“ทำไมแกต้องแปลกใจด้วย? ป่ะ ไปลงดันฯกัน.”
“….”
“….”
จากการบอกกล่าวของโกสต์ ทุกคนก็เริ่มพึมพำ.
นอกจากนี้ก็ไม่มีที่ไหนที่จะลงดันฯได้ทันที…
ทุกคนกำลังวุ่นอยู่กับการหาคำตอบ.
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถตอบได้.
มันจะต้องมีการคาดหวังเนื่องจากสิ่งที่โกสต์พูดออกมา เขาเป็นหัวหน้าในสถานที่ตรงนี้.
ทุกคนที่นี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโกสต์.
หากพวกเขาพูดโดยไม่คิด พวกเขาก็อาจจะถูกเอาชีวิตเอาได้.
ภายใต้ผู้นำฝ่ายหัวรุนแรง มีหัวหน้าใต้บังคับบัญชา 8 กอง.
แต่ละกองจะประกอบไปด้วยคลาสที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู่เสียส่วนใหญ่.
ไม่มีกองไหนแข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่ากองอื่นๆ.
มีหัวหน้าและรองหัวหน้าจากทั้งหมด 50 ทีม ต่อหัวหน้าฝ่ายหัวรุนแรง.
ดังนั้นจากแต่ละกลุ่ม จะมีสองคนที่เก่งที่สุด.
ไม่นับรวมอยู่ในกลุ่ม มันก็มีทั้งหมด 30 คน.
[TL:แบ่งอย่างนี้นะเผื่องง หัวหน้าฝ่ายหัวรุนแรงจะมีลูกน้องที่แบ่งเป็น หัวหน้าและรองหัวหน้ากลุ่มกลุ่มละ 2 คน แต่ละกลุ่มจะแบ่งเป็น 50 ทีม ภายใน 50 ทีมจะแบ่งออกเป็น 8 กองแล้วเศษที่เหลือก็จะมีสถานะเทียบเท่ากับหัวหน้าและรองหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งจะมีทั้งหมด 30 คนทำหน้าที่เป็นเสมือนผู้คุมกฏอีกที]
การ์เดี้ยน(Guardians).
คนเหล่านี้จะทำงานโดยตรงจากผู้นำฝ่ายหัวรุนแรง.
เมื่อโจ๊กเกอร์ออกไปต่อสู้กับมินชอย พวกเขาก็พยายามจะติดตามไปด้วย แต่โจ๊กเกอร์ปฏิเสธ.
เว้นแต่ว่าหัวหน้าของพวกเขาจะไปพบกับสุดยอดบอส ซีคิล มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะยืนอยู่เฉยๆข้างๆหัวหน้าของพวกเขา.
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องในแบบของโกสต์.
รวมสมาชิกทั้งหมด 500 คนจะอยู่ภายใต้ผู้นำฝ่ายหัวรุนแรง.
คุณสามารถบอกได้ว่าจำนวนเหล่านี้ยอดเยี่ยมมาก.
อย่าไงก็ตาม การได้อเวคทั้ง 500 จากจำนวนคนที่ได้อเวคทั้งหมดในแต่ละปี.
จากนั้นแบ่งเป็นจำนวน 40% จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปีและจบลงด้วยการหายไป.
บางครั้งเนื่องจากได้รับคลาสที่ไม่อาจสร้างเงินได้,ถูกมอนเตอร์ฆ่าหรือถูกคนอื่นฆ่า.
เมื่อดูจากจำนวนแล้วมันก็ไม่ใช่น้อยๆ.
แน่นอน ว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีเชื้อชาติเกาหลี.
เนื่องจากพวกเขาได้เลือกสำนักงานใหญ่ของฝ่ายพวกหัวรุนแรงเป็นฐานในประเทศเกาหลี จำนวนสมาชิคที่ถูกเชิญมาก็มีไม่น้อย
และมันก็เป็นอย่างนั้น.
“เราจะทำตามคำสั่งของคุณ บอส.”
คนที่ทำลายความเงียบคือรองหัวหน้าลีโอกุน.
