Chapter 151 – เปลี่ยนภาพลักษณ์
แอนดี้ ได้เดินเข้าไปในบริษัทการเงินพร้อมกับเป้และจากด้านหลังหนังสือการ์ตูน Marvel เขาก็ได้ดึงปืนสั้นออกมาแล้วยิงเข้าใส่ผู้จัดการสาขา Running Out of Time สำหรับชายสองคนก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
“ นายมาแล้ว ฉันรอนายอยู่นานแล้ว “- แอนดี้ เอาตัวผู้จัดการสาขามากันตัวเองไว้แล้วทักทาย ชอร์น จากบนหลังคา
“ โทษทีนะ รถติด “ -ชอร์น ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม มันไม่มีความไม่คุ้นเคยในเสียงของเขา นี่คือมาตรฐานพื้นฐานของการเจรจาเพื่อให้คุ้นเคยกับคนร้าย ไม่ว่าจะเกลียดคนร้ายมากแค่ไหน แม้ว่าจะอยากจับอีกฝ่ายเข้าคุกรึมัดเก้าอี้ไฟฟ้าแต่โดยผิวเผินแล้วมันจำเป็นที่ต้องคิดว่านี่คือเพื่อนเก่า มีแค่ตอนที่ใกล้ชิดกับคนร้าย มันถึงเป็นไปได้ที่จะรู้ถึงจุดอ่อนของอีกฝ่าย
“ นายเรียกฉันว่า ชอร์น ก็ได้ ให้ฉันช่วยอะไรมั้ย ? หลายคนมีเป้าหมายของตัวเอง บางคนต้องการเงิน, รถ, เครื่องบิน คนอื่นอาจอยากเห็นภรรยา นายมีแฟนมั้ย ?” – หลังจากที่ แอนดิ้ อนุญาตแล้ว ชอร์น ก็ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้
แอนดี้ ไม่ได้ตอบแต่เขากลับโผล่หน้าออกมาจากตัวของผู้จัดการ ในตอนที่นักแม่นปืนที่ตึกฝั่งตรงกันข้ามต้องการจะเล็งมาที่ตัว แอนดี้ ชอร์น ก็ได้ห้ามเอาไว้
“ มันฉลาดขนาดนั้นเลยเหรอ ?” – เมื่อมองไปที่สีหน้าหมดหนทางของ ชอร์น แอนดี้ ก็ได้หัวเราะออกมา
“ ใช่ งั้นนายจะเรียกมันว่าอะไร ?”
“ นายเป็นใคร ? “
“ นายต้องการอะไร ? “
“ ก็ง่ายๆ ฉันอยากเล่นเกม 72 ชม.กับนาย “
“ นายอยากเล่นเกมกับฉัน ไม่มีปัญหา ตัวประกันเป็นคนบริสุทธิ์ นายปล่อยเขาไปและฉันจะไปเป็นตัวประกันแทนเอง “
ปัง
เสียงปืนดังขึ้นและมีเสียงอุทานดังขึ้นในโรงหนัง มีใครคิดว่า ครูส ที่ซึ่งมักจะมีภาพลักษณ์ในด้านบวกจะเปิดฉากยิงคนบริสุทธิ์ แฟนคลับมากกว่าครึ่งที่ถูกเชิญมาในโรงนี้ต่างก็เป็นแฟนคลับของ ครูส
สองสาวด้านหลัง นิโคล อุทานออกมา
“ อ่ะ เป็นแบบนี้ได้ไง มิกิ ทอมมี่ ทำแบบนี้ได้ยังไง เขาคงไม่ใช่คนร้ายใช่มั้ย ? “
“ แน่นอนว่าไม่ เอริก้า ดูที่หน้าชั่วร้ายของเจ้าหน้าที่สิ ฉันคิดว่ามันต้องมีเรื่องแย่ๆเกี่ยวกับเขาแน่ “ – เด็กสาวที่ชื่อ มิกกี้ ได้พูดขึ้นมาแต่น้ำเสียงของเธอดูไม่มั่นใจ
“ ดูเหมือนว่าจะเป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่สำหรับ ครูส “ – จอร์จ พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนัก มันเพียงพอที่ นิโคล จะได้ยินแต่เขามองมาที่เธอแต่ก็พบว่าสีหน้าเธอไม่ได้ต่างไปจากเดิม ด้วยการที่เธอไม่สนใจหัวข้อนี้ เขาจึงต้องหยุดวิเคราะห์สิ่งที่เขาพล่ามมาทั้งหมด
เพราะท่าทีน่าอายและความรอบคอบของ เอียน ที่เล่นโดย โจเปสกี้ แอนดี้ จึงหนีไปทางช่องระบายอากาศของตึก ในตอนที่วุ่นวาย ผู้จัดการที่ตัวเปื้อนไปด้วยซอสได้ลุกขึ้นมาจากพื้น – “ ช่วยด้วย ฉันยังไม่ตาย “
“ เฮ้อ…” – ท่าทีโล่งใจแสดงออกมาจากแฟนคลับที่ตอนแรกดูกังวล
จากนั้น เอียน ที่โง่เง่ากับ ชอร์น ก็ในฉากที่ดูโกรธและตลกของแต่ละฝ่ายก็ได้แสดงขึ้นมา ชอร์น ได้เอากล่องช็อกโกแลตที่ทำให้เหมือนกล่องระเบิดมาโชว์ตรงหน้า เอียน จากนั้นทั้งโรงก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง
“ นั่นช็อกโกแลตดีนะ “ – บางคนพูดขึ้นมา ถ้าผู้บริหารของบริษัทช็อกโกแลตมาได้ยินเข้า พวกนั้นคงดีใจอย่างมากกับค่าโฆษณา 500,000 ดอลลาร์นี่ มันถือว่าคุ้มกับเงินที่เสียไป
แอนดี้ ที่หนีออกมาได้นั่งอยู่ในรถแท็กซี่ที่ขับโดย ชอร์น และจากนั้นทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กัน
“ พาฉันไปโรงพักถ้านายชนะ “ – แอนดี้ พูดขึ้นมาแล้วยื่นปืนออกไปนอกหน้าต่างก่อนที่จะยิงออกไปโดยไม่ลังเล
เสียงปืนที่ใส่ที่เก็บเสียงดังขึ้นมาและมีประกายไฟปลายกระบอกกระจายออกมา ลูกโป่งในมือเด็กน้อยระเบิดออกและกล่องกระดาษในมือคนเฝ้าประตูที่กระจายเป็นชิ้นๆ…
แอนดี้ เอามือข้างหนึ่งจับที่ไหล่ของ ชอร์น แล้วพูดขึ้นมาด้วยท่าทีไม่ต่างจากเดิม – “ ฉันจะยิงถ้านับถึงสาม “
“ หนึ่ง…สอง…”
ชอร์น หันกลับไปมองยังทิศทางที่กระบอกปืนของ แอนดี้ ชี้ไป เขาต้องการพนันว่าอีกฝ่ายจะยิงรึเปล่าแต่เมื่อเห็นผู้หญิงท้องที่กำลังอุ้มลูกอยู่กับเด็กนักเรียนที่สะพายเป้ ชอร์น ก็ทำการเหยียบคันเร่งไปต่อ
เขาไม่กล้าที่จะเสี่ยง
แต่มันสายเกินไปแล้ว
“ …สาม ! “
“ เฮ้ ! ” – ชอร์น ตะโกนขึ้นมาด้วยความกลัวและมองผู้คนที่เดินไปมาด้วยสีหน้ากังวล
ทุกคนยังคงปลอดภัยดีแต่เมื่อหันกลับมาดูเขาก็พบว่าประตูหลังนั้นเปิดอยู่และ แอนดี้ ก็หายไปแล้ว
“ เฮ้ เฮ้ มิกกี้ เธอเห็นมั้ย อันที่จริงฉากสุดท้าย ทอมมี่ น่ะก็แค่แกล้งเล่น “ – เสียงของเธอฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อย
“ ใช่ ตัวละครนี้จริงๆแล้วเป็นคนดี “ – เด็กสาวที่ชื่อ มิกกี้ เองก็เห็นตามเพื่อน
“ เขาน่ะทั้งดีและร้าย ฉันเริ่มตกหลุมรักบทนี้แล้ว เอริค นี่สุดยอดจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นบทแบบนี้ในหนังอื่นเลย “
มิกกี้ ยิ้ม – “ กุญแจคือเขายังเด็ก ฉันได้ยินว่าเขาอายุไม่ถึง 20 ปี เด็กกว่าเราสองคนอีก “
“ ฮ่ะ….เด็กจังแต่ฉันก็ยังชอบ ทอมมี่ มากกว่า “
“ โอ้ “ – ในตอนที่ได้ยินเพื่อนของเธอ เด็กสาวอีกคนก็หัวเราะขึ้นมา
นิโคล ที่นั่งอยู่ข้างหน้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา หลังจากอยู่ด้วยกันมากว่าหนึ่งเดือน เธอพอเข้าใจ เอริค บางและเธอรู้ด้วยว่าถ้าเขามองมาที่สองสาวนี้ สองสาวต้องอึ้งแน่ๆนี่ไม่ต้องนับ ทอมครูศ เลย แต่ไม่นานเธอก็จำสิ่งที่เธอเคยเจอมาได้และต้องอึ้งเล็กน้อย เขา….อย่างที่ ดรูวส์ บอก เขาไม่เคยสนใจเธอเลยเหรอ ?
มันราวกับว่าความรู้สึกแพ้ที่เพิ่มขึ้นมาในใจเธอนั้นแผ่ออกมา เพลงเศร้าของ Speechless Sentiment ก็ได้ดังขึ้นมาในโรง
แอนดี้ ที่ขึ้นมาบนรถเดินเข้าไปก่อนจะไปนั่งข้างๆเด็กสาวคนหนึ่ง
หน้าตาของ บรูกชีล์ ยังคงน่าอัศจรรย์ แต่ตามข้อเสนอของ เอริค คิ้วหนาๆของเธอถูกปรับเล็กน้อยและไม่มีลิปถูกทาไว้ที่ริมฝีปาก หน้าของเธอแค่แต่งหน้าเบาๆเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ได้เปลี่ยนท่าทีภายนอกของเธอไปด้วย ในตอนที่หลายคนเห็นเธอในนิตยาสาร พวกเขาจะคิดถึงคำว่าเทพธิดา
แต่ตอนนี้หน้าตาของเธอนั้นทำให้คนลบภาพเทพธิดาลงไป ทำให้เธอดูโดดเด่นน้อยลงเปลี่ยนเธอเป็นผู้หญิงที่ดูเข้ากับคนอื่นง่ายและดูใส่ใจคนอื่นๆ
ที่แถวหน้าของโรง บรูกชีลล์ นั่งมองตัวเองในจอและอยู่ๆก็เริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมา เธอยังกังวลกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เธอหันกลับมาและมองไปรอบๆและเพราะแสงจากจอมันจึงทำให้เธอเห็นสีหน้าของผู้ชมในแถวสุดท้ายได้ ผู้ชายหลายคนที่แถวท้ายๆมองไปที่จอพร้อมกับอ้าปากค้างเล็กน้อย ชัดแล้วว่าพวกนั้นอึ้งเพราะหน้าตาของเธอ เมื่อเห็นแบบนั้น บรูกชีลล์ จึงลดความกังวลลงและหันกลับไปดังเดิม
หากท่าทีของผู้ชมดี สำหรับนักวิจารณ์หนัง หลังจากที่เข้าชิงรางวัลนักแสดงยอดแย่มาหลายครั้ง เธอไม่มีหวังที่จะถูกจดจำในการแสดงเลย ดังนั้นมันคงดีหากเธอสามารถโด่งดังในหมู่ผู้ชมได้ ยังไงซะฮอลลีวูดก็มีดาราดังมากมายที่มีหน้าตาดีแต่การแสดงแย่
ในหนัง โยโย่ ที่เล่นโดย บรูกชีลล์ มองอย่างสงสัยไปยังชายแปลกหน้าที่มานั่งข้างๆเธอ เธอพบด้ามปืนที่เสื้อของเขาแต่หน้าของเธอก็ตกใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะตอบโต้อะไรเพราะความกลัว
“ เธอไม่ต้องพูด ไม่เป็นไรหรอก “ -แอนดี้ กระซิบขึ้นมาเบาๆแล้วถอดแว่นตาออกใส่ให้กับหญิงสาวเพื่อกันไม่ให้คนอื่นเห็นความกลัวในสายตาของเธอ เขาถอดหูฟังข้างหนึ่งของเธอออกแล้วเอามาใส่ที่หูเขาและโอบตัวเธอก่อนจะโน้มตัวเธอให้มาพิงที่ไหล่ของเขา