63. ยุคแห่งความวุ่นวาย
เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่พอร์ทัลเลเวล 29 ระเบิดขึ้น
หลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับพอร์ทัลเลเวล 28 และเลเวล 29 ที่ระเบิดติดๆกัน.
เหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นเฉพาะในเกาหลีเท่านั้นและทำให้สายตาของคนทั้งโลกมองมาที่เกาหลี.
ทุกพื้นที่ที่พอร์ทัลระเบิดจะอยู่บริเวณส่วนลึกของทะเล.
การใช้จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเป็นตัวคาดการณ์ในส่วนของการระเบิดของพอร์ทัล ทำให้สามารถตามที่อยู่ของมันได้ อย่างไรก็ตามการหาตำแหน่งที่แน่นอนก็ยังถือได้ว่าเป็นเรื่อยากอยู่ดี.
ขณะนี้องค์การอเวคสากลได้หารือว่าจะจ้างผู้เชียวชาญเพื่อช่วยในการสืบสวน.
40 ปีที่ก่อนที่มอนเตอร์ได้ปรากฏเป็นครั้งแรกจนถึงตอนนี้ยังคงมีหลายประเทศที่พังพินาศเพราะมอนเตอร์พวกนี้.
ประเทศที่ส่วนใหญ่ไม่อาจต้านทานได้ในสองปีแรกได้หายไปจากประวัติศาตร์.
ปัจจุบันยังคงมีเพียงเหลือ 80 ประเทศและส่วนใหญ่ก็อยู่ในกลุ่มขององค์การอเวคสากล.
องค์กรนั้นได้เริ่มดำเนินงานเมื่อ 12 ปีก่อนก่อนที่ดันเจียนเลเวล 28 จะระเบิด.
เป้าหมายขององค์กรคือการวิจับเกี่ยวกับพอร์ทัลและมอนเตอร์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อมอนเตอร์ที่ได้ทำลายประเทศเหล่านั้น.
พวกเขายังได้ใช้บลัดสโตนและไอเทมที่ดรอปมาจากมอนเตอร์เพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงาน.
โครงการทดสอบการลบพอร์ทัลได้ถูกนำไปใช้จริงโดยองค์กรเนื่องจากแต่ละประเทศต่างก็มีส่วนร่วม.
ในหนึ่งอาทิตย์ สมาชิกขององค์กรนั้นจะมาที่นี่.
พวกเขาอาจจัดตั้งทีมสืบสวนและเริ่มค้นหาสาเหตุของการระเบิด.
หากสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกประเทศจะไม่ลังเลที่จะใช้ทรัพยากรณ์ทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือ เนื่องจากมันเป็นสถานการณ์ที่สามารถควบคุมไม่ได้และกลายเป็นวิกฤติครั้งใหญ่และส่งผลกระทบต่อพวกเขาเช่นกัน.
ในเวลาเดียวกัน.
ประธานสมาคมอเวค ชอยมันซอย ได้เรียกหัวหน้าทุกคนในแผนก.
มันไม่ได้ให้ความช่วยเหลือองค์กร แต่หลีกเลี่ยงการตำหนิสำหรับการณ์นี้.
เหตุผลก็คือ.
แต่ละประเทศมีกลุ่มหัวรุนแรงเป็นของตัวเองที่ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับวิธีการของรัฐบาลในการบริหารประเทศไม่เป็นดังที่ตัวเองใฝ่ฝันไว้และจะทำด้วยตัวเอง.
อย่างไรก็ตามประเทศเกาหลีไม่ได้มีกลุ่มหัวรุนแรงที่หยั่งรากลึกเช่นนี้.
โลกสงสัยว่ามันเป็นเช่นนี้เพียงเพราะความเสียหายเฉพาะของรัฐบาลในเกาหลีหรือไม่.
หลังจากศูนย์กลางการระเบิด การโจมตีของผู้ก่อการร้ายก็ตามมามากมาย แต่ไม่มีใครที่สร้างความเสียหายร้ายแรง.
โดยไม่มีการรักษาอาการติดเชื้อและคิดว่ามันจะหายไปเองเมื่อมันผ่านไปหลายปี.
หากกองกำลังหัวรุนแรงถูกติหนิสำหรับการระเบิดเหล่านั้น เนื่องจากพวกเขาก้าวเข้ามาในเกมส์ของพวกเขาและพวกเขาก็จะไม่หยุดมันก็เห็นได้ชัดว่าเกาหลีจะถูกไล่ออกจากองค์กรอเวคสากล.
เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ชาติ ประเทศเกาหลีจึงถูกโดดเดี่ยวและถูกตัดขาดและปล่อยให้เน่าตายไปให้หมด.
และถ้าฝ่ายหัวรุนแรงยังคงเป็นภัยคุกคามต่อโลก กองกำลังที่ดุร้ายเหล่านี้จะทำลายประเทศเล็กๆนี้.
ประธานสมาคม ชอยมินซอยพูด.
“ผมแน่ใจว่าทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ภายในหนึ่งสัปดาห์นี้สมาชิกจาก IAO(องกรค์อเวคสากล) จะมาถึงมาถึง.”
“…..”
“….”
“แต่นี่คือสิ่งที่เกิด หากพวกเขาเจอเหตุผลที่แท้จริงสำหรับพอร์ทัลระเบิดขึ้นมา พวกคุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น? ไอ๊กู หัวหน้าแผนกคิมโฮจิน ทำไมทำท่ามืดมนอย่างนี้หล่ะ คุณคิดว่าไง?”
ประธานและผู้ใต้บังคับบัญชารู้อยู่แล้วว่าผู้กระทำผิดเป็นฝ่ายหัวรุนแรง.
อย่างไรก็ตามแทยที่จะพูดคุยกับรัฐบาลของพวกเขายุ่งเกินไปที่จะทำให้ทุกอย่างเงียบลง.
สำหรับคำถามของเขา โฮจินตอบพร้อมกับขมวดคิ้วไม่พอใจเหมือนเดิมขณะที่ยังคงยืนยันในเรื่องนี้อยู่.
“หากฝันผุ คุณยังสามารถถอนออกได้!”
“ตามคาด คนแบบคุณเกิดมาเร็วกว่านี้ คุณอาจจะทิ้งชื่อไว้ แต่คุณจะอยู่ได้ไม่นาน แม้ว่าจะมีการโฆษณาเกี่ยวกับสิ่งนี้ หากทุกคนพูดว่าใช่ คุณก็ไม่พูดว่าไม่ ไม่ได้.”
“ประธานคุณก็รู้อยู่แล้วว่ากลุ่มของพวกเขาใหญ่ขนาดไหน! ถ้าคุณไม่พูดอะไรและพยายามเงียบนี้คงเป็นเรื่องใหญ่…”
“พอ หาที่อยู่ของพอร์ทัลภายในหนึ่งสัปดาห์และเขียนมันลงไปในรายงานที่คุณได้ทำการลบพอร์ทัลรอบๆพื้นที่ เข้าใจไหม? ตอนนี้พลเมืองเกาหลีกำลังชื่นชมสมาคมที่มีการระเบิดพอร์ทัล 3 ครั้ง อย่างทำลายเมื่อเราเจอ คุณคิดว่าผมเป็นคนเดียวที่ปิดหูปิดตาเพื่อให้มีชีวิตรอดงั้นรึ?”
“งั้นคุณจะทำอย่างไรเมื่อฝ่ายหัวรุนปรงบุกโจมตีพวกเรา? 6ปีที่ผ่านมาหลังจากการโจมตีพื้นที่ส่วนกลาง การโจมตีของกลุ่มหัวรุนแรงที่จะทำต่อไปและมันก้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่กรณี! ในอัตตรานี้เราจะถูกเตะออกจากองค์กรอเวคสากลอย่างไม่ต้องสงสัยและมันจะเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่ประเทศนี้จะถูกทำลายที่ไม่ใช่มาจากมอนเตอร์ แต่มาจากสงคราม.”
“เดี๋ยวก่อน ผมได้ยินถูกหรือเปล่า? หัวรุนแรงคืออะไร? มีใครรู้บ้างว่าฝ่ายหัวรุนแรงที่เขาพูดคืออะไร??”
สำหรับการสอบสวนของประธานทุกคนต่างก็เหลียวมองและยังคงนิ่งเงียบๆ.
