ตอนที่ 162 ฉู่ซินอวิ๋นที่เขินอาย
เซี่ยวเฉินหยุดพักหลังจากที่พูดเช่นนั้น จากนั้นเขาก็หยิบมีดเล่มนั้นออกมาและกล่าวต่อ “พื้นผิวของมีดเล่มนี้คงไม่ใสสะอาดเช่นนี้หากข้าไม่ทําเช่นนั้น มันจะฉีกเอาก้อนเนี้ อติดออกมาด้วย ข้าเกรงว่านางอาจจะถึงกับกัดทะลุชิ้นไม้”
หลิวสุยเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะรู้สึกว่าที่เซี่ยวเฉินกล่าวมาก็สมเหตุสมผล สีหน้าของเขากลายเป็นอบอุ่น และเขาก็พูดขึ้น “เย่เฉิน, ขอขอบใจเจ้า เจ้าไม่เพียงช่วยข้าเอาบุปผาผลึกน้ำแข็งกลับมาเจ้ายังได้ช่วยฉู่ซินอวิ๋น ฉู่ซินอวิ๋นต้องเข้าใจเจ้าผิด แต่ข้าจะช่วยอธิบายให้นางฟังที่หลัง”
เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆและแตะไปที่หลังของหลิวสุยเฟิง “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น บนยอดเขาฉิงหยุนข้าได้รับการดูแลอย่างดีจากพี่สาวของเจ้า สิ่งที่ทําไปทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ข้าหวังไว้”
“สําหรับเรื่องที่นางเข้าใจผิด,ไม่มีอะไรต้องไปเป็นกังวลเกี่ยวกับมัน นอกจากนั้น,นางก็เกือบจะฟื้นคืนกลับมาแล้ว ข้าไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับนางมากมาย,ไม่มีปัญหาที่จะแบกมลทินติดตัว”
หลังจากที่เซี่ยวเฉินพูดจบ,เขาหยิบเอาเม็ดยาและม้วนผ้าพันแผลออกมา หลังจากที่เขาโดนลิงน้ำแข็งทําร้ายเขาได้นําสิ่งนี้ติดมาเพื่อเอาไว้ยามต้องการ
ผ้าพันแผลชุบด้วยยาคุณภาพดีมันให้ผลเยี่ยมกว่าผ้าพันแผลทั่วไป เซี่ยวเฉินยื่นผ้าพันแผลและเม็ดยาให้กับหลิวสุยเฟิง,เขาพูดขึ้น “ช่วยทําแผลให้นางซะ!”
ท้ายที่สุด,หลิวสุยเฟิงก็รับเม็ดยาและผ้าพันแผลไปเดินวนรอบตัวคู่ฉู่ซินอวิ๋นอยู่หลายครั้ง เขาไม่รู้จะทําเช่นไร
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาพูดขึ้นพร้อมกับเขินเบาๆ “ พี่น้องเย่เฉินให้เจ้าจัดการจะดีกว่า ข้าไม่มีประสบการณ์”
ก็เชี่ยแล้ว! เจ้าหมอนี้บอกให้เขาเด็ดขาดเมื่อก่อนหน้านี้ เมื่อเป็นตาของเขา เขากลับม้วนหางวิ่งหนีเซี่ยวเฉินครุ่นคิดอย่างหมดหนทาง “ไม่ใช่ว่าเจ้ากําลังตามจีบนางอยู่? นี่เป็นโอกาสดีให้เจ้าได้แสดงฝีมือแล้ว เจ้าอยากให้ข้าจัดการเอง? เจ้าแน่ใจ?
หลิวสุยเฟิงอ้ำๆๆอึ้งๆ “มันไม่ถูกต้องที่ชายหญิงจะมาแตะเนื้อต้องตัวกัน ข้าเกรงว่าเมื่อในอนตื่นขึ้น,นางจะกล่าวโทษข้า”
โดยปกติ,หลิวสุยเฟิงจะดูสบายๆไร้กังวล,ตอนนี้เขาช่างดูสงบเสงี่ยม เซี่ยวเฉินหมดความอดทนและรับเอาเม็ดยากับผ้าพันแผลคืนมา
“ซีก ซี!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเซี่ยวเฉินที่เขาได้ทําแบบนี้เขาคุ้นเคยกับสิ่งนี้ไปเรียบร้อย ในเวลาสั้นๆ เขาก็ฉีกเสื้อผ้าบริเวณบาดแผลของชินอวิ่นออก
มันเผยให้เห็นผืนผิวสีขาวครีม เซี่ยวเฉินได้เตรียมใจแน่วแน่ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เขาหยิบเม็ดยาหวนคียโลหิตออกมาโรยลงไปที่บาดแผลหลังจากที่บดมันเป็นผง จากนั้นเขาก็ยกเอวของฉู่ซินอวิ๋นขึ้นและพันแผลทบเป็นชั้นๆ
“เสร็จ!” เซี่ยวเฉินพูดขึ้นหลังจากที่เขาผูกปมสุดท้าย เสร็จและลุกขึ้น
หลังจากทําทั้งหมดนี้แล้ว เซี่ยวเฉินก็จัดเรียงสินสงคราม เขาพบหินวิญญาณระดับต่ำอีก 50 ก้อนบนตัวของเอี้ยนเทียนเจิ้ง
รวมกับหินวิญญาณระดับต่ําที่เก็บมาจากเหล่าสานุศิษย์ยอดเขาซื้อชิ้น,มีหินวิญญาณระดับต่ํารวมกันแล้วมากกว่า 200 ก้อน นอกจากเม็ดยาและหินวิญญาณ,เซี่ยวเฉินยัง พบตํารามโนภาพสามกระแสเมฆา
เซี่ยวเฉินตัดแบ่งหินวิญญาณครึ่งหนึ่งไว้สําหรับหลิวสุยเฟิง อย่างไรก็ตาม,หลิวสุยฟังยืนยันว่าจะไม่ขอรับไว้ เขากล่าวว่าได้บุปผาผลึกน้ำแข็งมามันก็เพียงพอแล้ว นอก จากนั้น,คนพวกนี้ถูกเซียวเฉินสังหารด้วยตัวคนเดียวมันไม่สมเหตุสมผลที่เขาจะรับหินวิญญาณพวกนี้
เซี่ยวเฉินรู้สึกหมดหนทาง ทําได้เพียงลดจํานวนหินวิญญาณลงให้อยู่ในระดับที่เขายอมรับเอาไว้ ต่อจากนั้น เซี่ยวเฉินก็เริ่มเก็บกวาดสนามรบโยใช้เพลิงแท้อัสนีม่วงเผาศพที่พื้นให้หายไปอย่างหมดจด
จากนั้นเซี่ยวเฉินก็มองไปที่ลูกม้าเมฆาเพลิง:สัตว์อสูรวิญญาณเหล่านี้ไม่ได้แตกหนีหายไป เซี่ยวเฉินเกรงว่ามันจะเหลือเป็นหลักฐานทิ้งไว้และทําได้เพียงสังหารลูกม้าเม ฆาเพลิงที่มูลค่ามากกว่าหนึ่งพันเหรียญทอง
เมื่อเขาจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ เขาก็จ้องมองไปที่ซ่งเชียนเหอที่หมดสติด้วยสายตารังเกียจ เขาเตะไปที่หัวของเขา,ส่งตัวเขาลอยขึ้นไปเป็นผลให้เขาลอยไปค้างแขวนอยู่บนต้นไม้
เมื่อเขาทําสิ่งเหล่านี้เสร็จ,เซี่ยวเฉินก็เดินตรงไปที่หลิวสุยเฟิงและพูดขึ้น “สมุนไพรที่คู่ชินอวินต้องการนั้นคืออะไร? ไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้วข้าจะช่วยนางรวบรวมของพวกมันมาให้ เมื่อน่าฟื้นขึ้น, พวกเขาจะกลับออกไปในทันที”
หลิวสุยเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้น “ข้าจําได้ไม่ชัดเจนนัก,นางเคยบอกข้าเพียงครั้งเดียว มีหญ้าหัวใจน้ำแข็ง, บุปผาน้ำค้างแข็งลึกลับ,ผลน้ำแข็งเหมันต์รวมไปถึงบัว หิมะม่วง,ข้าคิดว่ามีเท่านี้”
พวกมันทั้งหมดเป็นสมุนไพรระดับ 5 ;พวกมันไม่ได้หากยากมากนัก,เซี่ยวเฉินคิด “ดูแลนางไว้ เมื่อข้ากลับมาพวกเราจะออกไปในทันที”
หลังจากที่เซี่ยวเฉินพูดจบ,เขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว,หายลับไปจากสายตาของหลิวสุยเฟิง หลังจากนั้นครูเขาก็ไปหยุดลงที่ยอดต้นไม้ใหญ่
แก่นกลางจิตวิญญาณในจิตสํานึกของเขาออกมาพร้อมกับสัมผัสวิญญาณ ทันใดนั้น,สมุนไพรที่อยู่โดยรอบก็ปรากฏขึ้นในจิตสํานึกของเซี่ยวเฉิน
มันมีสมุนไพรเยอะเกินไป,เซี่ยวเฉินออกคําสั่งในทันที่คัดสมุนไพรที่ต่ำกว่าระดับ 5 ออกไปมีเพียงสมุนไพรระดับ 5 เหลือในทะเลจิตสํานึกของเขา
มันทําให้สะดวกในการค้นหา เซียวเฉินลืมตาขึ้นและเผยรอยยิ้ม เขาค้นพบบริเวณที่หญ้าหัวใจน้ำแข็งงอกขึ้นมา
ที่นั้นมีงูน้ำแข็งเหมันต์ระดับ 4 อยู่จํานวนมาก เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและประเมินถึงพวกมัน พวกมันเป็นแค่สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 4 :ไม่จําเป็นต้องไปลงแรงกับ พวกมันมากเกินไป
ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังคิดหาทางเข้าไปเก็บสมุนไพร,ฉู่ซินอวิ๋นก็ฟื้นขึ้นเร็วกว่าที่คาดเอาไว้สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือ เซี่ยวเฉินประเมินความแข็งแกร่งของคู่ชินอนผิดไป นอก จากนั้นเป็นเพราะนางอยู่ในสภาพอ่อนแอ,เขาจึงไม่ได้ตีนางหนักมือเกินไป
ขณะที่เซี่ยวเฉินฟื้นขึ้นช้าๆ หัวของนางรู้สึกวิงเวียน หลังจากผ่านไปนาน,นางก็ค่อยๆคืนสติและเห็นผ้าพันแผลบนหน้าอกของนาง
ใบหน้าอันงดงามของนางกลายเป็นสีแดงในทันที่และกล่าวกับหลิวสุยเฟิงที่อยู่ด้านข้าง “สุยเฟิง,ใครฉีกเสี้อผ้าของข้า?”
หลิวสุยเฟิงตกตะลึงและหวั่นเกรงว่าลู่ชินอนจะเข้าใจผิด เขารีบผลักความรับผิดชอบออกไปในทันที “เย่เฉินเป็คนทําแผลให้เจ้า ข้าไม่ชํานาญเรื่องพวกนี้”
ฉู่ซินอวิ๋นเผยสีหน้าไม่พึงพอใจและดิ้นรนพยายามจะลุกขึ้นนั่ง นางเอนตัวลงที่ต้นไม้และพูดขึ้น “เย่เฉินผู้นี้ แต่เดิมข้าคิดว่าเขาจะเป็นเพียงคนกลับกลอกเจ้าเล่ห์,มีแต่พูด ไม่มีอะไรอื่น ข้าไม่คาดคิดว่าเขาจะไร้สํานึกโดยสิ้นเชิง”
“ไม่สงสัยเลยว่าทําไมพี่สาวเหลิ้งถึงได้เรียกเขาชาติชั่วเต็มไปด้วยตัณหา”
หลิวสุยเฟิงรู้สึกละอายในใจ เขาเห็นว่าสถานการณ์กําลังกลายเป็นรุนแรงและเขาจึงบอกนางถึงสิ่งที่เซี่ยวเฉินอธิบายให้เขาฟัง
หลังจากที่ฉู่ซินอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น,นางก็ครุ่นคิดกับมันอยู่นาน นางรู้แล้วว่าที่เซี่ยวเฉินพูดมามันสมเหตุสมผลและนางได้เข้าใจเซียวเฉินผิดไป นางรู้สึกละอาย แต่นางก็ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองผิด “ถึงกระนั่นเขาก็ไม่สามารถฉีกเสี้อผ้าของสตรีเช่นนี้ยิ่งกว่านั้นเขายังพูดถึงสิ่งที่น่ารังเกียจ”
“ปัง!”
ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็จอดลงบนพื้นและตบเอาฝุ่นควันขึ้นมา เขาตกใจที่เห็นว่าคู่ชินอวิ่นฟื้นขึ้นมาแล้ว และเขาก็พูดขึ้นอย่างตกตะลึง “เจ้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร? เจ้า ต้องนอนพักเป็นเวลาอย่างน้อยสิบชั่วโมง มิฉะนั้น มันจะใช้เวลานานในการรักษาร่างกายของเจ้า”
มองดูเซี่ยวเฉินที่จู่ๆก็กลับมา ฉู่ซินอวิ๋นขวยเขินยิ่งขึ้นไปอีก เซี่ยวเฉินมองไปที่หลิวสุยเฟิง,มองกันไปมองกันมาแลกเปลี่ยนสายตากัน
เซี่ยวเฉินได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หากเป็นที่โลกเดิมของเขา,มันจะถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร ตอนนี้นั้นเขาอยู่ในโลกนี้ สิ่งพวกนี้กลายเป็นปัญหา
เซี่ยวเฉินโยนขวดเม็ดยาหวนคืนโลหิตให้กับฉู่ซินอวิ๋นและพูดขึ้น “หากเข้ายืนกรานที่จะไม่นอนพัก เช่นนั้นก็ใช้เม็ดยานี้เป็นเวลาสามวัน กินหนึ่งและโรยแผลหนึ่ง เพียงวันละครั้งก็เพียงพอแล้ว”
หลังจากที่เซี่ยวเฉินพูดจบ,เขาสะบัดมือของเขาและโยนสมุนไพรที่เขาเพิ่งเก็บมาให้กับฉู่ซินอวิ๋น เรือรบสีเงินปรากฏออกมาจากดวงตาขวาของเขา และเขาก็กระโดดขึ้นไปบนเรือ
หลิวสุยเฟิงช่วยพยุงคู่ชินอวิ่นขึ้นมา เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นว่าทั้งสองได้ขึ้นมาแล้วเขาควบคุมเรือสงครามสีเงินตรงไปที่ทางเข้าหุบเขาสายลมอสูรในทันที
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง,ฉู่ซินอวิ๋นก็จัดเรียงสมุนไพรอย่างเหมาะสม นางพบว่าพวกมันคือสมุนไพรทั้งหมดที่นางต้องการ,ไม่ขาดไปแม้แต่อย่างเดียว นางเดินไปที่ด้านหลังของเซี่ยวเฉินและพูดขึ้น “ขอบคุณ” เสียงนุ่ม
เซี่ยวเฉินรู้สึกอายเล็กน้อยขณะที่ยิ้มขึ้น “ไม่จําเป็นต้องขอบคุณข้า พวกเราควรหายกันแล้วตอนนี้”
จากนั้นเซี่ยวเฉินก็นึกถึงสิ่งที่เขาได้ทําลงไป และเขาก็รู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เขาได้ทําผิด
แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะทําไปโดยเจตนาดี,มันก็ผิดที่เขาไปพูดเช่นนั้นกับสตรี นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทําไมเซี่ยวเฉินจึงช่วยน่ารวบรวมสมุนไพรมันเป็นการชดเชยให้นาง
“ใช่แล้ว,สุยเฟิง,ม้าทั้งสามตัวของพวกเราจะเป็นอะไรหรือไม่?” เซี่ยวเฉินพยายามกล่าวอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
หลิวสุยเฟิงตอบกลับ “นั้นไม่มีปัญหา แม้พวกเราจะจากมา ก็ยังมีคนดูแลพวกมันต่อไป พวกเราเพียงแค่ต้องกลับมาพามันไปคืน”
