ตอนที่ 109 เตรียมลงมือ
เจ้าหมูจินยิ้มขึ้น “ข้าเจอมันแล้วมันอยู่ในหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรในส่วนลึกป่าอำหมิต นี่เป็นข้อมูลของหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรแห่งป่าทมิฬ ข้าให้เจ้าฟรีๆ,ข้าไม่ขี้งกใช่ไหม?”
เซียวเฉินรู้สึกเป็นสุข,เขารับเอาข้อมูลของหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรมาจากจินต้าเป่าและมองดูอย่างละเอียด จากนั้นครู่หนึ่ง,เซียวเฉินคิ้วขมวด
ส่วนลึกของป่าอำมหิตนั้นช่างแสนอันตราย,มีสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูงอยู่เต็มไปหมด แม้แต่ระดับขอบเขตปรมจารย์ยังเข้าไปใกล้ได้แค่ชายเขตของส่วนใน
เพื่อที่จะเข้าไปในส่วนลึกได้,คนคนนั้นอย่างน้อยต้องอยู่ระดับขอบเขตนักบุญ ยิ่งกว่านั้น,แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็เข้าไปไม่ได้ง่ายนัก
ทุกปี,ในเมืองไป๋สุ่ยแห่งนี้,มักจะมีข่าวการตายของระดับขอบเขตนักบุญที่เข้าไปในพื้นที่ส่วนลึกของป่าอำมหิตออกมาให้ได้ยินอยู่เสมอ ตามข่าวลือ,มีสัตว์อสูรโบราณอยู่ในนั้น,ความแข็งแกร่งของมันยิ่งกว่าระดับขอบเขตราชา
ราชันย์แห่งหุบเขานอนเฝ้าอยู่ในส่วนลึกของป่าอำมหิต มันเป็นลานสุสาน ที่ที่เมื่อสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูงใกล้จะหมดอายุขัยของมัน,พวกมันจะไปจบชีวิตลงในท่านั่ง นี่เป็นผลมาจากความเชื่อของมัน
ด้วยความแข็งแกร่งของเซียวเฉิน,เป็นความสิ้นคิดที่จะเข้าไปตัวคนเดียว เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรวิญญาณที่ระดับสูงกว่าขอบเขตนักบุญ,เซียวเฉินคงไปไม่ถึงราชันย์แห่งหุบเขาและจบชีวิตลงอย่างเดียวดายระหว่างทาง
จินต้าเป่าที่เห็นเซียวเฉินกำลังครุ่นคิดก็ยิ้มขึ้น “พี่น้องเซียว,หยุดคิดไปได้เลย ไม่มีทางที่เจ้าจะไปถึงด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า”
ความคิดหนึ่งวูบผ่านหัวของเซียวเฉิน “ไม่มีทางที่ข้าจะเข้าไปด้วยความแข็งแกร่งของข้า…เป็นไปได้ว่าเจ้ามีวิธีอื่น?”
เจ้าหมูกระแอมและกางพัดสีทองที่อยู่ในมือ เขายิ้มและพูดขึ้น “เจ้าเห็นป้ายประกาศที่แปะอยู่บนชั้นแรกของศาลาหลับไหลไหมล่ะ?”
เซียวเฉินพยักหน้า “แน่นอน,ข้าเห็น,เป็นป้ายประกาศที่ไร้ยางอายที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา”
เจ้าหมูยิ้มขึ้นอย่างเลิ่กลั่ก “เจ้าพูดมาได้ไงว่าไร้ยางอาย? เป็นแค่ความต่างชั้นของสติปัญญาเท่านั้นเอง”
“ไม่ต้องพูดถึงมัน,นี่เป็นวิธีการของท่านหมู หลังจากวันนี้,ผู้บ่มเพาะพลังส่วนใหญ่จะทราบตำแหน่งของซากโบราณ”
สายตาประหลาดปรากฎขึ้นบนดวงตาของเซียวเฉิน “เจ้าคิดจะตีน้ำให้แตก?”
*** ตีน้ำให้แตกคือสร้างความปั่นป่วน
เจ้าหมูจินยิ้มอย่างพึงพอใจ, หน้าอ้วนๆของเขาส่ายไปมา “แน่นอน,แผนที่ซากโบราณแผนดึงความสนใจของนักบ่มเพาะพลังนับไม่ถ้วน ในหมู่พวกเขา,เหล่าตระกูลชั้นสูงไม่ไว้หน้าตระกูลเจียงและเข้าไปชิงแผนที่ตรงๆ”
“สำหรับผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งคนอื่นๆ,แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งอยู่ระดับขอบเขตนักบุญ,พวกเขาก็ยังไม่กล้าไปแหยมกับตระกูลเจียง ดังนั้น,หากพวกเขาต้องการแผนที่มาครอบครอง,พวกเขาจะต้องคิดวิธีอื่น ท่านหมูผู้นี้ให้โอกาสพวกเขา ประมาณการผู้บ่มเพาะพลังระดับขอบเขตนักบุญที่มายังเมืองไป๋สุ่ยและไม่ขึ้นตรงต่อขุมอำนาจใดอย่างน้อยก็มีมากกว่า 50 คน”
นอกจาก 50 นี้แล้ว,ยังเพิ่มระดับขอบเขตปรมจารย์เข้าไปอีกเป็นจำนวนมาก ด้วยกำลังดังกล่าวมันไม่ด้อยไปกว่าเหล่าขุมอำนาจใหญ่
เซียวเฉินไตร่ตรองที่เจ้าหมูพูดมา,สถานที่แห่งนี้ช่างทรงเสน่ห์,ไม่เพียงแค่ดึงดูดระดับขอบเขตนักบุญที่ไม่ขึ้นกับฝ่ายใด,มันอาจจะดึงดูดระดับขอบเขตราชาเข้ามาด้วย พวกเขาอาจจะกำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง
เมื่อคิดได้เช่นนี้,เส้นทางที่ไปยังซากโบราณดูเหมือนจะอันตรายกว่าที่เขาคาดไว้ จินตนาการว่าเขาวิ่งเข้าไปคนแรกคนเดียวก็เท่ากับวิ่งไปฆ่าตัวตาย
เจ้าหมูยังคงวิเคราะห์สถานการต่อไป “ลองคิดดู,หากซากโบราณถูกพบขึ้นมา,คนที่จะหัวเราะเป็นคนสุดท้ายก็คือเหล่าตระกูลชั้นสูง ใครแกร่งที่สุดก็กอบโกยไปได้มากที่สุด”
“สำหรับคนอ่อนแอเช่นข้า,พวกเราทำได้เพียงตีน้ำให้แตกเท่านั้นเพื่อที่จะใช้ต่อกรกับพวกเขา,จับปลาในน้ำขุ่น”
***ดักปลาในน้ำขุ่นแปลว่าใช้โอกาสตอนสับสนวุ่นวายโกยผลประโยชน์เข้าตัว
เซียวเฉินคิดเกี่ยวกับมันอย่างรอบครอบ,มันเป็นไปอย่างที่เจ้าหมูพูด มันไม่มีทางที่นักบ่มเพาะพลังอิสระอย่างพวกเขาจะพึ่งความแข็งแกร่งเข้าแข่งขันโกยผลประโยชน์กับขุมอำนาจใหญ่หรือตระกูลชั้นสูง
“มีห้องว่างในทีาศาลาหลับไหลของเจ้าไหม? ข้าอยากจะพักที่นี่สักสองวัน” เซียวเฉินตัดสินใจ,เขาไม่เร่งรีบอีกต่อไป
และน่าจะใช้เวลานี้พักผ่อนเสียสักหน่อย
ในตอนที่เขาจากไปเมื่อคืนก่อน,มีนักบ่มเพาะพลังของตระกูลเจียงจับตาดูเขา แม้ว่าจะไม่มีระดับขอบเขตปรมจารย์,เขาก็เสียแรงไปไม่น่อยในการจัดการกับพวกมัน
มันอยู่ในช่วงเร่งรีบหาที่อยู่พักฟื้นพลัง,ในที่ที่ไม่มีใครเข้ามากวนเขาได้ จินต้าเป่าช่างดูลึกลับ เซียวเฉินคิดว่าเส้นของศาลาหลับไหลคงใหญ่พอที่จะไม่เกรงกลัวตระกูลเจียง
เจ้าหมูยิ้มขึ้น “เจ้ากำลังถามหาบริการของเราเพื่อหลบภัย? ไม่มีปัญหา ไม่มีธุรกิจไหนที่ท่านหมูผู้นี้จัดการไม่ได้ หนึ่งหมื่นเหรียญเงินต่อหนึ่งคืน”
หนึ่งหมื่นเหรียญเงินต่อหนึ่งคืน,ทั้งหมดสามวันก็เป็นเงินสามหมื่นเหรียญเงิน หนึ่งพันเหรียญเงินก็เท่ากับหนึ่งเหรียญทอง เจ้าหมูนี่ช่างไร้หัวใจ,เขาต้องจ่ายถึงสามสิบเหรียญทองเพื่ออยู่เพียงสามคืน
“เช่นนั้นก็ลืมไปซะ,ข้าไปหาที่อื่นอยู่ก็ได้แค่สามวัน” นี่มันจะสิ้นเปลืองเกินไป แน่นอน,เซียวเฉินไม่มีวันยินยอม ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับเดินออกไปไม่สนใจจะมองกลับมา
เจ้าหมูรีบหยุดเซียวเฉินเอาไว้,พูดขึ้น “พี่น้องเซียว,ทำไมท่านรีบร้อนตลอด? ข้ายังพูดไม่จบ ที่จริง,ข้าจะให้ท่านใช้ห้องได้ฟรีๆ”
จินต้าเป่ากระซิบสองสามคำใส่ของหูเซียวเฉิน จากนั้น,เขาก็เริ่มยิ้มออกมาหยาบโลน “พี่น้องเซียว,ท่าคิดว่าไง?”
เซียวเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าจะให้มันกับเจ้าภายในสามวัน”
สามวันผ่านไปในพริบตา ผู้บ้มเพาะพลังทั้งหมดในเมืองไป๋สุ่ยต่างรู้ถึงทีาตั้งของซากโบราณ ถึงอย่างนั้น,ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าไป
แม้ว่าหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรจะเป็นเพียงลานสุสาน,แต่อาจจะมีสัตว์อสูรระดับสูงที่กำลังจะหมดอายุขัยแต่ยังไม่ตายอยู่ก็เป็นได้ สัตว์อสูรวิญญาณที่สามารถเข้าไปในหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรได้สามารถฆ่าระดับขอบเขตปรมจารย์ได้ง่ายดายตราบเท่าที่มันยังหายใจอยู่
นอกจากนั้น,ยังมีบางส่วนที่ไม่แม่แต่จะกล้าเข้าไปใกล้ส่วนลึกของป่าอำมหิต พวกเขามองไปที่เหล่าตระกูลชั้นสูงตาปริบๆ,หวังว่าพวกเขาจะช่วยเปิดทางถางป่าให้
เต็มไปด้วยหวัง,แต่ความจริงมันโหดร้าย ในวันนั้น,จุดสีดำลอยตรงไปที่ป่าอำมหิตจากท้องฟ้าทางใต้ของเมองไป๋สุ่ย
เมื่อจุดสีดำเข้ามาใกล้,เรือรบสีดำขนาดมหึมาปรากฎขึ้นในสายตาของพวกเขา มีธงปักตัวอักษร ‘จี’ โบกสะบัดอยู่บนเรือ
“สมบัติลับของตระกูลจี, เรือหลวงทมิฬ,ตรงเข้ามาแล้ว มันกำลังจะเข้าปะทะกับเรือรบทองคำของขุนนางกุยยี่!”
ยิ่งกว่านั้น,จุดเล็กสีขาวลอยตรงมาจากทิศทางเมืองหลวงของแขวนซื่อซุ่ย ขณะที่มันเข้ามาใกล้,พวกเขาก็เห็นว่ามันคือวหคน้ำแข็งขนาดยักษ์ บนหลังของวิหคน้ำแข็ง,มีคฤหาสน์น้ำแข็งตั้งอยู่,ส่องประกายไปด้วยแสงเย็นยะเยิอก
“คฤหาสน์น้ำแข็งลึกล้ำของตระกูลตวนมู่ก็ตรงเข้ามาเช่นกัน มันจบแล้ว,ดูเหมือนพวกเขาเตรียมตัวที่จะลงจอดบนหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรโดยตรง”
“ให้ตายเถอะ,ข้าก็รอให้พวกเขาไปเปิดทางให้ ใครจะคิดว่าเขาจะบินไปบนฟ้า”
“หากเจ้าคิดแผนเช่นนั้นขึ้นมาได้ด้วยปัญญาของเจ้าแล้ว, เจ้าคิดว่าพวกตระกูลชั้นสูงจะคิดไม่ออกหรือไร? ไร้เดียสาเกินไปแล้ว!”
เมื่อผู้บ่มเพาะพลังในเมืองไป๋สุ่ยเห็นสถานการณ์ตรงหน้า,พวกเขาไม่อาจห้ามใจได้อีกต่อไป พวกเราเริ่มเตรียมพร้อมที่จะบุกเข้าไปในส่วนลึกของป่าอำมหิต ในจังหวะนี้,ผู้บ่มเพาะพลังระดับขอบเขตนักบุญที่แข็งแกร่งสองสามคนเผยตัวออกมาและรวมคนเพื่อบุกเข้าไปในหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรพร้อมกัน
เซียวเฉินยืนอยู่ข้างหน้าตามองไปบนท้องฟ้าอย่างสงบ เขามองไปยังสามสมบัติลับที่กำลังบินไปที่ส่วนลึกของป่าอำมหิต อย่างไรก็ตาม,เขาก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับมัน
“ปัง!ปัง!ปัง!”
เจ้าหมูเปิดประตูห้องของเซียวเฉินเดินเข้ามาหน้าซื่อ “พี่น้องเซียว,สามวันผ่านไปแล้ว,เตรียมของเรียบร้อยหรือยัง?”
เซียวเฉินยังคงนิ่งเงียบ เขาหยิบรูปสลักไม้ออกมายื่นให้จินต้าเป่า เจ้าหมูรับมันมาท่าทางดี๊ด๋าและวางมันลงไปในแหวนห้วงอวกาศของเขาอย่างระมัดระวัง
เซียวเฉินคิด,แม้ว่าแหวนทั้งสิบวงบนมือของเขามันจะดูฉูดฉาดแทงตา,พวกมันทั้งหมดเป็นแหวนห้วงอวกาศ เพื่อที่จะมีแหวนห้วงอวกาศมากมายได้ขนาดนี้,เห็นชัดว่าเบื้องหลังของเขาไม่ธรรมดา
“เจ้าพอจะมีของอุปกรณ์มาขายให้ข้าบ้างไหม?” เซียวเฉินสอบถาม,พยายามเสี่ยงดวงดู ส่วนลึกของป่าอำมหิจมันแสนอันตราย,เขามีความคิดที่จะซื้ออุปกรณ์สักสองสามชิ้น,แต่เขาไร้ช่องทางในเมืองไป๋สุ่ย
จินต้าเป่าหยิบลูกศรสิบดอกออกมาและหัวเราะ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องถามหา,ท่านหมูผู้นี้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว หนึ่งหมื่นเหรียญทองสำหรับลูกศรปราณแสงสิบดอก,งดต่อลอง”
เซียวเฉินเป็นสุข ลูกศรปราณแสงพวกนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเขาโดยแท้ ธนูล่าวิญญาณนั้นทรงพลัง,ขาดแต่เพียงลูกศรดีๆ ด้วยลูกศรปราณแสง,พลังของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม,ราคายังสูงไปมาก,เกือบจะเท่าทั้งหมดที่เขามีติดตัว ถึงอย่างนั้น,เซียวเฉินก็ไม่ได้ลังเลและซื้อมันเอาไว้ทั้งหมด ถึงอย่างไร,ของชิ้นอื่นอาจจะต่อรองราคาได้ ,แต่สำหรับของหายากอย่างลูกศรปราณแสง,ไม่มีพื้นที่ให้หันราคา
หมูบ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ขายลูกศรปราณแสงออกมาเพียงหนึ่งร้อยดอกทุกปี มันคือสิ่งที่ไม่อาจซื้อได้ด้วยเงิน สำหรับเจ้าหมูที่หามาได้ถึงสิบดอก,มันแสดงให้เห็นว่าเขามีช่องทางไม่น้อย
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ,เขาก็เก็บลูกศรปราณแสงมา ทันใดนั้นเซียวเฉินก็เหมือนนึกอะไรออก “เกราะศึกระดับปฐพีที่เยี่ยงเชียงหยุ่นใช้ยังอยู่กับเจ้า,ใช่ไหม?”
จินต้าเป่าพูดขึ้น “เจ้าคิดว่าไง? นั้นมันไม่ได้มีไว้ขาย,อย่างต่ำมันก็ได้สักหนึ่งล้านเหรียญทอง ยิ่งกว่านั้น,กระเจ้าบ๋อแบ๋แล้ว”
เซียวเฉินยิ้มบางๆ “หากข้าไม่ซัดเขาจนหลับ,เจ้าจะไปรูดทรัพย์ถอนขนทุกเส้นมาจากเขาได้เช่นไร? ดังนั้น,ข้าต้องมีส่วนแบ่งในชุดเกราะชุดนั้น”
เจ้าหมูพูดอย่างเกรี้ยวกราด “หยุดพูดไร้สาระ! แม้ว่าท่านหมูผู้นี้จะรักเงินทอง,ข้าก็ไม่ได้ถึงขนาดคลั่งไคล้ ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น”
พวกเขาทั้งสองตบตีกันอยู่นานก่อนที่ในที่สุดเซียวเฉินก็เขียนสัญญาตั๋วเงินห้าแสนเหรียญทองและได้ชุดเกราะศึกระดับปฐพีมาอยู่ในมือ
หลังจากที่เซียวเฉินเดินไกลออกไป,จินต้าเป่ากำสัญญาตั๋วเงินไว้ในมือและหัวเราะขึ้น “เจ้าตกหลุมพรางของข้าจมมิด เจ้าชุดเกราะศึกนั้นยังไงก็เป็นของอับโชค”
หลังจากนั้นไม่นาน,ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ซู่เสี่ยวเสี่ยวเดินตรงเข้ามาอย่างสง่างามพร้อมกับถือพิณของนางไว้ในมือ นายถามขึ้นเสียงนุ่ม “เจ้าส่งลูกศรปราณแสงของข้าให้เขาไปแล้ว?”
เจ้าหมูรีบซ่อนสัญญาตั๋วเงินและพูดขึ้นท่าทางตรงไปตรงมา “ข้าทำตามที่แม่นางเสี่ยวเสี่ยวต้องการและมอบลูกศรปราณแสงให้กับเซียวเฉินในฐานะมิตรสหาย”
“ดี,พวกเราก็เริ่มลงมือกันได้”
ในด้านรอบนอกของป่าอำมหิต,เซียวเฉินเร่งฝีเท้าและมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของป่าอำมหิตแย่างรวดเร็ว มีซากศพสัตว์อสูรวิญญาณเกลื่อนตลอดทางที่ผ่าน
โดยปกติ,จะมีคนตบตีกันแย่งชิงซากสัตว์อสูรวิญญาณ ในตอนนี้,ไม่มีใครใส่ใจ เซียวเฉินเห็นแม้กระทั่งซากสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 3 กองอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครเหลียวมองสักนิด
เซียวเฉินหยุดเท้าและหยิบมีดเล่มเล็กออกมา เขาเริ่มใช้มันตีดผ่าน่างของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 3 แม้แต่แก่นกลางวิญญาณของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 3 ทั่วไปยังมีค่าอย่างน้อยถึงหนึ่งพันเหรียญเงิน
ตอนนี้เซียวเฉินถังแตก ยิ่งกว่านั้นยังติดหนี้ก้อนโต ไม่มีความจำเป็นที่จะเพิกเฉยต่อเงินที่ตกอยู่ข้างถนน
“หมอนั้นมันโง่บัดซบ ในสถานการณ์เช่นนี้,ทุกคนต่างใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด,เขาเสียเวลาไปขุดเอาแก่นกลางวิญญาณที่คนอื่นทิ้งเอาไว้”