[TL:ชื่อตอนโครตพ่อโครตแม่ยาวเลยคราฟพี่น้อง]
[TL:ability จากอุปกรณ์ เปลี่ยนจาก ความสามารถ เป็น อบิลิตี้ แปลตรงตัวนะครับเพื่อกันความสับสน(ของผมเอง)]
ในดันเจี้ยนเลเวล 28.
มันเป็นเวลานานแล้วที่ผมได้เข้ามาในที่แห่งนี้ แต่เรื่องจากผมได้มาถึงจุดที่รู้สึกเบื่อกับดันเจี้ยน มันเลยไม่มีความตื่นเต้นอีกต่อไป.
สิ่งเดียวที่ผมหาคือพลังที่ได้จากการหยั่งรู้สกิลที่กำลังร่ายใส่พวกลิซาร์ดแมน.
ผมมาถึงดันเจี้ยนอย่างรวดเร็ว.
รอบๆตัวของผมเต็มไปด้วยเสียงของพวกมัน.
“KURURU!”
“KEREK!”
ตามทางที่ผมผ่านมาเต็มไปด้วยลิซาร์ดแมนหลายร้อยตัวปรากฏขึ้น.
ถ้ามันเป็นการลงดันปกติผมจะต้องวิ่งไปจนสุดทางเพื่อรวบรวมมอนเตอร์ทั้งหมด ดังนั้นผมจึงเครียรดันเจี้ยนได้อย่างรวดเร็ว.
อย่างไรก็ตามผมมาที่นี่เพื่อทดสอบสกิล ดังนั้นผมจึงรวบรวมพวกมันเพียง 1/3 ของลิซาร์ดแมนทั้งหมด.
จากนั้นผมก็ใช้สกิลหลักของผม เมเทโอ.
ก่อนหน้านี้มันมีเพียงอุกกาบาตเพียงลูกเดียวเท่านั้นที่ตกมาจากด้านบน.
อย่างไรก็ตามตอนนี้มีอุกกาบาตสามลูกที่ผมสามารถมองเห็นได้.
ภายใต้สายตาของผม ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา.
อุกกาบาตได้ปล่อยเปลวไฟสีดำเข้มออกมาอย่างมากมาย ราวกับกำลังจะขอให้ผมรีบเลือกเป้าหมายที่พวกมันจะได้ไปทำลาย.
ถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมก็ต้องทำให้มันสมความปรารถนาแน่นอน.
อุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งไปยังตำแหน่งที่ผมเลือก.
ไม่ใช่แค่หนึ่งลูก แต่เป็นทั้งสามลูก.
ผมไม่ได้เน้นไปที่จุดเดียว แต่เลือกให้มันกระจายไปทางกลุ่มลิซาร์ดแมนทั้งสามตำแหน่ง.
ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้เพิ่มเพียงแค่จำนวนอุกกาบาตเท่านั้น.
ผมยังรู้สึกได้ถึงพลังทำลายล้างที่เปลี่ยนแปลงของมัน.
มานาชิลด์ของผมไม่เคยสั่นขนาดนี้มาก่อน ผมเว้นระยะห่างระหว่างผมกับมอนเตอร์.
ไม่ว่าอุกกาบาตจำนวนมากที่ผมเคยเสกออกมาเรื่อยๆ เปลวไฟและคลื่นกระแทกก็ไม่เคยมาถึงตัวผมมาก่อน.
การระเบิดของมันทำให้รู้สึกว่ามันสามารถทำให้โลกหายไปได้ครึ่งนึงเลยทีเดียว.
พลังทำลายของทำลายทั้งเลือดและเนื้อของลิซาร์ดแมนให้กลายเป็นชิ้นๆ.
หลังจากที่ผมเห็นดันเจี้ยนพังแล้วผมก็พูดไม่ออก.
พลังทำลายขนาดนี้เป็นแค่การทำลายของหนึ่งสกิลเท่านั้น…
“อ่า….นี่คือ….พลังของหยั่งรู้ไปแล้ว…?”
ผมไม่กังวลเกี่ยวกับคราบเลือดที่อยู่ตรงหน้าของผมแม้แต่น้อย.
ผมทำได้แค่อุทานว่ามันบ้าขนาดไหน.
ผมยืนอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเปลวไฟจากเมเทโอมอดดับ.
หลังจากที่หายจากความกลัวแล้ว ผมก็ต้องการยืนยันผลลัพธ์ของ”สัตว์ป่า[Wild Beast]”จากสกิล the Formless Sword Aura
เมื่อผมเดินเข้าไปในดันเจี้ยน ก็มีลิซาร์ดแมนโผล่ออกมาหนึ่งตัว.
เนื่องจากการโจมตีทางกายภาพไม่ได้ผล ผมว่ามันน่าจะได้รับ ดาเมจ เป็น 0.
ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว ผมเพียงแค่อยากเห็นเอฟเฟ็คของสกิล.
-slice!
“KURAL!”
บุชเชอร์ซอร์ดได้ผ่าร่างของมันออกตรงๆ.
อย่างที่คิดไว้ มันไม่ได้รับดาเมจ และยังคงเหวี่ยงอาวุธมาที่ผม.
อย่างไรก็ตามผมไม่ได้หยุดอยู่เฉยๆ ผมยังคงเหวี่ยงดาบที่เคลือบด้วย Formless Sword Aura จนกระทั่งสกิลลับ สัตว์ป่าถูกใช้.
“KURUHHH!”
“เสียงมันไม่ดังไปหน่อยเลยไง๊?”
ไม่มีมอนเตอร์ตัวไหนคำรามเสียงดังได้ขนาดนี้.
อย่างไรก็ตาม ผมได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างหรือตัวไหนหอนขึ้นอย่างแน่นอน.
คำถามของผมอยู่ได้ไม่นาน.
ผมได้รับผลสกิล เฟรียร์[Fear] ผมได้เห็นร่างกายของผมที่เปล่งแสงสีแดง
ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วที่เพิ่มขึ้นของออร่าซอร์ดนั้นเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่ไม่อาจเทียบได้กับความเร็วก่อนหน้า.
นั่นไม่ใช่เรื่องเดียวที่น่าแปลกใจ.
ลิซาร์ดแมนที่มีความทานต้านดาเมจทางกายภาพ 100%.
อย่างที่ผมบอกไว้ก่อนหน้านี้ ผมไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆให้กับพวกมันโดยไม่ใช่ Formless Sword Aura.
แต่ในกรณีนี้ ลิซาร์ดแมนที่นอนนิ่งอยู่ที่ด้านหน้าของผม.
ตามมาด้วยลิซาร์ดแมนด้านหน้ากลายเป็นหมอกสีแดงแทน.
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที.
ร่างกายของผมแข็งประมาณ 1 นาทีหลังจากเปิดการใช้งาน.
สัตว์ป่า ทำให้ผมได้รับความเร็วในการโจมตีและพลังโจมตีจำนวนมหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ.
ดูเหมือนว่า สัตว์ป่า จะเสริมสร้างความเสียกายทางกายภาพเพิ่มขึ้น 100% ให้กับ Formless Sword Aura จนกลายเป็นการโจมตีด้วยเวทย์มนต์แทน.
ถ้าผมสามารถใช้ สัตว์ป่า ด้วย Formless Sword Aura ขณะที่ต่อสู้ 1-1…
พวกเขาจะกลายเป็นละอองเลือดเช่นเดียวกับลิซาร์ดแมนตัวนี้.
****
หลังจากจัดการมอนเตอร์ทั้งหมดในดันเจี้ยนแล้ว ผมก็เดินออกมาข้างนอก.
การหยั่งรู้สกิลที่ผมได้ทดสอบนั้นมันแข็งแกร่งเกินความคาดหมายของผม.
ไม่มีใครนอกจากผมที่ได้หยั่งรู้สกิล.
แม้แต่คนที่โชคดีพอที่จะได้รับแก่นหยั่งรู้พวกเขาก็ต้องคิดว่ามันเป็นแก่นแตกๆและเอามันมาวางเป็นของโชว์แทน.
เราไม่สามารถเพิ่มเลเวลสกิลของเขาหรือเธอได้ถึง 200 ขณะที่การใช้มานาของแต่ละคนมีจำกัด
ผมไม่มีวิธีทดสอบมานาชิลด์หลังจากหยั่งรู้มันได้.
หลังจากที่ได้เห็นผลลัพธ์ถึงความรุนแรงของทั้งสองสกิลแล้วผมก็กลับบ้าน.
ตามปกติของผม ผมเก็บเกราะไว้ที่มุมๆหนึ่งของห้อง.
จากนั้นก็นำดาบไปวางไว้ในลิ้นชักและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ.
อย่างไรก็ตามขณะที่อาบน้ำผมได้ยินเสียงแปลกๆ.
มันเกือบจะเป็นเหมือนกับเสียงของเหล็กขีดกัน.
ผมจดจ่อไปที่เสียงโดยเฉพาะได้ด้วยอบิลิตี้ทางกายภาพที่น่าทึ่งจากสเตตัสของผมหลังจากที่ได้อเวค.
ผมรู้สึกราวกับว่าต้นกำเนิดเสียงมาจากห้องของผม.
ขณะที่มันเกิดขึ้นผมก็เลิกอาบน้ำทันทีและเปิดประตูห้องของผม.
“…..”
ภาพที่เห็นด้านหน้าผมทำให้ผมค่อนข้างสับสนเพราะมันอัศจรรย์เกินกว่าที่ผมจะเข้าใจได้.
บุชเชอร์ซอร์ดที่ผมได้มันมาและเอากลับมาที่บ้านมีประกายไฟพุ่งออกมา.
มันเป็นเพราะอบิลิตี้ของดาบ?
นั่นอาจจะไม่ใช่ การที่ขโมยอบิลิตี้ 5% จากเป้าหมายที่ถูกมันฆ่า.
จับใจความว่ามันใช้ได้เฉพาะมนุษย์เท่านั้น หากจะพูดให้ตรงๆคือเฉพาะ อเวค.
“แล้วนี่มันอาจจะเป็นไปได้….โอ้ววว?”
เมื่อผมมองไปที่มัน ขณะที่ผมถือมันจะติดไฟไหม.
“อ่า ห้า!”
ผมรู้ถึงสาเหตุที่บุชเชอร์ซอร์ดมีประกายไฟออกมา.
เป็นเพราะดาบที่ผมได้รับจากการฆ่าโจ๊กเกอร์ ทวินเบลดอาชูร่า*
[TL:เปลี่ยนจากของเก่า(ดาบคู่อาชูร่า)].
ไม่มีใครสามารถใช้ดาบนั้นได้แม้แต่เล่มเดียว.
ดังนั้นแม้จะเป็นอาวุธที่มีพลังโจมตีสูง แต่มันก็ไร้ประโยชน์กับผมอย่างสิ้นเชิง.
บางทีผมอาจจะฝนให้มันเป็นมีดทำครัว มันอาจจะใช้ให้เป็นประโยชน์ได้.
อย่างไรก็ตามฉากด้านหน้าที่ผมเห็นคือทวินเบลดที่อยู่มุมห้องได้ระเหยกลายเป็นพลังงานและซึมเข้าไปในบุชเชอร์ซอร์ด.
ผมเห็นมันด้วยตาของตัวเอง แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม.
ทำไมมันถึงเกิดขึ้นอย่างนี้?
บางทีมันอาจจะมีอบิลิตี้ลับในการดูดซับสเตตัสของอาวุธทั้งหมด?
เพื่อการยืนยัน ผมเอาดาบแรงค์M/Fที่ผมได้รับจากจุงโฮก่อนหน้านี้.
จากนั้นผมก็วางไว้ข้างๆบุชเชอร์ซอร์ด.
ผมหวังว่ามันจะดูดซับเช่นกัน.
อย่างไรก็ตาม ดาบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.
ในขณะที่มันเกิดขึ้นกับทวีนเบลดหลังจากที่ดูดซับเสร็จสิ้นและตอนนี้สันดาบก็เกิดเขี้ยวฉลามขึ้น.
นี่เป็นการคาดเดาเท่านั้น แต่อาวุธที่ถูกดูดซับนั้นมาจากอันโนว์ดันเจี้ยน.
บางทีอาวุธที่ไม่มีเจ้าของอาจจะถูกดูดซับด้วยพลังบางอย่างของดาบเพื่อค้นหาเจ้านายคนใหม่.
ผมใช้ Eye of Insight กับดาบทันที.
ผมอยากรู้ว่ามันได้สเตตัสมาเท่าไร.
-Butcher’s Sword-
*Strength +2200+350
*Dexterity +150
*เพิ่ม STR 15%
*ดาบสองมือ
*ดูดซับสเตตัส 5% จากการเอาชนะศัตรู
“มันอาจจะเพราะว่าได้ขโมยสเตตัสจากอาวุธระดับสูง?”
มันไม่น่าแปลกใจเลย.
มีสเตตัสกว่าครึ่งนึงของทวินเบลดอาชูร่าเพิ่มเข้ามา.
ไม่มีเอฟเฟ็คการเพิ่ม % ของ DEX และ STR แต่การได้รับ สเตตัส 500 แต้มมันก็ถือว่าเป็นการขโมยมาไม่น้อย
สเตตัสที่เพิ่มมาเทียบเท่ากับการเพิ่มเลเวลถึง 100 เลเวล.
ผมเก็บไว้ที่มุมห้องเพราะมันยากที่จะกำจัดมัน แต่เมื่อคิดว่ามันมีประโยชน์จากผม.
ช่วงเวลานี้มันก็เหมือนกับคำพูดโบราณว่า ‘คนที่ประสบความสำเร็จก็มักจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร.’
“ฉันจะนอนหลับได้ไงในเมื่อมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!”
****
วันต่อมา.
ลีโฮกุนรวบรวมกำลังทั้งมาที่ล็อบบี้อีกครั้ง.
วันนี้เป็นวันรวมพล.
นี่เป็นครั้งแรกที่โกสต์เรียกรวมตัวฉุกเฉิน.
พวกเขากังวลว่าสถานการณ์ที่ไร้สาระจะเกิดเหมือนกับเมื่อวานอีกครั้ง.
อย่างไรก็ตามราวกับว่าความสนุกจากความกังวล มันไม่ได้ใช้เวลานานก่อนที่โกสต์จะปรากฏตัว.
นอกเหนือกว่านั้นเขายังมาด้วยรูปลักษณ์ที่ต่างไปจากปกติอย่างสิ้นเชิง.
ไม้เท้าและดาบสั้นอยู่ในมือแต่ละข้าง.
เกราะที่เปล่งประกายสีทองอยู่บนร่างของเขา.
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครเห็นเขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้มาก่อน.
โกสต์มักสวมเสื้อยืดหรือเสื้อตัวใหญ่หลวมๆตามปกติ.
ชุดเกราะของเขาอยู่ที่ออฟฟิศเสมอ.
นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดขึ้น.
การแสดงออกของเขาและแม้แต่วิธีการเดินของเขาก็ราวกับเป็นคนอื่น.
โกสต์หยุดเดินและพูดพร้อมกับการแสดงออกอย่างจริงจัง.
“รวมตัวกันครบไหม?”
สำหรับคำถามของเขา รองหัวหน้าลีกุมโฮตอบ.
“ครับ! ทั้งหมด 481 คน พวกเรามารวมตัวกันหมดแล้ว.”
“ดี.”
เขามองไปที่กองกำลังทั้ง 8 ทีมที่เป็นสมาชิกฝ่ายหัวรุนแรง.
เนื่องจากการแสดงออกที่จริงจังของเขาไม่มีใครกล้ากลืนน้ำลายต่อหน้าของเขาได้.
ความเงียบที่มีเวลาสั้นๆก็ถูกเขาทำลายลง.
“เราจะใช้เส้นทางไปที่ พาจู.”
“ครับ! หัวหน้า!”
“ครับ! หัวหน้า!”
ล็อบบี้เต็มไปด้วยเสียงของสมาชิกของฝ่ายหัวรุนแรงหลายร้อยคนดังขึ้น.
ฉากนี้คล้ายกับการรับคำสั่งของทหาร.
เมื่อเสียงตอบรับหยุดลง เขาก็พูด.
“ฝ่ายตรงข้ามมีคนเดียว แต่พวกคุณไม่อาจประมาทเขาได้ ผมหวังว่าคุณจะสามารถเข้าใจได้ดี ว่าการที่ผมต้องระดมสมาชิกเกือบๆ 500 คน.”
“….”
“ได้โปรดสั่งการพวกเราครับ หัวหน้า!”
“เวลาตอนนี้คือ 13.30 น. สถานที่รวมพลจุดที่สองคือ พาจู รวมตัวกันเวลา 20.00 น. อย่าใช้วาป ในอีก 7 ชั่วโมงข้างหน้าแต่ละทีมจะต้องไปถึงที่นั่นโดยไม่เป็นจุดสนใจ เราจะต้องเคลื่อนกำลังจากจุดที่ 2 ไปอีก 1 กิโลเมตร ไปได้!.”
โกสต์ออกคำสั่งง่ายและกระชับ ก่อนที่โกสต์ได้ออกจากอาคาร.
หัวหน้าทีมแต่ละคนก็แยกย้ายออกตามไปด้วย.
มันเหมือนกับว่า นี่คือภารกิจแรกและเป็นภารกิตสุดท้ายของพวกเขาได้เริ่มต้นแล้ว.
****
ไม่นานมานี้ตั้งแต่ที่ผมเข้าดันเจี้ยนเลเวล 34 ที่อยู่ในพาจู กับจุงโฮและโฮจิน.
มันเป็นเพราะต้องการโชว์การหยั่งรู้สกิลที่ผมใส่เข้าไปในแหวนบัลล็อค.
พวกเขาบอกว่าพวกเขากำลังเลือนไปเป็นดันเจี้ยนเลเวล 23 หลังจากที่ล้มกูลลงได้.
เพียง 3 สัปดาห์ก่อนที่พวกเขาได้รวมกลุ่ม 6 คนเพื่อเครียร์ดันเจี้ยนเลเวล 13.
มันเกือบจะเพียงพอที่จะทำให้ผมสงสัยว่านี่คือคนที่เรากำลังพูดถึงตอนนั้นขณะที่เขากำลังสับสนกับชีวิต(ตอนจุงโฮเมา).
ผมล่าพวกมันเป็นเวลาสองชั่วโมงหลังจากที่พวกเขามาหาผมตอน 18.00 น..
ผมไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่ผมต้องลากสองคนนี้ไปด้วยตอนที่พวกเขาบอกว่ารู้สึกแย่และอยากกลับบ้าน.
ในระหว่างในดันเจี้ยนเฉิน ผมก็ชาร์จแหวนด้วย.
“ฮยอง แหวนชาร์จเสร็จแล้ว คุณสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องกงวล.”
“หืม…มันคงจะเยี่ยมมากถ้าจะใช้ชิลด์ลงไปด้วย มันช่างน่าอายจริงๆ.”
“ผมรู้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นสกิลโจมตีเท่านั้นถึงจะใส่ได้”
แม้ว่าทั้งสองคนจะบ่นเรื่องแหวน แต่พวกเขาก็มีรอยยิ้มแป้น.
“อ่า! จากนี้ไป นายต้องใช้สกิลป้องกันขณะที่นายใช้เมเทโอ.”
“โอ้ ผมเข้าใจแล้ว ตอนที่เราเห็นมัน เราสามารถบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องตลก.”
“ต้องขอบคุณ คุณมินชอยที่ทำให้เราทุกครั้ง.”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม คุณสองคนควรจะไปได้แล้ว ผมจะมองส่งพวกคุณจากที่นี่.”
มันเกิดขึ้นขณะที่ผมพยายามพาพวกเขาออกตรงทางออกจากทางเข้าของดันเจี้ยน.
-shrrrkk
“บ…บ้าเอ้ย นี่มัน!”
“KUHAAA!”