“ว้าว ว้าววว ไม่ต้องทำงานหนักแล้ว.”
ผมพุ่งเข้าหาโกสต์.
ร่างกายของผมรู้สึกต่างจากเมื่อก่อน.
มันอาจจะเพราะผมได้ขโมยสถานจากสมาชิกของกลุ่มหัวรุนแรง.
มันไม่อาจเทียบได้กับ 5 แต้มจากการเลเวลอัพได้.
การเปลี่ยนแปลงนี้เพียงพอที่จะยืนยันให้กับผมว่าไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป.
มีระยะห่างออกไประหว่างพวกเราแค่ 10 เมตรเท่านั้น.
โกสต์ยังยืนอยู่ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย มีรอยยิ้มอย่างยินดีบนใบหน้าของเขา
มันเป็นอย่างนั้น.
เขายกมือขึ้นและชี้ไปที่ด้านหลังของผม.
จากนั้นเขาก็พูด.
“นั่น.”
“…..”
“แกจะทำอะไร?”
โกสต์ถามขณะที่เขายังชี้ไปที่ด้านหลังของผม.
ตามปกติ ผมมองไปยังจุดที่โกสต์ชี้.
ผมรู้ว่ามันอาจเป็นอุบาย ดังนั้นผมจึงใช้สกิลป้องกันที่ทรงพลังที่สุดของคลาสพาลาดิน,ไอร่อนสกิลและโฮลี่บล็อค
ขณะที่มองไปรอบๆ ผมเห็นบางอย่างที่สำคัญที่ผมได้ลืมมันไป.
“นั่น….. มันคือ…”
“คุคุ นายรู้จักมันไหม? นั่นคืออะไร?”
“……”
มีพอร์ทัลเปิดและนำไปสู่ ดันเจี้ยนอันโนว.
มันต้องมีการเสียสละเป็นจำนวนมากจริงๆ.
พอร์ทัลของดันเจี้ยนเลเวล 25 ไม่เคยเปิดเลยแม้ว่าผมจะวิ่งกี่ครั้งก็ตาม.
เนื่องจากมอนอเตอร์ในดันเจี้ยนถูกจัดการแล้ว พอร์ทัลทางออกก็เปิดเช่นกัน.
เมื่อสังเกตเห็นอย่างนั้น ผมไม่ได้โฟกัสไปที่พอร์ทัลเลย โกสต์หัวเราขณะที่พูด.
“โอ้…ดูเหมือนว่านายจะรู้ โจ๊กเกอร์บอกนายก่อนที่เขาจะตาย?”
“……”
“ไม่ใช่หรอ? นายรู้ไหมว่าฉันนำลูกน้องของฉันมาที่นี่ทำไม?”
“มันเพราะ….”
“คุคุ ถูกต้อง.”
รอยยิ้มที่แจ่มใสของเขาก็บิดเบี้ยวทันที.
“ฉันอยู่ที่นั่นเมื่อ 5 ปีก่อน จะให้ดีกว่านี้ถ้าจะบอกว่าฉันติดอยู่ที่นั่น? นรกที่ฉันใช้ชีวิตอยู่นั่นเมื่อครั่งอดีต…จนถึงตอนนี้เมื่อฉันคิดถึงตอนนั้น ร่างกายของฉันก็ยังสั่นอยู่เลย.”
“เหตุผลที่แกพาฉันมาที่นี่…มันเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องตายเพื่อที่แกจะได้เข้าไปที่นั่น?”
“ขอแก้หน่อยนะ หลังจากที่ฉันได้ลิ้มลองความสามารถของนาย มันคงใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี ฉันสามารถทำลายสถานที่แห่งนั้นได้ในวันเดียวและออกมาได้”
“ลิ้มลองความสามารถของฉัน? แกกำลังพูดเกี่ยวกับการชิมพวกอาหารด้วยการเปรียบว่ามันคือความสามารถงั้นรึ ตัวตนของแกจริงๆคืออะไรกันแน่?”
“นายอยากรู้ไหม? ฮี่ฮี่ นายจะได้รู้มันแล้ว.”
“อ่า มันอย่างนั้น แกรู้ไหมว่าทำไมแกถึงติดอยู่ที่นั่นถึง 5 ปี?”
“หืม…นั่นก็เพราะฉันไม่ได้เตรียมตัวมาดีพ-”
“ผิด นั่นเพราะแกมันอ่อนแอ มันยังเหมือนเดิม แม้แต่ตอนนี้!”
เนื่องจากผมอยู่ใกล้เข้าแล้ว มันก็เป็นเรื่องของเวลาก่อนที่ผมจะเข้าถึงตัวโกสต์.
อย่างไรก็ตาม เมเทโอไม่อาจใช้มันกับเขาได้.
คทาที่เขาใช้เก็บเมเทโอได้ง่ายๆยังอยู่ ราวกับกำลังเยาะเย้ยผม.
ผมยังไม่มีข้อมูลใดๆกับอาวุธที่เขาถืออยู่.
เป็นไปได้ว่ามันอาจจะเป็นการบล็อคการโจมตีประเภทไฟเท่านั้น.
ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาจะโจมตีและส่งมันกลับมาให้กับผม.
ให้ดี มันอาจจะไม่เป็นปัญหาเพราะผมไม่มีสกิลไหนที่เป็นสกิลบียอนแรงค์.
ผมฟันดาบบุชเชอร์ ผมร่ายเวทย์ไอซ์เบริกออกไปในเวลาเดียวกัน.
ผมหวังว่าคทาของเขาจะป้องกันการโจมตีธาตุไฟเท่านั้น.
“แม่ง…..”
ผมอดไม่ได้ที่จะสถบออกมา.
มันไม่ใช่เพราะผมโจมตีพลาด.
ตรงกันข้ามกับที่ผมคาดเอาไว้ ดาบของที่เต็มไปด้วยพลังของ Formless Sword Aura ได้โจมตีเข้าที่ข้อมือของเขาตรงๆ.
ผมวางแผนที่จะตัดแขนขวาของเขาซึ่งกำลังถือคทาและใช้เมเทโอใส่อย่างบ้าคลั่ง.
มันเป็นเพราะพลังจากค่าสถานะที่ได้มาจากบุชเชอร์ซอร์ด?
จากมือที่ถูกตัดมีเลือดไหลออกมาราวกับน้ำพุ.
‘ค่า Str ของเรามันเพิ่มขึ้นแค่ไหนนะ….’
“อ่า….อ้ากกก! ทำไมแกทำอย่างนี้!”
เขาจับไปที่ข้อมือของเขาและพูดราวกับเขากำลังต่อว่าเรื่องนี้ด้วยความไม่พอใจ.
ยิ่งกว่านั้น เขารีบสวมหมวกที่เขาถอดออกก่อนหน้านี้.
การกระทำเช่นนี้ แม้ว่าจะได้รับการโจมตีมันก็จะส่งผลกระทบต่อการต่อสู้อย่างมาก แต่ผมก็แน่ใจว่าเขาจะไม่ทำโดยไร้เหตุผล.
ตอนนี้เขาไม่ควรจะคาดเดาการโจมตีครั้งแต่ไปของ Formless Sword Aura ได้.
ผมไม่แน่ใจว่าเขาเพิ่มแต้มไปเท่าไร แต่ค่าสถานะที่เพิ่มเข้ามามันมากอย่างไม่น่าเชื่อ.
ถ้าผมสามารถดูดซับมันได้อย่างป่าเถื่อนอย่างนี้ เขาจะต้องยอมรับความตายแต่โดยดี.
ขณะที่เขาถอย ผมก็เข้าไปใกล้ขณะที่พูด
“แกแน่ใจว่าจะใช้พลังได้ แม้ว่าจะตายไปแล้ว.”
“อูย อูยยย! มันเจ็บ!”
“โจ๊กเกอร์อาจจะเป็นอย่างนี้แน่ๆ หลังจากที่เขาเจอนาย นายอาจจะไม่รู้สึกถึงความท้าทายมากนัก.”