กระโดดออกจากที่นั่งของเขา เขาพุ่งเข้าหาคิมมินชอยราวกับจะฆ่าเขา.
“ทำในสิ่งที่แกต้องการ! ไอ้หุ่นเชิดเอ้ย!”
“โอ้โห! เอามันออกไป! แกคิดว่ากลุ่มหัวรุนแรงที่ยิ่งใหญ่จะมีอยู่ในประเทศเล็กๆอย่างเกาหลีเท่านั้นรึ หยุดเสแสร้งเมื่อแกไม่รู้อะไรเลย แกกำลังทำอะไร! พาเขาออกไปเดี๋ยวนี้!.”
ในขณะที่แผนกรักษาความปลอดภัยที่เป็นอเวคได้เข้ามาลากโฮจินออกจากห้องประชุมแต่เขายังไม่หยุดด่าประธาน.
เพราะว่าเขารู้ว่าสถานการณ์เหล่านี้ที่ฝ่ายหัวรุนแรงเป็นคนทำเกิดมาจากคนแบบประธานที่ดูแลสถานการณ์แบบนี้.
“และคุณเรียกตัวเองว่าประธานของสมาคม! มันคงไม่เป็นเรื่องดรที่จะเรียกคุณว่าหัวหน้าของฝ่ายหัวรุนแรง! ฉันจะให้แกชดใช้กับสิ่งเหล่านี้!”
“คุณไม่ได้อยู่ในความคิดของเรา การออกแถลงการณ์ลาออกของคุณมันน่าประทับใจจริงๆ เอาโต๊ะเอาออกไปทันทีและส่งคนไปดูแลเขาเพื่อที่เขาจะไม่ได้มาปากโป้ง! ทุกคนเข้าในสิ่งที่ผมพูดวันนี้ใช่ไหม วันนี้พอแค่นี้ก็ก่อน หนึ่งอาทิตย์ต่อจากนี้ ลืมเรื่องที่จะได้กลับบ้านและมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว.”
“ครับ/ค่ะ….”
หัวหน้าแผนกคิมโฮจินได้ยินเสียงขานรับอย่างดังแม้ว่าเขาจะออกมาไกลแล้วเสียงขานรับก็ยังคงดังเข้ามาให้ได้ยิน.
“พวกแกทุกคนก็เป็นคนจำพวกเดียวกัน!”
****
“ดาร์กเลดี้….”
“ค่ะ มาสเตอร์.”
“เธอเป็นคนทำงั้นหรอ ฉันขอขอบคุณสำหรับความภักดีของคุณ.”
“เป็นเกรียติมาก มาสเตอร์.”
“ฉันบอกให้โกสหาพอร์ทัลเลเวล 30 ขึ้นไปเมื่อเจอพอร์ทัลแล้วเธอสามารถดำเนินการต่อได้อย่างให้เกิดปัญหา ได้ไหม?”
“แน่นอน.”
“ดี…ขอบคุณเธอด้วย หวังว่าวันนั้นจะมาเร็วขึ้นเล็กน้อย.”
หัวหน้าฝ่ายหัวรุนแรง มาสเตอร์แชกิล.
เขาสั่งให้หัวหน้าทั้งสามมารวมตัวกันในอินชอน ดาร์กเลดี้ได้รีบไปที่เมืองเพื่อกำหนดแผนการสำหรับความโกลาหลที่จะตามมาในไม่ช้า.
เขาวางแผนที่จะยุบรัฐบาลในปัจจุบันและไม่ลังเลเลยที่จะตั้งกฏใหม่.
คนเข็มแข็งจะได้กุมอำนาจทางการเมืองและปกครองคนอ่อนแอ.
เป้าหมายแรกของเขาคือการระเบิดพอร์ทัลเพราะนั่นจะทำให้เกิดการไล่ออกจากองค์กรอเวคสากล.
หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จะไม่มีใครสนใจประเทศนี้ถ้าถูกยึดครองหรือถูกกลืนกินโดยพวกเขา.
ต้องแยกออกจากองค์กรอย่างสมบูรณ์.
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาเข้ายึดประเทศทั้งหมดและใช้มันเป็นฐานเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฝ่ายหัวรุนแรงทั่วโลก.
“โจ๊กเกอร์.”
