I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 9. รสชาติของเงิน!มันติคอร์(4)

Chapter 9 รสชาติของเงิน!มันติคอร์(4)

Chapter 9 รสชาติของเงิน!มันติคอร์(4)

เวลปัจจุบันของผมคือ 25.
ผมประสบความสำเร็จในสิบวันแรกของโรงเรียนหยุด. คนอื่นๆใช้รูปแบบปาร์ตี้ 4-5 ในการเคลียร์ดันเจี้ยน, แต่ผมสามารถเคลียร์ได้ด้วยตัวเอง.
ดูผ่านๆ, มันดูเหมือนผมมีอัตราการเติบโตมากกว่าอเวคปกติ 4-5 เท่า, แต่ในความจริง, มันมากกว่าอย่างน้อย 10 เท่า.
ทำไมหรอ? เพราะผมข้ามดันเจี้ยนระดับต่ำๆ, ไปดันเจี้ยนระดับสูงแทน.
การมีความสามารถซึ่งไม่เสียเวลาฟื้นฟูมานามันดีจริงๆ.
และในตอนนี้ ผมกำลังทำบางอย่างซึ่งมีเพียงอเวครวยๆเท่านั้นที่ทำได้.

ในวันศุกร์, หลังจากเส็จจากการล่า, ซางมินได้ชวนผมเข้ากิลของเขา: “Nobless”.
ตามที่ตรวจสอบดูมันเป็นกิลที่พอดูได้.
มันไม่ได้เป็นกิลใหญ่, อย่างมากมันเป็นกิลขนาดกลาง; กิลที่ไม่มีประวัติหรือธรรมเนียมใดๆ.
อย่างไรก็ตาม, การเข้าร่วมกิลเหมือนเป็นความฝันของคนอื่นๆที่เวลเท่าผม. ถ้าเพิ่มปัจจัยเวลาที่ผมได้เป็นอเวคอีก, มันจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเกรงกลัวมาก.
การใช้กิลให้เป็นหินก้าวผ่านเพื่อไปจุดที่สูงกว่า มันเป็นความคิดที่ไม่เลว.
การเข้าร่วมให้ผลตอบแทนจำนวนมาก, เช่นพื้นที่ล่าที่ดีกว่า, ของดรอป, ไอเทม, และข่าวสาร.
แต่มีกฎ 2 ข้อที่ผมไม่สบายใจ.

อย่างแรกคือเงิน.
ทุกสัปดาห์, ต้องจ่าย 10% ของรายได้เพื่อกิล.
การอ่อนไหวเกี่ยวกับเงิน, นี้เป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่.
อย่างที่สอง, แม้ว่ามันไม่ค่อยเกิดขึ้น, แต่มันเคยมีสถานการณ์นี้เกิดขึ้นซึ่งกิลได้ต่อสู้กัน, ผมต้องมีส่วนร่วม. ถึงยังไง, แม้ผมจะเข้าร่วม, แต่มันมีมากสุดเพียง 5% ที่จะมีการสู้กัน.
ผมก็ยังคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้อยู่.

* * *

….-…..
กูดด มอนิ่งง~ กูดด มองนิ่ง~

มันนานแล้ว ตั้งแต่ผมตื่นด้วยเสียงปลุก.
ด้วยสาเหตุบางอย่างซางมินไม่โทรมา.

“เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าเขาหลับลึก?”

ผมโทรหาซางมิน.
หลังจากโทรได้แปปนึง, เขารับโทรศัพท์.

“มินชอลเกิดอะไรขึ้น?”

มันไม่ใช่เสียงของคนเพิ่งตื่น.
ผมบอกกับซางมินและปาร์ตี้ของเขาให้พูดปกติกับผม.
อินอาและยองฮยอน 23, ซางมิน 25, และท้ายสุดชางฮยอค 30.

“หวัดดี, รุ่นพี่. วันนี้เราไม่ล่าหรอ?”
“อะไรนะ? วันนี้? วันนี้วันเสาร์. วันเสาร์นายควรผักผ่อนนะ.”

ผมแปลกใจ. หรือเขาเป็นข้าราชการ? (หยุดเสาร์ อาทิตย์)
ผมจึงถาม.

“ดังนั้นไม่ใครล่าวันสุดสัปดาห์? ไม่มีใครล่าใช่มั้ย?”
“แน่นอนพวกเราไม่ล่า. พวกเราทำงานหาเงินเพียง 5 วันเพื่อให้ได้เงินที่เพียงพอ. .. แต่นี้นาย~~ นายกำลังหมกมุ่นกับเงิน, ใช่มั้ย?”
“ฮ่าฮ่า, มันไม่ใช่อย่างนั่น… ไม่มีทาง, โอเค. ผักผ่อนมากๆ, รุ่นพี่.~”

หลังจากจบการโทร, ผมรู้สึกว่าคำพูดที่เขาบอกมันให้รู้สึกตัว.
“อืมม, การเป็นอเวคมันเป็นอาชีพเกินไป. แต่ว่ามันค่อนข้างพิเศษ.”

บางที่ผมผู้ซึ่งไม่แม้แต่จะคิดอาจจะงี่เง่าก็ได้ ‘ถ้ามีเงินมากๆ, แน่นอน ผมควรผักผ่อน.’.

… … … ….

ผมรู้สึกถึงตัวตนในห้องครัว.
ผมรวมสายฟ้าไว้ในมือ, และเปิดประตูอย่างระมัดระวัง.
ผมเห็นแม่ของผม ผ่านช่องเล็กๆ.
หลังจากประถมปี 2, แม่ไม่เคยอยู่บ้านในวันสุดสัปดาห์.
รอยยิ้มเกิดขึ้นไม่รู้ตัวบนหน้าของผม.

“แม่…”
“ตื่นแล้วหรอ, ลูกชาย?”

ในตอนเช้ามืดผมจะเห็นแม่ทำอาหารในบ้างครั้ง.
แต่ครั้งนี้, เธอไม่ได้รีบทำอาหาร, มันเป็นบรรยากาศที่เงียบสวบ. ผมสงสัยว่านี้อาจเป็นความสุขที่แท้จริง.
ห้องครัวของร้านอาหารกำลังถูกออกแบบใหม่, ดังนั้นเธอจึงได้หยุด 2 วัน.
ผมอยากจะข้ามการล่าของวันนี้ไป, เพื่อทานอาหารเช้าและใช้เวลากับเธอ.
ทันใดนั้น…

……!

มีใครกำลังเคาะประตู?
มันน่าจะเป็นพวกทวงหนี้…
ปกติพวกมันจะมาหลังแม่ของผมออกไปทำงานแล้ว. ทำไมพวกมันถึงมาวันนี้?

“ปาร์คซีรัน! ปาร์ซีรัน!!”

ปกติพวกมันจะมา 1 ครั้งต่อเดือน.
ผมให้พวกมัน 3 ล้าน 2 ครั้งใน 10 วัน
แน่นอน, มันไม่พอที่จะจ่ายดอกเบี้ยคืน.
แม้ผมจะเจอเรื่องนี้แต่ผมทำตัวค่อนข้างปกติ, ส่วนแม่ของผมตกใจ.
ผมได้ยินผู้ชายคุยกันข้างนอก.
ผมไม่รู้ว่าพวกมันพูดอะไรกัน, แต่ไม่นานหลังจากจบบทสนทนา.

….!

ผู้ชาย 3 คนพังประตูหน้าบ้านและเข้ามาในบ้าน.

“…… ถ้ามีแขกมาหาคุณควรที่จะเปิดประตูนะ! คุณรู้มั้ย, คุณไม่สามารถปลดหนี้ได้ด้วยการหนีมัน, ใช่มั้ย?

ผู้ชายคนข้างหน้าพูด
ผมเคยเห็นชายคนนี้สองสามครั้งก่อนหน้านี้, ตอนผมอยู่บ้านคนเดียว.
เขาคือไอ้สารเลวนั้นผู้เก็บสัญญาและบ่นเกี่ยวกับดอกเบี้ยมากเท่าไหร่ที่ต้องจ่าย. ในปกติ, หลังจากบ่น, เขาจะไปในไม่ช้าหลังจากนั้น.
เขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นอเวค, แต่ชาย 2 คนข้างหลังเขาเป็น. พวกเขาอาจเป็นคนทำลายประตู.

“ฉันขอโทษ, ฉันขอโทษ. ไม่ว่าจะยังไงฉันจะจ่ายดอกเบี้ยคืนให้.”
“เฮ้, ปาร์คซีรัน! มันดูเหมือนคุณจะพบวิธีหาเงินแล้ว. ถ้าคุณมี, คุณควรจะจ่ายดอกเบี้ยเป็นอย่างแรก. มันเป็นสิ่งที่ถูกใช่มั้ย?”

หลังจากเห็นไอ้สารเลวนั้นแตะไหล่และหัวแม่ของผมด้วยนิ้วของมัน, ความโกรธเรื่มเรื่มปกคลุมหัวของผม.
ผมเตรียมจะผลักไอ้สารเลวนั้นออกไป, แต่…

“….”

อเวคทั้งสองที่อยู่ข้างหลังเขาคว้าแขนและตัวของผมในทันที.
แขนขาผมถูกล็อคอย่างแน่นหนา. ผมไม่สามารถขยับตัวหรือแม้กระทั้งต่อต้าน.

‘สารเลว! ไอ้นรกพวกนี้มันเป็นใครกัน!?’
พวกเขาแข็งแกร่งกว่าผมแน่นอน

“ว้าว, ลูกชายของคุณทะเยอทะยานมากจริงๆ! เด็กน้อย, นายอยากเจอฉันมากใช่มั้ย? จากนี้ไป, ฉันจะมาให้นายเห็นบ่อยๆ. ดังนั้นเราจะได้เจอกันอีกครั้งแน่นอน.

ไอ้สารเลวนั้นพูดขณะแตะแก้มของผม.
แม้จะอเวคแล้ว, ผมก็ยังรู้สึกโกรธและอัปยศ, เหมือนกับความรู้สึกต่อแจฮยอก.
ผมเริ่มสงสัยว่าพวกเขามาเพื่อทำให้เราตกใจ. ไม่นานหลังจากนั้น, ก็กลับไป.
หลังเขาออกไป, พวกที่ล็อคผมก็ตามเขาออกไป.
ผมกัดฟันและสาบานว่าจะแข็งแกร่งขึ้น. ในวันหนึ่งผมจะจ่ายหนี้, และแกจะตายด้วยมือของฉัน.
แม่จ้องไปที่ประตูที่พวกเขาเดินออกไปและพึมพำเงียบๆกับตัวเอง.

“ไอ้สารเลวพวกนั้น…”
“หืม? ลูกพูดอะไร?”
“ป่าว,มันไม่มีอะไร.”
“ลูกเป็นอะไรมั้ย?”
“ครับ, ผมสบายดี.”
“…แม่, คุณไม่เป็นอะไรนะ?”
“แน่นอน! แม่สบายดี. ทานอาหารเช้ากัน. แม่ทำไข่นึ่งที่ลูกชอบไว้.”

ผมไม่รู้ว่าเธอเข็มแข็งหรื่อแกล้งแสดง.
ไม่ว่าจะอะไร, ผมไม่สามารถเสียเวลาได้แล้วนะตอนนี้.
ในสถานการณ์นี้, การผักผ่อนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น. ผมเริ่มเตรียมพร้อมที่จะไปดันเจี้ยนอีกครั้ง.
ขณะที่ผมถึงทางเข้าประตู, แม่พูดกับผม:

“ลูกชาย, แม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีเงิน, แต่แม่ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีลูกนะ. ลูกต้องเรียนอย่างหนักและต้องกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์เหมือนไทสัน. แม่จะทำของอร่อยๆให้ในมื้อเย็น, กลับมาอย่างปลอดภัยนะ, ตกลงมั้ย?”

ผมอยากจะหัวเราะ, และบอกเธอว่า ‘ผมเก่งกว่าไทสันแล้วในตอนนี้.’, , แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างผมรู้สึกขมขืนและอึดอัด.เมื่อไรก็ตามที่ผมพูดกับเธอ, ผมรู้สึกเหมือนมีหินอยู่ในท้อง.

“ครับ, นางสาวปาร์ค. เดี๋ยวผมกลับมานะ!”

ผมทำเหมือนว่าจำอะไรที่เกิดขึ้นไม่ได้, และทำหน้าตลก.
แม่จ้องที่ผม, และใบหน้าของเธอบานออกซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สวยที่สุดในโลก.

ไม่นานหลังจากถึงดันเจี้ยน, ผมสังเกตเห็นลักษณะทางเข้าดันเจี้ยนค่อนข้างเงียบ. ผมเดาว่าเพราะมันเป็นวันสุดสัปดาห์.

มันเหมือนว่าทุกๆทีมมีแบบฟอร์มทีมที่เหมือนๆกัน สมาชิก การเติมมานา, หรือการบำรุงไอเทม.

“อิมม… ฉันควรจะไปคนเดียว?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset