีกระทบใหญ่ๆ

มีบางอย่างที่ช่วยให้ผมทำความเสียหายได้ต่อเนื่องขณะที่อยู่ในช่วงคูลดาวน์

ตอนนี้ผมมีเงินมากกว่าจะจ่าย

ตอนนี้ผมมุ่งเน้นไปที่การเติบโตมากกว่าเงินและไม่มีที่ไหนเลยที่จะสามารถจ่ายมันได้ทั้งหมด

เวทย์สุดท้ายที่ผมใช้เงินซื้อคือเมเทโอ

ขณะที่ผมสงสัยว่าเวทย์ใหม่ที่จะเรียนรู้คืออะไร…

ผมจำได้ว่าผมยืมแก่นอเวคจากคนแคระ.

ผมไม่ได้จ่ายเงินให้เขาเพราะผมต้องประหยัดในการซื้อเมเทโอและไอซ์เบิร์ก.

แต่มันก็ดูเหมือนว่าผมจะทำให้พวกมันไปถึงเลเวล 100 ก่อน

ในระหวางที่เลเวลสกิลเพิ่มขึ้น ความต้องการของผมก็มากขึ่นเหมือนกัน และเวลาในการคืนก็ช้าลง.

แม้ว่าเขาจะมีเลือดชั่วระหว่างพวกเรา แต่ผมก็ได้”ยืม”พวกเขา ไม่มีอะไรแตกต่างจากการขโฒญ

พวกเขาทำตามคำร้องของผมและช่วยผมหาบางอย่างด้วยเหมือนกันทั้งที่นั่นและที่นี่

ผมไม่สบายใจที่รู้

ผมไม่อยากเป็นคนชั่วไปซะทั้งหมด

ผมเอาแก่นอเวคมาด้วยพร้อมกับเดินทางไปยังสำนักงานของพวกเขา

* * * *

ซู่~ ซู่~.

เสียงรอสายที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ…?

ไม่นานนักก่อนที่คนแคระจะรับโทรศัพท์และตอบกลับมาด้วยเสียงเข้ม.

“ครับ ลีซุงฮู พูด.”

“มันเป็นเวลานานมากที่ผมได้โทรหาครั้งสุดท้าย คุณอยู่ที่ออฟฟิตไหมในตอนนี้?”

“นี่คะ- … หืม! ใช่. ฉันอยู่ที่นี่ตอนนี้…ทำไมมาตอนนี้…”

จากเสียงของเขา ผมจินตนาการได้เลยว่าเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ผมยังเกือบที่จะตะโกนไปว่า ‘ต้องขอนัดแกด้วย!’ ในใจ.

“ทำไมคุณดูวิตก? ผมโทรมาเพื่อเอาแก่นอเวคที่ผมบืมมาคืน.”

“อ่า! นายต้องการเอามาคือนพวกเรา…นายอยู่ไหน? เราควรจะไปหานายไหม? เราจะออกเดินทางทันที.”

ไม่เหมือนกับที่พูดคุยก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาคุยไม่หยุด

“ไม่ ฉันจะไปถึงใน 5 นาที.”

“ขอบคุณ ขอบคุณ.”

ดูเหมือนว่าเขามีความสุขในการได้แก่นอเวคคืน

แก่นอเวคเหล่านี้มีมูลค่าประมาณ 100-200ล้านในแต่ละก้อน.

ผมเดินไปอย่างช้าเพื่อให้แน่ในว่าผมไม่ได้วิ่งท่ามกลางพลเรือน

มันจะเป็นปัญหาใหญ่หากว่าผมวิ่งเข้าไปในฝูงชนด้วยความเร็วที่ผิดปกติ.

ผมมาถึงที่ทำงาน

ใบหน้าของพวกเขาทุกคนมีรอยยิ้ม

ราวกับว่าพวกเขาพบเงิน 10,000ดอลล่าจากประเป๋าเสื้อในวันสิ้นปี.

“คุณมา!”

“ใช่ นี่แก่นอเวค.”

“โอ้พระเจ้า! ผมไม่คิดว่าฉันจะได้เห็น…เอ่อ ไม่ ไม่มีอะไร ขอบคุณที่เอามาคืนอย่างรวดเร็ว.”

เขาถือแก่นอเวคแน่น ราวกับว่ามันเป็นของรัก

เขาทำท่าทางเหมือนกับกอลั่นที่กำลังจับแหวน.

