ตั้งแต่ตอนนี้ไปจะมีการปรับเปลี่ยนให้อ่านง่ายขึ้นนะครับ อันไหนที่มันแปลผิดแปลไม่เข้าสำนวน ขอโทษด้วยนะครับ
ปล.บทการสนทนาของมินชอยกับแม่เจ้าตัวจะเรียกกันแบบ คุณ,ท่าน นะครับ อารมณ์แบบประชดครับ ซึ่งในนิยายหรือซีรี่ย์เกาหลีจะมีบ่อยพอสมควรครับ ถ้าใครอ่านซับบ่อยๆจะเข้าใจครับ ^^
-ย้ากกก~
-เคร้ง!
-เป้ง!
“ก๊าาาาซซซ!”
เสียงดังระงมอย่างต่อเนื่องในดันเจี้ยนเลเวล 28 ทำให้ผมแทบจะหาว.
ความวิตกกังวลแทบจะไม่มีเลยสำหรับผม.
มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เจ้าพวกลิซาร์ดแมนถูกทำลายจนไม่เหลือซากก่อนที่จะมายืนต่อหน้าของผม มันทำให้ผมแทบรำคาณอย่างมาก.
พวกมันกลายเป็นจุลทันทีด้วยพลังของเมเทโอเลเวล 200.
แค่ใช้มานาชิลด์ ผมก็แทบไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการป้องกันเลย.
ราวกับว่าผมได้ย้อนกลับไปเรียนเลขตอนที่ผมอยู่ในโรงเรียนประถม.
ผมได้รับค่าExpอย่างมาก แต่ผมก็ไม่พอใจกับสิ่งนี้.
มนุษย์เป็นประเภทที่มักแสวงหาความตื่นเต้นอยู่เสมอ.
และอีกไม่นาน ผมจะต้องไปโรงเรียนอีกแล้ว
นั่นหมายความว่าเวลาที่ผมจะเข้าดันเจี้ยนจึงเหลืออยู่ไม่มาก.
นั่นคือเหตุผลที่ผมรู้สึกว่าผมต้องการไปดันเจี้ยนที่มีเลเวลมากกว่าดันเจี้ยนเลเวล 28.
แม้ว่าจะมีเวลาที่ต้องล่าน้อยลง แต่ผมก็กำลังหาบางอย่างที่ทำให้ผมเติบโตเร็วขึ้น.
หลังจากที่ผมล่าเสร็จ ผมได้วางแผนที่จะไปยังดันเจี้ยนซัคคิวบิที่จุงโฮและโฮจินรออยู่.
มีบางอย่างที่ผมต้องการถามพวกเขาทั้งสองคน.
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้เข้าไปในดันเจี้ยนเลเวล 30.
ผมรู้แล้วว่าการโจมตีทางกายภาพจะไม่ทำความเสียหายให้กับดันเจี้ยนเลเวล 28-30.
คนที่เข้าไปในดันเจี้ยนเลเวล 30 ต้องการการโจมตีทางเวทย์เท่านั้นถึงจะได้ผล.
บางทีความหวังของผมอาจจะมากเกินไป แต่มันก็ลดน้อยลงอย่างมาก.
จำนวนของมอนเตอร์,ของที่ดรอปและค่าExp น้อยกว่าดันเจี้ยนเลเวล 28 ทั้งๆที่มอนเตอร์ตัวใหญ่กว่าและแข็งแกร่งกว่า.
ผมถึงได้รู้ว่าทำไมนักเวทย์ถึงชอบดันเจี้ยนเลเวล 28 มากกว่า
ดังนั้นผมจึงได้วางแผนที่จะเข้าดันเจี้ยนเลเวล 31 ขึ้นไป.
ถ้ามันเป็นไปได้ ผมจะเข้าไปในดันเจี้ยนเลเวล 34 ที่พลังเวทย์ยังคงส่งผล!
มนุษย์ชาติได้จัดแบ่งดันเจี้ยนจนถึงเลเวล 32 ดังนั้นจึงมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับมอนเตอร์.
อย่างไรก็ตามไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนที่เหนือขึ้นไปกว่านั้น แม้กระทั่งพอร์ทัลที่เหนือกว่านี้ก็ไม่มี.
ผมกำลังก้าวเข้าไปสู่ดินแดนที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน.
****
ผมเทบลัดสโตนจากเป้ของผมลงไปบนเค้าเตอร์แมชชีน.(เค้าเตอร์แมชชีน-เครื่องจำแนกเกรดของบลัดสโตน[ของเก่าบลัดสโตนคือหินเลือด])
เพียงวันเดียว ผมรวบรวมได้เป็นจำนวนมาก.
เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย ผมจึงไปร้านค้าหลายๆแห่ง.
แต่เมื่อผมกลับไปที่ร้านแรก ผมก็สามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นเวลาหนึ่งเดือนมาแล้ว.
ในขณะที่ขายแก่นอเวค มีบางอย่างที่น่าสนใจ.
“เดาว่ามันคงน่ารำคาณมากที่จะมาที่นี่ทุกวัน?”
“ใช่ มันจะสะดวกมากกว่าที่จะขายของทั้งเดือนในวันเดียว.”
“มีคนมากมายมาที่นี่. อ่ะ นี่ ใบเสร็จแจ้งยอด.”
“ขอบคุณ อย่างไรก็ตามคุณเคยขายอะไรที่คล้ายๆกับมาร์เบิลบ้างไหม?”(มาร์เบิล=ลูกแก้ว)
“มาร์เบิล….”
ผมพยายามที่จำหาข้อมูลของมาร์เบิล.
แม้ว่าโฮจินจะอยู่ในสมาคมมานาน เขาก็ยังไม่อาจหาข้อมูลของมันมาได้.
ด้วยความช่วยเหลือของลูกน้องของเขา เขาพูดได้แค่เพียงสิ่งของที่อยู่ในไฟล์คอมพิวเตอร์เท่านั้น.
หลังจากคิดอยู่นาน เจ้าของร้านก็อ้าปาก.
“คุณกำลังพูดถึง มาร์เบิลคืนสภาพ?”
“โอ้? คุณพอจะเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหม?”
“ว้าว แม้ว่าจะเปิดร้านมากว่า 22 ปีแล้วก็ตาม ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน มันมีอยู่จริงๆ แต่มันก็ยังหายากราวกับว่ามันไม่มีอยู่เลย.”
‘มันดูเหมือนกับว่ากำลังพูดถึงแฟนสาวหรืออะไรเทือกนั้น?’
ผมค้นหามันผ่านโทรศัพท์เกี่ยวกับมาร์เบิลคืนสภาพ.
อย่างไรก็ตามผมผิดหวังทันทีที่ภาพมันปรากฏ.
จากการค้นหาที่ผมหาได้ ที่ปรากฏอยู่ในหน้าจอขณะนี้มันมีสีม่วงเข้ม.
“อ่า…แล้วมันมีอย่างอื่นนอกจากนี้ไหม?”
“ก็มีนะ แต่จากที่ผมรู้มันก็ไม่มีอะไรเหมือนมันมากกว่านี้อีกแล้ว”
“ผมเข้าใจแล้ว ลาก่อน.”
“ครับ ด้วยความยินดี.”
ขณะที่ผมกำลังเดินทางไปยังดันเจี้ยนซัคคิวบิ ผมก็คลำมาร์เบิลที่อยู่ในกระเป๋าของผม.
ผมเคยคิดถึงการที่ได้ลองกินมัน.
อย่างไรก็ตามมันอาจจะเป็นสิ่งที่โจ๊กเกอร์ได้วางแผนไว้เพื่อที่เขาจะได้ตายก่อนที่เขาจะไม่ต้องถูกซ้อมอย่างทรมาณ.
การเดิมพันของผมมันคือการฟื้นฟูด้วยบัฟบางอย่าง แต่จนกว่าที่ผมจะมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ ผมก็ไม่อาจเอามันเข้าปากได้โดยพลการ.
เหนือสิ่งอื้นใด มันอาจไม่ใช่ของกิน.
“วันนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้.”
ขณะที่ผมสูดลมหายใจเข้า ผมก็มาถึงดันเจี้ยน.
แม้ว่ามันจะช้าไปบ้าง แต่ก็มีอเวคคลาสวอริเออร์หลายคนรวมตัวกันอยู่.
แน่นอนว่าแทงค์หลักและฮิวเลอร์ไม่กี่คนก็อยู่ด้วย
ไกลออกไป ผมสามารถมองเห็นจุงโฮและโฮจินที่กำลังเดินมาหาผม.
“ไงพวก!”
“หวัดดี! ฮยอง! คุณโฮจิน.”
“คุณเพิ่งมางั้นหรอ.”
“ครับ เราจะหาที่สงบก่อนไหม?”
“ได้ งั้นก็ไปกัน.”
“นี่ นายไม่ได้สวมเกราะขณะที่นายออกล่างั้นหรอ?”
มองไปรอบๆก่อนที่ผมจะพูดด้วยเสียงกระซิบ.
“ผมไม่จำเป็นต้องใส่ในดันเจี้ยนเลเวล 28 ฮยองกับคุณโฮจินต้องการใส่ไหม?”
“ไอ๊กู~ ไม่มีทาง นายจะต้องไปที่ที่เหนืออกว่าไม่นานจากนี้.”
“ผมก็ขอไม่รับด้วยเช่นกัน.”
ผมพบว่าทั้งสองนั้นมีบางจุดที่เหมือนกันอย่างน่ากลัว.
มันเหมือนกับพวกสหภาพมันเทศ.
สิ่งที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ดูเหมือนว่าทั้งสองจะไม่เอียนกับบุคคลิกของกันและกัน.
เรามุ่งหน้าไปยังฐานของเรา ที่ซึ่งความเป็นจริงแล้วมันเป็นออฟฟิศของคนแคระ.
****
“ดาร์กเลดี้……”
หัวหน้าฝ่ายหัวรุนแรง ซีคิล.
เขาพูดขณะที่นวดขมับ.
ด้านหน้าของเขาเป็น ดาร์กเลดี้ ที่ยืนอยู่ด้านหน้า มันเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายหัวรุนแรงได้ต่อสู้กันเพื่อความสำเร็จในการระเบิดพอร์ทัล.
ซีคิลเรียกดาร์กเลดี้อีกครั้ง.
“ค่ะ!”
“เธอยังไม่เจอโจ๊กเกอร์อีกหรอ?”
“ค่ะ เขาออกไปทำธุระส่วนตัวและยังไม่ได้ติดต่อกับมา มันก็เป็นเวลาพักนึกแล้ว.”
“มันเป็นไปได้ไหมที่โจ๊กเกอร์จะเจอใครสักคน?”
“มันไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างมาก สำหรับคนอย่างโจ๊กเกอร์ที่มีพลังมากขนาดนนั้นมันเทียบเท่ากับฮันเตอร์อันดับต้นๆของสำนักงานใหญ่ หากไม่ได้ใช้คนจำนวนมาก มันก็ยากเกินกว่าที่จะสู้กับเขา แต่จากที่ฉันรู้มา ที่สมาคมไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ.”(ฮันเตอร์คือชื่อเรียกเหล่าอเวคของสมาคม)
“ผมรู้แล้ว.”
“มีสิ่งหนึ่งที่ฉันสงสัย…..”
“คือ?”
“ฉันได้ใช้ Necklace of Searching ที่ฉันมีอยู่เมื่อสามชั่วโมงก่อนเพื่อค้นหาที่อยู่ของโจ๊กเกอร์.”
“…..”
“อย่าไรก็ตาม มันหาโจ๊กเกอร์ไม่พบ แม้ว่าฉันจะใช้พลังทั้งหมดไปกับสร้อยมันก็ยังไม่อาจหาที่อยู่ของเขาได้พบ.”
Necklace of Searching.
มันเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ได้ครั้งเดียวและหมดไป มันสามารถค้นหาอเวคคนไหนก็ได้ที่อยู่บนโลกใบนี้.
อัตราการดรอปของมันนั้นช่างต่ำจนน่าขำ แถมยังมีข้อจำกัดอย่างใช้ได้เพียงครั้งเดียว มันจึงเป็นไอเทมที่มีมูลค่ามหาศาล.
มันมีสกิลในคลาส เอ็กซคิวชั่นเนอร์ เหมือนกันที่ให้ผลแบบนั้น แต่คลาสนี้หายากมากอย่างไม่น่าเชื่อและมีการใช้มานาที่สูงอย่างมาก ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยนิยมใช้นัก.
ราวกับว่าเธอกำลังพูดพึมพำและเดินไปเดินมา ซีคิลจึงถามออกมา.
“เธอกำลังหมายความว่าอย่างไร!”
“ฉันบอกท่านได้เลยว่าโอกาศที่โจ๊กเกอร์จะถูกใครทำร้ายได้เป็นศูนย์ ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ก็คือ…”
“คุณกำลังบอกว่าเขาไปที่นั่น?”
“ค่ะ ถูกต้อง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันจนถึงตอนนี้ไม่มีคำอธิบายดีได้มากกว่านี้แล้ว”
ดันเจี้ยนและพอร์ทัลนั้นจะพาไปอีกโลกหนึ่ง.
ถ้าเขาอยู่อีกโลกหนึ่งมันจะเป็นไปไม่ได้ที่สกิลหรือไอเทมใดๆจะระบุตำแหน่งของเขาได้.
ซีคิลที่พยายามระงับอารมณ์ของเขาไปขณะที่พึมพำอย่างเงียบๆ.
“คุณคิดอย่างไงกับโจ๊กเกอร์…..”
“…..”
“เขาได้บอกคุณหรือเปล่าว่าเขาจะไปที่นั่น?”
“ไม่ ฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย.”
“บ้าจริง…ผมจะสั่งให้โกสต์เอา Necklaces of Searching ให้คุณเพิ่ม เพื่อที่คุณจะได้หาตำแหน่งของเขา.”
“ค่ะ ลอร์ดซีคิล!”
“แม้ว่าจะมีงานเพิ่ม แต่ก็อย่าหลงลืมงานปัจจุบันซะละ.”
“แน่นอน.”
“ดาร์กเลดี้…อีกไม่นานโลกจะเปลี่ยนไป สำหรับโลกใหม่ที่จะใกล้เข้ามา ผมจะไม่ลืมความสำเร็จของคุณที่มีตอนนี้เลย.”
เมื่อพูดเสร็จ ซีคิลก็มุ่งหน้าไปยังวาปที่ตั้งอยู่ตรงมุมออฟฟิศของดาร์กเลดี้.
จนกว่าร่างของซีคิลจะหายไป ดาร์กเลดี้ก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าและยังคงทำท่าแสดงความเครารพต่อไป.
‘โจ๊กเกอร์…ไอ้โง่ ทั้งหมดที่แกคิดได้คือไปที่นั่น?’
****
ในที่สุดเราก็มาถึงออฟฟิศของคนแคระ.
มันดูเหมือนว่าจะไม่มีสถานลับในการพูดคุยที่ไหนที่ดีกว่านี้อีกแล้ว.
ชายสามคนนั่งอย่างสบายๆบนโซฟา.
หลังจากผ่อนคลายได้พักหนึ่ง ผมก็พูดก่อน.
“เลเวล 34 มันจะยากขึ้น ใช่ไหม??”
“ย๊า! ทำไมนายพูดอย่างนั้น?”(ย๊า เป็นคำอุทานที่คนเกาหลีมักใช้กัน บ้านเราก็เป็น เฮ้ย)
“ผมกำลังหาที่ที่ดีที่จะช่วยให้ผมแข็งแกร่งขึ้นได้เร็วกว่าดันเจี้ยนเลเวล 28.”
“แต่ทำไมนายถึงพยายามไปยังดันเจี้ยนเลเวล 34 อย่างกระทันหัน?”
“ผมมีสกิลเวทย์มากกว่าสกิลกายภาพ ความเสียหายที่เกิดขึ้นแบบหมู่และพลังการโจมตีของมันก็ยอดเยี่ยม.”
“ถึงอย่างนั้นมันก็มีดันเจี้ยนที่สูงที่สุดคือเลเวล 32 ใช่ไหม คุณโฮจิน?”
“อ่า…ถูกต้อง มนุษย์ชาติได้จัดการดันเจี้ยนจนถึงเลเวล 32 เท่านั้น.”
“ผมรู้แล้ว แต่มันจะต้องมีพอร์ทัลที่ไม่ใช่ดันเจี้ยนเฉิน และถ้าผมเครียร์พอร์ทัลเหล่านั้นได้มันจะกลายมาเป็นดันเจี้ยน?”
“วู่วว~ นายนี่น่ากลัวจริงๆ นายพูดถูก แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะค้นหาพอร์ทัลดังกล่าว ไม่มีทางที่พอร์ทัลจะซ่อนตัวได้นานกว่า 34 ปี.”
“หืม… ถ้าอยู่ในทะเลลึกหรือภูกเขาลึกๆ มันก็ยากที่จะหา?”
“ด้วยสิ่งที่นายสามารถทำตอนนี้ คือนายต้องดำน้ำและปันเขา?”
“ให้เดานั้น ผมต้องไปยางพย๊องเพื่อหามัน….”
มันเป็นอย่างนั้น ผมเห็นสายตาที่เฉียบคมของโฮจิน.
มันเป็นภาพที่เหมือนกับว่าเขารู้อะไรบางอย่าง.
ผมมองหน้าโฮจินเหมือนกับเด็กที่กำลังส่งสายตาของสายไหม.
“คุณโฮจิน! คุณรู้อะไรบางอย่าง ถูกไหม?”
“ไอ๊กู เดาว่าฉันคงไม่ได้ซ่อนสีหน้าสินะ.”(ไอ๊กู เป็นคำอุทานของเกาหลี บ้านเราก็ โถ่เอ้ย)
“คุณรู้? พอร์ทัลเลเวล 34 อยู่ไหน?”
“เหอะๆ ฉันรู้ตำแหน่งของพอร์ทัลเลเวล 34 อย่างที่นายเดานั่นแหละ ฉันเห็นว่ามีรายงานในเอกสารลับเฉพาะที่สามารถเข้าถึงได้โดยหัวหน้าแผนกทั่วไป.”
“โอ้โฮ มันอยู่ที่ไหน?”
“เป็นสถานที่คุณพูดก่อนหน้านี้ ยางพย๊อง.”
“ตามคาด นั่นเป็นสาเหตุที่ประชาชนถูกอพยพและสมาคมถอนตัว?”
“ใช่ ถูกต้อง.”
“ผมจะกลับบ้านเร็วสักหน่อยเพื่อเตรียมพร้อม เกีร์ยต่างๆและกลับมา.”
****
“ที่นี่งั้นหรอ?”
“ใช่ ถูกแล้ว.”
เรามาถึงยางพย๊องแล้ว ด้านหน้าของเราคือเหมืองร้าง.
ทางเข้าเหมืองถูกปิดจากความพยายามของใครสักคน.
ผมเปิดทางเข้าไปอย่างไม่ลังเล.
-แอ๊ดดด!
มันเป็นแผ่นโลหะที่หนาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สำหรับผมมันเป็นราวกับกระดาษ.
เนื่องจากผมต้องการซ่อมแซมมันภายหลังโดยไม่ให้เหลือร่องรอย ผมจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะผ่านเข้ามา.
รถของจุงโฮถูกคลุมด้วยผ้าสีดำและซ่อนไว้ ก่อนที่เราก็เดินหน้าต่อไป.
“ไปกัน!”
“ใช่ ไม่นานก็กลับแล้ว.”
“เหอะๆ……”
“หืม? อย่างน้อยๆก็ให้ฉันได้เห็นด้านในเหมืองสักหน่อย มันมืดและน่ากลัวจริงๆ.”
“อ่า~ ได้ งั้นเราก็เข้าไปกัน.”
“คุณโฮจิน ฮยอง ไปกันเลย.”
“ใช่ ไปกันเลย.”
โอจินและจุงโฮก็เข้ามาในเหมืองร้าง…
-แอีดด!
“นี่! ทำไมต้องปิดด้วย!”
“คึคึ เมื่อพวกเราเข้ามาในนี้แล้ว พวกเราทั้งสามก็น่าจะไปด้วยกัน.”
“นี่มันบ้ามาก จริงๆ.”
มันใช้เวลาไม่นานหลังจากที่เขาไปในเหมืองร้างเพื่อหาพอร์ทัล.
มีพอร์ทัลเป็นรูปไข่สีม่วงที่มีน้ำวนชั้นถึง 34 ชั้น ดังนั้นมันจึงเป็นพอร์ทัลเลเวล 34.
สุดท้ายผมก็เปิดหน้าต่างสถานะเพื่อตรวจเช็คอุปกรณ์ของผม.
“ผมจะเข้าไปก่อน เนื่องจากเราไม่มีข้อมูลใดๆ มันอาจจะเป็นอันตราย.”
“มันไม่เป็นอันตรายสำหรับนายด้วยเหมือนกันหรอ?”
“ผมอาจจะไม่เป็นไร?”
-วูซซซ
“โฮ้โห…ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเวลาที่ดี?”