ตอนที่ 158 เข้าสู่หุบเขาสายลมอสูรอีกครั้ง
หลังจากที่พวกเขาลงทะเบียนและเลือดม้าของพวกเขา,พวกเขาก็เริ่มเตรียมตัวออกเดินทาง ทันใดนั้น มีเสียงฟังดูไม่เป็นมิตรดังมาจากข้างหลัง, “พี่ชายหลิว โปรดรอก่อน”
เซียวเฉินหันหัวกลับไปมองและเห็นซ่งเชียนเหอ,กําลังขี่ลูกม้าเมฆาเพลิงสูงกว่าสามเมตร,มุ่งหน้ามาหาพวกเขา ที่ตามหลังเขามาก็คือเหล่าสานุศิษย์ยอดเขาหยุนที่กําลังขี่ลูกม้าเมฆาเพลิงมาเช่นกัน
ลูกม้าเมฆาเพลิงนี้คือสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 3 ประเภทม้า ขนของมันราวกับเมฆสีแดงเพลิง,ทําให้มันดูสวยงามเป็นพิเศษ นอกจากนั้น มันยังวิ่งได้อย่างรวดเร็ว,ราวกับเมฆาเพลิงที่พุ่งทะยาน
หลิวสุยเฟิงมองเห็นซ่งเชียนเหอ,และรอยยิ้มบนหน้าของ เขาก็จางหายไป หลังจากนั้นเขาหันกลับมาและพูดขึ้นในทันที “เมินเขาไปไปกันเถอะ!”
หลังจากที่เขาพูดจบ,เขาก็กระโดดขึ้นมาในทันที เชี่ยวเฉิน และฉู่ซินอวิ๋นก็ทะตามเช่นกันและหายไปจากสายตาของซ่งเชียนเหออย่างรวดเร็ว
ซ่งเชียนเหอยิ้มอย่างเย็นชาและตบไปที่มาของเขา เขาพูดขึ้น “รอให้ข้าได้พี่สาวของเจ้ามาก่อนเถอะ มาดูว่าเจ้ายังจะกล้าหืออีกหรือไม่”
ทันใดนั้น จางจิน ผู้ที่อยู่ด้านหลังของเขาพูดขึ้น “ศิษย์พี่ซ่ง,ยากนักที่จะเห็นเจ้าหมอนั้นออกจากยอดเขาฉิงหยุนนี้ เป็นโอกาสที่หายาก พวกเราคอยตามพวกมันไปโดยเร็ว”
ซ่งเชียนเหอยิ้มขึ้น “ข้าได้ตัดสินใจแล้ว วันนี้คือวันที่บุปผาผลึกน้ําแข็งจะบาน ไอ้คนพิการบนยอดเขาฉิงหยุนนั้น ต้องใช้บุปผาผลึกน้ําแข็งเพื่อต่อชีวิต”
มันดูเหมือนจะมีความบาดหมางกันระหว่างยอดเขาฉิงหยุนและยอดเขาหยุน มิฉะนั้น,หลิวหรูเยวและหลิวสุยเฟิงคงไม่ทําตัวเช่นนี้เมื่อเขาเห็นซ่งเชียนเหอ
แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะสงสัย,แต่มันเห็นชัดว่าหลิวสุยเฟิงไม่อยากพูดถึงมันนัก ดังนั้น เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้ถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
พวกเขาทั้งสามเดินทางไปอย่างรวดเร็วบนหลังม้า,ตบหมอกฝนกระจายไปตลอดทางที่พวกเขาผ่าน แม้ว่าพวกมันจะไม่ใช่ม้าชั้นดีเหมือนลูกม้าเมฆาเพลิง,พวกมันก็ยังคงรวดเร็วกว่าม้าทั่วไป
หลังจากที่พวกเขาเดินทางมากว่าสี่ชั่วโมง,ในที่สุดพวกเขาทั้งสามก็มาถึงหุบเขาสายลมอสูร เหมือนกับครั้งก่อน,บริเวณรอบนอกของมันช่างจอแจ เป็นไปได้ว่ามันเป็นครั้งแรกที่ฉ่ซินอวินได้มายังสถานที่เช่นนี้นางช่างอยากรู้อยากเห็น และหันมองไปทั่ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีหญิงสาวงดงามเช่นนางมันไม่อาจห้ามไม่ให้เตะตาได้,นางคงจะเป็นจุดสนใจไม่น้อยในไม่ช้า,นางก็ดึงดูดสายตาทุกคู่ของผู้บ่มเพาะพลังในหุบเขาสายลมอสูร