ตั่งแต่ที่ผมมาที่นี่ทำไมผมไม่ใช่ทางที่เรียบง่ายอีกครั้ง

ผมวางแผนที่จะเรียนรู้สกิลแรงค์A+จากเวทย์ทั้งหมด

“เหมือนกับที่ผมบอกก่อนหน้า ผมต้องการเวทย์บางอย่าง.”

“…..”

“ในระหว่างที่ผมมาที่นี่ผมได้ตัดสินที่จะเรียนบางอย่าง น่าเสียดายที่มันไม่มีในตลาด.”

“A+ แรงค์เหมือนอันก่อน?”

“ใช้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินและตั้งข้อเสนอมา.”

“สิ่งต่างๆไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ..แต่นายพูดถึงสกิลอะไร…?”

“Explosion และ Holy Missile.”

“เวทย์มนตร์ที่เหมือนกับแบบนี้ฉันสามารถหามันได้ไม่ยาก.”

“นั่นดี 3วันเหมือนเดิม ถูกมั๊ย?”

“ดะ…ได้? นะ-แน่นอน เหมือนเดิม.”

“อ่า! ผมลืมมันไปเลย ได้โปรดเอา ‘Eye of Insight’ มาด้วย.”

“มันไม่ใช่เวทย์ของคลาส เครลิค(พระ)?”

“ผมคิดงี้? ดี ผมได้พึ่งพาคุณแล้ว งั้นเดี๋ยวผมจะกลับมาในอีก3วัน.”

“O… Okay.”

* * * *

โอกาสการปรากฎตัวของลิซคิงออกมาต่ำอย่างน่าเหลือเชื่อ.

ผมได้ต่อสู้กับมันเพียงครั้งเดียว บอสที่อ่อนที่สุดคือตาสีม่วง.

ผมยังค่อนข้างประหลาดใจที่ผมยังได้เบนวอนจินชอนจากไกวดอนถึงสองเล่ม

ผมไม่จำเป็นต้องใช้แก่นอเวคในตอนนี้

แต่ไอเทมที่ดรอปลงมาแม้ว่าผมจะไม่ได้ต้องการมันแต่มันก็จำเป็น.

“ฮ่า…ฉันอยากจะให้มิมิคปรากฎขึ้นจัง….”

ต้องขอบคุณกลุ่มมอนเตอร์จำนวนมากที่ดรอปหินเลือดให้ผมมากมาย.

แต่ไม่ว่าผมจะมีเงินมากมายเท่าไร ผมก็ไม่อาจจะได้อุปกรณ์ M/A+.

ผมไม่อาจที่จะประสาทเล็กน้อย

เหมือนกับเครื่องจรัง ผมยังคงล่าเป็นระบบ

หลังจากที่ดูแลกูลหมดแล้วผมก็มุ่งหน้าไปยังทางออก

ผมมุ่งหน้าไปยังทางออกและหึ่งหูพร้อมกับใจเต้นแรง

แต่สิ่งที่ผมอยากได้ยินของดันเจี้ยนเมื่ืือผมก้าวเข้าไป

“อ่า! มันอยากมากที่จะได้เจอมัน!”

ผมมาถึงทางออก

แต่ที่หน้าเกจ ผมไม่สามารถที่จะขยี้ตาได้

มีเกจที่แตกต่างออกมา

อย่างไรก็ตามถัดจากเกจที่กำลังเปิดแง้มๆและความมืดที่แสงไม่อาจส่องเข้าไปได้.

“… ฉันอยากจะบ้ากับกลิ่นที่ชวนแหวะเหล่านี้?”

ผมสงสัยในช่วงเวลาสั้น

ผมมองไปที่เกจอีกครั้ง.

“อ่า! ฮยอกจุงโฮ!”

ผมแน่ใจว่ามัน

ก่อนที่ผมจะเข้าดันเจี้ยนเลเวล23 จุงโฮ บอกข้อมูลที่เป็นประโยนช์ก่อนหน้า.

มันเป็นข้อมูลที่ผมไม่ค่อยใส่ใจคือ ‘เข้าไปข้างในและฆ่าทุกอย่าง’.

แต่บางที เนื่องมันมาจากเหตุการณ์บังเอิญทำให้ผมนึดขึ้นมาได้

ผมคิดแง่บวก

“มันจะดี?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset