ตอนที่ 223 ต่อสู้เข้มข้น
หลิวสุยเฟิงยิ้มไปที่หลิวหรูเยว่และพยักหน้าให้กับเซี่ยวเฉิน หลังจากนั้นเขานิ่งเงียบจ้องมองไปที่ก้อนศิลาสีดําตรงหน้า
หลังจากที่หลิวสุยเฟิงกินดอกดาวเรืองแสงไหลที่เซียวเฉินให้มา ทักษะต่อสู้และทักษะบ่มเพาะพลังของเขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในสามวันที่ผ่านมา ระดับขอบเขตพลังของเขาในตอนนี้มันคงที่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด
ตราบใดที่เขาไม่ทําผิดพลาด ก็ไร้ซึ่งปัญหาใดๆ
“แตกไปซะ!” หลิวสุยเฟิงตะโกน เขาชักกระบี่เล็กที่เหน็บอยู่ตรงเอวของเขาออกมา มีแสงเรืองออกมาจากกระบี่พร้อมกับฟันลงไปที่ผิวศิลาอย่างรุนแรง
“ซี่ ซี่!”
คมกระบี่ตัดผ่านลงมาอย่างไหลลื่น หลิวสุยเฟิงสําเร็จไปครึ่งทางแล้ว อย่างไรก็ตาม,สีหน้าของเขาไม่ได้ผ่อนคลายลง
มีสานุศิษย์มากมายก่อนหน้าเขาที่คมกระบี่ไปติดอยู่ตรงกลางก้อนศิลา เป็นผลให้พวกเขาต้องสอบตกไป
ภาพร่างใบหน้าของหวังหลงที่กําลังเยาะเย้ยปรากฏขึ้นใจจิตใจของหลิวสุยเฟิง เขาเพิ่มกําลังลงไปบนกระบี่ พร้อมกับเสียง “ฉัวะ”,ก้อนศิลาแตกออกเป็นสองซีกอย่างรวดเร็ว
“ยอดเขาฉิงหยุน,หลิวสุยผ่าน!”
หลิวสุยเฟิงปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาออกและเดินตรงไปที่เชี่ยวเฉิน พวกเขาชนกําปั้นกันพร้อมกับเขากล่าวขึ้น “ข้าทําสำเร็จแล้ว!”
“ยินดีด้วย!” เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างจริงใจ
หลิวสุยเฟิงหุบยิ้มกลับ “มันยังไม่ถึงเวลามาแสดงความยินดียังมีอีกสองด่าน, พวกเขายังต้องพยายามกันต่อไป!”
“อย่าเพิ่งดีใจไป แม้พวกเจ้าจะผ่านด่านเริ่มต้นมาได้,ข้าจะเตะพวกเจ้าออกไประหว่างด่านสนามประลอง” จางเลี่ยกล่าวพร้อมกับ ทันใดนั้นก็เดินตรงเข้ามาประจัญหน้าเซียวเฉิน
“โดยเฉพาะเจ้า ตราบใดที่ข้ายังอยู่ในศาลากระบี่สวรรค์,เจ้าลืมที่จะเป็นศิษย์แก่นกลางไปได้เลย
จางเลี่ยอาจจะกล่าวได้ว่าประสบความสําเร็จภายในศาลากระบี่สวรรค์,อนาคตของเขาสดใส เพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่อาจลบล้างได้ ก็คือความจริงที่ว่าเขาได้เข้าสู่ศาลากระบี่สวรรค์โดยการใช้เส้นสาย
เขาจําต้องล้มเชี่ยวเฉินให้ได้อย่างราบคาบเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเขาคู่ควร เช่นนั้นเขาจงจะลบล้างหนามในใจของเขาออกไปได้
เซี่ยวเฉินแต่เดิมไม่ได้มีความสนใจอะไรเกี่ยวกับจางเสี่ย เพียงแต่เมื่อเขาได้ยินผู้คนพูดถึงสถานะของจางเลี่ย ทําให้เขานึกถึงเรื่องการพยายามลอบสังหารของตระกูลจางในหุบเขาสายลมอสูร
ตอบแทนน้ําใจด้วยน้ําใจ,ส่งคืนความชั่วร้ายด้วยความชั่วร้ายเนี่เป็นหลักการของเซี่ยวเฉินในการปฏิบัติต่อผู้คนมาโดยตลอด ไม่ว่าตระกูลจางจะปฏิบัติกับเขาเช่นไร เขาจะตอบแทนคืนให้ไม่ช้าก็เร็ว ถึงกระนั่น,เขาก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการฝึกฝนบนยอดเขาฉิงหยุนและไม่มีเวลาไปสะสางเรื่องนี้
เมื่อจางเสี่ยจับตัวเองใส่พานมามอบให้กับเซียวเฉินเอง,ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะปล่อยไปเฉยๆ เขากล่าวอย่างไม่แยแส “ข้าควรจะเป็นคนที่กล่าวเช่นนั้นกับเจ้า”
“เดียวเจอกัน!” จางเลี่ยสูดจมูกเย็นชาและจากไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง,ด่านแรกของการทดสอบก็จบลง หัวหน้าผู้คุมสอบนับจํานวนคนที่ผ่านจากสานุศิษย์ชั้นในสามร้อยคน,มีเพียงหนึ่งร้อยที่เหลืออยู่
ด่านแรกของการทดสอบคัดผู้เข้าร่วมออกไปสองร้อยคน ทุกคนล้วนรู้สึกสะพรึง
หลังจากที่หัวหน้าผู้คุมสอบนับจํานวนเสร็จเขานําทุกคนไปอีกด้านหนึ่งของลานฝึกฝน พวกเขาหยุดลงตรงหน้าพื้นที่กว้างประมาณ 800 เมตร
มีผ้าหนาสีดําคลุมทั่วพื้นผิวของมัน พวกเขาไม่อาจมองเห็นว่ามีอะไรอยู่ภายใต้ผ้าคลุม
“ฟาว!”
ผู้คุมสอบสองครขึ้นหน้าไปและดึงผ้าคลุมสีดําไปด้านข้าง ค่ายกลพื้นที่สี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยหอกที่ยื่นออกมาจากพื้นปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคน
หอกปลายแหลมแวววาวท่ามกลางแสงอาทิตย์ เมื่อทุกคนมองไปที่พวกมัน,พวกเขารู้สึกชาที่หนังหัว
หอกยาวสองเมตรฝังอยู่ในพื้นดิน หัวหอกรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดยาวยี่สิบเซนติเมตรส่องแสงวาวเย็นภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่องแสดงให้เห็นถึงความคมอย่างไม่น่าเชื่อของพวกมัน
พื้นที่ระหว่างหอกแต่ละเล่มกว้าง,ยาวประมาณ 1.5 เมตร หอกหลายหมื่นเล่มก่อเป็นค่ายกลสี่เหลี่ยมผืนผ้า,ยาวหนึ่งพันเมตรและกว้างสี่ร้อยเมตร
หัวหน้าผู้คุมสอบมองไปที่ผู้อ่านการทดสอบด่านแรกและกล่าวขึ้น “ด่านที่สองจะทดสอบทักษะเคลื่อนไหวของพวกเจ้าต้องยืนอยู่บนค่ายกลหอกนี้ให้ครบชั่วโมงเจ้าก็จะผ่าน”
ทันทีที่เขากล่าวจบ,สีหน้าของคนทั้งร้อยเปลี่ยน มีทั้งคนที่ดีใจ และเป็นกังวล ผู้ที่มุ่งเน้นไปกับทักษะเคลื่อนไหวหรือผู้ที่มีทักษะเคลื่อนไหวระดับสูงมีการแสดงออกที่เริงร่า
เหล่าสานุศิษย์ที่มุ่งเน้นการบ่มเพาะพลังไปที่จุดอื่นต่างมีสีหน้าไม่น่ามอง สําหรับพวกเขาที่สามารถเข้ามาเป็นศิษย์ชั้นในของศาลากระบี่สวรรค์,ทักษะการเคลื่อนไหวของพวกเขาแน่นอนว่าไม่เลว
ถึงกระนั้น, พวกเขาก็ไม่ได้ทุ่มเวลาและความพยายามส่วนใหญ่ไป ที่ทักษะเคลื่อนไหว มันเป็นการยากที่จะยืนหยัดอยู่บนค่ายกลหอก เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงคนพวกนี้เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
ยืนอยู่บนหอกเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง? ข้าเกรงว่ามันจะไม่ง่ายดายขนาดนั้น เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเองพร้อมกับมองไปที่ค่ายกลขนาดใหญ่ หากมันง่ายดายเพียงแค่ยืนอยู่ให้ได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง,ขนาดของค่ายกลหอกนี้มันจะกว้างเกินไปแล้ว
นอกจากนั้นแม้ว่ามันจะเป็นการยากที่จะยืนอยู่ในค่ายกลเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง,แต่หากปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก ผู้คนส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่ตอนนี้สามารถผ่านด่านี้ไปได้
“ปุ! !! !!”
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา มีผู้อาวุโสหญิงหลายท่านจากยอดเขาสตรีหยกที่แต่งกายชุดสีขาวเดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกนางแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม,แต่ละกลุ่มไปประจําที่สี่มุมของค่ายกลหอก
หลังจากหัวหน้าผู้คุมสอบเห็นครกลุ่มนี้ เขาก็กล่าวขึ้น หลังจากที่เจ้าลงไปแตะพื้นดิน,เจ้าจะสอบตก นอกจากนั้นไม่มีกฎกติกา เริ่มได้!”
“โซว! โซว! โซว!”
มีร่างเขามนุษย์วูบไหวมากมาย;ทุกคนรีบกระโดดขึ้นไปข้างบน เซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปอย่างนิ่มนวลและพบจุดลงดีๆก่อนที่จะใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยาน เขากลายไปเป็นมังกรสะท้านพร้อมกับเคลื่อนตัวไปเป็นวงกลมและลงจอดอย่างมั่นคง
“ป!”
มีเสียงร้องน่าอดสูดังขึ้นมา ศิษย์ชั้นในผู้หนึ่งควบคุมความแข็งแกร่งของตัวเองได้ไม่ดีและถูกหอกแหลมแทงเข้าที่เท้า มันทําให้เขาเสียสมดุลและล้มลงไปในทันที
ผู้อาวุโสยอดเขาสตรีหยกผู้ที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านข้างเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็วตรงจุดที่ศิษย์คนนั้นตกลงไปและพาเขาออกมาจากค่ายกลหอกในทันที จากนั้น,พวกนางก็ถอดรองเท้าของเขาออกและรักษาบาดแผล
เหตุนี้เองทําให้ทุกคนเข้าใจถึงจุดประสงค์ของหอกแหลม พวกเขาทั้งหมดต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
หลิวสุยเฟิงกระโดดอย่างนิ่มนวลก่อนที่จะลงจอดด้านข้างของเซี่ยวเฉิน เขาพูดขึ้นเสียงเบา “เย่เฉิน,ทําไมข้ารู้สึกบางอย่างไม่ถูกต้อง? ค่ายกลนี้มันจะใหญ่เกินไปแล้ว ข้าจําผู้อาวุโสยอดเขาสตรีหยกเหล่านั้นได้,พวกนางมีตําแหน่งสูงส่งภายในยอดเขาสตรีหยก นอกจากนั้น พวกนางยังเชี่ยวชาญที่กษะรักษาเป็นพิเศษ
สีหน้าเซียวเฉินไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกับร่างกายของเขาที่อยู่ในสภาวะตื่นตัวเต็มที่ เขากล่าวด้วยเสียงเบา “พวกเราจะว่ากันไปตามสถานการณ์ ด่านที่สองจะต้องไม่ง่ายดายเช่นนี้”
เซี่ยวเฉินคิดไปไกลกว่าที่หลิวสุยเฟิงคิด คําสุดท้ายของหัวหน้าผู้คุมสอบแตะความสนใจของเขาที่กล่าวว่า ไม่มีกฏกติกา” นั่นหมายถึงสามารถโจมตีใส่คนอื่นได้หากต้องการ?
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความดุร้ายเช่นนั้น,มันจะเป็นการดีกว่าที่จะเตรียมพร้อมและจับตาดูเอาไว้
นอกจากการทอสอบความแข็งแกร่งของทักษะเคลื่อนไหว,การยืนอยู่บนปลายหอกแหลมยังต้องใช้การจดจ่ออย่างมาก, มิฉะนั้นมันเป็นการง่ายที่จะตกลงไป
มันก็ค่อนข้างลําบากอยู่แล้วที่จะยืนอยู่บนปลายหอกแหลม หากพวกเขาควบคุมความสมดุลได้ไม่ดีและยังกระโดดไปรอบๆ หอกแหลมจะแทงทะลุเท้าของพวกเขาและทําให้ตกลงไป
ดังนั้น พวกเขาต้องรักษาจิตใจให้ปลอดโปร่ง เมื่อไม่มีความมั่นคงใดๆ, พวกเขามีรึจะกระโดดไปหาหอกเล่มอื่นอีก! พวกเขาต้องสงบใจและรักษาสมดุลเอาไว้
ดวงอาทิตย์เจิดจ้าลอยสูงบนท้องฟ้า,แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงฉายลงมาบนร่างของทุกคนอย่าไร้ความปราณี ไม่มีลมพัดเข้ามาในลานฝึกฝนแม้แต่น้อย,ทําให้พวกเขาอึดอัดเป็นอย่างมาก
ศิษย์ชั้นในสองสามคนเสียสมดุลเนื่องจากจิตใจที่ฟุ้งซ่าน พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากระโดดไปที่หอกเล่มอื่น ไม่นานหลังจากนั้น,ปลายหอกแหลมได้แทงทะลุเท้าของพวกเขาบาดเจ็บ
หลังจากที่เท้าบาดเจ็บ, พวกเขาร่วงลงมาในทันที หลังจากนั้นผู้อาวุโสยอดเขาสตรีหยกก็นําพวกเขาออกจากค่ายกล พวกเขาหมดสิทธิ์ที่จะทดสอบต่อไป
เม็ดเหงื่อไหลออกมาไม่หยุดจากหน้าผากของหลิวสุยเฟิง มันไหลเข้าไปในดวงตาของเขามันน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก,แต่ไม่ไม่กล้าที่จะปาดเหงื่ออกด้วยมือของเขา
มันยากอยู่แล้วที่จะรักษาสมดุลของเขา หากว่าเขาขยับ ในตอนนี้เขาอาจจบลงด้วยการเสียสมดุลและเป็นผลให้เขาตกลง
อย่างไรก็ตาม,หากเขาเปล่อยให้เหงื่อไหลลงจากหน้าผาก มันก็อดทนแทบไม่ได้เช่นกัน เหงื่อทําให้ดวงตาของเขาแสบและร่างกายของเขาเริ่มส่ายไหว
“ฟู! ฟู!”
ขณะที่หลิวสุยเฟิงไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป,มันมีสายลมเย็นพัดมา ภายใต้แสงอาทิตย์ร้อนแรง,มันช่างชื่นใจเป็นอย่างมาก เม็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาปลิวออกไป
หลิวสุยเฟิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกไม่สบายตัวจางหายไป เขามองไปยังเซี่ยวเฉินที่อยู่ด้านข้าง,แสดงสีหน้าขอบเขตให้เห็น
สายลมเย็นนี้แท้จริงแล้วมาจากฝ่ามือที่ส่งออกมาโดยเตี๋ยวเฉิน ด้วยทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานของเขา เขาสามารถย่างก้าวบนผิวน้ําได้ไม่ไหวนิ่ง สําหรับเขา,ค่ายกลนี้ไม่ได้มีอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม, บนค่ายกลหอกแห่งนี้ จํานวนคนที่อยู่สบายเช่นเดียวกับเซี่ยวเฉินแทบจะนับนิ้วได้ ขณะที่เวลาไหลผ่านไป, บางคนก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง
“ตอนนี้แหละ!” บางคนไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป เขาตะโกนออกมาและกระโดดตรงไปที่เซี่ยวเฉินแย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเซี่ยวเฉินไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นเสื้อผ้าของคนผู้นั้น,เขาประหลาดใจเล็กน้อย
แต่เดิมเขาคิดว่าคนที่ลงมือคนแรกจะเป็นจางเลี่ย เขาไม่คาดคิดว่าศิษย์ชั้นในยอดเขาซื้อปืนผู้นี้จะเป็นคนแรกที่เริ่มลงมือ
“แว่ง!” ศิษย์ยอดเขาซื้อวิ่นสี่คนชักกระบี่ออกและกระโดดเข้าหาเซี่ยวเฉิน
พวกเขาสามารถผ่านการทดสอบด่านแรกและพวกเขายังสามารถกระโดดไปตามหอกได้อย่างอิสระ ความแข็งแกร่งของทั้งสี่คนนี้ไม่ธรรมดา,พวกเขาไม่ใช่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธทั่วไป พวกเขาทั้งหมดอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุดเพียงอีกก้าว เดียวก็จะขึ้นสูงระดับขอบเขตนักบุญ
“เย่เฉิน,พวกเราจะทําเช่นไร?” หลิวสุยเฟิงตื่นตระหนกเล็กน้อย ทักษะเคลื่อนไหวของเขาไม่ใช่จุกแข็งของเขา มันก็ยากแล้วสําหรับเขาที่ต้องยืนอยู่บนปลายหอกไม่ให้ตกลงไปด้านล่าง ไม่มีความหวังสําหรับเขาหากต้องประมือไปในเวลาเดียวกัน
เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา “ไม่จําเป็นต้องตื่นกลัว,พวกมันก็แค่ตัวตลกกําลังกระโดดไปมา”
หากพวกเขาต่อสู้กันบนพื้นราบ,เซี่ยวเฉินอาจจะต้องทุ่มความพยายามสักหน่อยในการรับมือพวกเขา อย่างไรก็ตาม,บนทุ่งหอกแหลม,ตราบใดที่เขาต้องการ,เขาสามารถผลักทั้งสี่คนนนี้ออกไปได้ ภายในสิบกระบวณท่า
อย่างไรก็ตามเป็นเพราะเขาต้องค่อยดูแลหลิวสุยเฟิง,เขาไม่อาจออกจากหอกที่เขากําลังยืนอยู่ได้
“ฟู่ ฟิ้ว”
สายกระบี่แสงสี่เส้นฟันลงมาที่เสี้ยวเฉินจากสี่ทิศทาง กระบี่แสงรุ่งโรจน์ส่องแสงแวววาวภายใต้แสงอาทิตย์
เซี่ยวเฉินกดเท้าเล็กน้อยบนหอกแหลมและเริ่มหมุนตัว เขาชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาพร้อมกับเสียง เช้ง และกระบี่แสงที่รุนแรงยิ่งกว่าปรากฏขึ้นในอากาศ มันรวดเร็วราวกับสายฟ้า,ฟันไปที่กระบี่ทั้งสี่
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”
กระบี่ที่แบกพลังมหาศาลพร้อมปะทะกันกลางอากาศ กระบี่แสงปลิวว่อนไปรอบๆ เกิดเสียง “เคร้ง” ขึ้นสี่ครั้ง;เซี่ยวเฉินเผชิญหน้าหนึ่งต่อสี่,แต่เขาไม่ได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย
เขาถือกระบี่เงาจันทร์ไว้ในมือและลงจอดอยู่สูงมั่นคงที่ปลายหอกแหลม อย่างไรก็ตาม,ศิษย์ยอดเขาซื้อปืนถูกซีดลอยกลับไปด้วยพลังจากกระบีของเขา
ทั้งสี่คนค่อนข้างมีฝีมือ,พวกเขาตีบังกากลางอากาศและสลายพลังออกก่อนที่จะลงจอดบนปลายหอก กระบี่ในมือของพวกเขาชี้ไปที่เซี่ยวเฉิน