“ครับ มาสเตอร์”
“เป็นกำลังให้กับดาร์กเลดี้.”
“ครับ…มาสเตอร์”
โจ๊กเกอร์เป็นผู้นำที่ดีที่สุดในสามคนก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาพ่านแพ้แล้ว.
มันเป็นความจริงที่ว่าเขาไม่ได้รับการยอมรับจากหัวหน้าและตอนนี้เขาก็ต้องรับบทเป็นผู้ช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่าเขา.
มองลงไปด้านล่าง เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งเพื่อสงบลง.
อย่างไรก็ตามแชกิลก็พูดขัดจังหวะ
“ฉันได้ยินข่าวลือแปลกๆ.”
“มันเป็นแบบไหน…”
“ฉันได้ยินมาว่าปาร์คยอนที่เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนทางการเงินของเราได้ตายไปด้วยอเวคเพียงคนเดียว มันเป็นเรื่องจริงไหมโจ๊กเกอร์?”
“ใช่แล้ว มันเป็นความจริง เขามีความสามารถที่ค่อนข้างมากมาย ดังนั้นผมจึงพยายามจับเขา แต่เนื่องจากเขาปฏิเสธข้อเสนอ ผมเลยต้องใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ปัญหากับเขา.”
“มันอย่างนั้นเอง.”
โจ๊กเกอร์ได้โกหกเพื่อปกปิดคยวามจริงที่ว่าเขาคิดจะใช้มินชอยที่มีมานาไม่จำกัดเพื่อตัวของเขาเอง.
เขาสามารถเผยถึงตัวตนของมินชอยกับเขาได้ในตอนนี้ แต่เนื่องจากดาร์กเลดี้ประสบความสำเร็จในการระเบิดพอร์ทัล มันจะดูเหมือนไม่ซื่อตรงหากเขารู้ว่าโจ๊กเกอร์พยายามทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง.
ไม่มีอะไรที่จะได้รับหากพูดออกไป.
เขากลืนน้ำลายขณะที่แชกิลยังพูดต่อ
“1เดือน ภายใน 1 เดือนทุกอย่างจะเปลี่ยนไป เราจะเป็นศูนย์กลางสำหรับทุกอย่าง เพื่อวันนั้น…”
“ครับ มาสเตอร์”
“ค่ะ มาสเตอร์”
เมื่อพูดจบแล้ว แชกิลก็หายออกไปจากสายตาอีกครั้ง.
หลังจากนั้นดาร์กเลดี้ก็มองไปที่โจ๊กเกอร์และเริ่มหัวเราะเยาะเขา.
“แกได้ยินสิ่งที่มาสเตอร์พูดหรือยัง?”
“…..”
“ฉันคิดว่าฉันต้องการมานาเพิ่มอีก ส่งนักเวทย์ 200 คนมาให้ฉัน โจ๊กเกอร์.”
“แกมันนังร่าน ปากของแกพูดออกโดยไม่อายเลยนะ ดาร์เลดี้….”
“อุฟ.. เพราะงั้นดูเหมือนว่าความโกรธของสิงโตตัวผู้ที่ถูกไล่อออกจากฝูงของตัวเองมันก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไร.”
“… ฉันจะทำตามคำสั่งของเขา แต่ในไม่ช้าเธอก็จะเสียใจสำหรับคำพูดเหล่านี้.”
“ฉันจะตั้งตารอ นาย~พล~โจ๊กเกอร์~.”
หลังจากออกจากห้อง โจ๊กเกอร์บ่นกับตัวเองเงียบๆ.
“ดูเหมือน…ดูเหมือนว่าตัวเลือกเดียวของฉันจะอยู่ที่เด็กนั่น”
****
“วู้ว~ ในที่สุดก็ล่าเสร็จสักที แต่ทำไมหูของฉันถึงได้คับยิบๆอย่างนี้นะ? มีใครบ่นถึงฉันหรือเปล่า?”
สำหรับผมผู้ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ให้ร่างกายแข็งแกร่งจึ้น มันก็ไม่สำคัญว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น.
กันเล็ตของลิซาร์ดแมนก็ถูกขายในทุกๆสุดสัปดาห์.
มันอาจจะไม่ได้เป็นเงินอย่างเดียว.
สำหรับคลาสนักเวทย์ สิ่งสำคัญยิ่งกว่าความแข็งแรงด้านกายภาพของพวกเขาคือเลเวลสกิลที่ซึ่งสำคัญพอๆกับมานาของพวกเขา.
สิ่งที่น่าทึ่งและน่าอัศจรรย์ที่แก่นแท้ได้สร้างขึ้น มันก็มากพอที่จะทำให้ความเครียดสำหรับการอเวคสกิลที่ผมมีหายไป.
มันจะเป็นการสิ้นเปลืองถ้าเราจะอเวคชิลด์ แรงค์ C ไหม?
มันเป็นความจริงที่ผมเคยคิดอย่างนั้นจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้.
ผมใช่เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงพอที่จะรู้ว่ามันไม่ถูงต้อง.
หนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ผมขายกันเล็ตไป 5 ชิ้น.
สิ่งที่ได้คือแก่นแท้ไม่น้อยกว่า 5 ก้อน
นอกเหนือจากฟร์อบออบที่ผมได้รับตอนเลเวลหนึ่งแล้ว ชิลด์ทุกสกิล,บัฟและดีบัฟต่างๆของผมได้ถูกอเวคเรียบร้อยแล้ว.
เมื่อพวกมันมาถึงเลเวล 100 ผมก็จะอเวคพวกมันโดยใช้แก่นแท้.
ไม่ว่าจะเป็นสกิลแรงค์ต่ำแค่ไหน ผมจะอเวคพวกมันจากนั้นก็เพิ่มเลเวลให้เพียงพอที่จะมีอานุภาพทำลายล้างหรือใช้ประโยชน์ได้อย่างดี.
ตัวอย่างเช่น ผมใช้ไลน์นิ่งสเปรย์อีกครั้ง.
มันเคยเจิดจ้ามากตอนที่อยู่ในดันเจียนเลเวลต่ำๆ แต่เมื่อเลเวลดันเจี้ยนเพิ่มมากขึ้นมันก็ไม่อาจทำอะไรได้มาก อย่างไรก็ตามหลังจากอเวคแล้วมันก็สามารถความเสียหายได้เล็กน้อยให้กับมอนเตอร์ในดันเจี้ยนเลเวล 28.
และมอนเตอร์ที่ว่านั่นก็คือลิซาร์ดแมนที่มีการป้องกันทั้งเวทย์และกายภาพจนเกือบจะพูดได้ว่าโกง.
“มันคงไม่เลวร้ายนักถ้าจะเป็นผู้สะสมแก่นแท้.”
ผมได้รับไอร่อนสกินและสกิลอื่นๆจากจุงโฮที่ได้เอามาให้ผม.
มันเป็นสกิลแรงค์ S ที่มีเวลาคูลดาวน์และระยะเวลาใช้เท่ากัน
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือไอร่อนสกินอาจทำให้ศัตรูไม่อาจเคลื่อนที่ได้ แต่โฮลี่บล็อคนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับธาตุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งยากต่อการป้องกันแม้ว่าจะมีความต้านทานเวทย์สูงก็ตาม.
แน่นอนว่ามันมีโอกาสน้อยที่จะเกิดเอฟเฟครอบที่สอง.
สมมุติว่าผมใช้ชิลด์ทั้งสามพร้อมกัน.
จากนั้นคนที่โจมตีจะถูกโจมตีกลับด้วยรีเฟร็กซิลด์,ตรึงการเคลื่อนไหวและความเสียหายก็กลายเป็นการโจมตีธาตุศักดิ์สิทธิ์.
อย่างน้อยชิลด์หนึ่งสกิลจะเกิดเอฟเฟคครั้งที่สอง.
ผมคิดว่ามานาชิลด์ของผมคือทุกสิ่งที่ผมต้องการ แต่ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่ชิลด์เหล่านี้มีบางอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน.
เลเวลของผมเกือบๆจะ 300 และสกิลโจมตีหลักของผม เมเทโอและไอซ์เบิร์กก็ใกล้ที่จะเลเวล 200 แล้ว.
ไม่มีคูลดาวน์.
‘คุณเคยเห็นนักล่าที่สามารถสแปมเมเทโอโดยไม่ต้องสนใจหรือไม่? นั่นแหละผม.’