“คุคุ สับสนไปหมด เดาว่าฉันต้องใช้มันเพิ่มอักหน่อนก่อนที่จะทิ้งมันไป.”
“ห๊ะ?”
“ย้าาาาก!”
หลังจากทำเสียงแปลกๆ เขาก็พุ่งเข้าหาผม.
ดาบสั้นในมือซ้ายได้เปลี่ยนเป็นดาบใหญ่ในไม่ช้า.
ไม่นาน เขาก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของผม.
ราวกับว่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เหยียดแขนฟันมาที่ผม.
มันเป็นสกิล True One Strike.
มันเป็นการโจมตีครั้งเดียวที่ทรงพลังมากเพราะมันเป็นบียอนแรงค์.
มีความต่างเพียงอย่างเดียว มันก็คือ One Strile มีระยะแค่ 3 เมตร แต่ True One Strike นั้นมีระยะเกือบ 10 เท่าและความเสียหายที่สร้างก็เหนือกว่า.
“ถ้านั่นเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายของแก แกเลือกคู่ต่อสู้ผิดแล้ว!”
-ชิ้ง!
-ชวิ้ง!
-ตึบ
ดาบใหญ่นั้นมีขนาดเท่ากับร่างกายของผู้ชายโตเต็มวัย.
แต่บุชเชอร์ซอร์ดนั้นป้องกันมันได้ง่ายๆ.
แทนที่จะพึ่งสกิล มันถึงเวลาที่จะลองว่าความแข็งแกร่งด้านร่างกายของผมจะเพิ่มจากเมื่อก่อนไหม.
มีออร่าดาบเกือบร้อยเล่มลอยเข้าหาเขา.
สิ่งที่ออร่าทำได้นั้นทำให้ลืมการฟันอย่างป่าเถื่อนไปเลย.
ร่างกายของเขาถูกฉีกออกจากกันและเขาก็ตายไปแล้ว.
อย่างที่ผมพูดก่อนหน้านี้ โจ๊กเกอร์นั้นทรงพลังมาก.
โกสต์ก็เป็นผู้นำกลุ่มหัวรุนแรง แต่ก็สามารถเอาชนะเขาได้ง่ายๆอย่างนี้.
เกราะสีทองของเขาถูกฟันเป็นชิ้นๆจนไม่อาจจำหน้าตาของมันได้.
“เดาว่ามันไม่ได้เป็นเกราะที่ดีนัก.”
ผมมองไปที่คทาทันที.
มันมีความสามารถอย่างไม่น่าเชื่อ.
ขณะที่ผมพยายามหยิบคทา…
“หึม!”
มันหนักพอที่จะทำให้ผมส่งเสียงฮึบออกมา.
ไม่ว่าผมจะใช้แรงแค่ไหน ผมก็ไม่อาจยกมันขึ้นได้.
นี่ไม่สมเหตุสมผล.
ความแข็งแกร่งของผมไม่พอ?
ไม่มีทาง.
บางทีมันอาจจะต้องเป็นมานา เนื่องจากมันเป็นคทา.
แต่นั้นก็ทำให้ผมรู้แย่ลง.
ผมมีมานาไม่จำกัด.
ถ้ามันเป็นอาวุธที่ต้องใช้มานาในปริมาณหนึ่ง มันก็ไม่มีอาวุธไหนในโลกที่ผมจะไม่อาจหยิบมันได้.
ผมพยายามตรวจสอบด้วย Eye of Insight แต่ก็ทำไม่ได้.
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น.
จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงดังอยู่ในหูของผม.
“จนกว่าเจ้าของจะตาย ก็ไม่มีใครใช้มันได้.”
“หึม!”
-แกร๊ก!
ด้วยการตอบสนอง ผมใช้เมเทโอทันที.
โกสต์อยู่ตรงนั้นแน่ๆ.
อย่างไรก็ตามศพของเขาอยู่ด้านหลังของผม.
เขาสวมชุดเดียวกันกับที่เขาใส่ก่อนหน้านี้และยืนอยู่ข้างๆผม.
ตามที่เขาพูด อาวุธที่ผูกมัดกับอเวคจะไม่อาจตรวจสอบได้ แม้ว่าจะเป็น Eye of Insight ก็ตาม.
มองดูที่ใบหน้าของที่เต็มไปด้วยความตกใจ โกสต์พูด.
“เด็กน้อยที่คงเศร้าที่คิดว่ามันจบเร็วแบบนี้ ตอนนี้เรามาเริ่มจริงๆได้แล้วหรือยัง.”
“ดะ..ได้ไง.”
“คนที่นายฆ่าเมื่อกี้? อืมม เขาเป็นตัวตนที่มีสถานะที่ดีที่สุด แม้ว่าสกิลของเขาจะไร้ค่าก็ตาม”
“ตัวตน?”
“มีตัวตนมากมายหลายตัวตนในร่างของโกสต์ เรทุกคนอยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะให้คนอื่นเห็นเพราะนายจะต้องตายด้วยมือของฉัน.”
คำพูดและอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน.
เมื่อคิดถึงสิ่งที่คนก่อนหน้านี้พูดเกี่ยวกับรูปแบบและความสามารถเหล่านี้ ดูเหมือนว่าโกสต์จะดูดซัยตัวตน,ความสามารถและบุคลิกภาพของคนอื่นได้.
จากนั้นคำตอบก็ชัดเจน.
ผมจะต้องฆ่าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าตัวตนของเขาจะไม่ปรากฏขึ้นมาอีก.
“ไม่ว่าจะ 10 หรือ 100 ฉันจะฆ่ามันให้หมด ฉันหวังว่าความเจ็บปวดจากตัวตนอื่นๆจะส่งไปถึงแกด้วยเหมือนกัน….”
“ย๊าาา!”
เขาขยับมือพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างรุนแรง.
มีบางอย่างถูกซัมม่อนออกมา.
เมื่อตรวจสอบด้วย Eye of Insight ของผม ผมพบว่ามันคือมอนเตอร์แรงค์ S+ ราชาซุนวู.
“นายมีพลังซัมม่อนแล้วไง ฉันก็มีเหมือนกัน.”
“ว๊ากกก!”
พร้อมกับร่ายเวทย์ อวตาลขนาดใหญ่สามร่างก็เกิดขึ้น.
ประเภทไฟฟ้า,ประเภทไฟและประเภทน้ำแข็ง ถูกซัมม่อนออกมา.
แม้ว่าสกิลนี้จะเป็นสกิลระดับ S+ แต่เลเวลของอวตาลนั้นก็เลเวล 200.
พลังการต่อสู้ของพวกมันอาจไม่เท่ากับผม.
ฝั่งของผมจึ้งได้เปรียบอย่างแน่นอน.
“ไป! สับเขา!.”
“กว้าาาก!”
ซัมม่อนเป็นที่รู้จักกันดีว่ามันจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อพวกมันสู้กันเอง.
กลิ่นเลือดที่น่าหวาดหวั่นของพวกมันลอยเต็มไปในอากาศ.
ผมแค่มองดูพวกมันพักนึงก่อนที่จะมุ่งความสนใจไปที่โกสต์.
ถ้าเขาเป็นซัมม่อน มันก็ไม่มีซัมม่อนคนไหนที่แข็งแกร่ง เขาก็คงไม่แข็งแกร่งมากนัก.
ด้วยท่าทางที่ไม่มั่นใจบนใบหน้าของแก ฉันเห็นเต็มในสายตาของฉันเลย.
“ฉันจะแยกนายเป็นชิ้นๆเหมือนกัน!”
****
“ฮยองนิม คุณคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาไหม?”
“เฮ้ย! อย่าพูดว่ามันเป็นเรื่องตลกสิ.”
“หา…ผมคิดว่าผมกำลังบ้าเพราะความกังวล.”
จุงโฮและโฮจินรออยู่นอกดันเจี้ยนเลเวล 34 ด้วยความกังวล.
มินชอยบอกให้พวกเขากลับบ้าน แต่พวกเขาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร.
โกสต์และลูกน้องของเขาซ่อนตัวอยู่ในดันเจี้ยน.
จากนั้น มันก็ผ่านไปกว่า 20 นาทีแล้ว พวกเขาต่างกระทืบเท้าด้วยความกังวล เนื่องจากไม่อาจเข้าไปในดันเจี้ยนได้ พวกเขาจึงทำได้แค่ยืนอยู่ตรงนี้และรอ.
แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไปในดันเจี้ยนตอนนี้ พวกเขาก็จะเข้าไปยังพื้นที่อื่น.
มีภาพอยู่บนโทรศัพท์ นั่นคือมินชอยก่อนที่จะกลับบ้าน.
มันเป็นกลอุบายที่ชั่วร้ายอย่างแน่นอน เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้.
อย่างไรก็ตามมินชอยก็บอกว่าไม่อาจไม่เข้าไปได้.
มันเพราะเขาคิดว่าทั้งสองไม่อาจจัดการได้.
มินชอยเชื่อว่าหากคู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งพอที่จะทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง อย่างน้อยๆก็ต้องตัดมือขวาของสุดยอดบอสนี้ให้ได้.
เนื่องจากพวกเขาไม่อาจเมินเฉยคำพูดของมินชอยที่เต็มไปด้วยความมั่นใจได้ ทั้งสองจึงยืนเฝ้าอยู่ที่นี่.
จุงโฮเกลียดตัวเองที่ไม่อาจทำอะไรได้ในสถานการณ์นี้.
เริ่มจากโนเบลซ จากนั้นก็โจ๊กเกอร์และตอนนี้ก็โกสต์.
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่เขาก็ยังอ่อนแอเกินกว่าจะต่อสู้กับพวกเขาได้.
การพบกันครั้งแรกของจุงโฮและมินชอยนั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก.
เด็กคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและขอขึ้นรถของเขา ขณะที่เขารีบที่จะไปเอารางวัลบางอย่างจากการป้องกันพอร์ททัลระเบิด.
แม้แต่ตอนนี้ เขาก็พบว่าตัวเองน่าหัวเราะแค่ไหนเมื่อเขาคิดถึงวันวาน.
เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไล่มินชอยออกไปแทน.
เมื่อคิดถึงบุคคลิกของเขาเอง มันคงไม่อาจเรียกได้ว่าจะมาไกลถึงขนาดนี้.
ครึ่งปีต่อมาหลังจากการเจอกันครั้งนั้น.
เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นและจุงโฮก็ยังคงอยู่ข้างๆเขา.
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกกังวลแตกต่างออกไปในครั้งนี้.
เพราะเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกไม่ดีในวันนี้.
เขารู้ทันทีว่ามินชอยแข็งแกร่งแค่ไหน.
ยิ่งกว่านั้นเขายังรู้ด้วยว่ามินชอยได้รับ Exp มากเพียงใด.
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ในสถานการณ์นี้…
“มัน…มันนานแค่ไหนแล้ว?”
“…..”
“ฮ่าฮ่า บางทีฉันอาจจะนับเวลาผิดตั้งแต่เขาเข้าไป ฮยองนิม.”
“ผ่านมาชั่วโมงหนึ่งแล้ว.”
“เฮ้ย ไม่มีทางน่า คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้มองเวลาผิด?”
“…..”
“แม่งเอ้ย! มันไม่สมเหตุสมผลเลย!”
หนึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่มินชอยเข้าไปในดันเจี้ยน.
คิดถึงเวลาที่เขาเข้าไปในดันเจี้ยนทุกครั้ง อย่างน้อยๆต้องมีหนึ่งคนที่ต้องออกมาแล้ว.
หรือบางที ทั่งคู่อาจจะตายแล้ว.
ด้านนอกดันเจี้ยนที่ทั้งสองเฝ้าอยู่ พื้นที่รอบๆเงียบสงัด.
“อะไร! ทำไมเขาถึงออกมา!”