“นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้!”
ขณะที่ผมถือดาบไว้ในมือ สถานะของผมเพิ่มขึ้นเป็นตัน.
STR ของผมเพิ่มขึ้นอย่างมาก อาวุธส่วนใหญ่ส่วนเกี่ยวข้องกับค่า STR.
สำหรับไม้เท้า สถานของมันจะเป็นค่า มานา.
อย่างไรก็ตามอาวุธนี้ยังมีเอฟเฟ็คพิเศษติดมาด้วย.
ดาบมันมีโบนัสและนั่นก็คือสิ่งเหล่านี้.
-Butcher’s Sword-(บุชเชอซอร์ด)
* Strength +2200
* เพิ่ม STR 15%
* ดาบสองมือ
* ได้รับสถาน 5%จากการล้มศัตรู
“… นี่มันบ้ามาก มันเกิดอะไรขึ้นกับเอฟเฟ็คพิเศษเนี่ย…?”
STR ที่ได้จากบุชเชอร์ซอร์ดนั้นมันบ้ามากๆ.
มันเหมือนกับว่าผมถือบันวอนจินชอน 4 เล่ม.
แน่นอนว่าผมไม่อาจได้รับสถานเพิ่มได้หลังจากที่ผมถือครบสองเล่มแล้ว.
รูปร่างที่มีขนาดเล็ก,สั้นและไม่มีน้ำหนักมากนัก.
‘คิดดู นี่คือดายสองมือรึ…’
มันทำให้ผมสงสัยเล็กน้อย.
มันเป็นเพราะอาวุธสองมือส่วนใหญ่นั้นมีขนาดใหญ่อย่าง ดาบบัตตาร์ดหรือเคยร์มอร์.
อย่าไงก็ตามอาวุธนี้แทบจะพอๆกับขนาดของดาบยาวมาตฐาน(Yuggag-do)
มันอาจจะเป็นความผิดหากตัดสินทุกอย่างจากขนาดของมัน.
มันอาจจะสบายกว่าการใช้บันวอนจินชอยทั้งสองข้าง.
สิ่งที่ผมสงสับก็คือเอฟเฟ็คที่ติดมากับมัน.
‘ได้รับสถาน 5%จากการล้มศัตรู.’
เนื่องจากมอนเตอร์ไม่ได้มีสถาน นี่อาจจะหมายความว่าจะได้รับมันจากการฆ่าคนเท่านั้น.
สามารถได้รับค่าสถานพิเศษจากอเวคคนอื่นเท่านั้น.
มันเป็นชื่อที่ตรงตัวจริงๆ.
ความทฤษฏีแล้ว การที่จัดการคนที่STR 500 แต้มนั่นก็หมายความว่าผมจะได้ STR 25 แต้ม.
มองในมุมกลับแล้วนี่คือความสามารถที่น่าทึ่ง.
แท้ง,นักเวทย์,แอสซาซิน,วอริเออร์,ฮีลเลอร์.
สถานที่พวกเขาใช้นั้นแตกต่างกัน.
นักเวทย์และฮีลเลอร์ส่วนใหญ่จะเพิ่มไปที่ค่ามานา มันจะมี STR และ STA ไม่มากนัก.
อย่างไรก็ตามด้วยการดูดซับสถานอย่างวอริเออร์ที่ส่วนใหญ่จะเพิ่มไปที่ค่า STR,STAและDEX ผมจะได้รับค่าสถานที่ปกติยากจะได้รับในการเพิ่มเลเวล.
“เอฟเฟ็คเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกัน….แต่คนที่ออกมาเหล่านั้นก็สมควรจะถูกขโมยสถาน.”
ชายคนที่พึมพำกับตัวเองอยู่ในใจ.
ผมเดาว่าเขาน่าจะเป็นโกสต์.
เดินไปมารอบๆผม เขาน่าจะเป็นพวกน่ารำคาญไม่น้อย.
ไม่เพียงแค่เขา แต่ยังมีลูกน้องอีกด้วย.
พวกมันทั้งหมดจะกลายเป็นสถาน,เนื้อและเลือดเพื่อให้ผมเติบโตขึ้น.
คุณกำลังพูดว่าผมโหดร้ายหลังจากที่สังหารกิลด์โนเบลซและโจ็กเกอร์งั้นหรอ?
ผมกำลังทำเหมือนกับชีวิตคนเราเป็นเหมือนมด?
ไม่ นั่นไม่ใช่เลย.
แม้แต่สุนับขก็ยังต้องเห่าหอนเมื่อเห็นใครบางคนมาขโมยอาหารของมัน.
และกรณีอย่างผม มันคงจะเป็นคนขายสุนัขที่พยายามใส่ปลอกคอให้ผม
มันช่วยไม่ได้ที่ผมจะแยกเขี้ยวและกัดด้วยพลังทั้งหมดของผม.
ผมเก็บอารมณ์ตัวเองลงหลังจากรู้สึกโกรธขณะที่ผมคิดเรื่องนี้เกี่ยวกับพวกเขา ความสามารถยังคงเป็นของที่ดรอปลงมา.
ผมตรวจสอบเกราะและดาบเสร็จแล้ว.
ผมแน่ใจว่าสิ่งของเหล่านี้เป็นของที่พิเศษ.
จากอเวคทั้งหมดในตอนนี้ อาจไม่มีใครสวมใส่สิ่งเหล่านี้ได้.
นอกเหนือจากอเวคคนอื่นๆอย่างโจ๊กเกอร์หัวหน้าฝ่ายหัวรุนแรง.
ของเพียงอย่างเดียวที่เหลือคือเหล่าเครื่องประดับ.
แหวน,สร้อยและกำไร ดรอปออกมาอย่างครบชุด.
เครื่องประดับที่ผมสวมประกอบไปด้วยแหวนหัวกระโหลกที่เพิ่ม STR 20 แต้มและเซ็ตลูวเวอร์
อย่างไรก็ตามเอฟเฟ็คจากเซ็ทลูวเวอร์นั้นมีประโยชน์ในการต่อสู้และลงดันฯ
แหวนหัวกระโหลกผมก็ไม่อาจทิ้งมันไปได้เพราะมันเป็นของที่ผมใช้เงินของตัวเองซื้อมา.
จากอาติเฟ็คทั้งหมด คุณสามารถบอกได้ว่านี่เป็นสิ่งที่แย่ที่สุดในการเพิ่มค่าสถานของผม.
อย่างแรก ผมตรวจสอบกำไล.
แทนที่จะเป็นกำไล มันเหมือนกับสายรัดข้อมือมากกว่า.
คุณสามารถบอกได้ว่ามันเป็นสายรัดข้อมือขนาด 10 ซม.หรือรัดแขน?
[Eye of Insight]บอกว่ามันเพิ่มค่าสถานมานาของผม.
“เออ ขยะ ชิ้นต่อไป.”
ผมโยนมันลงในกองบลัดสโตนทันที.
จากสถานทั้งหมดที่มันเพิ่มได้ ทำไมต้องเป็นค่ามานาด้วย.
และนี่ก็ไม่ใช่อันแรกซะด้วย.
อุปกรณ์ที่ผมได้รับจากการฆ่ามอนเตอร์อย่างต่อเนื่องมักจะเพิ่มแค่ค่ามานาเท่านั้น.
มันคงแปลกที่จะพูดว่าคนที่มีความสามารถมานาไม่มีวันหมดอย่างผมโชคร้ายจริงๆ แต่เมื่อดูไปที่อุปกรณ์เหล่านั้น ผมก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ.
ความผิดหวังของผมอยู่ในเวลาสั้นๆ สร้อยที่ดรอปมาดูดีทีเดียว.
มันคือ Necklace of Searching.
ถ้าคิดถึงคนที่ผมรู้จักและใช้สร้อยคออันนี้มันจะเปิดเผยตำแหน่งของเป้าหมาย.
อย่างไรก็ตามหากเป้าหมายอยู่ในดันเจี้ยนหรือพอร์ทัลมันก็ไม่อาจค้นหาได้.
มันเป็นสิ่งที่ใช้ได้ครั้งเดียว แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้แย่นัก.
อย่างสุดท้ายที่ผมตรวจสอบคือแหวน.
ผมหวังว่ามันจะเป็นสิ่งที่จะมาแทนที่แหวนหัวกระโหลกของผม.
อย่างไรก็ตามดูจากรูปร่างของมัน ผมรู้สึกว่ามันอาจจะไม่ได้ช่วยผมเท่าไรนักเพราะมันอาจจะเพิ่มค่าสถานที่ผมไม่ต้องการ.
หากยังไม่พอชุดเกราะทั้งหมดของผมมีสีแดง ตอนนี้ก็แหวนดอกไม้ฟุ้งฟิ้ง.
ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นดอกอะไร แต่มันเป็นรูปดอกตูม.
ผมตรวจสอบสถานแหวน.
-Trade with the Reaper-
* บุปผาบานเมื่อชีวิตของผู้ใช้หายไป.
* ได้รับชีวิตใหม่.
* จำกัดให้ใช้ครั้งเดียวต่อหนึ่งคน.
“แจ๊กพอต.”
ทั้งดาบและแหวน ตอนนี้ก็โฮมรันแล้ว.
เมื่อมองไปที่เอฟเฟ็คเราสามารถพูดได้ว่าแหวนนี้มีความสามารถในการชุบชีวิต.
คำอธิบายว่ามันจะให้ชีวิตใหม่เมื่อชีวิตเก่าหมดไป.
อย่างไรก็ตามมันใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งคน.
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นมันก็เพียงพอแล้ว.
ถ้าได้แหวนและกำไล เท่ากับว่าจะใช้ได้ถึงสองคน.
นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ที่คุณสวมใส่จะต้องอยู่บนมือและอุปกรณ์เพียงสองอย่างแรกที่สวมเท่านั้นที่จะเพิ่มสถานหรือเอฟเฟ็ค.
ผมใส่แหวน[Trade with the Reaper]ไว้ในกระเป๋าของผมและสวมแหวนกระโหลกอีกครั้ง.
เจ้าของแหวนนี้คงไม่ใช่ผม แต่เป็นแม่ของผม.
แม้ว่าเธอจะได้รับการปกป้องด้วยสกิล[Proof of Pledge] ผมสามารถเห็นความน่ารังเกียจได้ของพวกฝ่ายหัวรุนแรง
มันไม่ได้เป็นอุปกรณ์ที่ต้องการข้อจำกัดในการสวมใส่.
เหนือสิ่งอื่นใด แม่ต้องได้นับสถานเหมือนกับผม ดั้งนั้นเธอต้องสวมได้แน่นอนและมันจะแสดงความสามารถของมันในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้.
“เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพบมิมิค กระเป๋าของเราจะล้นตลอด.”
เกราะและดาบและบลัดสโตนนับไม่ถ้วนที่ดรอปลงมา.
ยิ่งไปกว่านั้น แก่นแท้แห่งความเข้าใจและแก่นอเวคแตก.
ผมรวบรวมมันหลังจากที่ดรอปจากมิมิคเลเวล 34 และออกจากดันเจี้ยน.
****
ดาร์กเลดี้ผู้ซึ่งได้ยินว่าโจ๊กเกอร์ตายแล้วจากโกสต์กำลังอยู่ในสภาวะกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย.
คนที่มีความสามารถในการโจมตีที่รุนแรงที่สุดคือ โจ๊กเกอร์.
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยแพ้ในการดวลตัวต่อตัว.
ดาร์กเลดี้เลิกคิ้วถาม.
“โจ๊กเกอร์แพ้?”
“ฉันแน่ใจ พวกเขาต่อสู้กันในอาคารร้างของสมาคมอเวคในยางพย็อค.”
“นายรู้ได้ไง….ไม่สิ เขาเป็นใคร?”
“อุฟฟ ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่สิ่งหนึ่งที่คิดไว้ ผมตามเด็กที่ดูไร้เดียงสานี้ต่อไป.”
“เด็กชาย? คุณกำลังพูดถึงคนเดียวกันหรือเปล่า?”
“ใช่ มันไม่มีใครผิดปกติที่ฉันเฝ้ามองอยู่นอกจากเขา.”
“นั่นไม่สมเหตุผลเลย นายกำลังพูดว่าโจ๊กเกอร์ถูกเด็กชายคนหนึ่งจัดการ? นี่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในความสามารถของนาย? หากเป็นอย่างนั้นนายก็ไม่ควรมาอยู่ที่นี่ มันจะดีกว่าถ้านายจะออกไปและเริ่มธุรกิจในการทำนาย แต่นายก็พูดเรื่องไร้สาระอย่างนี้ ต่อไปธุรกิจของนาคงจะจบลงในไม่ช้า.”
“อุฟฟฟ! ดาร์กเลดี้ เธอจำได้ไหม? คนนั้นถูกโจ๊กเกอร์จับตามอง.”
“คนเดียวกับที่เขาเฝ้ามองด้วยตัวเองแทนที่จะส่งคนในกิลด์ไป?”
“ใช่ ใช่! โจ๊กเกอร์รายงานกับซีคิลว่าเขาจะเป็นคนจัดการด้วยตัวของเขาเอง จากที่เขาพูดมาเกี่ยวกับเรื่องมานาไร้ที่สิ้นสุด ผมคิดว่าเขายังมีชีวิตอยู่ คุณคิดว่าไง? มันไม่ใช่เรื่องตลกใช่ไหม?”
“เขาเป็นใครที่ฆ่าคนในกิลด์ได้อย่างโจ๊กเกอร์? โจ๊กเกอร์ ที่แข็งแกร่งที่สุดในการต้อสู้ตัวต่อตัว ถูกเขาล้มด้วยตัวของเขาเอง?”
“โฮ้! โฮ่! นั่นถูกต้อง!”
ดาร์กเลดี้จมอยู่ในห้วงความคิด.
ภายในหัวของเธอกำลังตีกันวุ่นวาย.
สิ่งที่ทำให้หล่อนตกอยู่ในความาระส่ำระส่ายคือการตายของโจ๊กเกอร์.
เธอคิดว่ามีโอกาสเล็กน้อยเพียง 1% ที่เขาจะตายจริงๆ.
หากเขาตายไปเธอคิดว่ามันอาจจะเป็นการชนะด้วยการใช้กลุ่มที่ทรงพลังมากเข้ารุ่ม.
แต่โกสต์ก็ได้บอกแล้วว่าเขาแพ้ด้วยคนเพียงคนเดียว.
โจ๊กเกอร์ผู้ที่มีกำลังที่แข็งแกร่งที่ดาร์กเลดี้ไม่อาจเผชิญหน้าได้.
โกสต์มองไปยังใบหน้าที่ยับย่นของเธอและพูด.
“เธอจะทำยังไงต่อ?”
“…..”
“เธอจะไปรายงานกับซีคิลไหม? หรือว่าเราควรจัดการกันเอง?”
“เรา?”
“แน่นอน เรา! เหลือแค่สองหัวหน้าเท่านั้น.”
“ฉันไม่คิดว่าความสามารถในการทำนายอนาคตของนายจะช่วยอะไรในการต่อสู้ได้เลย ฉันจะไปรายงานกับซีคิลทันทีและฉันจะทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น.”
“เธอนี่ไม่สนุกเลย.”
โกสต์พูดขณะมองเหมือนกับเด็กที่ผิดหวัง.
จากนั้นก็กลายเป็นบุคคลที่แตกต่างออกไป โกสต์พูด.
“ฉัน…ฆ่าเขาได้….”
“ห๊ะ?”
“ฉันฆ่าไอ้เด็กนั่นได้.”
“แกมันบ้า เขาเอาชนะโจ๊กเกอร์ได้ เขาแข็งแกร่งกว่าที่นายจะจัดการได้อย่างแน่นอน ฉันหวังว่าแกจะไม่ทำอะไรด้วยตัวเอง โกสต์หากแกตายมันจะเป็นการทำให้แผนการของเราหยุดชะงักครั้งใหญ่…”
“ฮี่ฮี่…ฉันจะฆ่าเขา! ฉันรับมือเอง!”
ครู่หนึ่งสติของเขาก็หายไป.
มานาที่หดตัวอยู่รอบๆของเขาปะทุออกมา.
ราวกับว่าเขาไม่รู้วิธีใช้มัน แต่ก็เป็นเรื่องง่ายพอที่จะบอกได้จากมานาว่าการควบแน่นเหล่านี้มีประสิทธิภาพเพียงใด.
“ใจเย็นโกสต์.”
ดาร์กเลดี้ใช้สกิลป้องกันโดยไม่รู้ตัว.
ท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยจิตสังหารจำนวนมากออกมา.
ดาร์กเลดี้รู้สึกกลัวเมื่อมองไปที่ระเบิดเวลา เธอไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่.
หลังจากที่พายุมานาที่เขาปล่อยจางหายไป โกสต์ก็สงบลงจากความตื่นเต่นและดวงตาของเขาก็บ่งบอกว่าเขาได้สติกลับมา.
เธอคิดว่าพฤติกรรมที่ผิดปกตินี้สิ้นสุดลงแล้ว แต่จากนั้นร่างของโกสต์ก็เปลี่ยนไปเป็นคนบ้า มันเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
จากเด็กไปจนคนชรา.
ร่างของเขาเปลี่ยนไปจากมอนเตอร์ไปเป็นสัตว์ป่า,ปีศาจไปเป็นภูตผี มุมมองของดาร์กเลดี้เปลี่ยนไปแทบจะทั้งหมด
จิตสังหารและความรู็สึกก็เพียงพอที่จะบอกว่ามันเป็นเหมือนกับฝันร้าย.
เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว??
จิตสังหารกระจายไปเต็มอากาศและโกสต์ก็ควบคุมตัวเองได้.
“ฮ่า…. ฮ่า….”
“….”
“สองวัน สองวันก็พอแล้ว.”
“…..”
“จากนี้ไป มันเป็นความลับ! โอเค๊?”
หลังจากพูดอย่างนั้นโกสต์ก็ออกไปด้านนอก.
ดาร์กเลดี้ยังคงถูกกดดันจากพลังที่ไม่รู้จัก.
ลมหายใจที่พ่นออกมา เธอตัวสั่น.
“มะ…มอนเตอร์ เขาไม่ใช่มนุษย์.”
เธอถูกผลักให้ถอยกลับโดยโจ๊กเกอร์ในระหว่างการต่อสู้ แต่เธอก็ยังคงมีพละกำลังมากกว่าอเวคทั่วๆที่จะสามารถจิตนาการได้.
แต่เธอ แม้ว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เธอก็รู้สึกกลัวอย่างมาก.
ตลอดเวลามา เธอสงสัยความสามารถของโกสต์.
ท้ายที่สุด ชายผู้นี้ก็ยังน่าสงสัยว่าเขาอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าได้อย่างไร.
แต่ในเวลาสั่นๆ สิ่งที่เธอเห็นนั้นแจ่มแจ้งแดงแจ๋.
ยางคนที่เธอไม่อาจเอาชนะด้วยกำลังของเธอ.
เขาเป็นดั่งสิ่งที่ไม่มีอยู่ในโลกนี้.
****
“วิ้วว ฉันปล่อยใจอีกครั้ง ถ้าฉันคิดเกี่ยวกับเขา ฉันจะตื่นเต้นเหมือนอย่างนี้.”
โกสต์กลับไปที่ฐานที่เป็นบ้านของเขาที่กังวอนโด.
เขาสั่งให้ลูกน้องทุกคนที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขามารวมกันที่นี่.
โกสต์ไม่เคยสนใจลูกน้องของเขา
เขาไม่เคยสั่งหรือแม้แต่ทำงานตามโปรเจ็ค ไม่แม้แต่ครั้งเดียว.
อย่างไรก็ตาม นี่คำสั่งแรกของเขา ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ต่างก็เต็มไปด้วยท่าทางที่สับสนและไม่อยากจะเชื่อ.
ในสถานที่แห่งนี้โกสต์เปิดปากของเขา
“ว้าว มีพวกนายอยู่กี่คน? ทุกคนอยากไปลงดันกับฉันไหม?”