เซียวเฉินได้ยินแม้กระทั่งเสียงน้ําลายที่หยดลงพื้นไม่หยุดพวกเขาหยาบคายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาอดคิดขึ้นไม่ได้,ข้าหวังว่ามันจะไม่นําปัญหาเข้ามา
เป็นเรื่องดีที่พวกเขาทั้งสามมีเหรียญเงินแสดงตนมัน แสดงสถานะของพวกเขาได้อย่างชัดเจนศิษย์ชั้นนอกพวกนี้ได้แต่มองและไม่อาจลงมืออะไรกับพวกเขาได้
แม้แต่ศิษย์ชั้นในที่ธรรมดาที่สุดยังสามารถสังหารศิษย์ชั้น นอกสามคนอย่างง่ายดายในทันที นี่เป็นผลว่าจากการแข่งขันที่สูงและเข้มข้น
หลิวสุยเฟิงในที่สุดที่ฟื้นคืนสีหน้าของเขาและพบที่ที่จะพักม้าเห็นได้ชัดว่าเขาคุ้นเคยกับสถานที่ หลังจากนั้น,พวกเขาทั้งสามก็เข้าไปในหุบเขาสายลมอสูรอย่างรวดเร็ว
“ชินอวิ๋น,ข้าเกรงว่าจะเกิดอะไรผิดพลาด พวกเราไปเก็บบุปผาผลึกน้ําแข็งก่อนได้หรือไม่?” หลิวสุยเฟิงถามฉู่ชินอวิ๋น
ฉู่ชินอวิ๋นยิ้มขึ้น “ข้าไม่มีปัญหาถึงอย่างไร,ข้าก็ไม่ได้ต้องการสมุนไพรเร่งด่วนอะไร ข้าจะคิดซะว่าเดินเล่น”
หลิวสุยเฟิงยิ้มขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกเขารีบมุ่งไปยังจุดที่บุปผาผลึกน้ําแข็งควรจะตั้งอยู่ มีรุ่นอาวุโสในยอดเขานิ่งหยุนที่ต้องใช้บุปผาผลึกน้ําแข็งเพื่อช่วยให้เขามีชีวิตอยู่
ดังนั้น,หลิวสุยเฟิงจะมาเก็บบุปผาผลึกน้ําแข็งเป็นปกติ เรื่องดีคือรุ่นอาวุโสผู้นั้นใกล้เกือบจะฟื้นคืน หลังจากรอบนี้เขาควรจะฟื้นคืนกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ และพวกเขาจะไม่ต้องมารับปัญหานี้อีกต่อไป
หลิวสุยเฟิงนําทางต่อไปเนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาที่นี้และเขาคุ้นเคยกับสถานที่มากกว่าเซียวเฉิน ตลอดเส้นทางของพวกเขา พวกเขาผ่านป่าไม้ลําธาร,แต่พวกเขาก็มาถึงที่ริมผาได้โดยไม่พบสัตว์อสูรวิญญาณ
“มีบางอย่างผิดปกติ จะต้องเกิดปัญหาแล้ว”
พวหเขาทั้งสามเพิ่งออกมาจากป่า และพวกเขาได้กลิ่นเลือดหนาแน่นลอยมากับสายลม หลิวสุยเฟิงกลายเป็นหน้าซีดพร้อมกับพวกเขาวิ่งขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ด้านล่างหน้าผา,มีลิงน้ําแข็งเยาว์นอนตายอยู่บนพื้น หน้าอกของพวกมันถูกฟันเปิดออก และส่วนที่มีมูลค่าและแก่นกลางถูกตัดเอาไป
เมื่อพวกเขามองขึ้นไปที่หน้าผา,จุดที่เคยมีบุปผาผลึกน้ําแข็งตอนนี้นั้นว่างเปล่า แม้แต่รากและใบก็ถูกใครบางคนถอนเอาไป
นี่เป็นสมุนไพรที่พวกเขาต้องเอาไปช่วยชีวิตคน,และตอนนี้มันถูกใครบางคนถอนเอาไป หลิวสุยเฟิงมีสีหน้าว่างเปล่า พร้อมกับพึมพํา “มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ใครมันช่างใจหินถึงกับถอนไปแม้กระทั่งราก?”
เซี่ยวเฉินตรวจสอบร่างของลิงน้ําแข็งเยาว์และพบว่า เลือดของพวกมันยังไม่แห้งดี ดูจากสภาพแบดแผล,มันเห็นชัดว่าคนคนนั้นเพิ่งจะจากไปไม่นาน
เซี่ยวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป และทันใดนั้น,ทุกสิ่งอย่างภายในรัศมีสองพันเมตรปากฏขึ้นในใจของเขา เซียวเฉินคัดเหล่าผู้บ่มเพาะพลังออกไปที่ละคน
ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นสองระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ;พวกเขาเก็บซ่อนเหรียญแสดงตนสีเงินเอาไว้
เซี่ยวเฉินเรียกสัมผัสวิญญาณกลับมาและเปลี่ยนมันให้เป็นเส้นสาย เขาตรวจสอบร่างกายของทั้งสองคนนั้นและ พบว่าหนึ่งในนั้นมีห่อบรรจุบุปผาผลึกน้ําแข็งอยู่ที่หน้าอกของเขา
หลังจากพวกเขาเดินมาเป็นเวลานาน,พวกเขาก็หยุดลงที่กลางป่า กลุ่มผู้บ่มเพาะพลังที่กําลังขี่ลูกม้าเมฆาเพลิงกําลังรอพวกเขาอยู่ที่นั้นเป็นเวลานานแล้ว
ผู้นํากลุ่มเป็นใครไปไม่ได้นอกจากซ่งเซียนเหอ เขารับบุปผาผลึกน้ําแข็งไปและเผยรอยยิ้มน่ากลัว เขาพูดขึ้น “หลิวหรูเยว่ มาดูว่าเจ้าปฏิเสธข้าได้อย่างไรในครั้งนี้ เมื่อข้าได้เจ้ามา,ยอดเขาฉิงหยุนก็จะผนวกเข้ากับยอดเขาหยุน”
สีหน้าของเซียวเฉินกลายเป็นเย็นชาและเพลิงพิโรธปะทุขึ้นในใจของเขา เขาปลดปล่อยเจตนาฆ่าฟันหนาแน่นออกมา! สีหน้าของเขาลุกเป็นไฟ
ด้านข้างของคนกลุ่มนั้นมีศิษย์ชั้นนอกผู้หนึ่งแต่งกายด้วยชุดคลุ่มสละสลวย มันคือคนที่เยาะเย้ยชายแผลเป็นเมื่อก่อนหน้านี้ เอี้ยนเทียนเจิ้ง
เอี้ยนเทียนเจิ้งยิ้มเบาๆ “พี่ใหญ่ซึ่งเข้าทําวานได้สําเร็จเสร็จสมบูรณ์,ใช่หรือไม่? ในหมู่นิกายชั้นนอก,ข้าเป็นสายสืบที่ยอดที่สุด หากท่านอยากให้ข้าจับตาดูใคร,ข้าสามารถล้วงความลับของเขาออกมาได้อย่างแน่นอน”
เอี้ยนเทียนเจิ้งผู้นี้คือนายน้อยสองแห่งตระกูลเจี้ยนของแคว้นซีเหอ ด้วยเบื้องหลังของเขา,ซ่งเชียนเหอไม่กล้ามองข้าม เขาพูดขึ้นช้าๆพร้อมกับรอยยิ้ม “ พี่น้องเอี้ยน,หยุดล้อข้าเล่น ข้าจะจะไปใช้เจ้าทํางานให้ข้าได้เช่นไร? ข้า,ซ่งเซียนเหอ,ติดค้างเจ้าแล้ว จะมีตําแหน่งให้เจ้าภายในยอดเขาหยุนอย่างแน่นอน”
เอี้ยนเทียนเจิ้งยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาทํางานให้ซ่งเชียนเหอหนักมากดังนั้นเขาควรได้รับผลเช่นนี้ หากเขาสามารถเข้าไป ที่ยอดเขาหยุน,ตําแหน่งของเขาในตระกูลจะพุ่งทะยานในทันที
เซี่ยวเฉินไม่ใส่ใจจะอยู่ฟังอีกต่อไป เขาทิ้งสัญลักษณ์จิตวิญญาณไว้ที่ซ่งเซียนเหอก่อนที่จะถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมา
หลิวสุยเฟิงยังคงสีหน้าดํามืด ฉู่ชินอวิ่น,ผู้ที่อยู่ด้านข้างของเขาไม่รู้ว่าจะปลอบเขาเช่นไร เซียวเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “บุปผาผลึกน้ําแข็งถูกซ่งเชียนเหอฉกเอาไป!”
