ตอนที่ 229 ถ้าแบบนี้เธอจะโอเคไหม ?
หลังจากที่เจอที่นั่งแล้ว เอลิซาเบธก็มองไปรอบๆก่อนที่จะบ่นออกมาว่า ” ต้องโทษนายที่เลือกหนังเรื่องนี้ ดูสิเขามาแล้วยังต้องรออีกตั้งหลายนาทีแหนะ”
เอริคผลักป๊อปคอร์นและโจ๊กใส่ไว้ในมือของหญิงสาวก่อนที่จะกล่าวว่า “ ก็เธอเป็นคนบอกให้ฉันเลือกเองนี่ รอแค่ไม่กี่นาทีเอง อีกอย่างหนังเรื่องนี้ก็ไม่เลวเลย”
“ นายเคยดูแล้วหรือไง ? “ เมื่อได้ยินเอริคพูดเช่นนั้นหญิงสาวก็ถามขึ้น
เอริคส่ายหน้าก่อนที่จะตอบกลับไปว่า ” อาจจะมั้ง”
หญิงสาวกรอกตามองบนก่อนที่จะพูดว่า ” อาจจะอะไรของนายเนี่ย เคยก็ตอบว่าเคย ไม่เคยก็ตอบว่าไม่เคยสิ”
เอริคไม่ได้ตอบหญิงสาวเพราะเขาก็คงจะไม่สามารถบอกหญิงสาวได้ว่าเขาเคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนในตอนที่เขาอยู่อีกร่างหนึ่ง จะว่าไปตอนที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เอริคก็เคยบอกให้นิโคลมาดูหนังเรื่องนี้เช่นกันเพื่อให้หล่อนได้มาดูสไตล์การแสดงของเม็กไรอัน
ไม่กี่นาทีก่อนที่หนังจะเริ่มฉาย เอริคก็พบบางสิ่งที่น่าสนใจมาก
ผู้เขียนบทหนังเรื่อง When Harry Met Shaly เป็นหญิงสาวซึ่งมีชื่อว่าหัวร่า แอฟรอน แม้ว่านักเขียนและผู้กํากับหญิงคนนี้จะสร้างผลงานที่ประสบความสําเร็จมากมายแต่ชื่อเสียงของหล่อนกลับไม่ได้เป็นที่กล่าวถึงเท่าไหร่นัก สําหรับแฟนๆที่กล่าวถึงผลงานของหล่อนต่างก็จะพูดถึงนักแสดงหลักในภาพยนตร์แต่กลับไม่มีใครสนใจผู้เขียนบทคนนี้เลย
และแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเท่าไหร่นัก สิ่งที่เอริคค้นพบคืออย่างน้อยในงานของนัวร่า แอฟรอนที่เขาได้เคยดูมา ก็ทําให้เขาได้เห็นว่านักแสดงนําหญิงของหนังทุกเรื่องที่หล่อนเขียนขึ้น ต่างเป็นคนที่มีความหวานและความอ่อนโยนในตัวเองเป็นอย่างมาก
เม็ก ไรอัน ได้รับตําแหน่งนักแสดงอันเป็นที่รักของชาวอเมริกันก็เพราะหนังเรื่อง When Harry met Shally อีกทั้งผลงานอื่นๆของนัวร่า แอฟรอน นักแสดงหญิงของหล่อนต่างถูกตั้งคําคุณศัพท์ไว้ว่า อ่อนหวาน แทบทุกคน นอกจากเม็ก ไรอันแล้ว นิโคล คิดแมนที่เจ้าอารมณ์ก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอ่อนหวานในเรื่อง Bewitched เช่นกัน นอกจากสองคนก่อนหน้านี้ยังมี อีกคนที่เปลี่ยนเป็นสาวหวานเช่นกันนั่นก็คือ เมริล สตรีฟที่เป็นนักแสดงหญิงในเรื่อง Firelight
จากผลงานที่เกิดขึ้นทําให้ผู้ชมสามารถรับรู้ได้ว่าภายในใจของผู้กํากับสาวคนนี้มีความเป็นสาวน้อยอยู่ข้างใน เพราะหากไม่ใช่เพราะตัวตนที่แท้จริงของหล่อนที่เป็นเช่นนี้ หล่อนก็คงจะไม่สามารถเขียนบทของนักแสดงหญิงที่มีสไตล์คล้ายกันได้มากถึงเพียงนี้
หลังจากที่ไฟในโรงภาพยนตร์ถูกหลงคําบรรยายก็หายไป การเริ่มเรื่องของหนังเรื่องนี้เปิดฉากด้วยการเปิดตัวของคู่สามีภรรยาที่มีผมขาวโพลนที่กําลังเล่าถึงเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และเล่าว่าพวกเขาได้มาเจอกันได้อย่างไร
แม้ว่าคู่สามีภรรยาในจอจะเป็นนักแสดง แต่เรื่องที่พวกเขากําลังพูดถึงเป็นเรื่องจริงที่หัวร่าได้สัมภาษณ์คู่รักก่อนที่หล่อนจะนํามันมาเขียนบทให้กับผู้ชมได้ดู เอริคนั่งฟังเรื่องราวของคู่สามีภรรยาด้วยความเพลิกเพลินทว่าเอลิซาเบธที่นั่งอยู่ด้านข้างของเขากลับหันมาถามด้วยความงุนงงว่า “ เอริค เกิดอะไรขึ้นเหรอ ?”
“ไม่ต้องรีบ ดูไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็รู้เอง ”
ระหว่างที่บทยังคงถูกเล่าต่อไปเรื่อยๆ ภาพของหนุ่มสาวที่กําลังขับรถจากชิคาโก้มาถึงนิวยอร์กด้วยกันก็ถูกฉายเข้ามาแทนที่ โดยระหว่างทางทั้งสองต่างถกเถียงกันถึงเรื่องของมิตรภาพระหว่างชายกับหญิงที่ไม่มีวันเป็นไปได้ และเป็นเพราะความไม่ลงรอยของกันและกันจึงทําให้ทั้งคู่ต้องแยกย้ายกันไปในที่สุด
ห้าปีต่อมา พวกเขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ในเวลานั้นนางเอกได้เจอกับคนรักของตนเองแล้ว และพระเอกเองก็กําลังจะแต่งงาน ดูเหมือนว่าชีวิตของพวกเขากําลังจะสมบูรณ์แล้ว พวกเขาคิดว่าในเวลานี้พวกเขาจะสามารถเป็นเพื่อนที่สนิทกันได้อีกครั้ง
ห้าปีหลังจากนั้น พระเอกหย่ากับภรรยาของตนเอง ในขณะที่นางเอกก็เลิกกับแฟนหนุ่มของตนเองเช่นกัน ภายใต้การล้อเล่นของโชคชะตาทําให้ทั้งสองคนกลับมาพบกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนที่ดีต่อกัน
ในเวลานี้พวกเขาไม่ได้วิ่งหนีกันและกัน แต่เพียงวิ่งเหยาะเท่านั้น ซึ่งนั่นทําให้เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันเนิ่นนานมากขึ้นเรื่อยๆ ความเป็นเพื่อนของพวกเขาที่มาถึงจุดอิ่มตัวจนทําให้ไม่รู้ว่าจะสนทนาอะไรกันอีกต่อไป จนในที่สุดพวกเขาก็ได้แนะนําเพื่อนของตนเองให้เพื่อนของอีกฝ่ายได้รู้จักกัน เพราะหวังว่าทั้งคู่จะสามารถเป็นคู่ชีวิตของกันและกันได้ พวกเขาทําเรื่องนี้สําเร็จแต่ว่ามันสําเร็จเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เพื่อนของเขาพบและได้รู้จักกันและกันแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน ในช่วงระหว่างพิธีทั้งนางเอกและพระเอกต่างก็ยังยืนกรานในความคิดของตนเองว่าในตอนแรกพวกเขาตกลงที่จะเป็นเพื่อนกันและพวกเขาก็ไม่ควรที่จะทําลายความ สัมพันธ์เช่นนี้
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจสุดท้ายแล้วเรื่องบนเตียงก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในตอนเช้าที่พวกเขาลืมตาตื่นขึ้นมาพวกเขาก็ค้นพบว่าตนเองอยู่บนเตียงเดียวกัน ความตื่นตระหนกทําให้ทั้งสองพยายามที่จะหลีกเลี่ยงซึ่งกันและกัน ในที่สุดในช่วงส่งท้ายปี ตัวละครชายก็ทนไม่ไหวที่จะสารภาพความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจกับหญิงสาวออกมาก่อนที่ทั้งสองจะจูบกันพร้อมกับน้ําตา
กล้องหยุดฉายไปที่โซฟาตัวเดิมทว่าคนที่นั่งกลับไม่ใช่สามีภรรยาที่มีอายุก่อนหน้านี้ ในเวลานี้มันแปรเปลี่ยนกลายเป็นคู่ของพวกเขาหลังจากที่แต่งงานกันแล้ว พร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น และแน่นอนว่าการโต้เถียงเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
สิบสองปีกับอีกสามเดือน ความสวยงามของความรักหนุ่มสาวก็ได้เปลี่ยนเป็นคู่สามีภรรยาในที่สุด
ไฟสว่างขึ้นพร้อมกับจอฉายภาพที่มืดลง
หนุ่มสาวที่เขามาดูหนังเรื่องนี้ต่างทําราวกับว่าเป็นเด็กทารกตัวติดกัน พวกเขาเดินเกาะติดกันพร้อมกับกระซิบไปมาก่อนที่จะเดินออกไป ในขณะที่ยังมีคู่หนุ่มสาวอีกไม่น้อยที่ยังนั่งกอดและจูบกันภายในโรงหนัง
เอลิซาเบธถือถังป๊อปคอร์นในมือ ระหว่างที่มีคนทยอยเดินออกไปหล่อนก็ถูกกระแทกจากด้านหน้าและด้านหลังอยู่หลายครั้ง หลังจากที่หนังจบลงหญิงสาวก็หันไปหาเรื่องคุยกับเอริคทันที ” หนังเรื่องนี้ไม่เลวเลยนะ”
” ใช่ การถ่ายทําเรื่องมุมกล้องของผู้กํากับก็เยี่ยมมาก โดยเฉพาะภาพของฤดูกาลที่อยู่ในหนังที่บิลลี่ คริสกับเม็ก ไรอันอยู่ในป่า มุมกล้องถ่ายออกมาได้สวยงามมาก ไหนจะใบเมเปิ้ลที่พองตัวราวกับชีวิตที่กําลังเบ่งบานนั่นอีก อ้อ ยังมีเรื่องสายตาของตัวละครด้วยนะ ไม่รู้ว่าผู้กํากับตั้งใจหรือเปล่า แต่คนดูสามารถรับรู้ได้ว่าตัวละครเอกมองเห็นกันและกันอย่างชัดเจน ดวงตาเป็นเหมือนกับหน้าต่างที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้โดยที่ไม่ต้องใช้คําพูดเพื่อสื่อสารออกมาในภาพเหล่านี้มันสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกมากมายต่อผู้ชมโดยที่ผู้ชมไม่รู้ตัวเลย ดูเ มือนว่ามันจะมีประโยชน์อย่างมากเลยถ้าฉันนํามันไปใช้ในหนังภาพยนตร์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ”
หลังจากที่เดินออกมาจากโรงภาพยนตร์แล้ว เอริคยังคงวิเคราะห์หนังที่เพิ่งดูเมื่อครู่อย่างไม่หยุดปาก ทันใดนั้นหญิงสาวก็รู้สึกโกรธขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ หล่อนโยนถังป๊อปคอร์นที่อยู่ในมือทิ้งลงถังขยะเสียงดังลั่น จนทําให้เป็นที่สนใจของคนรอบข้าง ซึ่งท่าทางของเอลิซาเบธก็แสดงให้เห็นได้ชัดมากพอที่จะทําเอริคที่กําลังวิเคราะห์หนังอยู่เงียบไปชั่วขณะ
” เอ่อ…” เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว เอริคก็ยักไหล่ขึ้นโดยไม่ได้วิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่องที่เพิ่งดูเมื่อครู่อีก
หลังจากที่ขึ้นรถแล้ว เอริคก็มองหญิงสาวที่รัดเข็มขัดนิรภัยอย่างแรงก่อนที่จะถามขึ้นเพื่อว่า ” ไปคอนโดจูเลียใช่ไหม ? ”
” อืม “ เอลิซาเบธพยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อว่า ” ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากคอนโดจูเลียเท่าไหร่ ฉันว่านายขับไปที่บ้านนายก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันขับรถนายไปที่คอนโดจูเลียเอง อีกอย่างนายก็คงจะไม่ได้มีรถแค่คันเดียว พรุ่งนี้เปลี่ยนรถอีกคันขับไปทํางานก็คงจะไม่เป็นไร “
” ไม่มีปัญหา “ เอริคตอบกลับไปเพราะเขาคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว เขาสตาร์ทรถก่อนที่จะขับออกไปในทันทีโดยที่ไม่ถามอะไรต่อจากนั้นอีก
ใช้เวลา 30 นาทีเขาก็ขับรถมาหน้าประตูบ้านของตนเอง ตลอดทางที่เขาขับมาหญิงสาวที่ชอบซักถามเขาตลอดเวลากลับไม่พูดกับเขาแม้แต่คําเดียวซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก
” งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ? “ หลังจากที่จอดรถแล้วเอริคก็ปลดเข็มขัดนิรภัยของเขาออก
” เหอะ “ เอลิซาเบธเปล่งเสียงออกมาจากลําคอ ก่อนที่จะจ้องมองไปยังเอริคราวกับว่าจะใช้สายตาที่เกลียดชังของหล่อนกวาดเขาออกไป
บรรยากาศหยุดนิ่งเป็นเวลาสองสามวินาที เอริคปิดเครื่องยนต์และปิดไฟทั้งหมดภายในรถเขาใช้มือของเขาเชิดคางของหญิงสาวขึ้นผ่านความมืดก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ ถ้าแบบนี้เธอจะโอเคไหม ? ”