ตอนที่ 110 สัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์
“หยุดปากขยับขาได้แล้ว,พวกเราล่าช้าไปมาก แม้พวกเราจะไปเก็บได้เพียงเศษเล็กเศษน้อย,มันยังอาจได้ราคามากกว่าหนึ่งแสนเหรียญเงิน”
สองนักบ่มเพาะพลัง,ที่ยังไม่ถึงแม้แต่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธชั้นสูง,เดินผ่านเซียวเฉินไป พวกเขาเห็นว่าเซียวเฉินกำลังทำอะไรก็ดูหมิ่น
เซียวเฉินยิ้มอย่างไม่แยแสและไม่ได้ไปใส่ใจกับพวกเขา มันยังไม่แน่ไม่นอนเลยว่าพวกเขาจะได้กลับมาจากหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรแบบเป็นๆ… พอคิดว่าพวกเขาเริ่มเพ้อฝันถึงสมบัติจากซากโบราณกันแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะหยิบฉวยมาได้,พวกเจ้าจะได้กลับออกมาแบบมีชีวิต?
เซียวเฉินเก็บเกี่ยวแก่นกลางวิญญาณระดับ 3 มาได้สามชิ้นและออกเดินทางต่อ มีซากสัตว์อสูรวิญญาณกระจัดกระจายตลอดทาง เซียวเฉินพบแม้กระทั่งซากสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 4 ,ผลการเก็บเกี่ยวของเซียวเฉินเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย
สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 มักจะไม่ปรากฎตัวตามชายขอบป่าอำมหิต โดยปกติมันก็ยังอันตราย,แต่มีผู้บ่มเพาะพลังมากมายเข้ามาในวันนี้ เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน,ไร้ซึ่งสัตว์อสูรวิญญาณตนไหนสามารถขัดขวางพวกเขาได้
“บูม!บูม!”
มีเสียงการต่อสู้ดังลอยมาเข้าหูของเซียวเฉิน เซียวเฉินปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไปมาตรงไปตามต้นเสียง ผู้บ่มเพาะพลังกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมสัตว์อสูรวิญญาณสีทองตนหนึ่งเอาไว้
สัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์!เซียวเฉินตกใจ สัตว์อสูรวิญญาณที่ถูกล้อมอยู่นั้นเป็นสิงโตสีทองทั้งตัวบนหัวของมันมีเขาสีทองงอกออกมา
“พอคิดว่ามีสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ปรากฎออกมา…” เซียวเฉินอุทานด้วยความตกใจ,และหัวใจของเขาเต้นระรัว “ถึงอย่างนั้น,ดูเหมือนสายเลือดของมันจะไม่ได้บริสุทธิ์”
ในโบราณกาล,มีสัตว์อสูรวิญญาณเช่นนี้ปรากฎตัว,ร่างของมันเป็นสีทองทั้งตัว,แม่แต่โลหิตก็เป็นสีทอง มันคือสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์ แก่นกลางวิญญาณที่ได้รับมาจะมีคุณภาพสูงกว่าในระดับเดียวกัน
มันมีข่าวลือว่ามีสัตว์อสูรอำมหิตอยู่ในป่าอำมหิตแห่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอกับสัตว์อสูรอำมหิต,แต่พวกเขากลับมาเจอกับสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์
จะต้องเป็นเพราะมีผู้บ่มเพาะพลังมากมายเข้ามาในป่าอำมหิตและไปพบกับมันเข้าโดยบังเอิญ มิฉะนั้น,ด้วยจิตวิญญาณของสัตว์อสูรวิญญาณจำพวกนี้,มันน่าจะหลบหนีไปก่อนที่จะมีคนมาเข้าใกล้
อย่างไรก็ตาม,สายเลือดของสัตว์อสูรทองคำศกดิ์สิทธิ์ตนนี้ช่างเบาบาง,มูลค่าของมันไม่ได้ถึงกับระดับสั่นสะเทือนโลกาอีกต่อไป เซียวเฉินสนใจก็แต่เขาสีทองที่อยู่บนหัวของมัน
เขาไม่สามารถหาวัตถุดิบที่เหมาะสมสำหรับคาถาสละชีพ เขาทองคำนั้นเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องพูดเยอะว่ามันเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณในนั้น
เขากระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ทีละกิ่งๆ เมื่อเขาเข้ามาใกล้จุดปะทะ,เขาสังเกตการณ์การต่อสู้อย่างรอบคอบ
มีคนสองกลุ่มล้อมรอบสิงโตทองคำ ในจังหวะนั้น,สิงโตทองคำถูกต้อนจนมุม บรรยากาศกลายเป็นแปลกประหลาด
ผู้นำของกลุ่มผู้บ่มเพาะพลังทั้งสองกลุ่มอยู่ระดับขอบเขตนักบุญ พวกเขาต่างนำผู้บ่มเพาะพลังสิบคนที่มีแนวทางการแต่งตัวแตกต่างกันไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาจับกลุ่มกันอย่างลวกๆในนาทีสุดท้าย
“ฟุ่ว ฟิ่ว!”
สิงโตทองคำพ่นเปลวเพลิงสีทองออกมา เปลวเพลิงสีทองสว่างเปล่งประกายพร้อมกับพุ่งเข้ามาผู้นำกลุ่มทางขวา
เปลวเพลิงนี้ช่างทรงพลัง,แต่เจ้าสิงโตทองคำในตอนนี้บาดเจ็บสาหัส เปลวเพลิงที่มันพ่นออกมาเริ่มขาดตอนเล็กน้อย ระดับขอบเขตนักบุญที่อยู่ในชุดสีเทาตบเข้าไปที่เปลวเพลิงและมีบางอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้น
เปลวเพลิงสีทองทันใดนั้นก็เบี่ยงกลับตรงไปที่คนอีกกลุ่มหนึ่ง ผู้บ่มเพาะพลังจำนวนหนึ่งบาดเจ็บสาหัสในทันที
“จางเหอ!เจ้าทำอะไร!” ระดับขอบเขตนักบุญผู้นำของอีกกลุ่มตะโกนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
*** จางเหอคนนี้คนละจางเหอกับของเมืองม่อเหอนะครับ แต่อิ้งใช้ชื่อเดียวกัน เดียวผมได้จับคอมแล้วจะไปเปิดดูจีนอีกทีว่าอ่านเสียงเดียวกันหรือเปล่า ตอนนี้แปลในไอแพดไม่ค่อยสะดวกครับ
ระดับขอบเขตนักบุญนามจางเหอยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าทำอะไร? เหมือนกับที่เจ้าคิดจะทำ? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำอะไรไว้ เจ้าแสร้งทำพลาดเมื่อครู่,เปิดช่องให้สัตว์อสูรตัวนี้โจมตีใส่ข้า”
ในขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน,พวกเขาก็ยังไม่ได้หยุดมือโจมตี พวกเขาซัดเจ้าสิงโตทองคำสาหัสจนเกือบจะล้มลงแล้ว ทั้งสองฝั่งก็เปิดฉากโยนไฟใส่กันเป็นครั้งคราว
ระดับขอบเขตนักบุญทั้งสองไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก,แต่กลุ่มระดับขอบเขตปรมจารย์ช่างโชคไม่ดี มีไฟลอยเข้ามาทีก็จะต้องมีสักคนโดนย่าง
“ผู้อาวุโส,แม้ว่าสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้จะล้ำค่า,แต่สายเลือดของมันเจือจางจนแทบไม่เหลือ นั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปตบตีแย่งชิงกันถึงตาย”
“ใช่แล้ว,รีบเร่งเข้าไปที่หุบเขาราชันย์สัตว์อสูร เศษเล็กเศษน้อยจากที่นั้นยังมีค่ามากกว่าเจ้านี้”
ผู้บ่มเพาะพลังข้างหลังแนะขึ้นมา หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป,จะต้องมีใครสักคนได้ตายจริงๆ
“ปัง!”
หลังจากโจมตีใส่ครั้งสุดท้าย,ในที่สุดสิงโตทองคำก็ล้มลง ทั้งสองฝ่ายต่างระวังดูเชิงซึ่งกันและกัน ไม่มีใครก้าวออกไปเก็บซาก
จางเหอมองไปที่คู่ต่อสู้ของเขา “เจาหงหยู่,ความแข็งแกร่งของพวกเราทัดเทียมกัน,ผลตัดสินแพ้ชนะไม่ออกมาในเวลาสั้นๆเป็นแน่ น่าจะเป็นไปได้ที่เราจะมาแบ่งเจ้าสิงโตทองคำกันดีๆ”
“การต่อสู่ระหว่างข้ากับเจ้าทำให้เราเสียเวลาไปมาก หากพวกเรายังอยากจะไปที่หุบเขาราชันย์สัตว์อสูร,มาจัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว”
เจาหงหยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่เลว,ข้าต้องการเพียงเขาของมัน,ที่เหลือไม่ได้สนใจ”
จางเหอยิ้มขึ้น “เจ้าน่าจะกล่าวออกมาก่อน,ข้าต้องการเพียงแก่นกลางวิญญาณของมัน เอาเป็นว่าเนื้อหนังโลหิตที่เหลือ,แบ่งให้พี่น้องด้านหลังพวกเรา?”
เจาหงหยู่พยักหน้า “พวกเราต่างถอยออกมาและส่งคนออกไปเก็บแก่นกลางวิญญาณและเขา เป็นไง?”
“อย่างที่ข้ากำลังจะพูด!”
ทั้งสองตกลงเห็นชอบในการแบ่งสิงโตทองคำและก้าวถอยออกไป นักบ่มเพาะพลังสองคนถือมีดเล่มเล็กเดินออกจากกลุ่มมา
“ฮ่ะ!”
ทันใดนั้นลูกบอลเพลิงสีม่วงก็ปรากฎขึ้นบนพื้น,จากนั้นก็กลายเป็นกำแพงเพลิงสูงกว่าสองเมตร เมื่อกำแพงเพลิงปรากฎขึ้นมาสองนักบ่มเพาะพลังที่ถือมีดไว้ในมือก็ตกใจ
กำแพงเพลิงที่จู่ๆก็พุ่งขึ้นมา,มีร่างหนึ่งร่อนลงมาพร้อมกับเสียง ‘โซว’ ,ซากของสิงโตทองคำหายวับไป มีเสียงฟ้าคำรามดังก้องและร่างนั้นก็หายไปไกลพร้อมกับสิงโตทองคำ
“มีอะไร?เกิดบ้าอะไรขึ้น?”
เปลวเพลิงหนาบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเขา พวกเขาไม่อาจเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น สองระดับขอบเขตนักบุญจ้องตากันจากนั้นก็รีบไล่ตามเซียวเฉินที่ถอยหนีไป
ตั้งแต่ที่พวกเขาทั้งสองไล่ตามมา,พวกเขาเห็นเพียงร่างที่ลอยผ่านท้องฟ้า จางเหอพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อ “อาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตราชา?”
เจาหงหยู่สีหน้าดำเทาและส่ายหัว “ไม่ใช่อย่างแน่นอน,ข้ารู้สึกถึงกระแสพลังของเขาอ่อนกว่าระดับขอบเขตปรมจารย์เสียอีก นั้นจะต้องเป็นทักษะต่อสู้เหาะเหินอากาศ”
“ให้ตายเถอะ!หลังจากทุ่มความพยายามจนหมดสิ้น,ลงแรงลงกายไป,พวกเราจบลงที่มีคนฉกหนีไป” พวกเขาทั้งสองรู้สึกไม่ปลื้มอย่างแรง หากพวกเขาไม่มัวมาระแวงซึ่งกันและกัน,สัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นคงไม่โดนฉกเอาไป
เซียวเฉินหยุดลงหลังจากใช้คาถาแรงโน้มบินออกมาไกล เขาขยายสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆก่อนที่จะเผยให้เห็นความปิติ
“พอคิดว่าข้าเพิ่งได้เนื้อชิ้นโตมา… สองระดับขอบเขตนักบุญนั้นทำได้แค่โทษตัวเองแล้ว” มีรอยยิ้มเบิกบานบนใบหน้าของเซียวเฉินพร้อมกับหยิบเอาสิงโตทองคำออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล
หลังจากตรวจดูอย่างละเอียด,เขาพบว่าขนที่บริเวณท้องของมันเป็นสีขาว ดูจากขนาดร่างกายของมัน,มันจะต้องเป็นสัตว์อสูรวิญญาณอายุน้อยเหมือนกับเสี่ยวไป๋,ไม่เช่นนั้น,มันคงไม่ถูกฆ่าตายง่ายดายเช่นนี้
ตามตำนานกล่าวไว้ว่าสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์สามารถขึ้นไปถึงสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 8 เป็นอย่างต่ำ มันเทียบได้กับมนุษย์ระดับขอบเขตมหาปราชญ์
เซียวเฉินไม่ลังเลและตัดเขาของสิงโตทองคำออกมา จากนั้นก็เก็บเลือดของมัน ตามตำนานกล่าวไว้ว่าสามารถดื่มเลือดมันได้โดยตรงและมันจะเพิ่มการบ่มเพาะพลังของคนคนนั้นได้เป็นอย่างดี
เซียวเฉินเก็บเลือดมันมาได้ทั้งหมดแปดขวด จากนั้นเขาก็เริ่มผ่ามันดึงเอาแก่นกลางวิญญาณออกมา
แก่นกลางวิญญาณสีทองเรืองแสงบางๆออกมา ควันสีทองที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถูกปลดปล่อยออกมา พลังวิญญาณที่หนาแน่นของมันรั่วไหลออกมา,ราวกับสายน้ำพุที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ช่างเป็นพลังงานที่น่ากลัว,แม้แต่จำนวนที่รั่วไหลออกมายังมหาศาล,เซียวเฉินตกตะลึง หากเขาสามารถดูดซับมันเข้าไปได้ทั้งหมด,มันจะต้องได้พลังมหาศาล
เซียวเฉินลงมือตามที่คิดในทันที เขาวางแก่นกลางวิญญาณไว้ในมือนั่งลงขัดสมาธิ จากนั้นเขาก็เข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง
“ฟี่ฟี่”
พลังงานวิญญาณสีทองที่ราวกับควันหมอกถูกดูดเข้าไปทางปากและจมูกของเซียวเฉินโดยตรง พลังวิญญาณที่ทั้งทรงพลังและบริสุทธิ์โหมกระหน่ำราวกับธารน้ำที่เดือดดาล
เซียวเฉินหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์และย่อยสลายพลังวิญญาณบริสุทธิ์ หมอกพลังงานวิญญาณหนาแน่นไหลออกมากว่าสองชั่วโมงก่อนที่จะหยุดลง
“แคร้ง!”
มีเสียงแตกดังขึ้นและแก่นกลางวิญญาณสีทองก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่น เมื่อลมพัดผ่านมันก็จางหายไปหมดสิ้น
เซียวเฉินเปิดตาขึ้นและมีแสงสีม่วงเรืองออกมา หลังจากที่มันแตกระยิบระยับอยู่สองสามคนั้ง,มันก็ค่อยๆจางหายไป
ในทุกคนั้งที่เซียวเฉินเลื่อนระดับขอบเขตการบ่มเพาะพลัง,แสงสีม่วงเรืองนี้ก็จะปรากฎขึ้นมา เซียวเฉินไม่อาจเข้าใจได้ว่ามันคืออะไร,แม้แต่ในตำราบ่มเพาะพลังก็ไม่มีบันทึกเอาไว้
รวบรวมความคิดกลับคืนมา,เซียวเฉินไม่คิดจะไปคิดเกี่ยวกับมันตอนนี้ เขาสำรวจร่างกายอย่างละเอียดและตรวจสอบพลังที่บรรจุอยู่ในจิตวิญญาณยุทธของเขา เขาได้เลื่อนขึ้นสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูง
แก่นกลางวิญญาณของสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์คือสมบัติที่ไม่อาจคาดเดา ไม่สังสัยว่าทำไมมันถึงดึงดูดสองระดับขอบเขตนักบุญให้มาตบตีแย่งชิงกันจนพวกเขาเกือบจะไม่ได้ไปหุบเขาราชันย์สัตว์อสูร
เซียวเฉินทำใจให้สงบและยืดแขนขาของเขา จากนั้นเขาก็รีบมุ่งหน้าตรงเข้าไปในส่วนลึกของป่าอำมหิต เขาเร่งศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยานจนถึงขีดสุดและมีร่างเงามังกรปรากฎขึ้นด้านหลังของเขา เขาก้าวไปตามพื้นดินอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง,เซียวเฉินก็มาถึงแม่น้ำใหญ่ เมื่อเขาข้ามแม่น้ำสายนี้ไป,เขาก็จะเข้าไปที่ส่วนลึกของป่าอำมหิต
อย่างไรก็ตาม,ในตอนนี้,มีกลุ่มคนขนาดใหญ่รวมตัวกันที่ฝั่งแม่น้ำ,ส่งเสียงโหวกเหวกไม่รู้จบ เซียวเฉินเกิดความสงสัย,และเมื่อเขาเดินผ่าฝูงคนไป,เขาก็เข้าใจว่าคนกลุ่มนี้กำลังสาปแช่งอะไร
มีเพียงสะพานไม้ที่เชื่อมต่อระหว่างชายขอบและส่วนลึกของป่าอำมหิตซึ่งถูกใครบ้างคนลำลายไป แม่น้ำแห่งนี้กว้างกว่าสองสามร้อยเมตรและยังมีสัตว์ประหลาดอยู่ในน้ำ คนกลุ่มที่อยู่ด้านนี้อับจนหนทางในการข้ามแม่น้ำ
“อ้า…”
เสียงร้องน่าเวทนาดังมาจากในแม่น้ำ สองนักบ่มเพาะพลังที่พยายามว่ายข้ามไปถูกปลาสีดำแปลกประหลาดกลืนเข้าไป
หลังจากนั้นไม่นาน,มีสายเลือดจำนวนมากผุดขึ้นมาที่ผิวน้ำ เซียวเฉินคิดว่าช่างโชคไม่ดี เขาได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น,นักบ่มเพาะพลังสองคนนั้นคือคนที่เย้ยหยันเขาเมื่อครั้งก่อน
เศษเล็กเศษน้อยจากหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรก็ขายได้หมากกว่าสิบหมื่นเหรียญเงิน ช่างโชคไม่ดี,พวกเขายังไม่ได้ก้าวไปถึงส่วนลึกของป่าอำมหิตเลยด้วยซ้ำและมาตกตายอยู่กลางแม่น้ำ
“ทง!”
มีระดับขอบเขตปรมจารย์ผู้หนึ่งทันใดนั้นก็กระโดดขึ้นไปเหนือแม่น้ำ,ลอยสูงขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็ตกลงบนผิวน้ำ เขากดเท้าลงเบาๆและร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปอีกครั้ง เขาในตอนนี้อยู่ห่างจากอีกฝั่งไปเพียงสามสิบเมตร