“บูม!”
มีร่างหนึ่งปรากฎขึ้นพุ่งมาอย่างรวดเร็วผ่านอากาศราวมากับลำแสงทิ้งไว้เพียงภาพติดตา มันพุ่งไปด้านหลังของจางเจ๋อหยางและกระชากจางเจ๋อหยางถอยหลังอย่างรุนแรงเพื่อช่วยเขา
ร่างนั้นพุ่งมาอย่างรวดเร็ว เข้ารับฝ่ามือของเซียวเฉิน เป็นระยะเวลาเพียงสองลมหายใจหลังจากที่คนผู้นี้ตะโกนออกมา ความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาเป็นของจริง
พลังที่พลุ่งพล่านออกมาจากฝ่ามือของผู้นั้น ผลักเซียวเฉินถอยหลังไปสามก้าวก่อนที่เซียวเฉินจะตั้งตัวได้ เลือดในร่างของเขาเดือดพล่าน เซียวเฉินรีบหมุนเวียนพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกกันจุดตันเที่ยนและสงบเลือดกับพลังปราณในร่างของเขา
ตรงหน้าของเซียวเฉินคือคนที่โดดเข้ามาขวางเอาไว้ ปรากฎเป็นชายในชุดขาวหน้าตาหล่อเหลามีรอยยิ้มบางๆประดับบนใบหน้าอันเฉยเมยของเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจทำให้เขาดูเย็นชา
“พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี้?” จางเจ๋อหยางผู้ที่ถูกช่วยเอาไว้ตะโกนด้วยความดีใจ หลังจากได้รู้ว่าใครเป็นผู้ที่ช่วยเขาเอาไว้ เขารู้ว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นใจให้เขาแล้ว
ชายในชุดขาวยิ้มอย่างอ่อนโยน “ข้ารอมาสักพักแล้วพวกเจ้ายังมาไม่ถึงสักที เลยออกมาเดินตามหา เวลาช่างเหมาะเจาะจริงๆ”
ชายชุดขาวผู้นี้คือจางเหอ เขาเป็นบุตรคนโตของตระกูลจางและเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อเขาอายุได้ 10 ขวบ เขาได้เข้าเรียนที่สำนักผาขาวที่เมืองหลวงของทวีป และเขาเพิ่งกลับมาได้เพียงไม่กี่ปี วัดจากฝ่ามือของเขาเมื่อครู่บอกได้เลยว่าการบ่มเพาะพลังของเขาเข้าสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธมาหลายปีแล้ว ดูเหมือนโอกาสที่จะทำลายการบ่มเพาะพลังของจางเจ๋อหยางจะหลุดมือเขาไปเสียแล้ว เมื่อหมดโอกาสก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาเสียเวลาที่นี่ เมื่อคิดได้ดังนั้นเซียวเฉินก็หันหลังกลับเตรียมจะเดินจากไป
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้น เซียวเฉินไม่แม้แต่จะหันไปมอง เขาแค่บิดตัวและปล่อยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สวนกลับไป สายฟ้าพุ่งผ่านอากาศตรงไประหว่างคิ้วของจางเหอ
จางเหอถอยกลับและยืนนิ่ง ร่างของเขาดูราวกับกระบี่ล้ำค่า กระบี่น่าเกรงขามพุ่งออกมาจากร่างของเขาก่อนที่ปล่อยพลังฉีนับไม่ถ้วนออกไปในอากาศ เพียงช่วงครู่สายฟ้าฟาดก็สลายไป
“สหายตัวน้อย มารังแกน้องชายของข้าอย่างสนุกสนานแล้วจะรีบไปไหน ทำไมไม่อยู่แนะนำตัวกับข้าก่อน” จางเหอยืนตัวตรงไคว้มือไว้ด้านหลังของเขา แลดูผ่อนคลาย
ถึงแม้เซียวเฉินจะไม่ได้หันกลับไปมองเขาก็รู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหลังเขา สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกจางเหอทำให้สลายไป ชายคนนี้แข็งแกร่งมากแต่เซียวเฉินก็ไม่ได้มีความเกรงกลัว ก็แค่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธเท่านั้น อาจจะสู้ไม่ได้แต่หนีไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เขาหันหลังมาพร้อมกับรอยยิ้มและท่าทีผ่อนคลาย “ข้าเคยได้ยินมาว่าบุตรชายคนโตของตระกูลเซียวนั้นครอบครองจิตวิญญาณต่อสู้ดาบศักดิ์สิทธิ์ มันมีพลังของสวรรค์และปฐพีและเจตนาแห่งดาบที่สามารถสื่อสารกับวิญญาณได้ หลังจากที่ข้าได้เห็นในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นจริงดังคำล้ำลือ ข้าเป็นเพียงแค่ระดับจอมยุทธฝึกหัดขั้นต่ำ ขอยอมรับความพ่ายแพ้”
จางเหอฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าเซียวเฉินทำแสร้งทำเป็นคนอ่อนแอที่ถูกเขารังแก “น้องเซียวถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่าผู้เยาว์อันดับหนึ่งของตระกูลเซียว เซียวเจี้ยนนั้นถูกเจ้าล้มในกระบวณท่าเดียว เซียวเจี้ยนนั้นอยู่ในระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง เขาก็แข็งแกร่งไม่แพ้ข้า”
เซียวเฉินประหลาดใจ ชายผู้นี้อาศัยอยู่ที่เมืองหลวงมาตลอดแต่ก็รู้ความเคลื่อนไหวของตระกูลเซียว คนผู้นี้ดูแคลนไม่ได้ ปราศจากการเปลี่ยนสีหน้าเซียวเฉินตอบกลับอย่างใจเย็น “เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น นายน้อยจางอย่าเก็บไปใส่ใจ”
พวกเขาจ้องมองซึ่งกันและกัน สายตาของจางเหอคมราวใบมีด กระบี่ส่งเสียงหึ่งๆออกมา หน้ำซ้ำยังมีเจตนาแห่งกระบี่น่ากลัวเปล่งออกมาจากร่างของเขา เจตนาแห่งกระบี่ค่อยๆรุนแรงขึ้นก่อนที่จะถูกยิงออกมาจากดวงตาของเขา กระบี่ไร้รูปที่แข็งกร้าวพุ่งเข้ามาเซียวเฉินอย่างรุนแรง
กระแสพลังของผู้เชี่ยวชาญยุทธรวมกับเจตนาแห่งกระบี่ตรึงเซียวเฉินไว้อยู่กับที่ เซียวเฉินขมวดคิ้วแน่น มังกรฟ้าในร่างของเขาว่ายเวียนไปทั่วร่าง พลังของสัตว์อสูรโบราณศักดิ์สิทธิ์รวมเข้ากับกระแสพลังของเซียวเฉินปะทะเข้ากับเจตนาแห่งดาบ
ภายใต้อำนาจของสัตว์อสูรโบราณศักดิ์สทธิ์ เจตนาแห่งดาบอันทรงพลังได้หยุดลงห่างจากเซียวเฉินประมาณ 2 เมตร ไม่สามารถผ่านเข้ามาได้ ในจังหวะนี้พวกเขาทั้งสองชะงัก ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธอย่างจางเหอไม่สามารถเอาชนะเซียวเฉินที่อยู่เพียงระดับจอมยุทธฝึกหัดขั้นต่ำได้
“พี่ใหญ่ ทำไมไปเสวนากับมันเยอะแยะ มันพยายามจะฆ่าข้านะ” จางเจ๋อหยางยืนอยู่ด้านข้างใบหน้าบูดบึ้ง
เมื่อได้ยินน้องชายพูดเช่นนั้น จางเหอดูถูกเจ้าน้องชายคนนี้ในใจ ก่อนหน้านี้อาจจะเห็นว่าเขานั้นสลายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเซียวเฉินได้อย่างง่ายดาย แต่อันที่จริงเขานั้นพยายามและใช้พลังไปไม่น้อย ตอนนี้เขาถ่วงเวลาเซียวเฉินอยู่เพื่อฟื้นพลังปราณ เขากำลังรอให้เซียวเฉินเปิดช่องโหว่เพื่อที่เขาจะได้ลงมือ ถ้าคนตรงหน้าเขาจัดการได้ง่ายดายขนาดนั้นละก็เขาคงตบคว่ำไปนานแล้ว
กระแสพลังที่เขารวบรวมมาถูกขัดจังหวะด้วยปากพล่อยๆของน้องชาย จางเหอไม่มีทางเลือกนอกจากเรียกคืนเจตนาแห่งกระบี่และเริ่มลงมือก่อน
เซียวเฉินนั้นไร้ความหวาดกลัวในใจ กลับกันเขากลับเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันเข้มข้น เขาอยากจะลองทดสอบพลังของเขามานานแล้วแต่ยังหาคู่ต่อสู่ที่เหมาะเจาะไม่ได้ เซียวอวี่หลันอาจจะเป็นคู่มือที่ดีแต่พิษจากดอกสองฤดูนั้นอันตรายเกินไป ประมือกับนางเขาอาจจะตายได้ง่ายดายหากเขาเผลอแม้แต่วินาทีเดียว ศิษย์คนอื่นในตระกูลเซียวก็อ่อนเกินและมันยุ่งยากหากจะไปขอความช่วยเหลือจากพวกผู้เฒ่า
จางเหอตรงหน้าของเขาเป็นคู่มือที่ดีที่สุด เขาอยู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธและมีจิตวิญญาณต่อสู้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ เซียวเฉินอยากรู้ว่าจะเป็นเช่นไรหากเขาทุ่มสุดแรงในการประลองครั้งนี้
ระหว่างที่เซียวเฉินกำลังครุ่นคิด จางเหอก็ใช้ความได้เปรียบชิงลงมือก่อน สายลมที่รูปร่างเหมือนกระบี่ในมือของเขาพุ่งไปที่หน้าอกของเซียวเฉิน เซียวเฉินถอยมาครึ่งก้าวและหมุนเวียนเร่งอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นสูงสุด กระแสไฟฟ้าหมุนวนไปรอบๆตัวของเขาก่อนที่จะไหลไปยังฝ่ามือขวา ทันใดนั้นฝ่ามือของพวกเขาก็ปะทะกัน
“ปัง!”
พลังพลุ่งพล่านไหลออกมาและกระแสพลังฉีกระเพื่อมไปทุกทิศ พวกเขายังคงไม่หยุดโจมตีกันต่อไป มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นเมื่อทั้งคู่เข้าปะทะกันไปบนถนน บรรยากาศปั่นป่วนฝุ่นควันกระจายไปทั่วจนชาวมุงทั้งหลายต้องเว้นระยะห่างออกไปอีก
สีหน้าของจางเหอไม่เปลี่ยนแปลง เป็นสีแดงระรื่นและยังคงมีรอยยิ้มจางๆประดับอยู่บนใบหน้าเช่นเดิม
อีกด้านหนึ่ง ผมของเซียวเฉินยุ่งเหยิงใบหน้าซีดเซียวมีหยดเลือดไหลออกมาที่มุมปาก เหมือนว่าเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแต่ก็ยังเห็นรอยยิ้มปรากฎอยู่บนหน้าของเขา เขาเช็ดที่มุมปากและรวบผมจัดเล็กน้อย เขามองไปยังจางเหอด้วยท่าทางผ่อนคลายและยั่วยุเล็กน้อย
จางเหอมองดูท่าทางยียวนของเซียวเฉินเลือดก็เริ่มเดือดขึ้นมา จนเขาเกือบจะกระอักเลือด อย่างไรก็ตามเขาก็สงบลงแทบจะในทันที เขาไม่เหมือนกับจางเจ๋อหยางน้องชายของเขา เขาจะไม่มีทางทำผิดพลาดโง่ๆแบบนั้น เขายิ้มขึ้นบางๆ “เจ้าแข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำไปก่อนหน้านี้ แต่น่าเสียดายที่ต้องมาเจอกับข้า ข้าจะทำลายการบ่มเพาะพลังของเจ้าซะ ดูซิยังจะกล้าอวดดีอีกไหม”
หลังจากพูดจบ จางเหอสะบัดมือของเขาและชักดาบยาวออกมา เห็นได้ชัดว่ามันคืออาวุธวิญญาณ ตัวดาบยาวประมาณ 2เมตรและมันวาวราวกับหยาดน้ำฤดูใบไม้ร่วง กระแสพลังของจางเหอเหมือนจะเปลี่ยนไปหลังจากที่ชักดาบออกมา
กระแสพลังรุนแรงของเขากระจายไปทั่วบริเวณ แรงกดดันจากเจตนาแห่งดาบปะทุออกมา โชติช่วงราวกับดวงตะวัน ร่างของเขามองดูราวกับดาบล้ำค่า
“ฟุบ!ฟุบ!ฟุบ!”
จางเหอขึ้นหน้าไปสองก้าวอย่างดุดันพร้อมกับดาบพลังฉีสามเล่มถูกยิงตรงไปทางเซียวเฉินในมุมที่แตกต่างกัน เซียวเฉินนั้นไม่มีอาวุธอยู่ในมือ การรับมือกับพวกมันจึงไม่ง่ายนักและถูกบังคับให้ต้องถอยหนี
ใครจะรู้ว่าดาบพลังฉีนั้นพุ่งติดตามเขาไป นั้นทำให้ไม่มีทางที่จะหลบมันพ้น เมื่อเซียวเฉินถอยหนีดาบนั้นก็ตามมาติดๆ พุ่งตรงไปที่คอของเขา
เซียวเฉินไม่สามารถหลีกหนีมันได้ มองดูดาบพลังฉีกำลังพุ่งใส่คอของเขา ปรากฎเป็นใบหน้าสิ้นหวังของเซียวเฉิน..