ตอนที่ 180 ถูกหลอก?
ไม่มีเวลาให้คิดมากเหรียญไม่ได้ลอยไปไกลแล้ว หากเซี่ยวเฉินไม่ไล่ตามมันไป,เขาจะต้องไปสายเป็นแน่ เขากระโดดสูงขึ้นไปในอากาศและทะยานขึ้นไปราวกับมังกร
เหรียญไม้ลอยไปอย่างรวดเร็วมาก แต่มันก็ลอยไปนิ่งๆ ขณะที่เซี่ยวเฉินไล่ตามเขาก็ตระหนักได้ว่าเหรียญไม่ไม่ได้กําลังมุ่งหน้าไปที่โถงคุณความชอบ ในที่สุด,ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง,มันก็ลงไปที่ลานบ้านหลังหนึ่ง
เซี่ยวเฉินเดินเข้าไปพร้อมกับความงุนงง เขาพบว่ามีคนอยู่ที่นี่เกือบสิบคน หญิงสาวที่เขาพบบนต้นไม้สูงก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
เมื่อนางเห็นเซี่ยวเฉินได้มาถึงแล้วเช่นกัน,นางเผยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย เซี่ยวเฉินนับจํานวนคนอย่างรวดเร็ว:รวมตัวเขาด้วย มีคนอยู่ทั้งหมดสิบคน
แต่ละคนในหมู่พวกเขามีระดับขอบเขตพลังต่ําสุดอยู่ที่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลาง หญิงสาวที่เขาพบมีระดับพลังที่สูงที่สุด,ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขันสูงสุด การก้าวจากระดับปรมาจารย์ยุทธสู่ระดับนักบุญเป็นก้าวเริ่มต้น ยิ่งยกระดับขึ้นมาได้เร็วมากเท่าไหร,ความสําเร็จในการบ่มเพาะพลังในอนาคตก็จะเพิ่มสูงขึ้น
เช่นเดียวกับที่ศาลากระบี่สวรรค์มีกฏอยู่ว่าหากผู้ใดไม่สามารถยกระดับขอบเขตพลังขึ้นไปถึงขอบเขตนักบุญได้ก่อน อายุครบ 25 ปี,สถานะศิษย์ชั้นในของพวกเขาจะถูกลบไป
นอกจากเซี่ยวเฉิน,คนที่เหลือล้วนรู้จักกันและกัน พวกเขาจับกลุ่มพูดคุยกันด้วยเสียงเบา “ข้าสงสัยว่าในครั้งนี้พวกเราจะรอดกลับมาได้หรือไม่เข้าเกือบจะตกตายในครั้งก่อน”
“แน่นอน,หากข้าไม่ได้ขาดแคลนแต้มสะสม,ข้าคงไม่เอาชีวิตมาเสี่ยง เมื่อเร็วๆนี้,ข้าสัมผัสได้ว่าการบ่มเพาะพลังของข้าได้มาถึงจุดคอขวด ข้าต้องการเม็ดยามากขึ้นเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะพลังของข้า”
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเสีหน้าของเขาเปลี่ยน มองดูไปที่คอเสื้อของคนพวกนี้เขาพบว่ามีเส้นสีทองปักอยู่เพียงสองเส้นเป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเขาเป็นศิษย์ชั้นในธรรมดาทั่วไป คนพวกนี้ไม่ใช่ศิษย์แก่นกลาง
อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้รับภารกิจนิกายระดับสูงได้อย่างไร? หรือว่าข้าจะถูกโกง? เซี่ยวเฉินคิดกลับไปถึงตอนที่เขาอยู่บนชั้นสอง ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับมัน,เขายิ่งรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง
ความจริงแล้ว เขาได้ถูกโกงแล้วอย่างแน่นอน รายชื่อภารกิจระดับสูงที่คนคนนั้นให้เขาดูบนชั้นสองของโถงคุณความชอบคือภารกิจที่เต็มไปด้วยอันตราย,ภารกิจที่น้อยคนอยากจะรับไปทําและถูกทิ้งไว้อย่างนั้น
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรับภารกิจระดับสูงธรรมดาทั่วไป แต่คนคนนั้นไม่ได้เอามาแสดงให้เหี่ยวเฉินดู เขาไม่ได้ตระหนัก ถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องในครั้งนี้
“นี้! เจ้ามาจากยอดเขาใด? เจ้าชื่อแซ่อะไร? ดูเหมือเจ้าจะเป็นคนใหม่ ข้าชื่อปูซินหยาจากยอดเขากางอวี้ :พวกเราเคยพบกันแล้วก่อนหน้านี้” หญิงสาวริเริ่มและทักทายเซี่ยวเฉินที่กําลังครุ่นคิด
ไม่อาจรู้ถึงเหตุผล,แต่หลิวหรูเยว่และหลิวสุยเพิ่งไม่ได้สวมเครื่องแบบของยอดเขาฉิงหยุน,แม้กระทั่งตอนที่เซี่ยวเฉินมาถึง เขาจึงยังสวมชุดตามปกติของเขาอยู่ ดังนั้น คนอื่นจึงไม่อาจบอกได้ว่าเซี่ยวเฉินมาจากยอดเขาใด
เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดและสังเกตดูหญิงสาวตรงหน้าเขาอย่างละเอียด นางดูอายุประมาณ 16-17 ปี รูปร่างหน้าตาอยู่ระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มและมีกระบี่คู่หยวนหยางอยู่ที่เอวของนาง
TL:หยวนหยางเป็นอีกคําของหยินหยางนะครับ
นางให้ความรู้สึกเหมือนเพื่อนสาวข้างบ้าน:นางชางดูร่าเริงมีชีวิตชีวา เซี่ยวเฉินยิ้มและพูดขึ้น “ยอดเขาฉิงหยุน,เย่เฉิน!”
มู่ซินหยาและอีกแปดคนที่เหลือมองมาที่เซี่ยวเฉินอย่างตกตะลึง พวกเขาตรวจสอบเซี่ยวเฉินอย่างถี่ถ้วน,ผ่านไปครู่หนึ่ง,มู่ซินหยาก็พูดขึ้น “ไม่ใช่ว่าเจ้าได้ขึ้นไปที่ชั้นสอง เมื่อวานนี้? ทําไมเจ้าถึงได้รับภารกิจนี้? พวกเขาไม่ได้นําภารกิจระดับสูงอันอื่นมาแสดงให้เจ้าดู?”
มองดูเซี่ยวเฉินที่ไม่เข้าใจว่ากําลังเกิดอะไรขึ้น,มู่ซินห ยาอธิบายทุกอย่างอย่างละเอียด หลังจากที่เซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนั้นเขาก็เข้าใจในทันที ไม่ต้องสงสัยว่าทําไมคนคนนั้นถึงได้หายไปนานก่อนที่จะนํารายชื่อภารกิจมาให้เขา
นอกจากนั้น,ระดับความอันตรายของภารกิจยังสูงมากมีตัวเลือกให้ไม่มากนัก ตามที่มู่ซินหยาและคนที่เหลืออธิบาย,เมื่อนําทุกอย่างมาประกอบเข้าด้วยกัน มันแสดงให้เห็นว่าเซี่ยวเฉินถูกหลอกแล้ว
สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติจากสีหน้าของเซี่ยวเฉิน,มู่ซินหยาแนะนําขึ้น “อย่าไปคิดมาก เนื่องจากเจ้ารับภารกิจมาแล้วเจ้าก็ต้องทําให้สําเร็จ บทลงโทษสําหรับการทําภารกิจล้มเหลวค่อนข้างสาหัส”
คนอื่นๆไม่ได้เป็นสานุศิษย์แก่นกลางเช่นกัน;พวกเขาสามารถเข้าใจได้ถึงความรู้สึกของเซี่ยวเฉิน,และได้ให้คําแนะนําเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินก็คุ้นเคยกับพวกเขา
ในหมู่พวกเขา,มีศิษย์ยอดเขาเปยเฉินที่ชื่อว่าม่าเฉิน เขามีประสบการณ์มากที่สุดสําหรับภารกิจนี้เขาได้ทําภารกิจนี้ไปแล้วสองครั้งก่อนหน้า เขาไม่ได้ปิดบังอะไรและบอกทุกอย่างเกี่ยวกับประสบการณ์ทั้งหมดของเขา
“ที่ตั้งของภารกิจอยู่ที่ใต้ดินลึกลงไปหลายร้อยเมตร ภารกิจหลักของพวกเขาคือปกป้องคนเหมืองที่อยู่ที่นั้น เราจะพบสิ่งแปลกประหลาดที่ใต้ดินอยู่เป็นระยะ ดังนั้นห้ามประมาท หากมีสิ่งที่พวกเจ้ารับมือไม่ได้ให้ถอยกลับออกมาในทันทีและแจ้งผู้อาวุโสให้ช่วยเหลือ รักษาชีวิตของเจ้าไว้คือสิ่งสําคัญที่สุด”
“ปุ ปุ ปุ!”
ขณะที่ม่าเฉินกําลังพูดอยู่,มีเสียงฝีเท้ากําลังวิ่งเข้ามาจากระยะไกล ชายชราชุดดําสามคนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน มีกระบี่ไขว้สีทองปักอยู่บนคอเสื้อของพวกเขา
นี่เป็นเครื่องหมายของผู้อาวุโสระดับสูงของศาลากระบี่สวรรค์ ผู้อาวุโสระดับสูงคือตําแหน่งที่ได้รับความนับถือในศาลากระบี่สวรรค์,พวกเขามีสิทธิ์ที่จะออกภารกิจนิกายได้โดยตรง
กระแสพลังของทั้งสามลึกล้ําและไม่อาจหยั่งถึง กระแสพลังของเขายิ่งใหญ่และไร้ขอบเขตราวกับมหาสมุทร เซี่ยวเฉินประเมินว่าพวกเขาทั้งสามอย่างน้อยต้องอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
โดยเฉพาะชายชราที่ยืนอยู่ตรงกลาง,แรงกดดันที่เขาส่งออกมาลึกล้ํากว่าคนอื่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย,ราวกับเมฆดํากําลังปกคลุมท้องฟ้า มีแสงเย็นเฉียบเป็นประกายในดวงตาของเขาเป็นบางครั้งมันมองดูน่าตกตะลึงมาก
ชายชรามองมาที่กลุ่มคนตรงหน้าและขมวดคิ้ว เขามองดูไม่พอใจอย่างชัดเจนพร้อมกับพูดขึ้น “จํานวนคนกลายเป็นลดลงและลดลงเรื่อยๆ มีแม้กระทั่งระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น โถงคุณความชอบกีดกันภารกิจของพวกเขาหนักเกินไปแล้ว”
ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นผู้นั้นหมายถึงเซี่ยวเฉินอย่างชัดเจน แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะไม่ได้เป็นสุขนัก,เขาก็ไม่ได้สูญเสียความอดทน เขายังคงนิ่งเงียบ,ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป
“ไม่เป็นไร; พวกเขาจะทําในสิ่งที่พวกเราทําได้ ไม่ได้เกิดเรื่องสําคัญอะไรเมื่อไม่นานมานี้มันดูสงบสุขดี สิบคนก็น่าจะเพียงพอ” หนึ่งในพวกเขาที่ยืนอยู่ด้านข้างแสดงความคิดเห็น
ชายชราที่อยู่ตรงกลางพยักหน้า “ข้าจะอธิบายถึงรายละเอียดของภารกิจ ข้าจะอธิบายง่ายๆอย่าได้บ่น”
“ภารกิจนี้ง่ายๆ ทั้งหมดที่เจ้าต้องทําคือลาดตระเวนชั้นใต้ดิน การป้องกันหมายถึงให้เฝ้าระวังคนเหมืองที่ขุดเหมืองหินวิญญาณคือคนธรรมดาทั่วไป ภารกิจจะเสร็จสิ้นหลังจากหนึ่งเดือน”
มันง่ายมากมันเหมือนกับไม่ได้อธิบายอะไรเลย,เซี่ยวเฉินบ่นอุบอิบในใจของเขา
หลังจากที่ชายชราพูดจบ,เขาก็หยิบเอาขวดหยกออกมา เขาพูดขึ้น “ผ่อนคลายอย่าหมุนเวียนพลังปราณ!”
“โซว!”
มีแรงดูดมหาศาลออกมาจากขวดหยกใบนั้น เซี่ยวเฉินได้ยินคําของชายชราก็ไม่ได้หมุนเวียนพลังปราณเพื่อต่อต้าน พร้อมกับเสียง “โซว!” พวกเขาถูกดูดเข้าไปในขวดหยก
ขวดหยกนั่นจะตั้งเป็นสมบัติลับ:มีค่ายกลเล็กวางไว้ในขวดหยกใบนี้ มันดูเหมือนอยู่ในความว่างเปล่า,ข้างในมันมืดสนิท เมื่อยื่นแขนออกไป,ไม่อาจมองเห็นนิ้วมือได้ เซี่ยวเฉินมองไม่เห็นคนอื่นๆอีกเก้าคน;เขาไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
เวลาเหมือนถูกหยุดลงในพื้นที่มืดสนิทแห่งนี้ เซี่ยวเฉินเข้าใจว่าพื้นที่แห่งนี้มีความคล้ายคลึงกับแหวนห้วงจักรวาลของเขา,แต่การทํางานของมันก็แตกต่างกัน ดังนั้นเซี่ยวเฉินไม่ได้ตื่นกลัว
เขานั่งขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง เขาเริ่มหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาน่าเบื่อนี้
“ปัง”
มันไม่อาจทราบได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงพื้นแข็งๆอยู่ด้านใต้ของเขา เมื่อเขาลืมตาขึ้นเขาพบว่าเขาอยู่ในห้องหินแห่งหนึ่ง
เซี่ยวเฉินลุกขึ้นยืน,เขารู้สึกได้ทันทีว่าพลังงานจิตวิญญาณรอบข้างหนาแน่นจนน่าตกใจ มันไม่อย่างจะเชื่อ:ราวกับว่าเขาสามารถจับต้องพลังงานจิตวิญญาณที่ไร้ตัวตนได้เพียงแค่ยื่นมืออกไป
“หรือนี่จะเป็นเหมืองหินวิญญาณ?” มู่ซินหยา ผู้ที่อยู่ด้านข้างเปิดตาของนางกว้างและมองไปรอบๆอย่างอยากรู้อยากเห็น
คนที่เหลืออีกแปดคนและกลุ่มชายชราไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เห็นมีเพียงพวกเขาสองคนอยู่ตอนนี้ มีโต๊ะหินตั้งอยู่ในห้อง มีเตียงสองเตียงและสิ่งของที่จําเป็นสําหรับชีวิตประจําวัน
เป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งสองจะต้องอาศัยอยู่ด้วยกันที่นี่ไปอีกหนึ่งเดือน? เซี่ยวเฉินรู้สึกปวดหัวตีบเมื่อคิดเกี่ยวกับมัน ในทางตรงกันข้าม,มู่ซินหยายังคงมีรอยยิ้มแปะอยู่บนใบหน้าของนาง นางมองดูไปรอบตัวของนาง, บางครั้งก็หยิบของในห้องขึ้นมาดู
“โซว!” ประตูหินของห้องเปิดออก ชายวัยกลางคนแต่งชุดสีดําเดินเข้ามาและพูดขึ้น “พวกเจ้าสองคนถูกจับให้อยู่กลุ่มเดียวกัน เจ้าต้องอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือน หากว่ามีปัญหาอะไรให้มาบอกข้า ไปกันเถอะ, ข้าจะพาพวกเจ้าไปทําความคุ้นเคยกับสถานที่”
พวกเราต้องอาศัยอยู่ด้วยกัน? เซี่ยวเฉินรู้สึกเลิกลั่กเมื่อคิดเกี่ยวกับมัน เขาถามคนผู้นั้น “ผู้อาวุโส,มันจะดีจริงๆ?”
ชายวัยกลางคนรู้สึกประหลาดและพูดขึ้น “มีปัญหาอะไร? เจ้ามีแต่ได้เปรียบ,และเจ้าก็ยังบ่น? ในที่แห่งนี้,ทุกคนจะถูกจับแบ่งเป็นคู่ หากเจ้าอยากจะเปลี่ยน,ข้าก็จัดให้ได้ในทันที”
“ไม่จําเป็น! ไม่จําเป็น!” เซี่ยวเฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากเขาต้องอยู่กับคนอื่น,มันจะน่าอึดอัดยิ่งกว่า
ชายวัยกลางคนพยักหน้าและพูดขึ้น “อย่าเรียกข้าผู้อาวุโสข้ายังไม่แก่ถึงขนาดนั้น เรียกข้าว่าลุงเย่หรือเย่เหวินก็ได้ มา,รีบไปกันเถอะ”
“จริงสิรอสักครู่ ข้าเกือบลืมไป ถือนี้ไว้ก่อน”
ชายวัยกลางคนยื่นแผนที่ที่ทําจากหนังของสัตว์อสูรให้กับทั้งสองคน เซี่ยวเฉินรับมันเอามามองดู เขาพบว่ามันคือแผนที่ของถ้ําที่วกวนราวกับเขาวงกต ข้อความที่เขียนม้วนไปมาทําให้ดูลายตา
จากแผนที่ดูเหมือนบอกว่าจะมีทั้งหมดแปดชั้น, จากนั้น เขาก็พบขนาดของแผนที่ เพียงชั้นนี้ชั้นเดียวมันทอดยาวไปกว่าสองสามพันตารางเมตร มันช่างน่าตกตะลึง
เซี่ยวเฉินพบตําแหน่งของเขาที่อยู่บนแผ่นที่ เขาพบว่ามันมีจุดเรืองแสงอ่อนๆออกมาเขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่าเช่นไร
เย่เหวินอธิบาย “จุดที่เปล่งแสงนั้นจะสัมพันธ์กับเหรียญที่ห้อยตรงเอวของเจ้า ตราบใดที่เจ้าไม่ทิ้งเหรียญของเจ้าเอาไว้เจ้าก็ไม่ต้องกังวลที่จะหลงทาง นอกจากเวลาพักของพวกเจ้า,หากเหรียญของเจ้าไม่ขยับไปไหน,พวกเราจะคิดเสียว่า เจ้ากําลังตกอยู่ในอันตรายจะมีคนไปช่วยเหลือเจ้าทันที”
นี่อาจจะหมายความว่าพวกเขาจะค่อยดูอยู่ที่นี่ ด้วยแผนที่แผ่นนี้, จะมีบางคนคอยจับตาดูพวกเขาอยู่ตลอด เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเองเงียบๆ
เย่เหวินยังคงชี้ตําแหน่งสถานที่ต่างๆบนแผนที่ต่อไป เขาชี้ตําแหน่งของกองบัญชาการของเหมืองนี้ จากนั้นเขาก็บอกว่าเส้นคาดสีดําคือทางตัน,และพวกเขาไม่อาจข้ามไปได้
หลังจากอธิบายอยู่เป็นเวลานาน,พวกเขาทั้งสองก็มีความ เข้าใจเกี่ยวกับเหมืองแห่งนี้ พวกเขารู้มากกว่าก่อนที่จะเข้ามา,แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รู้ทั้งหมด
หลังจากที่เย่เหวินบอกพวกเขาทั้งสองถึงวิธีการใช้ประตู,เขาก็พาทั้งสองไปทําความคุ้นเคยกับเหมืองแห่งนี้ ไม่นานหลังจากนั้น, พวกเขาก็พบกลุ่มคนธรรมดาสามัญที่แต่งชุดสีดําสนิทอยู่ในอุโมงมืดๆไม่รู้ได้ว่าพวกเขาไม่ได้อาบน้ํามานานเท่าไหรแล้ว
คนเหล่านี้ใช้พลั่วขุดลงไปที่อุโมงกว้างอย่างแรง สีหน้าของพวกเขาดูชินชาไม่มีความโกรธอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
ภารกิจขุดเหมืองมันยากลําบากและสาหัส หากพวกเขาใช้สานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์มาเพื่อขุดเหมือง,มันคงเป็นเรื่องเพ้อฝัน คนพวกนี้ถูกส่งมาที่นี่หลังจากที่พวกเขาทําสัญญาชีวิตและความตายกับศาลากระบี่สวรรค์
TLะสัญญาชีวิตและความตายคือทําสัญญาณว่าศาลากระบี่สวรรค์จะไม่รับผิดชอบหากเกิดการเจ็บตายขึ้นมา
ศาลากระบี่สวรรค์ได้บอกพวกเขาล่วงหน้าแล้วว่ามันหนักหนาสาหัสและอันตรายมาก อย่างไรก็ตาม,เป็นเพราะค่าตอบแทนมันสูงอย่างมาก,คนเหล่านี้มีความคิดที่จะกระโจนลงถังทองหลังจากทํางานที่นี่ครบห้าปี