Chapter 127 – สถานการณ์เสียเปรียบ
“ งั้นนายปฏิเสธงั้นเหรอ ? “ – ในลานจอดรถ คาปัวร์ ที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับมองไปที่ เอริค ที่นั่งข้างๆเขา
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เอริค ถอนหายใจออกมาและพยักหน้า
แม้ว่า สปีลเบิร์ก จะไม่ได้แสดงความไม่พอใจตอนที่กลับไปแต่เขาก็ยังพูดอย่างเสียดายว่าเขาได้ติดต่อเขามาเผื่อว่าเขาจะเปลี่ยนใจและจากสีหน้าของผู้ช่วยอีกฝ่ายแล้วได้บอก เอริค ว่าเขาได้คุกคามผู้กำกับผู้โด่งดังคนนี้ มันราวกับว่าเขาถูกมองเป็นคนไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
ถ้า สปีลเบิร์ก ได้ยื่นข้อเสนอนี้ผ่านทางคนอื่นและ เอริค ปฏิเสธ งั้นคงไม่มีใครพูดอะไรแต่เมื่อปฏิเสธในครั้งนี้มันแย่กว่านั้น ยังไงซะ สปีลเบิร์ก ก็มาด้วยตัวเอง นี่ถือว่าเป็นการแสดงความจริงใจ มันเหมือนกับ สปีลเบิร์ก ได้มาขอความช่วยเหลือเขา ถ้าพวกเขาตกลงกันได้ เอริค ไม่ใช่แค่จะได้เงินจำนวนมากแต่เขายังได้ความชอบจากอีกฝ่ายด้วย ความสัมพันธ์นี้อาจจะช่วยเขาได้อย่างมากในอนาคต
แต่เขาทิ้งส่วนที่จำเป็นต่ออนาคตของอาชีพเขาเพื่อความชอบครั้งนี้ไม่ได้
ยังไงซะการขาย Jurassic Pardk นั้นหมายถึงการเสียอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าถึงหมื่นล้าน แม้ว่า เอริค จะไม่คิดที่จะเอาส่วนแบ่งนี้คนเดียวแต่อย่างน้อยเขาก็ต้องการส่วนแบ่งที่มากที่สุด เมื่อเขาขายลิขสิทธิ์ไป งั้นเขาคงเสียโอกาสที่จะชักนำโปรเจ็คนี้และเขาคงได้แค่ส่วนแบ่งที่เหลือหลังจากที่ทุกคนเอามันไปจนพอใจแล้ว
“ เอริค นายอยากฟังคำแนะนำของฉันมั้ย ?” – คาปัวร์ พูดขึ้นมา
“ ฉันรู้ว่านายจะพูดว่าไง ติดต่อ สปีลเบิร์ก ทันทีและขายหนังนี้ให้กับเขาใช่มั้ย ? คาปัวร์ มันไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ฉันไม่ขาย “
คาปัวร์ เกาหัวและพูดขึ้นมา – “ เอริค นายคิดเรื่องนี้ดีรึยัง ? นายน่ะเป็นผู้เล่นที่โดดเดี่ยว ผู้บริหารค่ายหนังใหญ่ๆทำตัวสนิทกับนายตอนนี้เพราะผลปะโยชน์ พวกเขาทำตัวดีกับนายเพราะหนังก่อนหน้านี้ของนายน่ะประสบความสำเร็จและสร้างกำไรให้กับพวกเขาแต่ไม่มีใครที่จะสำเร็จไปได้ตลอดและเมื่อนายล้มเหลว พวกเขาก็จะหันหลังให้นาย “
“ ฉันคิดมานานแล้ว ฉันจะไม่ล้มเหลว ฉันมั่นใจในหนังของฉัน “
“ มีองค์ประกอบมากมายที่ทำให้ล้มเหลวได้และบางอันก็เกิดจากคนที่ทำมันขึ้นมา “ – คาปัวร์ พูดต่อ – “เอริค คิดดูอีกรอบ หนังของนายปล่อยไปแค่สองเรื่องและแม้ว่าตอนนี้พวกนั้นจะเห็นนายเป็นแค่คนโชคดีแต่ถ้าหนังของนายสำเร็จไปตลอด พวกค่ายใหญ่ก็จะพยายมกดดันนายทุกอย่าง พวกเขาจะทำลายนาย มันก็เหมือนกับสิงโต พวกนั้นปล่อยให้ไฮยีน่ามากินซากเนื้อที่พวกนั้นกินไปแล้วแต่พวกนั้นจะไม่ยอมให้ไฮยี่น่ามาเอาส่วนแบ่งของพวกเขาไปแน่ “
เอริค เปิดปากแต่ไม่ได้จะปฏิเสธ เขารู้ว่าสิ่งที่ คาปัวร์ พูดนั้นคือความจริง อันที่จริงเขายังหวังว่าจะหาพันธมิตรที่มีอำนาจ ดังนั้นในอนาคตในตอนที่พวกค่ายใหญ่เริ่มกดดันเขา เขาจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยว
นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการผูกมิตรกับ สปีลเบิร์ก เมื่อ เอริค ขายลิขสิทธิ์หนังให้ สปีลเบิร์ก จะไม่สามารถสลัด เอริค ได้ง่ายๆเพราะเขาคือคนเขียนบท สปีลเบิร์ก จะสัญญากับทาง Firefly ในการมีส่วนร่วมในการลงทุน ทุกเงื่อนไขจะทำให้ Firefly สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ สปีลเบิร์ก แต่ เอริค ไม่ยอมปล่อยลิขสิทธิ์หนังนั้นไป
เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของ เอริค คาปัวร์ ก็พูดต่อ- “ เอริค นายรู้มั้ยว่า Firefly เกือบมีเรื่องกับค่ายหนังอื่นในฮอลลีวูดแล้ว ? “
เอริค เงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย คาปัวร์ ทำการพูดต่อ – “ Firefly น่ะมีเรื่องกับ United Artists ตอนแรก ชาร์ลีแชปปิ้น ได้ร่วมมือกับผู้กำกับที่ดังหลายคนอย่าง ดักลาสแฟร์แบงค์, กิฟฟิท , นักแสดงหญิง แมรี่พิคฟอร์ด และก่อตั้ง United Artists ขึ้นมา บริษัทได้เน้นเรื่องการสร้างหนังที่ยอดเยี่ยมให้กับค่ายหนังใหญ่อื่นๆเพราะมันก็เหมือนกับ Firefly พวกเขาไม่ได้มีช่องทางในการจำหน่าย ผลก็คือค่ายหนังใหญ่ที่มีช่องทางจำหน่ายตอนนั้นต่างก็รอดมาได้ยกเว้นแค่ RKO Pictures ที่เป็นหนึ่งในห้าสตูดิโอตอนนั้น บริษัทนั้นล้มเหลวกับหนังหลายเรื่องของ โฮเวิดฮิวก์ ซึ่งทำให้เขาขาย RKO Picture ให้กับบริษัทที่ชื่อว่า General Tire ที่สนใจในการลงทุนทางทีวีของ RKO แต่เมื่อบริษัทที่เทียบเท่าได้กับยักษ์ใหญ่อื่นๆได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ MGM เหตุผลที่ United Artists ได้ตกต่ำแบบนี้คือพวกเขาเน้นเรื่องการสร้างหนังมากไปและไม่สนใจการขยับขยายช่องทางในการจำหน่าย “
ในตอนที่เขาฟังนั้นความคิดของ เอริค ก็คิดถึง DreamWorks ประวัติของ United Artists และ DreamWorks นั้นคล้ายกันจนน่าแปลกใจ
ในชีวิตที่แล้วของเขา เขามักจะได้เห็นคำพูดเรื่องช่องทางการจำหน่ายในนิตยาสาร ในความจำในชีวิตที่แล้ว บริษัทหนังชั้นสองอย่าง Lionsgate, Miramax และ DreamWorks เริ่มต้นมาได้อย่างแข็งแกร่งแต่พวกเขาต่างก็ตายรึขายให้กับ Paramount Pictures, Disney, Warner Bros และยักษ์ใหญ่อื่นๆ
“ เทียบกับ United Artists แต่เดิมแล้ว Firefly นั้นแย่กว่า ยังไงซะ Firefly ก็ไม่มีเส้นทางขายหนังของตัวเองนอกจากต้องส่งต่อให้ค่ายอื่นและช่องทางการขายในอเมริกาเหนือและทั่วโลกนั้นก็ตกอยู่ในมือพวกยักษ์ใหญ่ ถ้ายักษ์เหล่านั้นต้องการจัดการกับนาย ที่พวกเขาต้องทำก็แค่ไม่เผยแพร่หนังของนาย ดังนั้นสิ่งที่นายต้องการตอนนี้คือพันธมิตร จากนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์แย่ๆขึ้น นายจะได้ขอความช่วยเหลือได้ ยังไงซะไฮยีน่าก็เป็นเพื่อนกับสิงโตไม่ได้แต่อยู่ในทุ่งหญ้าเดียวกันได้ มันไม่ฉลาดที่นายปฏิเสธ สปีลเบิร์ก ที่มาหานายถึงที่ไป “
ถ้าเขาไม่ใช่คนที่มาจากอนาคต เอริค มั่นใจว่าเขาต้องส่ง Jurassic Park ให้กับ สปีลเบิร์ก แต่โชคร้ายที่เขาไม่ได้ใช่คนยุคนี้
“ ได้ คาปัวร์ ฉันเข้าใจแล้ว “ – เอริค พยักหน้า
คาปัวร์ ส่งโทรศัพท์ให้กับ เอริค ทันที – “ งั้นก็รีบโทรหา สปีลเบิร์ก อย่ากลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดว่านายเหลาะแหละ นายน่ะยังหนุ่ม ฉันมั่นใจว่า สปีลเบิร์ก คงไม่คิดมาก “
เอริค รับโทรศัพท์มือถือมาและพูดขึ้น – “ คาปัวร์ ฉันแค่บอกว่าฉันเข้าใจความสำคัญช่องทางการขายของ Firefly ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะขาย Jurassic Park ให้กับ สปีลเบิร์ก “
คิกๆ**
เวอร์จิเนีย ที่นั่งอยู่เบาะหลังตั้งใจฟังแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เธอรู้ว่าเธอทำผิดพลาดไปและรีบปิดปากตัวเอง
คาปัวร์ มองอย่างหมดคำพูดไปที่ เอริค สักพัก สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องรวบรวมสติและพูดขึ้นพร้อมกับเอาโทรศัพท์คืน – “ เจฟฟี่ พูดถูก นายน่ะเป็นคนดื้อด้าน “
“ ไม่ต้องกังวล คาปัวร์ ฉันมีแผน คิดดูสิ ฉันเป็นคนอเมริกาลูกครึ่งอังกฤษ ฉันยังมีเชื้อชาติอังกฤษอยู่ แม้ว่าฉันจะเป็นเพื่อนกับ สปีลเบิร์ก แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะเข้าสู่แวดวงคนยิว “
เอริค ไม่ได้กังวลเรื่องพวกนี้ ปีนี้ Firefly จะผลิตหนังขึ้นมาหลายเรื่อง หนังสามเรื่องต่อไปของเขาถูกจัดการอย่างดี หนึ่งในนั้นส่งต่อให้กับ Columbia และอีกสองเรื่องส่งให้กับทาง Fox ตามสัญญา
แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้หาคนขายหนังสามเรื่องนี้แต่ค่ายหนังใหญ่อื่นๆก็จะติดต่อเขามาและหากเขาต้องกการ พวกนั้นก็จะเซ็นสัญญากับเขาตอนไหนก็ได้ที่เขาต้องการ
ถ้าหนังพวกนี้ประสบความสำเร็จ งั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มเงินขึ้นมาได้จำนวนมาก แม้ว่าจะมีหนึ่งรึสองเรื่องที่ล้มเหลวเพราะผลจากการกระทำของเขาแต่เขาก็จะได้เงินน้อยไปซึ่งมันไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย ยังไงซะมีแค่ Running Out of Time ที่ใช้ทุนไป 40 ล้าน หนังเรื่ออื่นของเขาต่างก็ใช้ทุนไปไม่ถึง 1 ล้าน แม้ว่าหนังเรื่องหนึ่งจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนในชีวิตที่แล้วแต่เขาก็ยังฟื้นฟูเงินทุนตัวเองได้และได้รับกำไรมาเหมือนเดิม
และสำหรับสิ่งที่ คาปัวร์ พูด หลังจากปีนี้ ค่ายหนังใหญ่แน่นอนว่าต้องรู้ว่าเขาเอาส่วนแบ่งมากไปแล้วและจะใช้ทุกวิธีในการกดดันเขา พวกนั้นจะพยายามลดกำไรของเขาลงไปแต่ตอนนั้นเขาก็จะมีเงินพอจนไม่ได้อยู่ในจุดที่ว่าไม่อาจป้องกันตัวเองได้
นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการที่ค่ายใหญ่ทั้ง 6 ยังไม่ทำอะไรกับเขา แม้ว่าพวกนั้นจะตกลงกันในการจัดการเขา งั้นเขาก็จะลดความเร็วของตัวเองลง ยิ่งกว่านั้นเขาไม่เชื่อว่าทุกฝ่ายจะสามารถจัดการคนที่สามารถสร้างกำไรให้กับพวกนั้นได้จำนวนมาก ที่เขาต้องการคือแค่หนึ่งในหกพวกนั้นที่มาร่วมมือด้วย
—- —-
“ คาปัวร์ นายให้ฉันยืมรถได้มั้ยคืนนี้ นายเอารถฉันไป “
คาปัวร์ มองไปที่หญิงสาวที่เบาะหลังและส่ายหน้า – “ ไม่ เอริค ฉันให้นายยืมรถไม่ได้ นี่ไม่ต้องพูดเรื่องที่ว่านายเมานิดๆด้วย ให้ฉันไปส่งเอง …”
“ คาปัวร์ อย่างจริงจังน่า “ – เอริค พูดขึ้นมาพร้อมกับที่ เวอร์จิเนีย ซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังก้มหน้าด้วยความอาย
คาปัวร์ หัวเราะออกมา – “ นายอย่าเข้าใจผิดไป ฉันหมายถึงฉันจะไปส่งนายจริงๆ ฉันดื่มแค่นิดหน่อย ที่สำคัญกว่านั้นฉันมีประสบการ์อย่างมากกับการหลีกเลี่ยงและหนีนักข่าว มันเป็นทักษะที่ฉันชำนาญจนได้งานมา ฉันไม่อยากตื่นมาพรุ่งนี้แล้วเห็นข่าวพวกนายสองคน…เอริค เบเวอรี่ฮิลล์รึมาลิบูดีล่ะ ?”
“ บ้านฉัน มาลิบูมันอยู่ไกลเกินไป “
“ ได้ งั้นนายไปนั่งเบาะหลัง เบาะหน้าน่ะโดนถ่ายรูปได้ “
ในตอนที่ขับออกจาโรงแรม คาปัวร์ ได้มองไปที่กระจกและพูดขึ้นมา – “ รถนักข่าว 3 คันจอดรออยู่ด้านนอก โชคดีที่มีเป้าหมายมากมายในงานเลี้ยง ไม่งั้นแล้วพวกนั้นคงตามเราไปแน่ “