ณ ตระกูลเซียว ลานส่วนตัวของเซียวเฉิน
ในที่พักของตระกูลเซียวไม่มีใครได้รับอนุญาตให้มีลานส่วนตัวเป็นของตัวเองยกเว้นบางคน เช่น ผู้อาวุโสในตระกูล แขกคนสำคัญ หรือสายเลือดโดยตรงอย่างเซียวเฉินที่สามารถมีลานส่วนตัวได้
เซียวเฉินทำการสำรวจอาวุธวิญญาณระดับเหลืองขั้นต่ำ – กระบี่เงาจันทร์ ตัวกระบี่กว้างประมาณ 2 นิ้วและยาวประมาณ 1.2 เมตร ใบมีดเป็นเงาและเพรียวบางราวกับเคียวของยมฑูต เว้นแต่มันจะยาวไม่เท่า
เขาปิดตาลง จมสติของเขาเข้าไปภายในร่างกาย เซียวเฉินตรวจสอบพลังที่ถูกบรรจุไว้ภายในตัวกระบี่อย่างระมัดระวัง พลังงานบางเบาไหลออกมาจากตัวกระบี่ไปยังร่างของเซียวเฉิน มุ่งตรงไปยังจุดตันเที่ยนของเขาอย่างช้าๆ
สายด้ายพลังบางๆไหลไปที่จิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าตรงจุดตันเที่ยนของเขา กระแสปราณไหลตามเส้นด้ายนี้กลับไปยังตัวกระบี่
เซียวเฉินเป็นสุขอย่างมิหาที่เปรียบได้เพราะกระแสปราณที่ไหลออกมาจากมังกรฟ้านั้น ความชัดเจน ความบริสุทธิ์ และพลังกดข่มมากขึ้นกว่าแต่เดิม บางทีอาจเป็นเพราะเป็นอาวุธวิญญาณคุณภาพต่ำ เซียวเฉินรู้สึกได้ว่าพลังงานจากจิตวิญญาณยุทธของเขาเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้นที่ไหลเข้าไปยังตัวกระบี่
ถ้าหากอาวุธวิญญาณของเขาคุณภาพดีกว่านี้ เส้นพลังงานจะต้องหนากว่านี้เป็นแน่ พลังปราณที่ไหลกลับเข้าไปจะต้องมากกว่า 1 ส่วน
เขาลืมตาขึ้นและสังเกตสถานการณ์แปลกประหลาดนี้อย่างระมัดระวัง เซียวเฉินถือกระบี่เงาจันทร์ขึ้นกวัดแกว่งไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ประกายไฟฟ้าห่อหุ้มตัวกระบี่และปรากฎเป็นเงาของมังกรฟ้าวูบไหวบนตัวกระบี่เป็นครั้งคราว
“ฮ่ะ!”
เซียวเฉินโห่ร้องและกระโดดขึ้นไปอย่างดุดัน ตวัดฟันสามจังหวะด้วยกระบี่เงาจันทร์ ขณะนั้นก็มีบางสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น ร่างกายของเซียวเฉินอ่อนแรงลง จิตวิญญาณยุทธในร่างของเขาจู่ๆก็ปล่อยกระแสพลังงาน เงามังกรฟ้าบนตัวกระบี่จู่ๆก็ระเบิดพลังงานโหมกระหน่ำออกมา ทำให้เซียวเฉินที่กำลังร่วงลงมาหยุดชะงัก
การเพิ่มขึ้นของพลังงานอย่างฉับพลัน เซียวเฉินบิดตัวไปมาและร่างของเขาก็ลอยพุ่งสูงขึ้นอีก กระแสพลังงานที่ไม่สิ้นสุดเดือดพล่านออกมาจากจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าภายในร่างของเขา
“ชิ้ง!ชิ้ง!ชิ้ง!”
เขาฟันกระบี่อย่างดุดุนอีกสามครั้ง ปรากฎเป็นประกายแสงและเสียงมังกรคำราม เมฆสูงบนฟ้าด้านบนก็ส่งเสียงร้องคำรามมาจากระยะไกล
หลังจากฟันสามจังหวะ ร่างของเซียวเฉินก็ลอยสูงขึ้นไปอีก จนในตอนนี้ เขาอยู่ห่าง 30 เมตรเหนือพื้นดิน นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฉินลอยตัวขึ้นมาบนอากาศสูงขนาดนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวและใจเต้น
อย่างไรก็ตาม ความอยากรู้อยากเห็นก็เข้ามาครอบงำใจของเซียวเฉิน เขาถูกเติมเต็มไปด้วยความกล้า ความภาคภูมิใจและความอยากรู้ที่จะได้มองดูแผ่นดินนี้จากบนสวรรค์ ข้าจะขึ้นไปได้สูงถึงเพียงใด เซียวเฉินทะยานขึ้นไปบนท้องนภา
“ฮ่ะ!ฮ่ะ!ฮ่ะ!”
เซียวเฉินฟันอีกสามครั้งและร่างของเขาก็ทะยานขึ้นสูงไปอีก เขาสามารถมองเห็นที่บ้านตระกูลเซียวได้ถึงครึ่งในตอนนี้ เป็นเรื่องดีที่ลานส่วนตัวของเซียวเฉินนั้นปลีกวิเวกออกมา ไม่เช่นนั้นด้วยความสูงระดับนี้ เขาคงถูกผู้อื่นสังเกตเห็นไปนนานแล้ว
เขาทำซ้ำอีกสองสามครั้ง ร่างของเซียวเฉินในตอนนี้ห่างจากพื้นมาราว 70 เมตร ผลาญพลังปราณของเขาไปมากกว่าครึ่ง เซียวเฉินไม่อยากที่จะใช้พลังมากไปกว่านี้ หากพลังปราณเขาหมดขึ้นมา เขาคงต้องตกลงไปตายหรือไม่ก็พิการ
ในจังหวะนั้น เขาเหวี่ยงกระบี่ดิ่งพุ่งลงมาราวกับดาวตก มีมังกรฟ้าไร้รูปห่อหุ้มร่างของเซียวเฉินไว้ในขณะที่พุ่งตัดผ่านท้องฟ้า ลงมาที่ผืนดิน
สายลมพัดผ่านหูของเซียวเฉินในขณะที่เขาตะโกนออกมาเสียงดัง เขาใช้แรงโน้มถ่วงเสริมพลังให้กับกระบี่ที่พุ่งลงมาราวกับเส้นสายฟ้า ด้วยพลังที่ไร้ขีดจำกัดการแทงครั้งนี้หนักหน่วงกว่า 500 กิโลกรัม มันช่างทรงพลังและมิอาจตั้งรับได้
“ตู้ม!”
ผืนดินพังทลายเป็นปล่องขนาดใหญ่ เศษหินนับไม่ถ้วนลอยขึ้นไปทั่วท้องฟ้า ก่อนจะขึ้นไปสัมผัสกับสายลมสลายกลายเป็นฝุ่นในทันที ฝุ่นถูกส่งกระจายไปทั่วทุกที่ลานด้านหน้าทั้งหมดพังทลาย
เซียวเฉินนอนกางแขนกางขาอยู่กับพื้น เขาอ้าปากดูดอากาศเข้าไปคำใหญ่ เขาอยู่ในอารมณ์ที่ยากจะอธิบาย เดิมทีเขาแค่อยากจะลองทดสอบพลังของจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าเมื่อใช้อาวุธวิญญาณเท่านั้น
เขาไม่คาดคิดว่าเขานั้นจะสำเร็จทักษะต่อสู้อันแข็งแกร่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทักษะต่อสู้นี้อย่างต่ำก็ต้องอยู่ระดับลึกล้ำ นอกจากนั้นทักษะต่อสู้นี้เซียวเฉินยังเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง เป็นหนึ่งเดียวในทวีปเทียนวู่นี้ เขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร
เขาต้องคิดชื่อเรียกของมัน เขาจะเรียกมันว่ากลาบาตกัมปนาท ร่วงหล่นมาราวกับดาวตกทลายผืนดินด้วยแรงระเบิด
อย่างไรก็ตาม กลาบาตกัมปนามนี้เป็นหนึ่งเดียวในโลกจริงหรือไม่? แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ จิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าอันลึกลับ มันดำรงอยู่ผ่านกาลเวลามาแล้วอย่างน้อยนับหมื่นปี
เหล่ามังกรสามารถเปลี่ยนขนาดตัวได้ตามต้องการ พวกมันสามารถแหวกว่ายไปได้ตามใจ เมื่อพวกมันขยายร่างจนใหญ่โตมันสามารถกลืนก้อนเมฆาแล้วคายออกมาเป็นหมอก เมื่อพวกมันเลือกที่จะย่อตัวให้เล็กมันสามารถหลบซ่อนได้จากทุกสิ่งอย่าง แม้จะว่ายไปยังสวรรค์ทั้งเก้าชั้นหรือซ่อนตัวอยู่ใต้คลื่นสมุทรก็ย่อมทำได้
มีอำนาจเหนือผืนดินแหวกว่ายไปบนนภา นี่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเจ้าจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้า จิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้านั้นยังมีพลังลึกลับและทักษะต่อสู้อีกมากมาย อย่างไรก็ตามด้วยความลึกลับโดยธรรมชาติของมังกรฟ้า ตระกูลเซียวสูญเสียความสามารถที่จะส่งต่อมันมายังรุ่นต่อไปเมื่อนานมาแล้ว กลาบาตกัมปนาทที่เซียวเฉินสำเร็จวิชามาก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วเป็นทักษะเฉพาะของจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าที่สาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว – มังกรศักสิทธิ์ดิ่งทะยาน
ทักษะต่อสู้รูปแบบเฉพาะของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในตระกูลที่มีสายเลือดจิตวิญญาณยุทธอสูรศักดิ์สิทธิ์ พวกเขานั้นไม่ได้คิดค้นขึ้นมาเองเฉกเช่นเดียวกับเซียวเฉิน เมื่อพวกเขาหลอมรวมจิตวิญญาณยุทธสำเร็จ พวกเขาสามารถไปที่ห้องหนังสือเพื่อรับมันมาได้อย่างง่ายดาย พวกเขานั้นโชคดีกว่าเซียวเฉินนัก
หลังจากนอนพักอยู่บนพื้นมาสักพัก เซียวเฉินเรียกพลังกลับคืนมาอย่างช้าๆ หน้าของเขาซีดเล็กน้อย การโจมตีเมื่อครู่ใช้พลังปราณไปไม่น้อย หลังจากกลิ้งไปมาอยู่พักหนึ่ง เขาก็ยืนขึ้นพร้อมกับจัดระเบียบตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะมองไปยังทางเข้าของลานพัก
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกำลังตรงเข้ามา พลังปราณในร่างของผู้นั้นอ่อนแอ ดูเหมือนผู้นั้นจะไม่ใช่ผู้บ่มเพาะพลัง หลังจากคิดได้ดังนั้นเขาก็ลดมือลง
“อ่าา กะ..เกิดอะไรขึ้นที่นี้..”
ช่วงครู่หนึ่ง หญิงสาวในชุดคนใช้ก็ปรากฎตัวในสายตาของเซียวเฉิน สาวใช้มองดูลานพักที่เต็มไปเต็มไปด้วยฝุ่นหลุมบ่อและร้องออกมา
มองไปที่สาวใช้ด้านหน้าของเขา เซียวเฉินขมวดคิ้ว “เจ้าชื่ออะไร? ใครส่งเจ้ามา?”
สาวใช้มองเซียวเฉินที่ตัวเต็มไปด้วยฝุ่น เขาสภาพอย่างกับมนุษย์โคลน สาวใช้ขบขันในใจและพูดขึ้นมาด้วยเสียงค่อย “นายน้อยสอง ข้าชื่อเป่าเอ๋อ ผู้อาวุโสหนึ่งให้ข้านำตำรามาส่งให้ท่าน”
เซียวเฉินเดินตรงเข้ามา รับตำรามาเปิดดูเป็นตำราปรุงยาเบื้องต้นที่ผู้อาวุโสหนึ่งพูดว่าจะมอบให้เขา การแสดงออกของเขาเปลี่ยนเป็นอบอุ่นและยิ้มขึ้น “ขอบคุณ”
หลังจากกล่าวขอบคุณนาง เซียวเฉินก็หันกลับมุ่งหน้าไปที่ห้องนอน เขาอยากจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ฝุ่นตามตัวเขาทำให้เขาไม่สบายตัว อย่างไรก็ตาม สาวใช้นามเป่าเอ๋อนางไม่ได้กลับออกไป กลับเดินตามเขามาช้าๆ
เซียวเฉินรู้สึกว่านั้นมีอะไรแปลกๆ เขายิ้มพร้อมหันกลับมา “ทำไมเจ้ายังไม่ไปอีก อยากจะอยู่อาบน้ำพร้อมข้ารึ”
เป่าเอ๋อเขินอาย ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงพร้อมกับงึมงำด้วยเสียงค่อย “ผู้อาวุโสหนึ่งสั่งให้เป่าเอ๋อมาค่อยรับใช้คุณชายสอง ท่านบอกให้เป่าเอ๋อทำตามที่คุณชายสองสั่ง หากคุณชายสองอยากให้เป่าเอ๋อเข้าไปอาบน้ำพร้อมกัน เช่นนั้นเป่าเอ๋อก็มิกล้าขัด..”
ห๊ะ! เขาเพียงแค่แหย่นางเล่นเท่านั้น แต่สาวใช้นางนี้กลับจะเข้าไปอาบน้ำพร้อมเขาจริงๆ
ในความทรงจำของเซียวเฉิน เขาไม่มีความทรงจำที่ว่าเขามีสาวใช้ค่อยปรนนิบัติ พอคิดว่าผู้อาวุโสหนึ่งไม่เพียงมอบอาวุธวิญญาณให้เท่านั้นยังมอบตำราปรุงยาให้แก่เขา และยังส่งสาวใช้มาค่อยปรนนิบัติอีก อย่างไรก็ตามแบบนี้เขาก็ชอบพอใจ
ช่างน่าเสียดายที่ไม่เวลาให้เขามาเสพสุข ถ้าเข้าปล่อยตัวไปกับราคะ มันอาจจะทำให้เส้นทางการบ่มเพาะพลังของเขาต้องสะดุด มียอดฝีมือมากมายในทวีปเทียนหวู่แห่งนี้ ไม่ต้องพูดถึงใครไกลตัว เขายังไม่แม้แต่จะรับมือกับจางเหอจากตระกูลจาง เขาจะมัวไปมัวเมากับราคะได้อย่างไรในตอนนี้?
เขาต้องอดทนและกลายเป็นผู้วิเศษ ในท้ายที่สุดเขาได้จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งการบ่มเพาะพลังเขาจะอยู่และเพลิดเพลิดไปกับทิวทัศน์ มันจะต้องเป็นสิ่งที่เมืองเล็กอย่างเมืองม่อเหอนั้นเทียบไม่ติด ข้า,เซียวเฉิน, จะถูกผูกติดอยู่กับเมืองม่อเหอได้อย่างไร
**ตรงนี้น่าจะประมาณว่าหากเซียวเฉินรักษาความบริสุทธิ์จนถึงอายุ 30 แล้วเขาจะกลายเป็นผู้วิเศษ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฉินสายหัว “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น อย่าเก็บไปคิดจริงจัง ข้าไม่ขอให้เจ้าไปอาบน้ำพร้อมข้าหรอก”
เป่าเอ๋อหน้าแดงจนถึงหูหลังจากพูดเรื่องน่าอายออกไป หัวใจของนางสั่นระรัว หลังจากนั้นนางพูดขึ้นด้วยเสียงค่อย “เช่นนั้นนายน้อยมีข้อแนะนำอื่นๆอีกหรือไม่? ตอนนี้เป่าเอ๋อคือคนรับใช้ส่วนตัวของนายน้อยแล้ว นอกจากการปรนนิบัตินายน้อยก็ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้แล้ว”
เซียวเฉินเกาหัว ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร เป็นคำถามที่คิดไม่ตก หากนางไม่อาบน้ำหรือนอนกับเขามันจะมีอะไรให้นางทำได้อีก?
ถ้าเป่าเอ๋อรู้สิ่งที่เซียวเฉินกำลังคิดอยู่ นางต้องแค้นเป็นแน่ สาวใช้ไม่ได้มีไว้หลับนอนกับเจ้านายเท่านั้น สาวใช้นั้นมีหลายสิ่งที่ทำได้ มีเพียงนีทจากศตวรรษที่ 21 แบบเซียวเฉินเท่านั้นที่คิดได้เท่านี้
“เอาละ ช่วยไปซื้อสมุนไพรในเมืองให้ข้าสักหน่อย” ครุ่นคิดอยู่สักพักเขาก็พูดออกมาอย่างอารมณ์ดี สารพัดสิ่งเกิดขึ้นมากมายในวันนี้ เขาขี้เกียจเกินกว่าจะออกไปด้วยตัวเองแล้ว ช่างบังเอิญที่มีสาวใช้มาจัดการแทนเขาพอดี
หลังจากประลองกับจางเหอและสำเร็จทักษะต่อสู้กลาบาตกัมปนาท เห็นได้ชัดว่าพลังปราณของเขานั้นไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทักษะการต่อสู้หรือรักษาความเข้มข้นของเปลวเพลิงอัสนีม่วงที่แท้จริง เขาไม่สามารถประคองมันได้นานนัก
มันเป็นปัญหาร้ายแรง หากเขาต้องประมือเป็นเวลานานหรือกลั่นเม็ดยาระดับสูง พลังปราณที่ไม่เพียงพอของเขาจะเป็นจุดอ่อน ทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้คือเร่งระดับการบ่มเพาะให้ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ก้าวเป็นเป็นขั้นที่ 2 ด้วยวิธีนี้ทำให้เขาสามารถกักเก็บพลังปราณในร่างได้มากขึ้น
ในเมื่อเขาจะเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลัง นอกจากฝึกฝนอย่างหนักแล้ว เม็ดยาก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน
เซียวเฉินไปหยิบกระดาษและหมึกมาจากห้องและเริ่มลงมือเขียน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยใช้พู่กันเขียนมาก่อนแต่สำหรับเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่เพราะเขาเป็นคนของโลกนี้
หลังจากเขียนเสร็จ เซียวเฉินเป่ากระดาษเบาๆเพื่อให้หมึกแห้ง เขาพึงพอใจกับตัวอักษรของเขา จากนั้นเซียวเฉินนำตราประทับของเขาออกมามอบมันให้เป่าเอ๋อ เขายิ้มและพูดขึ้น “แค่ไปซื้อของตามรายการที่อยู่ในกระดาษนี้ ไม่ใช่สมุนไพรหายากหาได้ทั่วไปตามร้านสมุนไพรภายในเมืองม่อเหอ ใช้ตราของข้าไปรับเงินที่ส่วนบัญชี เงินที่เหลือเจ้าเอาไปซื้อเครื่องสำรองหรือของที่เจ้าอยากได้ไม่จำเป็นต้องนำมาคืน”
เป่าเอ๋อรับตราประทับมาพร้อมกับความรู้สึกตกตะลึง นางถามออกมาอย่างไม่เชื่อ “นายน้อย ท่านจะให้ข้าไปทำธุระให้?”
งานของสาวใช้ทั่วไปคือการชงชาหรือการบริการน้ำ ดูแลความเรียบร้อยของบ้านหรือช่วยเจ้านายแต่งตัว อาจจะมีบ้างที่ขอให้หลับนอนกับเจ้านายของพวกนางหรือเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน นั้นก็เป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตาม ไปจัดการธุระบางอย่างให้นั้นเป็นหน้าที่ของคนรับใช้ชาย นอกจากนี้เซียวเฉินยังมีชื่อเสียงไม่ดีในตระกูลเซียว เป่าเอ๋อไม่คาดคิดมาก่อนว่าเซียวเฉินจะใช้นางไปทำธุระบางอย่างให้เท่านั้น
หากเจ้าไม่ไปจัดการธุระให้ข้าแล้วเจ้าจะทำอะไร? หลับนอนกับข้า? เซียวเฉินยิ้ม “ทำไม? มันเกินความสามารถของเจ้ารึ? เช่นนั้นข้าไปหาคนอื่นทำแทนก็ได้”
เป่าเอ๋อสะดุ้งขึ้นมาในทันที ใบหน้าเรียวเล็กของนางถูกเติมไปด้วยรอยยิ้มแล้วพูดขึ้นอย่างร่าเริง “ข้าทำได้! ข้าทำได้! ข้าจะไปเดียวนี้ นายน้อยเฉินโปรดวางใจ เป่าเอ๋อจะจัดการให้เรียบร้อยอย่างสวยงาม”
มองดูเป่าเอ๋อทีหายตัวไปในทันที เซียวเฉินหัวเราะชอบใจ มีสาวใช้ไว้ก็ไม่เลวอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องออกไปจัดการธุระยิบย่อยด้วยตัวเองในอนาคต