Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 22 อาวุธวิญญาณกระบี่เงาจันทร์

เซียวเฉินนั้นไม่ใช่คนโหดร้ายหรือจิตใจโลเล เขาคงยั้งมือตอนที่กำลังใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ในวันนั้น แต่ในตอนนี้เซียวเจี้ยนกลับมายั่วยุเขาอีกครั้ง นั้นทำให้เขาเริ่มมีโทสะ ก็แค่ทะลวงขึ้นระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ จำเป็นต้องวางมาดถึงเพียงนี้?

เนื่องจากพวกเขาอยู่ต่อหน้าของเซียวจูเอ๋อ เซียวเฉินไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะลงมือได้ เขาได้แต่ยิ้มขึ้นและพูด “รอจนกว่าเจ้าจะมีน้ำยาพอก่อนที่จะมาพูดจาใหญ่โต” โดยไม่รีรอให้เซียวเจี้ยนได้ตอบกลับ เขาหันหน้าจากไปทันที

“เจ้า!”

เซียวเจี้ยนจ้องมองตามหลังเซียวเฉินที่กำลังเดินจากไป สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาพร้อมกับกำปั้นที่บีบแน่น ข้า!เซียวเจี้ยน จะไม่มีวันแพ้ให้กับเจ้าขยะนี่อีกครั้ง ไม่ว่าต้องใช้วิธีใดก็ตาม!

“นายน้อยสอง ในที่สุดก็หาท่านพบ ผู้อาวุโสหนึ่งตามหาท่านไปทั่ว”

เซียวเฉินที่กำลังจะกลับไปที่พักได้พบกับสาวรับใช้คนนั้นที่เคยมาตามเขาไปรับการทดสอบพลัง เขารู้สึกประหลาดใจ ทำไมผู้อาวุโสหนึ่งถึงได้ตามหาตัวเขา?

เขาหยุดฝีเท้าลงและมองไปที่สาวรับใช้ที่ผู้อาวุโสหนึ่งส่งมา “เจ้าทราบหรือไม่ว่าผู้อาวุโสหนึ่งตามหาข้าทำไม”

สาวรับใช้ตอบตามตรง “ข้าไม่แน่ใจเรื่องรายละเอียดแต่ผู้อาวุโสหนึ่งดูเป็นกังวลมาก มันจะต้องเป็นเรื่องสำคัญ”

ในอดีตสาวใช้ผู้นี้คงจะเมินคำถามของเซียวเฉินและจากไปหลังจากทิ้งข้อความไว้ ในวันนี้ไม่เพียงแค่นางจะตอบคำถามของเขา นางยังทำตัวนอบน้อมแปลกๆ

“เช่นนั้นจงนำทางไป” เซียวเฉินกล่าวอย่างใจเย็น เขาไม่ใส่ใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง

สาวรับใช้ดูกระวนกระวายเล็กน้อยและตลอดทางที่เดินไปนางยังพูดพึมพำกับตัวเอง นางไม่กล้าพูดอะไรกับเซียวเฉิน หลังจากนางนำทางเซียวเฉินมาถึงลานบ้านของผู้อาวุโสหนึ่ง นางก็จากไปทันที

เมื่อเขาเข้าไปในลานบ้าน เซียวเฉินเห็นผู้อาวุโสหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างโต๊ะหินตรงกลางลาน ผู้อาวุโสหนึ่งผายมือเชื้อเชิญเขาและเซียวเฉินก็รีบก้าวตรงไปหา ตั้งแต่ที่เซียวฉงปิดประตูเก็บตัวฝึกฝน ผู้อาวุโสหนึ่งก็รักษาตำแหน่งสูงสุดของตระกูล เซียวเฉินไม่กล้าทำอะไรเสียมารยาท

มองดูเซียวเฉินกำลังยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะ ผู้อาวุโสหนึ่งยิ้มขึ้นพร้อมพูดว่า “นั่งลงก่อน พวกเราก็เป็นครอบครัวกันไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”

เซียวเฉินกล่าวขอบคุณก่อนจะนั่งลง จากนั้นเขาก็ถามขึ้นอย่างระวัง “ข้าสงสัยทำไมผู้อาวุโสหนึ่งถึงได้อยากพบข้า”

เซียวเฉียงเพียงยิ้มขึ้นและยกกาน้ำชาบนโต๊ะมารินให้เซียวเฉิน “นี่เป็นใบชาที่ดีที่สุดของทางใต้ ต่างจากของที่หาซื้อได้ในมณฑลฉี่จื๊อนัก ลองดู”

เซียวเฉินไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชา ดั่งนั้นเขาเพียงยกชาขึ้นจิบก่อนจะถามอีกครั้ง “ผู้อาวุโสหนึ่ง ทำไมท่านถึงอยากพบข้า…”

“ไม่ต้องรีบร้อน ให้ข้าได้กล่าวขอบคุณเจ้าเกี่ยวกับอี้หลันก่อน” เซียวเฉียงขัดจังหวะเซียวเฉิน “สาวน้อยคนนั้นอาศัยอยู่บนภูเขามาหลายปีและปฏิเสธที่จะลงมาข้างล่าง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า นางคงไม่มีวันกลับลงมาอีก”

“ข้าได้ยินมาจากอี้หลานว่าจิตวิญญาณต่อสู้ของเจ้านั้นคือเพลิงสีม่วง แสดงให้ข้าดูได้หรือไม่?”

เซียวเฉินพยักหน้าและลูกบอลไฟก็ปรากฎบนฝ่ามือของเขา มันวูบไหวและเปล่งแสงอย่างแปลกประหลาด

เซียวเฉียงจ้องไปที่เปลวเพลิงสีม่วงที่แท้จริงบนมือของเซียวเฉินอย่างจดจ่อ จากนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้นพร้อมกับรวบรวมลมปราณ หลังจากนั้นก็สัมผัสได้ถึงแรงดูด เมื่อเซียวเฉินสัมผัสได้ถึงแรงดูดนี้ เขาไม่ได้ต่อต้านและปล่อยให้เซียวเฉียงดึงเปลวเพลิงสีม่วงของเขาไป

“ซี่ซี่!”

มองดูที่เปลวเพลิงที่เผาผลาญพลังปราณของเขาอย่างต่อเนื่อง เซียวเฉียงพูดขึ้นด้วยความพึงพอใจ “เปลวเพลิงนี้ช่างมีพลังกดข่ม ไม่แปลกใจที่เซียวเจี้ยนจะสติแตกเพราะสิ่งนี้ ต่อให้เป็นระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธเช่นข้า คงต้องใช้พลังไม่น้อยในการดับไฟนี้”

“ผู้อาวุโสหนึ่งถ่อมตัวไปแล้ว ด้วยพลังของผู้อาวุโสหนึ่งไฟนี่ก็เหมือนเปลวเทียนธรรมดา”

มองดูเซียวเฉินกำลังถล่มตัวเอง เซียวเฉียงรู้สึกพึงพอใจ เขาสะบัดมือของเขาและดับไฟนั้นลง “เปลวเพลิงนี้ช่างบริสุทธิ์มาก เจ้าอาจจะลองเป็นนักปรุงยาได้ในอนาคต”

นักปรุงยาในทวีปเทียนวู่นั้นต้องใช้เปลวเพลิงที่มาจากจิตวิญญาณต่อสู้ของพวกเขา นี่เป็นข้อกำหนดพื้นฐาน จิตวิญญาณต่อสู้ของพวกเขาจำเป็นต้องเป็นสัตว์อสูรหรือของศักดิ์สิทธิ์ที่มีคุณลักษณะไฟ ถ้ามันบริสุทธิ์ได้ดั่งเปลวเพลิงสีม่วงที่แท้จริงของเซียวเฉินนับว่ายอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหนึ่งนั้นไม่รู้ว่าเปลวเพลิงสีม่วงที่แท้จริงนั้นไม่ใช่จิตวิญญาณต่อสู้ของเขา

เซียวเฉินหยักหน้า “ข้าก็คิดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามคุณสมบัติที่ต้องการเพื่อที่จะเป็นนักปรุงยานั้นมันสูงเกินไป แม้แต่ในเมื่อม่อเหอ ก็ไม่มีนักปรุงยาระดับสองหรือสูงกว่า มันคงไม่ง่ายนักที่จะริเริ่ม”

ที่เซียวเฉินพูดมาก็ไม่ผิด ถ้ามีนักปรุงยารับเขาไปเป็นศิษย์มันคงจะดีไม่น้อย เขาจะต้องเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีนักปรุงยาระดับสูงค่อยชี้แนะเขา เขายังคงใช้สิ่งที่เขามีเรียนรู้ได้จากตำราบ่มเพราะพลัง ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับเขาที่จะกลั่นเม็ดยา

เซียวเฉียงพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้ามีตำราเกี่ยวกับการปรุงยาเบื้องต้น ข้าจะให้คนไปส่งให้เจ้าทีหลัง”

ตำราการปรุงยาเบื้องต้นอาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์มากนักแต่เซียวเฉินก็ยังสนใจ เขาอยากจะเห็นว่าในโลกนี้นักปรุงยาทำงานกันอย่างไร เขายิ้มและพูดขึ้น “ถ้าเป็นเช่นนั้น ต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสหนึ่งแล้ว”

หลังจากพูดคุยเป็นเวลานาน ผู้อาวุโสหนึ่งก็ยังไม่เข้าเรื่องที่เขาเรียกเซียวเฉินมา

“นายน้อยเซียว ในปีนี้ครบกำหนดสัญญาการประลองสิบปี ข้าอยากจะให้เจ้าลงแข่งเจ้าคิดเช่นไร”

ในขณะเซียวเฉินกำลังครุ่นคิดว่าทำไมผู้อาวุโสหนึ่งถึงเรียกเขามาพบ ราวกับว่าเขาสามารถอ่านใจเซียวเฉินได้

สัญญาประลองสิบปี มันเกี่ยวข้องกับถูเขาชีเจี่ยวที่ตระกูลเซียวต้องพึงพามันเพื่อความอยู่รอด ถ้าพวกเขาแพ้การประลองและเสียมันไปตระกูลเซียวก็จะกลายเป็นตระกูลระดับสองในเมืองม่อเหอ เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกตระกูลที่มีเรื่องบาดหมางกับตระกูลเซียวต้องเคลื่อนไหวเป็นแน่

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าเซียวเฉินจะหลบหนีเอาตัวรอดไปได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเซียวเฉินคนก่อนหรือเซียวเฉินคนปัจจุบันทั้งคู่ต่างมีความผูกพันกับตระกูลเซียว ถ้าเขาหนีไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเซียวอี้หลาน กับพ่อของเซียวเฉิน ตอนนี้เขานั้นครอบครองร่างของผู้อื่นอยู่ เขาก็ควรจะมีความรับผิดชอบสักหน่อย ถึงแม้เซียวเฉินจะเป็นคนเก็บตัวแต่เขาก็เป็นคนมีความรับผิดชอบ

ดังนั้นสำหรับสัญญาประลองสิบปี ถึงแม้ผู้อาวุโสจะไม่พูดอะไร เซียวเฉินก็จะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยให้ตระกูลเซียวผ่านพ้นวิกฤตนี้ไป หลังจากนั้นเขาคงจะพูดได้เต็มปากว่าเขาคือตระกูลเซียว

เมื่อเซียวเฉียงเห็นเซียวเฉินนั้นนิ่งเงียบ เขาคิดว่าเซียวเฉินคงไม่เต็มใจที่จะตกลง “นี่เป็นความคิดของพ่อของเจ้า เขาได้รู้ว่าเจ้านั้นได้หลอมรวมจิตวิญญาณต่อสู้และล้มได้แม้กระทั่งเซียวเจี้ยน เขายินดีกับเจ้ามาก”

“พ่อของข้า? ไม่ใช่ว่าท่านปิดประตูฝึกฝนอยู่?” เซียวเฉินถามด้วยความสงสัย

เซียวเฉียงยิ้ม “ถึงแม้ว่าเขาจะปิดประตูฝึกฝนอยู่ เขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ต้องกินต้องดื่ม ข้าได้บอกกับผู้นำตระกูลและดูเหมือนเขาจะไม่แม้แต่แปลกใจ เขายังแนะนำให้เจ้ามีส่วนร่วมในสัญญาประลองสิบปี”

เขาไม่แม้แต่จะแปลกใจ? เป็นไปได้ว่าเขารู้อยู่แล้วว่าข้าจะหลอมรวมจิตวิญญาณต่อสู้และจิตวิญญาณต่อสู้ของข้าคือมังกรฟ้า อย่างไรก็ตามจากคำของผู้อาวุโสหนึ่ง มันไม่น่าจะเป็นไปได้ มิเช่นนั้นเขาต้องรู้ว่าเปลวเพลิงสีม่วงที่แท้จริงไม่ใช้จิตวิญญาณต่อสู้ของข้า

“ใช่แล้ว ผู้เอาวุโสหนึ่ง เมื่อไหรพ่อของข้าจะกลับออกมา? เขาปิดประตูฝึกฝนมาเป็นเวลากว่าสามปีแล้ว แม้แต่คนทั่วไปยังไม่ใช้เวลานานเท่านั้นในการทะลวงสู่ระดับขอบเขตนักบุญ” เมื่อได้โอกาสในการถามถึงข่าวคราวเกี่ยวกับเซียวฉง เซียวเฉินถามคำถามนี้ที่เขาสงสัยมาเป็นเวลานานออกไปทันที

ในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง มีอุสรรคสำคัญอย่างสามสิ่ง สิ่งแรกคือการหลอมรวมจิตวิญญาณต่อสู้ ใครที่สามารถหลอมรวมจิตวิญญาณต่อสู้ได้ก่อนอายุครบ 10 ปี เขาจะก้าวไปถึงระดับขอบเขตปรมจารย์ได้อย่างแน่นอนขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น อุสรรคที่สองคือเมื่อพวกเขาพยายามจะทะลวงขึ้นไปสู่ระดับขอบเขตนักบุญ หากผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ พวกเขาจะขึ้นไปถึงระดับขอบเขตราชาได้แน่นอน หรือไม่พวกเขาอาจจะติดอยู่ที่ระดับขอบเขตปรมจารย์ไปตลอดกาล

อุปสรรคสุดท้ายนั้นคือการทะลวงขึ้นไปสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ อุปสรรคจุดนี้ยังลึกลับและไม่มีข้อมูล หลายคนกล่าวว่าเมื่อทะลวงผ่านระดับนี้ไปได้ก็จะได้กลายเป็นตำนานระดับขอบเขตเทพเจ้า อย่างไรก็ตามยังไม่มีการบันทึกเกี่ยวกับระดับขอบเขตเทพเจ้า ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าข่าวลือนั้นเป็นจริง

เซียวเฉียงยกชาขึ้นมาจิบพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง “แนวทางการบ่มเพาะพลังของพ่อเจ้านั้นแตกต่างจากผู้อื่น การตระเตรียมที่ดีเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ เมื่อเขาทะลวงขึ้นไปได้เขาจะเป็นระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงทันที เมื่อเป็นเช่นนั้นไม่เพียงแต่ในเมืองม่อเหอเท่านั้นตระกูลเซียวเราจะมีจุดยืนในมณฑลฉี่จื๊อ”

“แน่นอน เรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายใต้ข้อแม้เดียว คือถ้าหากภูเขาชีเจี่ยวยังอยู่ภายใต้การดูแลของเรา ความแข็งแกร่งของตระกูลจางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายปีมานี้ เกินกว่าที่ตระกูลเซียวของเราจะไปดูถูกได้ หากพวกมันได้ภูเขาชีเจี่ยวไป ตระกูลเซียวของเราจะเสียกำลังไปมาก ดังนั้นนายน้อยสองโปรดเข้าร่วมสัญญาประลองสิบปี”

ผู้อาวุโสหนึ่งกล่าวออกมาอย่างจริงจัง หลังจากพูดคุยมาสักพักเขาก็กลับมาเข้าเรื่องนี้ เซียวเฉินคิดอย่างหนักและรวดเร็ว หลังจากเขาพิจารณาเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเขาสามารถใช้โอกาสนี่้เพื่อต่อรองกับผู้อาวุโสหนึ่งได้ ยังไงก็ตามเซียวเฉินนั้นขัดสนอาวุธวิญญาณ

จากนั้นเขาก็ปั้นหน้าขมขื่น “ผู้อาวุโสหนึ่ง ไม่ใช่เพราะว่าข้าไม่อยากเข้าร่วมด้วยแต่มองดูสิ ในมือข้าไม่มีอาวุธวิญญาณแม้แต่ชิ้นเดียว”

เซียวเฉียงยิ้ม “เจ้าไปหิวโหยมาจากไหน สิ่งแรกที่เจ้าถามหาคืออาวุธวิญญาณ? เจ้าคิดว่ามันหาได้ง่ายเช่นนั้น? แม้แต่เซียวเจี้ยนยังเพิ่งได้รับมาหนึ่งชิ้นหลังจากทะลวงขึ้นมาระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ”

ต้องทะลวงขึ้นระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธถึงจะได้รับอาวุวิญญาณ? มีกฎเช่นนั้นด้วยรึ

“มีเพียงผู้ที่ทะลวงขึ้นระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธเท่านั้นที่จะได้รับอาวุธวิญญาณ นี่เป็นกฎของตระกูลเซียว ถึงอย่างนั้น ข้ามีอาวุธวิญญาณส่วนตัวอยู่นิดหน่อย ให้เจ้าหยิบไปได้หนึ่งชิ้น” ผู้อาวุโสหนึ่งเปลี่ยนหัวเรื่องทันที ทำให้เซียวเฉินที่เลิกหวังไปแล้วประหลาดใจ

เซียวเฉียงผายมือและอาวุธวิญญาณ 4 ชิ้นก็ปรากฎขึ้นบนโต๊ะ แหวนหวงมิติอีกวง! เซียวเฉินอิจฉาแหวนวงสีขาวบนนิ้วของผู้อาวุโสหนึ่ง เมื่อทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สทธิ์ของเขาก้าวถึงขั้นที่ 2 และเขาเรียนรู้ที่จะหลอมเครื่องสวมใส่ เขาจะทำแหวนหวงมิติให้ตัวเองเป็ยอันดับแรก

เซียวเฉินจ้องมองไปที่อาวุธวิญญาณสี่ชิ้นบนโต๊ะอย่างถี่ถ้วน สามในนั้นคือดาบมีเพียงหนึ่งที่เป็นกระบี่ อย่างไรก็ตามพวกมันไม่ได้ส่องประกายแสงมากนัก หลังจากได้ลองถือไว้ในมือ เขาสามารถบอกได้เลยว่าพวกนี้เป็นเพียงอาวุธวิญญาณระดับเหลืองขั้นต่ำ

อาวุธวิญญาณระดับเหลืองขั้นต่ำ มันเป็นอาวุธวิญญาณที่คุณภาพต่ำที่สุด น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถแสดงความผิดหวังออกทางใบหน้าได้ ปกติเมื่อคนทั่วไปได้รับอาวุธวิญญาณพวกเขาต้องดีใจสุดขีด จะไปรู้สึกอดสูได้อย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อาวุโสหนึ่งรู้สึกสงสัย เขาจึงต้องทำเป็นดีใจ

“ว่ายังไง? เลือกได้หรือยัง?” มองดูเซียวเฉินดูมีความสุข เซียวเฉียงรู้สึกพอใจ

เซียวเฉินหยิบอาวุธวิญญาณกระบี่ขึ้นมา เขาเห็นว่ามีตัวอักษรสองคำสลักอยู่บนด้ามจับ– เงาจันทร์ เขาพูดขึ้น “ข้าเลือกเงาจันทร์เล่มนี้”

ทักษะมังกรเฉือนนั้นต้องการกระบี่ถึงจะใช้ได้ เซียวเฉินไม่มีตัวเลือกอื่น

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset