Chapter 107 – เด็กสาวผู้มีไหวพริบ
“ ฉันเพิ่งบอกไงว่ามันกะทันหัน เธอไม่ต้องตามฉันไปตลอดก็ได้ “ – เอริค ขับรถออกไปและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ ดรูวส์ ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
ดรูวส์ นั้นเคี้ยวหมากฝรั่งอย่างไม่ใยดีและเล่นเกมบอยพร้อมกับมีเสียงจากเครื่องเกมดังออกมาซึ่งทำให้เขาหงุดหงิด
“ สิ้นเดือน เจนนิเฟิอร์ จะกลับมาจาก LA และน่าจะมาอยู่กับฉัน “
“ อ่าฮะ “- แม้ว่าเธอจะพูดออกมาดังๆแต่เธอนั้นไม่ได้สนใจ
ดรูวส์ ไม่ได้ค้านเรื่อง เอริค กับ อนิสตัน มาตั้งแต่แรก เขาเป็นผู้ชายที่มีบุคลิกเผด็จการแม้ว่าเขามักจะทำตัวเป็นมิตรและทำตัวเหมือนปรึกษาอะไรกับเขาก็ได้ แต่บางครั้งเขาก็หยิ่งและหยาบคาย เขาไม่ให้คนอื่นค้านความคิดของเขา สำหรับ เจนนิเฟอร์อนิสตัน แล้ว เธอน่ะเป็นคนหัวรั้นและมีความสูงส่งในตัว เอามารวมกันแล้วมันก็ถือว่าโอเคแม้ว่าบุคลิกจะดูขัดกันแต่ทั้งคู่ก็เหมือนจะยอมกันได้
แต่ในระยะยาวแล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงทนกันไม่ได้นาน ยิ่งกว่านั้น เอริค น่ะเป็นเพล์บอย มันเป็นไปไม่ได้ที่คนอย่าง อนิสตัน จะทนได้
ดรูวส์ มักจะเพ้อฝัน เธออาจจะเป็นคนที่เหมาะกับ เอริค ที่สุด เธอสามารถทนความโรคจิตของเขาได้ สำหรับเธอแล้วมันจะดีกว่าหากอยู่กับเขา เธอเริ่มอ่านบทความของโรคประสาทจนถึงจุดที่เธอสับสน ทั้งหมดก็เพื่อที่จะเข้าใจเขาได้ดีขึ้น
แม้ว่าเธอจะรักเขาและให้ทุกอย่างที่เขาต้องการได้แต่เธอรู้ว่าเขาคงไม่ได้มีเธอแค่เพียงคนเดียว เมื่อคิดแบบนั้นมันก็มักจะทำให้เธอเศร้า
เหตุผลที่เธอมาอยู่กับเขานั้นวันนี้ไม่ใช่เพราะอิจฉา อาจจะนิดๆแต่เหตุผลจริงๆน่ะก็แค่เธออยากใกล้ชิดกับเขาให้มากกว่าเดิมก็เท่านั้น
… …
วันนี้เป็นวันแรกที่ ดรูวส์ ได้มาที่บริษัท เธอโตขึ้นมาต่อหน้ากล้องแต่เธอไม่รู้เลยว่าบริษัทนั้นทำงานกันยังไง เธอสงสัยทุกอย่างของที่นี่ ดังนั้นเธอจึงใช้วันหยุดนี้ในการสำรวจทุกซอกทุกมุมของตึกโดยมีพนักงานหญิงคอยแนะนำ เธอไปดูห้องตัดต่อ, ห้องอัดเสียง….เธอยังลองใช้อุปกรณ์บางอย่างด้วยแต่เพราะ Firefly นั้นไม่ใช่บริษัทใหญ่โตอะไร หลังจากผ่านไปแค่ 10 นาที เธอก็กลับมาอยู่จุดเดิม หลังจากนั้นเธอก็อยู่ในห้องฉายเงียบๆดูวิดีโอบางอย่างและไม่ได้ไปกวน เอริค
หลังจากที่เพิ่มชื่อคนที่ ดรูวส์ เอามาให้ในรายชื่อออดิชั่น เอริค ก็มองไปที่นักแสดงชายที่ผ่านการทดสอบรอบแรก
หลังจากอ่านได้ไม่กี่หน้า เขาก็พบว่านักแสดงหญิงทุกคนในรายชื่อนั้นได้ผ่านเงื่อนไขพื้นฐานที่เขาตั้งไว้ เขามั่นใจว่าบางคนอาจจะไม่ได้ผ่านเงื่อนไขทั้งหมดของเขาแต่เขาทำเหมือนไม่เห็นมัน พวกนั้นอาจจะถูกเพิ่มเข้ามาโดยคนอื่น แม้แต่เขาเองก็ยังเพิ่มนักแสดงที่ ดรูวส์ เอามาให้ด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่อะไร
เขามั่นใจว่าการใช้ทางลัดแบบนี้ในการออดิชั่นเป็นการตัดคนอื่นจากลายชื่อแต่ตราบใดที่ทีมงานไม่ทำเกินไป เขาก็จะไม่พูดอะไร มันไม่ยุติธรรมกับนักแสดงที่ไม่มีเส้นสายงั้นเหรอ ? แต่โลกนี้น่ะไม่เคยยุติธรรมอยู่แล้ว
เขารู้ว่าด้วยการเติบโตของบริษัท มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้อำนาจในมือเพียงคนเดียว ดังนั้นการเลือกเลือกตัวละครสมทบคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น
ทีมงานที่รับผิดชอบในการออดิชั่นจะไม่ได้เป็นตัวตลกในอาชีพของพวกเขา เมื่อพวกเขาเลือกนักแสดงที่ไม่ผ่านเงื่อนไขและส่งผลกับหนัง ทีมงานคนนั้นต้องเสียงานไป ดังนั้นถ้านักแสดงหญิงที่ยอมเสนอตัวนอนกับผู้กำกับเพื่อให้ได้รับบทและแสดงได้ไม่ดีพอ ทั้งผู้กำกับและเธอสุดท้ายก็ต้องพัง
หลังจากที่อ่านรายชื่อแล้ว เอริค นั้นไม่ได้เร่งรีบอะไร เมื่อเขาอยู่ทีนี่แล้ว เขาก็จะดูรายละเอียดเงินทุนของหนังทั้งสามเรื่อง เพราะ Columbia นั้นรับผิดชอบเรื่องการลงทุนเรื่อง Running Out of Time เอริค จึงตั้งเงินทุนไว้ที่ 40 ล้าน สำหรับหนังเรื่องเดียวที่ไม่ได้มีเอฟเฟ็คอะไร นี่ถือว่าเป็นเงินที่สูงเอาเรื่องแต่ เอริค ไม่คิดจะประหยัดเงินเพื่อ Columbia ถ้าเขาไม่ใช้เงินทั้งหมด Columbia ก็ไม่ได้ให้เงินส่วนที่เหลือกับเขา
ดังนั้น เอริค จึงหันมาสนใจการใช้เงินกับนักแสดง บทตำรวจสาว เขาได้ส่งคำเชิญไปให้กับ ซิกัวร์นีย์วีเวอร์ อีกฝั่งเองก็ตกลง แน่นอนว่าค่าจ้างของเธอน่ะไม่ได้น้อยเลย ยังไงซะถ้าเขาไม่ใช้ เขาก็ไม่ได้อะไร บวกกับเขาก็ไม่ต้องใช้เงินตัวเองด้วย
สหรับบทหัวหน้าหน่วยอาชญากรรมแล้ว เอริค ได้เลือก โจเปสกี้ โจรที่ชื่อ แฮรี่ ในหนัง Home Alone ในตอนที่ เอริค เตรียมทำ Home Alone เขาต้องการเชิญอีกฝ่ายมาแต่โชคร้ายที่เงินนั้นไม่ได้มากพอ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เชิญนักแสดงทีวีมา ผลก็คือบทนี้ แมทริลเพอรี่ ได้ไป การแสดงของเขาไม่ได้ดีเท่า โจ เลย
โจเปสกี้ เองก็ได้รับคำเชิญจากหนังใหญ่อีกเรื่องจาก Warnes Bros. หนังที่ชื่อว่า Lethal Weapon ในชีวิตที่แล้วของเขาหนังเรื่องนี้มีถึง 4 ภาคและยังมีละครด้วย เขาลังเลกับหนังสองเรื่องนี้แต่หลังจากที่เห็นเช็กของทาง Firefly เขาก็ตกลงโดยไม่ลังเล แน่นอน เอริค ทำแบบนั้นก็เพื่อดึงความสนใจจาก โจ ซึ่งก็ได้ตกลงอย่างง่ายได้ โจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องเล่นกับ ทอมแฮงค์
สำหรับตัวละครอื่นๆที่ยังไม่ถูกเลือก เอริค คิดจะใช้นักแสดงชั้นสองและสาม ถ้าพวกนั้นไม่ได้มีประสบการณ์ในการแสดงหนังสองสองรึสามเรื่องและไม่มีเส้นสาย งั้นพวกนั้นก็จะโดนปัดทิ้งและไม่ได้มีสิทธิแม้แต่จะไปออดิชั่น
สำหรับหนังที่เขาลงทุนไป เขาได้ตั้งทุน Scent of a Woman ไว้ที่ 10 ล้าน เป้าหมายของหนังคือได้รางวัลบางอย่างจากออสการ์ อัลปาชิโน นั้นรับเช็กเพียงแค่ 3 ล้าน The Others ใช้เงินลงทุนแค่ 5 ล้าน โจนาธานเดม รับค่าเหนื่อยแค่ 5 แสนและ เวอร์จิเนีย รับค่าเหนื่อยแค่ 3 แสนเท่ากับ จูเลีย ใน Pretty Woman และเพราะพวกเขากำลังจะถ่ายทำหนังทั้งหมดในบ้านแบบอังกฤษหลังเก่า เงินทุนที่เหลืออยู่จึงมากพอที่จะถ่ายหนังทั้งเรื่องเสร็จได้
… …
หลังจากที่อ่านเอกสารเงินทุนของหนังทั้งสามเรื่อง เอริค ก็ย่นมืออกมาแล้วมองดูนาฬิกา มัน 6 โมงเย็นแล้ว หลังจากที่ถามพนักงานว่า ดรูวส์ อยู่ไหน เขาก็รู้ว่าเธอกลับไปก่อนแล้ว เด็กสาวนั่นรู้ว่าจะจัดการเขายังไง เธอรู้ว่า เอริค คงรู้สึกผิดถ้าเขาไม่กลับบ้านในคืนนี้ ดังนั้นเขาจึงโทรหา เวอร์จิเนีย และขอโทษเธอ จากนั้นเขาก็ขับรถกลับบ้านตัวเอง
ดรูวส์ ดีใจที่เห็นเขากลับมาแต่เขาก็ยังคงต้องกินพิซซ่าในคืนนี้ เพราะ เอริค ยุ่งอยู่ตลอดทั้งบ่าย เขาจึงขี้เกียจทำกับข้าว สำหรับ ดรูวส์ เธอน่ะไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านการทำอาหาร ถ้าเขายังยืนกรานให้เธอทำอะไรให้เขากิน เธออาจจะทำให้เขาอาหารเป็นพิษก็ได้
“ เอริค บงที เราควรจะจ้างเชฟมาดีมั้ย ? “- ดรูวส์ เริ่มเหนื่อยกับการต้องกินพิซซ่า
เอริค กัดพิซซ่าของเขาแล้วพยักหน้า – “ มันจะดีกว่านี้ถ้ามีแม่บ้าน ฉันชอบแม่บ้านที่ใส่ชุดญี่ปุ่น เธอว่าไง ?”
“ ฉันชอบ…” – เธอกำลังพูดแต่ตอนนั้นเธอก็ปิดปากแล้วมอง เอริค ด้วยสีหน้าสงสัย – “ เฮ้ ฉันคิดว่านายเองนี่มันเผด็จการจริงๆเลยนะ นายไม่ให้ผู้ชายคนอื่นเข้ามาในอาณาเขตของนายเลยสินะ “
“ โอ้พระเจ้า “- เอริค มองไปที่เด็กสาวฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าช็อก – “ ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้ยินคำพูดแบบนั้นออกจากปากเธอแล้วซะอีก “
ดรูวส์ ก้มหัวลงแล้วพูดออกมา – “ ไอ้บ้า “ – จากนั้นก็กินพิซซ่าต่อแล้วไม่สนใจเขาอีก