เขาเป็นลูกน้องของโกสต์ หัวหน้าที่ไม่ยอมทำหน้าที่ของตัวเอง เขาอาจถูกเรียกว่าเป็นผู้นำที่แท้จริงของกลุ่มได้ เนื่องจากเขาทำงานทั้งหมดที่โกสต์ไม่เคยทำ.
เขาไม่ได้มีความสามารถนักเนื่องจากเขามีคลาสเป็นแท้ง(ตัวชน) แต่เขามีความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม.
นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าำทไมเขาถึงสามารถขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มได้ตอนที่หัวหน้าตัวจริงไม่อยู่.
“อ่า…ได้ โฮกุน ลงดันฯกับฉันและเอาทุกคนมาที่นี่ด้วย.”
“คุณหมายถึงทุกคน?”
“ใช่ เรามีทั้งหมดเท่าไร? 1. 2. 3.”
“ทั้งหมด 481 คนหัวหน้า.”
“มีคนเหมือนคุณมากขนาดนี้? ว้าว นั้นดีมาก.”
“งั้นก็ให้พวกเขาเตรียมตัวทันที.”
“รับทราบ!”
เมื่อเขาพูดเสร็จ โกสต์ก็มีท่าทางที่มีความสุขอย่างมากอยู่เต็มใบหน้าของเขา เขาพึมพำอย่างตื่นเต้นและเข้าไปในห้องทำงานของเขา.
เขาเงียบตลอดเวลา แต่นี่เป็นคำสั่งที่ระดับพลจากหัวหน้า.
คนที่รับคำสั่ง โฮกุนทำงานของเขาตามปกติ.
“คุณได้ยินเขาแล้ว หัวหน้าได้สั่งให้ระดมกำลังพล หัวหน้าแต่ละกองออกมาด้านหน้า.”
เมื่อเขาพูดเสร็จ มีคน 8 คนที่เป็นหัวหน้ากองออกมาข้างหน้า.
ไม่มีความลังเลเหมือนกับตอนที่อยู่ต่อหน้าโกสต์.
เขามองไปยังโฮกุนด้านหน้าเพื่อรอรับคำสั่งต่อไป.
เขาพูดต่อ.
“นี่เป็นครั้งแรกที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น มันช้า แต่อาจหมายความว่าเขามีแผนที่จะที่จะนำเรา ทุกคนเข้าใจไหมว่าผมหมายความว่าอะไร?”
“ครับ!”
“ดี.”
“ตั้งแต่นี้มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาจมีบางอย่างที่เราไม่อาจจัดการมันได้ด้วยตัวเอง หัวหน้ากองแต่ละคนตรวจสอบสมาชิกอย่างให้ขาดแม้แต่คนเดียว ทำตามที่หัวหน้าของเราสั่ง!”
“เข้าใจแล้ว.”
“ดี!”
หัวหน้ากิงแต่ละคนรีบกลับไปยังกองของเขา.
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มอธิบายสิ่งที่ต้องทำระหว่างมาตรการฉุกเฉิน เช่น
1.เก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับตัวเองทั้งหมดออกจากตึกที่อยู่
2.ทำลาย ID อเวคต่อหน้าหัวหน้ากอง
3.ใบหน้าและความสามารถในอนาคตจะต้องถูกซ่อนเอาไว้
4.ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้ประหยัดมานาให้มากพอที่จะใช้สกิลได้มากขึ้นอีกสัก 1-2 สกิล.
ทั้งหมดที่ทำต้องมั่นใจว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหลออกมา.
ในกรณีที่พวกเขาถูกฆ่าตายระหว่างภารกิจ การกระทำเช่นนี้ก็เพื่อทำให้แน่ใจว่า ID ของพวกเขาหรือสิ่งของต่างๆจะไม่บ่งบอกตัวตนของเขาหลังจากที่พวกเขาจากไป.
เหตุผลทั้ง 4 ข้อที่ทำไปอาจจะเป็นเหตุผลเหล่านี้.
มันจะต้องเหลือมานาให้เพียงพอที่จะฆ่าตัวตายหากเจอกรณีที่เลวร้ายที่สุด.
และเช่นนั้นหลังจากที่มีการเรียกระดมพลไป 30 นาทีต่อมาทุกคนก็มารวมตัวกัน.
อย่างไรก็ตามโกสต์ก็ยังไม่ปรากฏแม้ว่าจะผ่านไปนานมาก.
มันผ่านไปเรื่อยจนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป.
โกสต์ปรากฏตัวพร้อมกับเอามือซุกกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง.
ขณะที่เขาพูด เขามองไปยังกลุ่มคนจากนั้นก็มีรอยยิ้มจนเห็นฟัน.
“พวกคุณจะไปไหน? ทำไมทุกคนทำท่าน่ากลัวขนาดนี้?”
“…..”
สิ่งที่โกสต์พูดทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างฉับพลัน ลีโฮกุนพูด.
“หัวหน้า คุณเรียกพวกเรามาไม่ใช่หรอ.”
“ฉันเรียกงั้นหรอ?”
โกสต์พึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง.
มันเกือบจะเหมือนกับว่าเขากำลังถามคนอื่น.
“อ่า…ใช่แล้ว!”
“สมาชิกทั้ง 481 คนอยู่ตรงนี้แล้ว.”
“หืม..แต่…ทำไมต้องเตรียมพร้อมตอนนี้ เราจะไปวันพรุ่งนี้?”
“นะ…นั่น…”
“หืม?”
“มันไม่มีอะไร ถ้าอย่างนั้น เราจะเตรียมพร้อมในวันพรุ่งนี้.”
ทุกคนคิดว่านี่เป็นการทดสอบที่ไร้สาระ ทุกอย่างที่ทำมันไร้ความหมายมาก.
แน่นอน ไม่มีใครโง่พอที่จะแสดงความคิดออกมาให้เห็นเพื่อชีวิตของตัวเอง.
จากนั้น ร่างของโกสต์ก็หายไปและเสียงถอนหายใจเกือบ 500 คนก็ดังออกมาทันที.
ความกังวลและความตึงเครียดสำหรับการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ก็มาพร้อมกัน.
****
ขณะที่ผมกำลังเดินอยู่ ผมก็ได้ใช้ วาป ขณะเดิน.
แก่นหยั่งรู้ 3 แก่น,บุชเชอร์ซอร์ดและแหวนคืนชีพ.
มันเพียงพอที่จะทำให้ผมสงสัยว่ามีการลงดันฯครั้งไหนที่ดีกว่านี้อีกไหม?.
ผมเทเลพอตไปที่ออฟฟิศของคนแคระ.
ผมโยนถุงผ้าที่เต็มไปด้วยแก่นหยั่งรู้ไว้ที่โต๊ะ.
ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากที่ผมมองไปที่แก่นสีรุ้ง.
ในทางกลับกันผมก็เริ่มกังวลกับสกิลที่ผมต้องใช้การหยั่งรู้.
“ดูเหมือนว่าเราต้องใช้กับเมเทโอ หรือบางทีอาจจะเป็นมานาชิลด์? มันจะกลายเป็นสกิลที่ดูโกงๆมากกว่านี้ไหม? หืม…”
อย่างแรกเนื่องจากผมใช้มันมากที่สุดและยังสร้างความความเสียหายเป็นจำนวนมาก ผมจึงตัดสินใจที่จะเว้นเมเทโอไว้ก่อน.
พูดสั้นๆแล้วมันเป็นทักษะหลักของผม.
ผมหวังว่าจะมันจะทำความเสียหายวงกว้างเพิ่มมากขึ้น หยิบแก่นมาวางบนหน้าอกของผม มันเริ่มเปล่งประกาย.
เกิดเสียงลมเบาๆและแก่นอเวคก็หายไป.
*Meteor Call Lv. ** 1 [0%]
(เรียกอุกกาบาตที่ทรงพลังจำนวนมากลงมา)
ระดับของสกิลเปลี่ยนเป็นสองดาว.
ผมสงสันว่าความรุนแรงของเมเทโอยังคงอยู่หรือไม่.
ผมอยากจะร่ายมันลงทันที แต่ถ้าผมทำอย่างนั้นที่นี่จะถูกทำลายโดยไม่เหลือแม้แต่ฝุ่น.
“ฉันจะรอจนถึงพรุ่งนี้ได้ไง?”
เหมือนกับที่เราเจอเงิน 10 ดอลลาร์ในกระเป๋าเสื้อกันหนาว ผมไม่อาจเก็บความตื่นเต้นได้.
ก่อนที่จะถึงพรุ่งนี้ ดูเหมือนว่าผมต้องไปดันเจี้ยนใกล้ๆซะแล้ว.
เพราะความรู้สึกนั้น ผมไม่อาจนอนหลับได้.
ดูจากคำอธิบายมีคำว่า‘จำนวนมาก’ อยู่บนนั้น.
มันเป็นคำที่หรูหราอย่างมาก.
ไม่มียาตัวไหนที่ช่วยให้หัวใจเต้นให้เป็นปกติของผมได้ในตอนนี้.
มันแกว่งขาของผมขณะที่มองแก่นหยั่งรู้ที่เหลืออีกสองก้อน.
เมื่อครั้งแรกที่ผมได้เจอมิมิค ผมคิดว่าผมจะจัดการมันด้วย Meteor,Iceberg,Formless Sword Aura ซึ่งเป็นสกิลโจมตีทั้งหมด.
อย่างไรก็ตามในความคิดของผม ผมอยากรู้มากว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากใช้กับมานาชิลด์.
ผมคิดว่าเลเวล 200 จะสิ้นสุดแล้วและมันก็ให้โบนัสเอฟเฟ็คที่ไม่น่าเชื่อจากตรวจสอบของ Eye of Insight.
มันเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่สามารถทำแบบเดียวกับมานาชิลด์ได้.
อย่างไรก็ตามหากทั้งหมดที่มันเพิ่มขึ้นคือการลดมานาที่ใช้หรือได้รับความเสียหายเพิ่มมากขึ้น มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่.
สำหรับคนที่มีมานาไม่สิ้นสุดอย่างผม มันจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด.
ยิ่งกว่านั้นแก่นอเวคก็ยังมีการดรอปที่ต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ.
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแก่นอเวคอันหน้าหรือมิมิคตัวหน้าผมจะเจอเมื่อไหร่อีก.
ผมกุมหัวเพราะว่าผมไม่อาจตัดสินใจได้.
“ผมไม่อาจนับได้ว่ามานาชิลด์ได้ช่วยชีวิตของผมหลายครั้งแล้ว งั้นก็ลุยเลยแล้วกัน.”
*Mana Shield Lv. ** 1 [0%]
(ใช้มานาทดแทนกับความเสียหายที่คุณได้รับ)
(หากมันเป็นสกิลเหนือแรงค์ จะมีโอกาส 30% ที่จะป้องกัน หลังจากเลเวล 200 มีโอกาสป้องกันเพิ่มขึ้น 2% ทุกๆ 10 เลเวล)
ฉันทำได้.
ไม่ มานาชิลด์ทำได้.
ผมมีความสุขมากกับที่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่แน่นักอย่างการใช้มานาลดลง.
แต่ผมมีโอกาสที่จะต้องป้องกันสกิลเหนือแรงค์ได้.
หากมันเลเวลสูงสุด 300 มันจะมีโอกาสเพิ่มขึ้น 50%.
เปอร์เซ็นที่มันจะป้องกันได้ 5 ใน 10 ครั้งจากสกิลเหนือแรงค์.
[TL:สกิลแบ่งเป็นแรงค์ต่างๆไล่จากต่ำสุดแรงค์ F>E>D>C>B>A>S ส่วนเหนือแรงค์beyond ranking คือแรงค์ไม่จัดอันดับที่แปลไปในบทแรกๆ]
เลเวลสูงสุดมันเท่าไร? ไม่ มันอาจจะเป็นไปได้ว้าเลเวล 300 ยังไม่ใช่สูงสุด.
และถ้าผมใช้สกิลนี้กับชิลด์อื่นๆ มานาชิลด์จะดูดซับความเสียหายก่อน.
ชิลด์อื่นๆก็ไล่ไปเรื่อยๆอย่างนี้.
เนื่อจากผมเก็บชิลด์นี้เหล่านี้ไว้ได้ตลอด การเพิ่มเลเวลของผมจึงไวมาก.
สิ่งที่ผมต้องทำคือแค่เข้าไปในดันเจี้ยนและนอนลงขณะที่ใช่มานาชิลด์.
มันไม่นับว่าเป็นการลงดันด้วยซ้ำ.
มันเกือบจะเป็นเหมือนของขวัญวันเริ่มต้นคริสต์มาสสำหรับผม.
เมเทโอหลายดวงและมานาชิลด์ที่เหนือขั้นไปอีก.
ดวงสิ่งนี้มังคงจะไม่เป็นไรหากจะพูดว่าผมมีพลังมากเพียงพอที่จะเทียบเท่ากับแรงค์เกอร์ทุกคนบนโลก.
“สิ่งเหล่านี้จะทำให้คนบ้าคลั่งและบ้าคลั่งขึ้นไปอีกขั้น ผมคิดว่ามันก็เพียงพอที่จะบอกว่าผมสามารถล้มบอสเลเวล 40 ด้วยสกิลแรงค์ F อย่าง Frost Orb?”
สกิลต่อไปที่ผมจะใช้หยั่งรู้คือ Formless Sword Aura.
นี่เป็นสกิลโจมตีแรงค์ S ทางกายภาพแบบ 1-1.
ความเสียหายเป็นสิ่งสำคัญและเป็นทุกอย่าง แต่สิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับการโจมตีอันนี้คือคุณไม่อาจคาดเดาได้.
ผมคาดหวังอย่างมากว่าสกิลนี้จะพัฒนาสกิลไปแบบไหน.
*Formless Sword Aura Lv. ** 1 [0%]
(เป้าหมายจะถูกโจมตีดาบไร้รูปที่เกิดจากออร่าและไม่อาจคาดเดาทิศทางที่ดาบออร่าจะโจมตีได้)
(ใช้มันแปลงร่างเป็น สัตว์ป่า คูลดาวน์ 300 วินาที)
“สัตว์ป่า?”
คำอธิบายของ Formless Swordless Aura นั้นไม่ค่อยดีนัก.
มันไร้ประโยชน์ที่ผมจะใช้ความสามารถในการแปลงเป็นสัตว์ป่าด้วยความสามารถของผม มันไม่มีทางเลยที่ผมต้องใช้มันอย่างนั้น.
และยิ่งไปกว่านั้นมีคูลดาวน์ติดมาด้วย นั่นเป็นสิ่งที่ผมชอบน้อยที่สุด.
มันต้องใช้เวลาเตรียมนานถึง 5 นาที.
ยิ่งกว่านั้นมันก็ไม่มีสกิลเหนือแรงค์แบบไหนที่ทำให้ผมผิดหวัง.
แต่ผมรู้สึกว่าสกิลแปลงเป็นสัตว์ป่านี้จะเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก.
ผมคว้าก้อนหินที่กระจายๆอยู่และใช้บุชเชอร์ซร์อดเล่มใหม่ที่อยู่ในมือของผม
ผมวางแผนที่จะทำลายก้อนหินและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ผมต้องล่า.
แต่ถ้าผมไปที่ดันเจี้ยนเลเวลต่ำๆ มอนเตอร์อาจจะละลายหายไปก่อนที่ผมจะสามารถสัมผัสกับพลังที่มีความรุนแรงขนาดนั้น.
ผมไม่มีเวลากลับไปที่ยางพย็องหรือพาจู.
เหลือเวลาอีกพักนึงก่อนที่คูลดาวน์ของวาปจะหมดลง.
ผมสูดลมหายใจเล็กน้อยและวางแผนที่จะกินเกี๊ยวซ่า ผมมุ่งหน้าไปที่ดันเจี้ยนเลเวล 28.
มันเป็นดันเจี้ยนที่มีคนระดับสูงเพียง 1% ที่จะเข้ามาได้ แต่สำหรับผมแล้วมันรู้สึกดีที่ผมจะเอาไว้ใช้ทดสอบสกิล.
****
ผมมาถึงดันเจี้ยนเลเวล 28 .
-ปิ๊บ
ผมใช้มาสเตอร์ID ที่ได้มาจากโฮจิน.
ความวิตกกังวลและความตื่นเต้นแบบเดียวกับที่ผมมีหลังจากที่เข้าดันเจี้ยนเลเวล 1 หลังจากที่ผมกลายเป็นอเวคของผม.
“เราควรจะเริ่มตอนนี้?”