การเดินทางดําเนินต่อไปอย่างเงียบเชียบเซี่ยวเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อและขับเรือสงครามสีเงินไปด้วยความเร็วสูงสุดของมัน เรือสงครามสีเงินกลายเปล่งแสง,พุ่งสูง ขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อพวกเขาสามารถมองเห็นเทือกเขาหลิงหยุน,เซี่ยวเฉิน ค่อยๆลดความเร็วลง น่านฟ้าของศาลากระปสวรรค์มีขีดกั้นหลายชั้นที่แตกต่างกันออกไป
หากเรือสงครามหรือคนที่ไม่ได้มาจากศาลากระบี่สวรรค์พวกเขาไม่มีทางรอดชีวิตจากการพยายามฝ่ามันเข้าไป แม้จะมีถึงเก้าชีวิตก็ตามเป็นปกติ เซี่ยวเฉินจะไม่ทําความผิดพลาดเช่นนี้
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ตีนเขา, เซี่ยวเฉินควบคุมเรือสงครามสีเงินลงจอดอย่างช้าๆ จากนั้นพวกเขาทั้งสามก็เริ่มเดินตรงไปที่เทือกเขาหลิงหยุน เมื่อพวกเขาผ่านทางเข้าเข้าไป,พวกเขาก็แยกทางกัน หลิวสุยเฟิงต้องไปส่งฉู่ซินอวิ๋นกลับทิ้งให้เซี่ยวเฉินต้องเดินกลับยอดเขาฉิงหยุนด้วยตัวเอง
ในจังหวะนั้นมันก็ใกล้ค่ําแล้ว ในตอนที่เซี่ยวเฉินมาถึงยอดเขาฉิงหยุนก็มืดแล้วเป็นที่เรียบร้อย
เขาได้ประสบเหตุการณ์มากมายในวันนี้ เซี่ยวเฉินเหนื่อยล้าถึงขีดสุด และหลังจากที่เขาผ่านเข้าห้องไปเขาล้มตัวลงที่เตียงและหลับไปในทันที
ในกลางดึกนั่นเอง,เขาได้ยินเสียง,ขณะที่กําลังงุนงง,ก็ได้ยินเสียงเคาะที่ประตูดังขึ้นเรื่อยๆ มันปลุกเซี่ยวเฉินให้ตื่นขึ้น
เซี่ยวเฉินลืมตาอย่างไม่เต็มใจนักและไปเปิดประตูอย่างหงุดหงิด เขาร้องออกมา “ใครกัน,ขัดขวางการนอนของข้า”
“ฟิ้ว ฟิ้ว!”
เจตนาฆ่าฟันที่สั่นสะเทือนปฐพีกลืนกินเซี่ยวเฉิน,ทําให้เซี่ยวเฉินตื่นเต็มตาในทันที จากนั้นเขาก็ถอยกลับอย่างระวัง
กระบี่เล็กวูบผ่าน,เฉียวจมูกเขาไปอย่างหวุดหวิด “เจ้าตื่นหรือยัง? หรือยังอยากที่จะนอนต่อ?”
โดยปกติ,มีเพียงหลิวหรูเยว่ที่ใช้วิธีรุนแรงเช่นนี้ใน การปลุกคนให้ตื่น:จะไม่มีผู้ใดในโลกอีกที่ทําเช่นนี้
เชี่ยวเฉินเห็นสีหน้าดํามืดและเย็นชาเป็นใบหน้าของนาง เขาถามขึ้นอย่างระวัง “พี่สายหรูเยว่ เกิดอะไรขึ้น? ทําไมถึงได้มาปลุกข้ากลางดึกเช่นนี้?”
หลิวหรูเยว่ดวงตาแดงก่ำพร้อมกับกล่าวอย่างเกรี้ยวโกรธ “เจ้ายังกล้าที่จะถาม? หลังจากเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้เจ้าไม่แม้แต่จะบอกกล่าวให้ข้าฟังและเดินตรงไปที่เตียง เจ้ายังเคารพข้าเป็นอาจารย์อยู่หรือไม่!?”
เซี่ยวเฉินไม่เคยเห็นหลิวหรูเยว่เดือดาลเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าจุดเดือดของนางจะต่ำอยู่แล้วที่ผ่านมาในอดีต,มันก็ต่างไปจากที่เขาเห็นในวันนี้
นอกจากความเกรี้ยวโกรธ,นางยังดูเหมือนเจ็บปวด น้ำเสียงของนางเจือไปด้วยความผิดหวังอย่างชัดเจน
เซี่ยวเฉินรีบครุ่นคิดว่าทําไมหลิวหรูเยวถึงได้โกรธ เขารีบอธิบาย “พี่สาวหรูเยว่,ข้าเชื่อว่าข้าจัดการสถานการณ์ที่หุบเขาสายลมอสูรได้อย่างหมดจด มันไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ”