I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 72. ไม่มีแผ่นดินให้เหยียบ (2)

72. ไม่มีแผ่นดินให้เหยียบ (2)

ผมเข้าดันเจี้ยนที่เหมือนกับสนามฟุตบอลที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ.

ผนังและเพดานก็เหมือนกัน ราวกับว่าทุกอย่างกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์.

ถึงตอนนี้มันก็ยากจะเชื่อว่ามีมอนเตอร์ตัวไหนที่อยู่ในพื้นที่แบบนี้.

ผมไม่อาจบอกได้ว่ามันจะจบลงเมื่อใด.

เนื่องจากผนังและพื้นไม่สามารถมองออกได้ง่ายๆ ผมไม่อาจพูดได้ว่าตั้งแต่เข้ามานี้ผมจะเอาหน้าชนกำแพงตอนไหน.

-ฟ้าววว!

-ตูม! ตูม!

ผมปล่อยเวทย์ Explosion และ Meteor รอบๆทางเข้ารัวๆ.

มันก็เหมือนจุดประสงค์ของขนมปังในฮันเซลกับเกรเทล.(ในหนังเรื่องฮันเซลกับเกรเทลนั้นเป็นเรื่องราวของเด็กหิสโหยที่ไปเจอแม่มดที่มีบ้านเป็นขนมหวาน แม่มดจะให้ขนมหวานเด็กๆที่มาเหล่านั้นทุกๆ คนอ้วนได้ที่ก็จะถูกแม่มดจับกิน)

เขม่าและดำถูกทิ้งไว้ที่ทางเข้า เพราะผมคิดว่าผมอาจจะหลงทางในดันเจี้ยนจริงๆ.

สถานการณ์ปัจจุบันคือ ผมไม่มีรายละเอียดของพอร์ทัลเลเวล 34 เลย.

อย่างแรก ผมมุ่งหน้ามาที่นี่ถึวหน้าทางเข้าตอน 9 โมงเช้า เพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของมอนเตอร์.

เนื่องจากมันอันตรายอย่างมากที่จะวิ่งไปแบบไม่รู้อะไรเพื่อดึงดูดความสนใจของมอนเตอร์ให้มารวมกันก่อนที่จะจัดการตามแผนปกติ ผมจึงต้องวางแผนที่จะตรวจสอบความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้.

ผมได้ร่าย Explosion รอบๆตัวผมขณะที่ผมเดินหน้าต่อไปเรื่อย.

ทางหนึ่งก็เพื่อยืนยันว่ากำแพงดันเจี้ยนอยู่ถึงตรงไหน.

-ตูมม!

“หืม? เจอแล้ว?”

มันใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีก่อนที่ Explosion จะไปโดนกำแพงด้านหน้าของผม.

แม้จะเป็นเพียงระยะทางสั้นๆ แต่ผมก็ยังสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่เห็นมอนเตอร์แม้แต่ตัวเดียว.

ผมเดาว่ามันอาจจะเหมือนกับดันเจี้ยนเลเวล 18 ที่มีอะไรจำพวกกริฟฟอนและพอชชั่นนากาเพียง 20 ตัวหรืออะไรเทือกๆนี้ในดันเจี้ยน.

ความสงสัยของผมกินเวลาเพียงชั่วครู่และผมก็ยังมุ่งหน้าเข้าไปส่วนลึกของดันเจี้ยน.

****

จาก 12 นาฬิกา ก็มาเป็น 3 นาฬิกา.

ผมก็ได้กลับวนกลับมายังหน้าทางเข้าที่ได้ทำรอยเอาไว้ ดันเจี้ยนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส.

แม้จะใช้เวลาเดินไม่ถึง 15 นาที แต่ผมก็ยังไม่เห็นมอนเตอร์แม้แต่ตัวเดียว ผมยังไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงร้องของมันอีกด้วย.

ผมรู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างที่ผิดปกติ.

“บางที…..”

ความกังวลทำให้ผมรู้สึกสงสัยว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ที่มอนเตอร์จะอยู่ในช่วงเวลาสเตล.

ด้วยเหตุนี้ผมจึงร่ายเวทย์ประเภทไฟอย่างต่อเนื่องจนถึงตอนนี้.

สกิล สเตล ทั้งหมดที่อเวคใช้จะถูกยกเลิกทันทีที่ถูกโจมตีหรือหมดเวลา.

ตอนนี้มอนเตอร์มันไม่ได้ใช้สกิล สเตล แต่ผมก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่.

ผมร่าย Eye of Insight(อันเก่าตาสอดส่อง).

“มันก็แค่ฉันสงสัย แต่มันก็ดันเป็นเรื่องจริง.”

กลางดันเจี้ยน.

มีจุดสีแดงมากมาย.

Eye of Insight ได้โชว์เป้าหมายที่ซ่อนตัว แต่เมื่อใช้กับมอนเตอร์มันก็จะแสดงให้เห็นแค่จุดอ่อนของพวกมัน.

จุดสีแดงทั้งหมดที่ผมเห็นคือจุดอ่อนของพวกมัน.

และเนื่องจากพวกมันสเตลอยู่ ร่างกายของมันก็ปรากฏให้ผมเห็นเช่นกัน.

ผมวิ่งไปยังตรงกลางที่พวกมันรวมกันอยู่.

ตรงกลางมีมอนเตอร์เคลื่อนไหวเป็นคู่เพียง 2-3 คู่.

พวกมันไม่มีการเคลื่อนไหวแบบสุ่มๆ มันสามารถบอกได้จากลักษณะว่ามันมีอะไรที่คล้ายๆขนนกที่กำลังแกว่งไปตามสายลม.

ผมมองพวกมันอย่างระมัดระวัง.

“ฉันควรจะเรียกพวกมันว่าอะไร…?”

ด้วยการรักษาระยะห่างที่เพียงพอที่จะบอกว่ารูปร่างที่ผมมองนั้นเป็นอย่างไร แต่มันก็ยากพอที่จะพูดได้อย่างละเอียดผ่านคำพูด.

มันไม่มีรูปแบบที่มั่นคงและมันก็ยากที่จะเรียกพวกนี้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิต.

ถ้าผมต้องพูดมันมีลักษณะเหมือนกับพอร์ทัลรูปไข่ที่ผมเข้ามา?

ใช่ มันดูเหมือนว่าพวกมันเป็นพอร์ทัลสีฟ้าที่กำลังลอยอยู่บนอากาศ.

ผมไม่รู้สึกกดดันใดๆจากพวกมัน.

เหนือสิ่งอื่นใดพวกมันดูเหมือนจะกลมกลืนไปกับพื้นหลังของดันเจี้ยน จนผมรู้สึกว่าพวกมันเหมือนกับเป็นเครื่องประดับ.

จุดสีแดงอยู่กึ่งกลางร่างกายของมัน.

มันเป็นจุดอ่อนที่ Eye of Insight แสดงให้ผมเห็น.

ถ้าผมมุ่งความสนใจไปที่ความเร็วในการโจมตีตามจุดเหล่านี้ ผมจะต้องทำให้แต่ใจว่าความเร็วของผมไม่ช้าเกินไป.

“เราจะได้เห็นกันว่าแกจะสู้ได้ไหม?”

ผมร่าย Lightning Spray ไปยังมอนเตอร์สามตัวที่แยกออกมาจากกลุ่มหลัก.

-เปรี๊ยะๆๆ!

Lightning Spray โจมตีจุดตาย.

กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก ไม่เพียงแต่โจมตีพวกมันเท่านั้น แต่ยังไหลผ่านตัวพวกมันไปออกไปอีกด้วย.

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ความเสียหายเท่าไรนัก.

หลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มมุ่งหน้ามาหาผม.

อย่างไรก็ตามการเคลือนไหวของมันนั้นไม่ได้รวดเร็วอย่างที่ใครๆจะจินตนาการได้.

พวกมันลอยเข้ามาหาผมด้วยความเร็วประดุจทากคลาน.

ทุกๆครั้งที่พวกมันเคลื่อนไหว พวกมันจะส่งเสียงที่หนวกหู.

เมื่อมองดูว่าพวกมันเคลื่อนไหวอย่างไร ผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ.

“ฉันไม่แน่ใจว่าใครสร้างแกมา แต่พวกเขาจะต้องโง่งมเมื่อเห็นสิ่งที่พวกแกทำ.”

สุดท้ายพวกมันก็เข้ามาใกล้ผม.

จากนั้น.

-คว๊ากก!

“เชี่ย!”

มานาชิลด์ของผมสั่นอย่างรุนแรง.

กระแสไฟฟ้าจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าหาผม.

มันเหมือนกับ Lightning Spray แบบเดียวกับที่ผมเคยใช่ก่อนหน้านี้.

แถมยังเป็น Lightning Spray เลเวล 200 อีกด้วย.

“มันก็อปปี้สิ่งที่โจมตีมัน?”

น่าเสียดายที่พวกมันก็อปปี้การโจมตีที่ที่ไม่ใช่สกิลแรงค์ บียอน มันเลยไม่อาจทำลายมานาชิลด์ได้.
(TL: ลำดับของแรงค์มีตั้งแต่ E-S และ beyond ที่อยู่ไม่อาจจัดลำดับได้)
(TL:มานาชิลด์ ความสามารถของมันคือ ความเสียหายที่ได้รับทั้งหมดให้หักจากมานาของผู้ร่าย โดยสามารถใช้กับสกิลทุกชิด ทุกประเภทตราบเท่ายังคงมีมานาอยู่ แต่ไม่อาจป้องกันสกิลที่อยู่ในแรงค์ บียอน)

เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับพวกมัน ผมเริ่มโจมตีมันด้วยสกิลที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ.

ผมใช้ Explosion และ Holy Missile กับพวกมันตัวหนึ่ง.

-ตูม! ตูม! ตูม!

ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม.

พวกมันใช้การโจมตีที่พวกมันได้รับกลับมา.

“แกรอดจากการโจมตี single fire attacks แรงค์A แล้วอันนี้หล่ะ?”

บริเวณรอบๆถูกปกคลุมด้วยไฟสว่างจ้า.

มันสมบูรณ์แบบที่จะเหลือเพียงแต่ศพ…ผมหมายถึงสกิลที่สร้างความเสียหายสูง Fire Shock.

ลิซาร์ดแมนที่ว่ากันว่าสามารถต้านความเสียหายทางกายภาพได้และแม้กระทั่งต้านพลังเวทย์ได้เล็กน้อย ก็ยังได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากจากFire Shock.

อย่างไรก็ตามพวกมันแต่ไม่เพียงจะเอาร่างกายเข้ารับความเสียหาย แต่พวกมันยังดูดซับ พร้อมกับสร้างเสียงกรีดร้องบางอย่าง.

“KEERIIICK!”

“โอ้โห? ดูเหมือนว่ามันจะเจ็บใช่ไหม? และขนาดของพวกมันก็ดูจะเล็กลงเล็กน้อย.”

ความสูงของมันเท่าๆกับตัวผมแต่ดูเหมือนว่ามันจะเล็กลงเล็กน้อย.

มันดูเหมือนว่ายิ่งพวกมันได้รับความเสียหายมากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งเล็กลงมากเท่านั้น.

“อย่างนั้นพวกมันก็ไม่อาจสะท้อนการโจมตีจากสกิลแรงค์บียอนแบบAOE-…”

-วูซซซ!

ราวกับว่ามันกำลังทำให้ผมสนุกและผมไม่สนใจคำพูดของผม มันใช้พลังไฟมหาศาลพ่นเข้าใส่ผม.

“พวกแกไม่จะไม่พูดเยาะเย้ยหน่อยหรอ? ฉันไม่คิดว่าฉันจะพอใจจนกว่าจะเอาชนะพวกแก หมดเวลาเล่นแล้ว ถึงเวลาสำหรับการล้างบาง!”

-ฉึบ!

-บูมม!

สกิลโจมตีที่รุนแรงที่สุดของผม เมเทโอ ผมร่ายใส่พวกมันรัวๆ.

ดันเจี้ยนสีขาวบริสุทธิ์ถูกปกคลุมไปด้วยไฟสีดำ.

ทุกที่เต็มไปด้วยพลังไฟที่รุนแรงกระจัดกระจาย.

“KE-KE-KEERICK.”

พวกมันเปล่งเสียงเหมือนกับหนูอีกครั้ง.

หลังจากที่เมเทโอตกลงมา 6-7 ลูก ขนาดของมันก็หดลงจนเหลือเท่าเม็ดถั่ว.

ผมเดาว่าเมเทโอลูกต่อไปจะทำให้ตายอย่างแน่นอน.

-ฟ้าววว!

อย่างที่ผมเดาไว้ พวกมันทั้งสามได้กลายเป็นของขวัญให้กับผม.

มานาชิลด์ของผมได้สั่นอย่างมากกจากการโจมตีที่มันสะท้อนกลับมาจนถึงตอนนี้.

มานาชิลด์ใช้ค่ามานาเท่ากับความเสียหายที่ได้รับ.

มันไม่เป็นไรเพราะว่าผมมีมานาไม่มีวันหมด แต่ถ้ามันไม่มีมัน แม้แต่ยุนจองซันก็ยังถูกล้างบางจากการโจมตีที่มันสะท้อนกลับมาแบบนี้.

ความเสียหายจากเมเทโอเลเวล 200 มันเกินกว่าที่จะมีในโลก มันบ้าคลั่งและสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง.

จากนั้น.

[ได้รับค่าประสบการณ์ 2,000,000.]

[ได้รับค่าประสบการณ์ 2,000,000.]

[ได้รับค่าประสบการณ์ 2,000,000.]

“เดี๋ยว ทำไมถึงมีศูนย์มากมายขนาดนี้? หน่วย,สิบ,ร้อย,พัน,หมื่น….ล้าน??”

“แปปนะ มันมีทั้งหมดกี่ตัว?”

มีจุดแดงประมาณ 30 จุด.

แต่ละตัวให้ค่าประสบการณ์ 2 ล้าน?

ถ้าผมฆ่ามอนเตอร์ทั้งหมดไม่ใช่ว่าผมจะได้ค่าประสบการณ์ 60 ล้าน?

ผมยังจำคำพูดนี้ได้ ‘ดันเจี้ยนขนาดใหญ่กับค่าประสบการณ์ที่น่าทึ่ง.’

ตอนนี้ผมเลเวล 315.

มันเหมือนกับการกลิ้งหิมะลงมาจากบนยอดเขาสูงลงมาที่สระน้ำ ผมต้องการค่าประสบการณ์ที่จะมาถึงจุดนี้ได้กว่า 230 ล้าน.

อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ผมฆ่ามอนเตอร์ทุกตัวที่นี่ ผมจะได้รับค่าประสบการณ์ 60 ล้าน.

ดังนั้น ผมจะเลเวลอัพได้หนึ่งเลเวลด้วยการลงดันเจี้ยนนี้ 4 ครั้ง.

“เดาว่าฉันคงไม่ได้นอนแล้ว.”

****

ผมฆ่ามอนเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ด้านในและออกมา.

พวกมันรวมตัวกันอยู่ตรงกลาง.

เมื่อผมเครียร์ดันเจี้ยนได้ ทางออกก็ปรากฏอยู่ตรงกลางดันเจี้ยน.

ผมเห็นจุงโฮและโฮจินที่นั่งอยู่หน้าพอร์ทัลและกำลังพ่นควันบุหรี่กันปุ๋ยๆ.

เมื่อเห็นผมออกมา จุงโฮก็พ่นควันพร้อมกับทิ้งบีหรี่ที่มือเขาก่อนที่จะพูด.

“ออกมาเร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้.”(จุงโฮ)

“ห๊ะ ทำไมพี่ถึงพูดเหมือนไม่ห่วงผมเลย?”(มินชอย)

“ฮึ! แกกำลังพูดอะไร ฉันต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว.”(จุงโฮ)

“น้ำเสียงมันไม่เหมือนอย่างนั้นเลยนะ.”(มินชอย)

“นี่! ฉันเป็นหวงมอนเตอร์ที่อยู่ด้านใน จอมสังหารมอนเตอร์เข้าไปด้านในแล้วฉันจะไม่เป็นห่วงพวกมันได้อย่างไร?”(จุงโฮ)

“โฮ๊ะๆๆ ผมหวังว่าคุณจะไม่ได้รับบลัดสโตนจำนวนมากเมื่อคุณออกมา.”(โฮจิน)

“ผมไม่ได้มีแบบนั้น มันไม่มีเลย! นอกจากนี้ดันเจี้ยนที่นี่ยังโล่งกว่าที่คิด.”(มินชอย)

“จริง?”(จุงโฮ)

“ใช่ ไม่มีดรอปแม้แต่ก้อนเดียวหลังจากที่ล้างบางมอนเตอร์พวกนั้น และแน่นอนว่าพวกมันก็ยังไม่มีดรอปออกมาสักก้อน.”(มินชอย)

“โฮ้โห…มันเป็นมอนเตอร์อะไร? แกคิดว่าพวกมันแข็งแกร่งมากไหม?”(โฮจิน)

“หืม…ผมคิดว่ามันจะดีที่สุดที่พวกคุณทั้งสองเข้ามาและดูมันด้วยตัวเอง.”(มินชอย)

โฮจินพูดขณะที่ก้าวถอยหลัง.

“… ฉันต้องไปด้วย?”(จุงโฮ)

“แน่นอนว่าคุณต้องมาด้วย!”(มินชอย)

“งั้น…ให้ผมโทรบอกใครสักคนที่บ้าน….อ้าาา!”(โฮจิน)

ผมดึงจุงโฮและโฮจินด้วยมือทั้งสองข้างของผม.

ตั้งแต่ที่พอร์ทัลถูกเครียร์ไปแล้วรูปร่างของมันจึงถูกเปลี่ยนเป็นทางเข้าดันเจี้ยน.

อย่างไรก็ตามผมสามารถเข้าไปได้ทันที เนื่องจากมันไม่มีอินเตอร์คอมหรือเครื่องแสกนลายนิ้วมือ.
(TL; intercom-อินเตอร์คอม คือเครื่องที่เอาไว้ใส่บัตรฮันเตอร์ก่อนที่จะเข้าไปคล้ายเครื่องATM)

มันเหมือนกับการเข้าสวนสนุกโดยไม่ต้องตรวจบัตร.

เพราะอย่างนั้น เราทั้งสามก็เข้ามา.

****

“มันจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”(จุงโฮ)

“ผมพูดว่า…..”(โฮจิน)

“เลเวลคุณเพิ่มขึ้นมากไหม?”(มินชอย)

“หลังจากผ่านมา 27 ปี ผมก็มาถึงเลเวล 100.”(โฮจิน)

“โอ้! ฉันก็เลเวล 100 เหมือนกัน.”(จุงโฮ)

ในเวลาเพียง 3 ชั่วโมงจากคนที่เลเวล 80 กลางๆก็มาถึงเลเวล 100.

แม้ว่าจะมีการแชร์ค่าประสบการณ์ระหว่างสามคน แต่ละคนก็ได้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน.

ค่าประสบการณ์ 20 ล้านทุกๆ 10 นาที มันเป็นจำนวนที่มากมายจนยากที่จะเชื่อ แม้แต่ผม ดังนั้นผมจึงสงสัยว่าทั้งสองคนจะรู้สึกอย่างไร

ดูเหมือนว่าทั้งสองคนกำลังมองพื้นอย่างเหม่อลอยราวกับว่าพวกเขาสูญเสียการรับรู้ ทั้งหมดที่รู้สึกคือผมเข้าใจพวกเขาเล็กน้อย.

“นี่ มินชอย แกให้เรามาที่นี่เพื่อมาดูสิ่งที่แกทำ แต่ฉันอยากจะถามสักหน่อย ฉันเห็นเพียงเมเทโอระเบิดไปมาและไม่เห็นอะไรอีก แต่ทำไมเราถึงได้ค่าประสบการณ์ที่มากมายขนาดนี้หล่ะ?”(จุงโฮ)

“ผมก็เหมือนกัน ผมไม่เห็นมอนเตอร์สักตัว.”(โฮจิน)

“มอนเตอร์อยู่ในสภาวะสเตล แม้ว่าผมจะใช้ Eye of Insight ฮยองและคุณโฮจินก็ไม่อาจเห็นมันได้.”(มินชอย)

“มอนเตอร์สภาวะสเตล? แต่ดูเหมือนว่าคุณจะโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว มอนเตอร์พวกนี้มันไม่อ่อนแอไปหรอ?”(โฮจิน)

“อ่า นั่นอาจจะเพราะว่าคุณเห็นเมเทโอเพียงอย่างเดียว พวกมันสามารถก็อปปี้สกิลที่ผมใช้และสะท้อนกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ แม้กระทั่งเลเวลสกิลก็ยังเหมือนกัน.”(มินชอย)

“ว้าว…ถ้าเข้ามาใกล้ฉันมากกว่านี้ ฉันไม่คิดว่าฉันจะลุกขึ้นมาได้เพราะความกลัว.”(จุงโฮ)

“ถูกต้อง คุณโฮจิน! คุณบอกว่าคุณอยากจะโทรหาภรรยา?”(มินชอย)

“อ่า ไม่ นั่นมันไม่ใช่ข่าวดี.”(โฮจิน)

“อุฟฟ เมื่อคุณพร้อมแล้วก็มาพับผม ผมจะให้รางวัลก่อนที่คุณจะไป.”(มินชอย)

“ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ แต่มินชอย ผมไม่คิดว่าผมจะผ่านมันได้.”(โฮจิน)

“ฉัน ฉันจะอยู่ในความดูแลของนายสักหน่อย.”(จุงโฮ)

“ตอนนี้เสียงของพวกคุณทั้งสองก็ฟังเหมือนคนจริงๆแล้ว! ไปเลย!”(มินชอย)

และแบบนี้เอง ความสนุกระดับที่บ้าคลั่งที่ซึ่งไม่เหมือนใครในโลกนี้ก็เริ่มต้นขึ้น.

————————-
เนื่องจากว่าบทพูดคุยหลายๆคนอาจจะสับสนระหว่าง มินชอย,จุงโฮและโฮจิน ผมเลยใส่วงเล็บไว้ด้านหลังประโยคคำพูดเพื่อที่จะได้ไม่งง เห็นอ่านมา 70 กว่าตอนคนอ่านบางคนยังไม่รู้เลยว่าใครพูดอะไรมั่ง555 คงจะใส่ไปสักพักครับ เพื่อจะได้แยกแยะคาแรคเตอร์ได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset