ตอนที่ 117 ถลำลึก
“ให้ตายเถอะ! ข้าไม่เชื่อว่ากลายเป็นซากผีแล้วยังจะคงทรงพลังได้ถึงเพียงนี้ พวกเจ้า,หลบไป!” ความอดทนของเจ้าหมูทะลุขีดจำกัด เขาเดินฝ่าฝูงคนและตรงเข้าไปที่กำแพงหิน
“ทะลวงสวรรค์!”
จินต้าเป่ากางพัดสีทองที่ถืออยู่ในมือ บัณฑิตชุดทองปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของเขา พลังฉีเที่ยงธรรมแพร่ขยายไปทั่วพื้นที่
“นี่มันก็เป็นกระแสพลังของมหาปราชญ์เช่นกัน อาวุธศักดิ์สิทธิ์โบราณ! เจ้าหมูนั้นถือครองอาวุธโบราณ!”
“อย่างไรก็ตาม,พลังรู้แจ้งของมันไม่สมบูรณ์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ได้รับความเสียหายร้ายแรงมา”
“ถึงอย่างนั้น,มันก็ยังคงทรงพลัง น่าจะเพียงพอที่จะต่อกรกับมหาปราชญ์โบราณ”
“บูม! บูม!”
ในทันทีที่พลังฉีเที่ยงธรรมขยายออกไป,มหาปราชญ์ที่อยู่บนกำแพงราวกับมีชีวิตขึ้นมา เมื่อทุกคนพบว่าฉากรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป,ราวกับหลุดเข้าไปในโลกใบเล็กบนรูปสลัก
มหาปราชญ์ที่อยู่ในรูปสลักปรากฎตัวขึ้นรอบตัวของทุกคน กระแสพลังที่ไหลผ่านกดดันทำให้ทุกคนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ทุกคนล้วนพบว่าแม้แต่จะอ้าปากส่งเสียงยังทำได้ยาก
มีคนถามขึ้นด้วยความหวาดกลัว “หรือมหาปราชญ์จะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา?”
จิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้าพวยพุ่งออกมา,กระแสพลังไหลทะลักออกมาจากร่างของเซียวเฉิน เซียวเฉินยืนตัวตรงพร้อมมือไขว้หลัง เขาปิดตาลงสัมผัสถึงหนทางรู้แจ้งของโลกนี้
ทุกคนถูกลบหายไปจากสายตาของเซียวเฉินและพื้นที่รกร้างกว้างใหญ่ปรากฎขึ้น มีร่างสีดำนับไม่ถ้วนยืนตระหง่าน คนพวกนนั้นปลดปล่อยหมอกควันสีดำออกมาจากร่างของพวกเขา
ยังมีร่างมนุษย์นับไม่ถ้วนกำลังยืนอยู่เหนือท้องฟ้า พวกเขาบดบังท้องฟ้ายืนขวางแสงอาทิตย์ บนท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป,มี 18 มังกรฟ้ากำลังแหวกว่ายไปบนท้องฟ้า เหล่ามังกรส่งเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วทุกทิศ
ท่ามกลางเหล่ามังกรฟ้าที่กำลังว่ายวนมีชายคนหนึ่งยืนถือกระบี่ไว้ในมือ ทันทีที่เขาปรากฎตัวขึ้นมา,กระแสพลังอันไร้ขอบเขตถูกลบหายไป แม้แต่มังกรฟ้าทั้ง 18 ตนยังสั่นเทิ้ม
ฉากภาพนี้วูบผ่านไป,ก่อนที่เซียวเฉินจะเพ่งดูร่างของชายผู้นั้นได้เต็มตาฉากภาพนี้ก็ถูกลบหายไป ฉากภาพโลกใบเล็กปรากฎกลับขึ้นมา
มหาปราชญ์นั่งที่อยู่ในโลกใบเล็ก ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น,ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย โลกใบนี้ดูเหมือนจะเปิดทางออกและพลังอันไร้ขอบเขตถูกปลดปล่อยออกมา
เจ้าหมูยืนอย่างภาคภูมิและมีแสงสีทองเงามหาปราชญ์ปรากฎขึ้น เขามองตรงไปอย่างไร้ความหวาดกลัว ทันใดนั้นเกิดระเบิดขึ้นในโลกใบเล็ก
ทุกคนต่างรู้สึกพล่ามัว,ฉากเบื้องหน้าของพวกเขากลับมาสู่ความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม,พวกเขาต่างตกตะลึงที่ภาพสลักบนกำแพงถูกลบหายไปจนหมด
ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือร่างของเจ้าหมูที่กำลังถือพัดไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎขึ้นมาแทน เบื้องหลังของเขามีร่างสีทองที่ราวกับเป็นผู้พิทักษ์ของเขา
“หรือว่าข้าจะตาฝาด? คนที่อยู่บนกำแพง…ทำไมเหมือนกับเจ้าหมู?”
“ให้ตายเถอะ,ไร้เหตุผลสิ้นดี แม้แต่มหาปราชญ์ก็ถูกกำราบจับถอนขนจนไม่เหลือ”
“ไร้สาระ,มันช่างไร้สาระ พอคิดว่ามหาปราชญ์ถึงกับต่อกรกับเขาไม่ได้”
เจ้าหมูมองไปอย่างว่างเปล่าไม่รู้จะทำเช่นไร เขามองร่างของตัวเองที่อยู่บนกำแพงและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บนกำแพงนั้นคือข้า,ท่านหมูผู้นี้?
เซียวเฉินค่อยๆเดินเข้ามาใกล้และยิ้มขึ้น “หยุดโง่งมได้แล้ว นอกจากเจ้า,จะมีใครอีกที่ยิ้มได้ดัดจริตถึงเพียงนี้? มองที่รอยยิ้มนั้นสิ,มองผ่านทีเดียวก็รู้ว่าคือเจ้า”
ซู่เสี่ยวเสี่ยวเดินเข้ามาช้าๆและยิ้มขึ้นบางๆ “ไม่ต้องเป็นกังวล อาวุธศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เจ้าถือครองอยู่ดูเหมือจะเป็นอาวุธราชา เมื่อมหาปราชญ์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าปรากฎตัว,เป็นธรรมดาที่จะปัดเป่ากระแสพลังของผู้อื่นออกไป”
“นอกจากนั้น,การรู้แจ้งของคนพวกนี้ถูกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือของเจ้าดูดซับเข้าไป นั้นเป็นโอกาสที่ความเสียหายบนอาวุธของราชาชิ้นนี้จะถูกฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง”
เจ้าหมูสัมผัสพัดสีทองที่อยู่ในมือของเขา หลังจากนั้นครู่ใหญ่,เขาก็มองไปที่กำแพงและหัวเราะออกมาเสียงดัง “ภาพบนกำแพงนี่ออกมาไม่เลว มันดึงเอาเสน่ห์ความสง่างามของท่านหมูผู้นี้ออกมา เสียใจด้วย,พี่น้องเซียว”
หลังจากนั้น,เขาก็พึมพำขึ้น “หากมีแม่นางเสี่ยวเสี่ยวและเจ้าหญิงหยิงเยว่มาประกบข้างกายข้า,มันจะสมบูรณ์แบบ”
“ปัง!”
มีเส้นสีดำปรากฎขึ้นบนใบหน้าของซู่เสี่ยวเสี่ยว,พิณทุบลงบนหัวของเจ้าหมูจินอย่างแรง เจ้าหมูรีบอธิบาย “แม่นางเสี่ยวเสี่ยวอย่าได้เกรี้ยวกราด มันเป็นเพียงความฝันสูงสุดของเจ้าหมู ข้าไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นเจ้า”
ยิ่งเขาอธิบาย,ยิ่งโดนทุบหนักกว่าเดิม,ซู่เสี่ยวเสี่ยวเดือดยิ่งขึ้นไปอีก เจ้าหมูรีบหลบไปด้านข้าง เมื่อผู้คนรอบข้างเจ้าหมูได้ยินว่าพัดอันนั้นแท้จริงแล้วคืออาวุธราชา,ประกายรวามโลภปรากฎขึ้นในดวงตาของพวกเขา
เมื่อเจ้าหมูสังเกตเห็นสถานการณ์,เขาตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “พวกเจ้ามองหาอะไร? พวกเจ้าเชื่อไหมว่าท่านหมูผู้นี้จะจับเจ้าหันเป็นชิ้นทั้งเป็น?”
“หนี! เร็ว! เจ้าหมูจะไล่ถอนขนพวกเราแล้ว ไอ้โรคจิต!” ฝูงชนนึกถึงชื่อเสียงของเจ้าหมูและได้ยินคำขู่ของเขา พวกเขาต่างละทิ้งความโลภในอาวุธราชาและเผ่นหนีไป
เมื่อเจ้าหมูได้ยินเช่นนั้น,ยิ่งเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม,ร่างของเขาสั่นเทิ้ม,เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “เมื่อกี้ใครพูด! ยืนอยู่ตรงนั้น! ถ้าเจ้ากล้าก็อย่าหนี ให้ตายเถอะ! ท่าหมูผู้นี้ไม่ใช่คนเช่นนั้นนะ!”
เซียวเฉินไม่อาจระงับกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไปและตบลงบนไหล่เจ้าหมู “หยุดตะโกนได้แล้ว,พวกเขากลัวเจ้ากันหมด ไปกันต่อเถอะ!”
“ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นจริงๆ เซียวเฉิน,เจ้าต้องเชื่อข้า!” เจ้าหมูแก้ตัวออกมาเสียงดัง
“ไม่เป็นไร,พี่น้องคนนี้เข้าใจเจ้า คนพวกนั้นสติปัญญามันไม่ถึง,พวกเขาไม่อาจเข้าใจเจ้าได้”
“ข้า..”
พวกเขาทั้งสามมุ่งหน้าต่อไป แม้ว่าจะมีผู้บ่มเพาะพลังบางส่วนเลือกที่จะกลับออกไป,พวกเขาพบว่ายังมีจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะอยู่ต่อ ไม่นานนัก,พวกเขาก็พบเข้ากับคนของตระกูลตวนมู่
ตระกูลตวนมู่เป็นตระกูลชั้นสูงที่มีความพิเศษ จิตวิญญาณต่อสู้ที่สืบทอดกันมาจะปรากฎในเพศสตรีเท่านั้น ดังนั้น,ในตระกูลของพวกเขา,สตรีมีอำนาจเหนือบุรุษ ผู้นำตระกูลทุกรุ่นล้วนเป็นสตรีเพศ ในอาณาจักรต้าฉิน,หรือแม้แต่ในทวีปเทียนวู่,พวกเขานั้นโดดเด่น
เหมือนกับที่ผู้บ่มเพาะพลังคนก่อนหน้านี้ว่าไว้,ระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่กำลังต่อสู้กับร่างที่ส่งกลิ่นเน่าราวกับซากศพ พื้นที่ที่พวกเขาต่อสู้กับปกคลุมไปด้วยลมหนาวเย็น,อุณหภูมิลดต่ำถึงขีดสุด
ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่รอบๆต่างทิ้งระยะห่างออกมา พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมเย็นยะเยือกกัดกินเข้าไปในร่างของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดโคจรพลังปราณของพวกเขาต้านทานความหนาวเหน็บเอาไว้
การต่อสู้นี้กำลังจะจบลง ทันทีที่เซียวเฉินมาถึง,ร่างสีดำก็ล้มลงไปแล้ว ผู้บ่มเพาะพลังหญิงระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่ที่อยู่รอบๆส่งสายพลังน้ำแข็งซัดเข้าที่ซากศพ
หลังจากนั้นครู่ใหญ่,ก้อนน้ำแข็งแตกสลาย เผยให้เห็นโครงกระดูกสีม่วง,พร้อมกับชุดเกราะศึกสีทองเปล่งประกาย
“ซากศพนี้เป็นของระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธ! โครงกระดูกมันเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว,อีกเพียงก้าวเดียวก็จะขึ้นสู่ระดับขอบเขตมหาปราชญ์!”
“ชุดเกราะศึกนั้นก็เป็นอุปกรณ์โบราณ พลังป้องกันของมันต้องเป็นที่น่าตกตะลึง แม้ว่าตระกูลตวนมู่จะต้องเสียระดับขอบเขตนักบุญไปถึงสองคน,มันก็คุ้มค่าแล้ว”
ตวนมู่ฉิงเดินตรงเข้าไปและเก็บโครงกระดูกสีม่วงกับชุดเกราะสีทองเข้าไปในแหวนห้วงอวกาศ จากนั้นนางก็เดินหน้านิ่งนำตระกูลตวนมู่ตรงไปที่โลงศพ
ตวนมู่ฉิงหยิบตำราสีทองขึ้นมาจากโลงศพสีดำ นางพัดฝุ่นหนาเตอะบนปกออกเบาๆก่อนที่จะพลิกเปิดดู เมื่อตำราถูกเปิดออกมา,มันก็เรืองแสงอ่อนออกมา
อักษรสีทองนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากตำรา ช่างโชคไม่ดี,ไม่มีสักคนที่สามารถเข้าใจอักษรโบราณ อย่างไรก็ตาม,ความรู้แจ้งที่แปรผันไปมาทำให้ผู้คนต่างรู้ว่ามันจะต้องไม่ใช้ของธรรมดา
“ตระกูลตวนมู่รับโชคใหญ่แล้วครั้งนี้ พวกเขาได้รับตำราทักษะต่อสู้โบราณ พวกเราเพียงยังไม่รู้ว่ามันเป็นทักษะต่อสู้ประเภทไหน”
“ไม่ว่าจะเป็นอะไร,ทักษะต่อสู้ที่ถูกฝังลงไปพร้อมกับร่างของระดับขอบเขตยอดกษัตรย์ยุทธโบราณจะต้องไม่ใช่ของธรรมดา”
“พวกมันเป็นอักษรโบราณ ข้าไม่เข้าใจสักคำเดียว ให้ตายเถอะ!”
เซียวเฉินครุ่นคิด,อักษรโบราณที่กำลังลอยอยู่ในอากาศนั้นเป็นอักษะจีนพื้นเมืองจากโลกของเขา เขารีบตั้งใจเพ่งมองและจดจำทุกตัวอักษรที่ลอยอยู่ในอากาศ
ตวนมู่ฉิงมองไปที่อักษรโบราณที่ลอยอยู่ในอากาศ นางขมวดคิ้ว,พึมพำกับตัวเอง,พวกมันเป็นอักษรโบราณทั้งหมด ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสในตระกูลจะสามารถแปลมันได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่?
“ฮ่ะ!”
ในจังหวะที่ตวนมู่ฉิงกำลังจะเก็บทักษะต่อสู่โบราณลงในแหวนห้วงอวกาศ ระดับขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินที่ซ่อนกายอยู่ในฝูงชนทันใดนั้นก็กระโดดออกมาพุ่งตัวไปทางตวนมู่ฉิง
ขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินคนนั้นเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ เขาไม่ได้เล็งในช่วงที่ตวนมู่ฉิงหยิบทักษะโบราณขึ้นมา เขาเลือกจังหวะที่นางกำลังจะเก็บมันลงในแหวนห้วงอวกาศ
ในจังหวะที่ตระกูลตวนมู่เบาใจเป็นที่สุด นอกจากมองดูแล้ว,ตวนมู่ฉิงเปิดตำราทีกษะโบราณดูอยู่เป็นระยะเวลานานทำให้คนของนางต่างอยู่ในโหมดระวังตัว
เดิมที,พวกเขาไม่คิดว่าจะมีหาญกล้าบุกเข้ามาชิงมัน ใครจะรู้ได้ว่าจะมีระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดปรากฎตัวขึ้นในตอนสุดท้าย
ระดับขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินช่างรวดเร็ว เขาปรากฎตัวขึ้นข้างกายตวนมู่ฉิงในทันทีและฉกตำราทักษะโบราณไปจากมือนาง จากนั้นก็พุ่งตรงหนีไปอย่างรวดเร็ว
ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่รอบข้างต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าเล็งตระกูลตวนมู่ แม้ว่าระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมูาสองคนจะตกตายไป,แต่ยังเหลือระดับขอบเขตนักบุญอยู่หกคนและระดับขอบเขตปรมจารย์อีกสิบคน นั้นไม่ใช่กองกำลังที่คนคนเดียวจะไปต่อกรได้
ตวนมู่ฉิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง,และใบหน้าอันงดงามของนางกลายเป็นเย็นชา อุณหภูมิรอบข้างดูราวกับลดลงไปมากกว่าหนึ่งร้อยองศา พลังฉีเยือกเย็นแพร่ขยายไปในอากาศ ความเร็วของระดับขอบเขตนักบุญคนนั้นลดลงในทันที
ระดับขอบเขตนักบุญรอบกายนางตอบสนองรวดเร็ว พร้อมกับเสียง ‘ชี’ ,หกเสาน้ำแข็งงอกขึ้นมาจากพื้นดินกลายเป็นกรงขัง,จับตัวขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินคนนั้นเอาไว้
“แตกสลาย!”
ขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินตะโกนออกมาเสียงดัง คลื่นพลังงานระเบิดออกมาจากร่างของเขาและเสาน้ำแข็งทั้งหกก็แตกกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วน ชายชุดน้ำเงินหนีออกไปจากกรงขังได้
อย่างไรก็ตาม,เขายังไม่อาจเบาใจได้ ทันทีที่เขาก้าวขาออกมา,เสาน้ำแข็งทั้งหกก็งอกขึ้นมาอีกครั้ง,จับตัวเขาไว้อีกครา
“แตก!” ขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินตะโกนออกมาอีกครั้ง,ระเบิดคลื่นพลังงานออกมา กรงขังแตกสลายไปอีกครั้งและเขาหลบหนีออกไปได้อีกครา
“บูม! บูม! บูม! บูม!”
ทุกก้าวที่ขอบเขตนักบุญคนนั้นก้าวเดิน,เขาก็จะถูกขังเอาไว้เหมือนเดิม เขาต้องระเบิดพลังออกมาฝ่าออกไปทุกครั้ง ถึงกระนั้น,เขาก็ใช้พลังปราณไปไม่น้อยในกระบวณท่านี้ ในที่สุด,เวลาที่เขาใช้ในการหลบหนีแต่ละครั้งก็เพิ่มขึ้น
จากที่ระเบิดพลังออกมาได้ทันที,ตอนนี้เขาต้องรอหลายอึดใจกว่าจะพังเสาน้ำแข็งออกไปได้ หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เป็นหลักฐานว่าพลังปราณของเขาใกล้หมดลงเต็มที
เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณออกไป เขาเห็นระดับขอบเขตนักบุญตระกูลตวนมู่ทั้งหกคนมีเส้นสายน้ำแข็งที่มองไม่เห็นอยู่ใต้เท้าของพวกเขา มีแสงเรืองออกมาจากเส้นด้าย,เชื่อมกันก่อตัวเป็นรูปแบบค่ายกลแปลกประหลาด