“ซ่งเชียนเหอ?” หลิวสุยเฟิงนิ่งอึ้งเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น “เย่เฉินเจ้ารู้ได้อย่างไร?”
แน่นอน,เตี๋ยวเฉินไม่สามารถบอกถึงความลับของเขาได้ และไม่มีทางเลือกนอกจากโกหก “ข้ามีสมบัติลับที่มีความเข้าใจแข็งแกร่งอย่างมาก ข้าศิษย์ชั้นในสองคนถือบุปผาผลึกน้ําแข็งมุ่งหน้าไปหาซ่งเชียนเหอ!”
“ช่างน่ารังเกียจ!” หลิวสุยเฟิงกล่าว เขากําหมัดขวาแน่น และชกไปที่หน้าผาอย่างรุนแรง รอยแตกปรากฏขึ้นบนหน้าผา,และหินถล่มลงมา
“ซ่งเชียนเหอมันจะต้องตั้งใจใช้บุปผาผลึกน้ําแข็งมาขู่พี่สาวของข้า ก่อนหน้านี้ พ่อของมันพยายามจะจัดงานแต่งระหว่างพวกเขาเพื่อผนวกยึดยอดเขาฉิงหยุน หลังจากที่ถูกพี่สาวของข้าปฏิเสธ,พวกมันก็ยังไม่ยอมเลิกลา ตอนนี้,พวกมันยังใช้วิธีน่ารังเกียจ”
ฉู่ชินอวิ๋นครุ่นคิดถึงรายละเอียดอย่างใจเย็น นางถามเซี่ยวเฉิน “เย่เฉิน,ซ่งเชียนเหอพาคนมาด้วยเท่าไหร? แล้วก็ระดับพลังของพวกเขา?”
เซี่ยวเฉินตอบกลับ “รวมเขาเข้าไปด้วย มีศิษย์ชั้นในทั้งหมดสิบคน ที่แข็งแกร่งที่สุดคือซ่งเซียนเหอ ผู้ที่อยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด นอกจากพวกเขายังมีศิษย์ชั้นนอกที่ชื่อเอี้ยนเทียนเจิ้ง”
“เขาอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น เขาคือผู้ที่คอยติดตามหลิวสุยเฟิงและรายงานที่อยู่ให้กับซ่งเชียนเหอ”
เมื่อฉู่ชินอวิ่นได้ยินดังนั้น ความพิโรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของนาง ศิษย์ชั้นในที่อ่อนแอที่สุดควรจะอยู่ระดับขอบเขตขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลาง เพิ่มเอี้ยนเทียนเจิ้งเข้าไปมีระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธทั้งหมดสิบเอ็ดคน
ทางพวกเขามีทั้งหมดสามคน ความแข็งแกร่งมันแตกต่างกันเกินไป แสงเย็นเฉียบวูบผ่านดวงตาของหลิวสุยเฟิงมันพูดด้วยเสียงเย็น “ช่างมันพวกเราต้องได้บุปผาผลึกน้ําแข็ง มิฉะนั้นไอ้สารเลวนั้นจะมีช่องทางเล่นงานพี่สาวของข้า”
“เย่เฉิน,นําทางไป พวกเราต้องไปตัดหน้าก่อนที่พวกมันจะออกจากปา”
เซี่ยวเฉินพยักหน้าและสัมผัสถึงสัญลักษณ์วิญญาณที่เขาทิ้งเอาไว้ เขาเรียกใช้ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานและมุ่งหน้าอย่างรวดเร็วไปที่คนกลุ่มนั่น,เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า
เขาครุ่นคิดถึงสถานการณ์ไปตลอดเส้นทาง ศิษย์ชั้นในของศาลากระบีสวรรค์ล้วนอยู่ระดับสูง ในหมู่นักบ่มเพาะพลังที่อยู่ระดับขอบเขตเดียวกัน,นักบ่มเพาะพลังทั่วไปไม่อาจเทียบกับพวกเขาได้ เซี่ยวเฉินไม่กล้าประมาท
ทันใดนั้น เซียวเฉินก็หยุดลง เขาพูดขึ้น “ระยะทางห่างกันเกินไป นอกจากนั้น พวกเขายังขี่ลูกม้าเมฆาเพลิง พวกเขาไม่มีทางไล่ได้ทัน
หลังจากที่เขาพูดจบ,เรือสงครามสีเงินก็ปรากฏขึ้นออกมา จากดวงตาของเขา เขาเมินเฉยกับสีหน้าตกตะลึงและพูดขึ้น “เร็วเข้า,ขึ้นมา”
สถานการณ์เร่งด่วน แม้ว่าหลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวินจะตกตะลึง,พวกเขาก็ไม่มีโอกาสให้เปิดปากถาม พวกเขากระโดดขึ้นเรือโดยปราศจากคําใดๆ
หลังจากที่ทั้งสองขึ้นมา เซียวเฉินก็เปิดใช้ค่ายกลบนเรือสงครามสีเงินด้วยพลังทั้งหมดของเขา พวกเขากลายเป็นเส้นสีเงินพุ่งไปข้างหน้า
มันใช่เวลาเพียงไม่นานสําหรับเซียวเฉินเพื่อแซงหน้ากลุ่มของซ่งเชียนเหอ เซียวเฉินลดระดับความสูงลงในทันที และกระโดดไปที่ต้นไม้ใหญ่ “พวกเขาจะต้องผ่านเส้นทางนี้ อย่าแสดงความเมตตาสังหารทิ้งเสียให้หมด”
ไร้ซึ่งความรู้สึกในคําของเซี่ยวเฉิน,เขาอย่างเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่ฉู่ชินอวิ๋นและหลิวสุยเฟิงยังสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัว
ฉู่ชินอวิ่นพูดขึ้น “เย่เฉิน,การสังหารศิษย์ร่วมนิกายเป็นความผิดร้ายแรงในศาลากระบีสวรรค์ หากพวกเราถูกจับได้,พวกเราอาจจะถูกประหาร พวกเราควรพูดคุยกับซ่งเชียนเหอ”
ช่างไร้เดียงสา! เซียวเฉินยิ้มเย็นชาและกล่าวขึ้น “เจ้าคิดว่าทุกคนจะชื่อบริสุทธิ์เช่นเจ้า? หากเจ้ากลัวเจ้าไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้ จิตใจที่อ่อนไหวมีแต่จะทําเสียเรื่อง เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว”
ฉู่ชินอวิ๋นนิ่งอึ้งเมื่อนางได้ยินเช่นนั้น คิ้วนางขมวดเล็กน้อย:ยางถูกกระตุ้นโทสะโดยเชียวเฉิน นางไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ ไม่มีชายใดในศาลากระบี่สวรรค์ที่จะกล้าพูดกับนางเช่นนี้
หลิวสุยเฟิงแนะนําเช่นเดียวกัน “นี้อาจจะเป็นการห้ำหั่นกันถึงตาย ฉู่ชินอวิ๋น,มันจะดีที่สุดหากเจ้าไปซ่อนตัวเสียก่อน!”
“กุป! กุป! กัป!”
เสียงควบม้าสามารถได้ยินมาจากข้างหน้าเพื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย เซี่ยวเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงต้นไม้ที่สั่นไหวเล็กน้อยขณะที่เขาซ่อนตัวอยู่ข้างบน
เขาหยิบเอาธนูล่าวิญญาณและลูกศรปราณแสงออกมาตั้งเล็ง ไม่มีสิ่งใดในสายตานอกจากเป้าหมายของเขา
..