Chapter 116 – จิตใจที่ไม่สมดุล
เจนนิเฟอร์ พูดอะไรไม่ออกหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เธอรู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่หุนหันของเธอเอง แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกผิดกับมัน
“ เจน เอริค แค่ชวนเธอไปกินข้าว แม้ว่าเขาจะมีความต้องการที่มากไปหน่อยแต่ถ้าเธอไม่ต้องการ เธอก็แค่ปฏิเสธไป แม้ว่าเขาจะยังเด็กแต่เขาก็มีอำนาจในฮอลลีวูด ดังนั้นแม้ว่าเขาจะทำเกินไปแต่เธอก็ไม่ต้องปฏิเสธบทก็ได้นิ ?”
“ เขาไม่ได้ทำอะไรกับฉันแต่…ตอนที่ฉันอยู่กับเขา เราโดนถ่ายรูป “ – เจนนิเฟอร์ อธิบายด้วยท่าทีรำคาญ – “ ฉันไม่ต้องการเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่ยอมแลกตัวเพื่อชื่อเสียง “
เลสเตอร์ ที่ตาม เจนนิเฟอร์ เข้าไปในห้องนั่งลงที่โซฟาแล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงใจ – “เจน ฮอลลีวูดน่ะจำได้แต่ผู้ชนะ หากเธอเป็นดาราดังขึ้นมาได้ มันก็ไม่มีใครสนเรื่องที่เธอทำมา เธอน่ะไม่ต้องเปิดปากพูดด้วยซ้ำ มันมีคนจำนวนมากจะช่วยเธอปกปิดทุกอย่าง นี่คือความจริง ยิ่งกว่านั้นผู้หญิงหลายคนในฮอลลีวูดยอมทำเรื่องแบบนั้นกับคนแก่ๆเพื่อให้ได้โอกาสแบบนี้มา ในทางกลับกัน เอริค น่ะทั้งยังหนุ่มและหล่อ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็ควรเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ไม่ใช่รึไง ? “
“ แต่เขามีแฟนอยู่แล้ว “ – เจนนิเฟอร์ พึมพำออกมา
“ งั้นก็ขโมยมาซะสิ “ – เลสเตอร์ พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด – “ เธอไม่มั่นใจในหน้าตาของตัวเองรรึไง เจน ฉันรู้ว่าเขาน่ะมีแฟนอยู่แล้วแต่แล้วไงล่ะ พวกเขาไม่ได้หมั้นกันซะหน่อย นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาแยกกันอยู่มาตั้งนาน นี่ถือว่าเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เธอจะแย่งเขามา “
“ อ่ะ อ่ะ ! “ – เจนนิเฟอร์ เริ่มกระจ่างมากขึ้น เธออดไม่ได้ที่จะไปนั่งที่โซฟาแล้วเอาหมอนมาพิงไว้ที่หัวแล้วพึมพำออกมา – “ จิม อย่าบังคับฉันทำแบบนั้นเลย “
“ ก็ได้ “ – เลสเตอร์ พูดขึ้นมาตอนที่เห็นว่าเธอคงไม่ยอม เขาเป็นนายหน้าของเธอมาหลายปี เขาจึงรู้ว่าเธอเป็นยังไง เขาพูดขึ้นด้วยท่าทีหมดหนทาง – “ งั้นเราคงต้องโทรหา ปีเตอร์เดลมอนเต้ ผู้กำกับของ Étoile พรุ่งนี้เช้าเพื่อขอโทษ เพราะเธอต้องการจะคว้าโอกาสการออดิชั่นนี้ การถ่ายหนังเป็นไปอย่างเร่งรีบ ถ้าเขาต้องการถ่ายเพิ่ม เราต้องกลับไปที่โรม “
“ ฉันรู้ “ – เสียงของเธอดังขึ้นมาจากใต้หมอน
“ อย่าตอบแบบนั้น เจน “ – เลสเตอร์ พูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม – “เพราะเธอทิ้งโอกาสนี้เอง เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้บทในฮอลลีวูด ดังนั้นมันจะดีกว่าที่จะรักษาความสัมพันธ์กับทางยุโรปเอาไว้ “
“ ได้ “ – เธอพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ดัง
เลสเตอร์ ต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเธออีกแต่เมื่อเห็นเด็กสาวทำแบบนั้นและเอาหัวมุดหมอนไป เขาก็ยอมแพ้แล้วลุกขึ้นไปตบไหล่ เจนนิเฟอร์ แล้วพูดขึ้นมา – “ รีบนอนซะ ฉันจะกลับไปที่ห้องแล้ว “
เมื่อออกมาจากห้อง เลสเตอร์ ก็ต้องส่ายหน้า โอกาสนี้มันดี ถ้าพวกเขาสามารถอยู่กับ เอริค ได้ มันก็เท่ากับการขี่จรวดไปดวงจันทร์
เด็กยังไงซะก็เป็นแค่เด็ก เธอรักษาความภูมิใจที่เธอมีและไม่รู้เลยว่าเขาต้องเสียอะไรไป
เลสเตอร์ ได้ทุ่มเทให้กับ เจนนิเฟอร์ ปีหนึ่งหลังจากที่ Labyrinth ล้มเหลว เจนนิเฟอร์ นั้นไม่ได้รับงานอยู่นาน ดังนั้นเขาจึงไปญี่ปุ่นด้วยตัวเองเพื่อหางานให้กับเธอ จากนั้นเขาก็ไปที่ยุโรปเพื่อหางานอื่นให้กับเธอด้วย
เพื่อให้เด็กสาวคนนี้สลัดภาพลักษณ์แบบเดิมไป เขาได้ให้เธอไปศึกษาในมหาลัยเยล เขาถึงกับจัดให้เธอเรียนร้องเพลงด้วย
แต่ตอนนี้อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเขาควรใช้ทั้งหมดไปกับนักแสดงคนอื่นที่เขามี อ่ะ เด็กที่ชื่อ ชอร์น นั่นก็เป็นนักแสดงที่ดีบวกกับหน้าตาที่หล่อเหล่าและที่สำคัญที่สุดคือเด็กนั่นฉลาด เขาโตเป็นผู้ใหญ่สำหรับอายุเท่านั้นและสำหรับ เจนนิเฟอร์ เขาจะปล่อยเธอไปซะ
… ….
เอริค ที่นั่งอยู่ในรถมอง เจนนิเฟอร์ ที่เดินเข้าไปในโรงแรม มันน่าหงุดหงิดที่เจอเธอปฏิเสธ หลังจากที่กลับมาเกิดใหม่ แม้ว่าเขาจะเจอกับเรื่องพลิกผันหลายครั้งแต่โดยทั่วไปแล้วทุกอย่าเป็นไปได้อย่างราบรื่น นี่ทำให้อีโก้ของเขาสูงขึ้นและทำให้เขาเกือบลืมรสชาติของความพ่ายแพ้ไป
เขามองไปที่ป้ายที่ถนนเพื่อให้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เมื่อพบว่าบ้านของ เจฟฟี่ อยู่ใกล้ เอริค ก็ขับตรงไปยังบ้านของชายแก่ทันที
เขาเคาะประตูและ เจฟฟี่ ในชุดนอนก็ได้มาเปิดประตูให้กับเขา ในตอนที่เห็นสีหน้าสลดของ เอริค เจฟฟี่ ก็รีบให้ เอริค เข้ามาในบ้านแล้วถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ – “ เอริค เกิดอะไรขึ้น ? “
เอริค ส่ายหน้าและพูดขึ้นมา *- “ ไม่มีอะไร เดตฉันพัง ฉันเห็นว่าอยู่ใกล้บ้านนาย ฉันเลยมาคุยกับนาย “
เจฟฟี่ กำลังเทน้ำให้กับ เอริค ถึงกับต้องหยุดและพูดขึ้นมา – “ แค่นี้ ?”
“ อ่าฮะ….”
เจฟฟี่ เก็บขวดนำและพูดขึ้นมา – “ ไอ้บ้านี้ ไปเลยไป นายไม่เห็นรึไงว่ามันเกือบ 5 ทุ่มแล้ว ? ฉันทำงานมาทั้งวันเพื่อดูแลบริษัทให้นายและนายกลับมากวนฉันในตอนกลางคืนเนี้ยนะ “
เอริค เกาหัวและเถียงขึ้นมา – “ เฮ้ อย่าโกรธสิ ฉันจิตใจอ่อนแออยู่นะและต้องการให้ปลอบด้วย “
เจฟฟี่ เดินไปหา เอริค และนั่งพร้อมกับกำคอเสื้ออีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นมา – “ ออกไป ! “
“ โอ้ เจฟี่ อย่าดึงสิ ชุดนี่ราคามากกว่า 2 พันดอลเลยนะ ! “
เอริค สลัดชายแก่แล้วโยนกุญแจรถไปที่โต๊ะกาแฟและพูดขึ้นมา – “ ฉันจะทิ้งรถไว้นี่ เอาของนายมายืมหน่อยสิ “
เจฟฟี่ มองไปที่กุญแจรถที่โต๊ะกาแฟและพูดขึ้นมา – “ นี่ใช่กุญแจรถที่แลมโบกินีส่งมาให้นายรึเปล่า นายให้รถดีๆแบบนี้กับฉันเนี้ยนะ ? “
เอริค ที่สลดอยู่นั้นพูดขึ้นมา – “ ฝันไปเถอะ นักข่าวน่ะถ่ายรูปรถของฉันไว้ สองวันต่อไปรถนี้จะขึ้นหนังสือพิมพ์ ดังนั้นฉันจึงไม่กล้าขับมันออกไปเป็นนาย นายกล้ามั้ยล่ะ? “
“ ได้ มากับฉัน “ – เจฟฟี่ พา เอริค ไปที่โรงรถและส่งกุญแจรถให้กับเขา – “ นายเอาบิวอิคก์ไปก็ได้ ! “
เมื่อเห็นรถอีกคนที่จอดข้างๆบิวอิคก์ซึ่งดูคล้ายกับยี่ห้อเบนซ์ เอริค ก็ชี้ไปที่มันแล้วพูดขึ้น – “ มาเปลี่ยนกัน ฉันจะให้แลมโบกินีแลกกับเบนซ์ “
“ อย่าฝันไปหน่อยเลย “ – เจฟฟี่ มองโกรธไปที่ เอริค พร้อมกับเดินเข้ามาปิดผ้ารถเบนซ์เอาวไ เสียงของเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น – “ นี่น่ะของโซลิน่า “
เมื่อได้ยินที่ เจฟฟี่ อธิบาย เอริค ก็หุบปากแล้วเอากุญแจบรูอิคก์จากมือ เจฟฟี่ ไป
ชายแก่ดูแลทุกอย่างที่ภรรยาทิ้งไว้ราวกับสมบัติ เขาไม่ได้ใช้เงินที่เขาได้มาจาก เอริค ด้วยการซื้อของหรูหรา เขาไม่ได้ลงทุนอะไร เขาใช้เงินเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ของหนังภรรยา บอกกันว่าเขาถูกเอาเปรียบด้วย เอริค ได้ยินว่าเขาจ่ายไปหลายเท่าสำหรับมูลค่าของหนัง
เอริค ขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังบ้านของ เวอร์จิเนีย ในมาลิบู เขาเคาะประตูและทันทีที่เธอเปิด เอริค ก็อุ้มเธอขึ้นมาแล้วพาเธอเข้าไปในห้องนอน
… …
เมื่อตื่นขึ้นมาจากค่ำคืนที่ดุเดือด ในที่สุด เวอร์จิเนีย ก็ปะติดปะต่อความคิดได้
มือของเธออยู่ที่หน้าอกของ เอริค เธอถามออกมาเบาๆ – “ เอ้ เอริค เป็นอะไร ?นายดูสลดนะ “
“ อืม! “ – เอริค แค่พึมพำออกมาและไม่ได้ตอบ
“ โอ้ ให้ฉันเดานะ ตอนที่นายมาฉันได้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงอีกคน มันน่าจะเป็นจัสมิน,กาดิเนียและไวโอเล็ต มีแค่สาววัยรุ่นเท่านั้นแหล่ะที่ใช้น้ำหอมแบบนี้ หืม….นายไปเดตกับสาวมาไม่ใช่รึไง “
เมื่อเห็นสีหน้าช็อกของ เอริค เธอก็ได้รับข้อสรุป – “ และจากนั้น….นายก็โดนปฏิเสธมางั้นเหรอ ?”
เอริค ดึง เวอร์จิเนีย เข้ามาหาเขาแล้วมุดหัวไปที่อกของเธอ
เมื่อเห็น เอริค ทำท่าอาย เวอร์จิเนีย ก็หัวเราะออกมาแล้วตบหลังของเขา – “ นายนี่มันบ้าจริงๆ ผู้หญิงปฏิเสธนายและสิ่งแรกที่นายทำคือมาหาฉันนี่น่ะ โอ้ อย่าถูตรงนั้น ไอ้บ้านี่ มันจั๊กจี้ “ – เธอผลัก เอริค ออกไปแลวนอนลงไปบนเตียงก่อนจะถามขึ้นมาด้วยความสงสัย – “ มาเล่าสิว่าสาวลึกลับคนนั้นเป็นใครถึงได้กล้าปฏิเสธ เอริควิลเลียม ฉันอยากรู้จริงๆว่าเป็นใคร ? “
“ วิคกี้ อย่าคุยเรื่องนี้เลย ได้โปรด “
“ งั้นถ้านายไม่บอกฉัน งั้นก็อย่ามาระบายกับฉันละกัน “- เธอหันหลังให้เขาทันที
“ โอ้ จริงเหรอ “ – เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เอริค ก็ดึงเธอกลับมา เธอน่ะไม่ได้หมายตามความที่พูดหรอกเมื่อเป็นเรื่องอย่างว่ากับ เอริค เธอปฏิเสธเขาไม่ได้ เธอจะไม่ปฏิเสธเพราะเขาน่ะเก่งเรื่องนี้
… …
หลังจากที่ทำกันรอบที่สอง เอริค ก็ใจเย็นลงและพบว่าตอนนี้จิตใจเขาไม่สมดุล เขาเอามือถูกหัวเองแล้วคิดถึงการกระทำของตัวเองสักพัก เขาคิดว่าร่างนี้น่ะส่งผลกับการกระทำของเขา ถ้าเขาเป็นตัวเองแบบ 100% เอริค คงไม่หงุดหงิดกับการโดนปฏิเสธโดยเด็กสาว มีแค่เด็กวัยรุ่นเท่านั้นที่ทำแบบนั้น
เขาได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมาและแม้ว่าวิญญาณของเขาจะควบคุมทุกอย่างได้แต่ยังไงซะเขาก็ต้องได้รับผลจากนิสัยและบุคลิกจากร่างเดิมไม่มากก็น้อย เพราะร่างเดิมนั้นไม่ได้มีประสบการณ์เหมือนกับที่เขามีในชีวิตที่แล้ว เพราะชีวิตที่แล้วเขาได้ผ่านอะไรมามากทั้งขึ้นและลง เอริค ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีรึแย่สำหรับเขากันแน่
“ เฮ้ เอริค นายเป็นอะไรมั้ย ?” – เวอร์จิเนีย เห็น เอริค เอามือถูหน้าและคิ้วขมวด ดังนั้นเธอจึงโน้มเข้าไปหาและถามออกมาด้วยความกังวล
“ ไม่เป็นไร วิคกี้ ฉันไม่เป็นไร “ – เอริค เอามือโอบเธอไว้แล้วขยับมือไปที่หน้าอกและเริ่มอธิบาย – “ จริงๆแล้วนี่แหละคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น….”