Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 251 แม่ทัพปีศาจ

Immortal and Martial Dual Cultivation

 

ตอนที่ 251 แม่ทัพปีศาจ

 

ชีวิตของนักบ่มเพาะพลังก็เหมือนกับมดปลวก หากพวกเขาไม่สามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง,พวกเขาก็จะกลายเป็นไร้ค่าในสายตาของคนอื่น,มู่หลงชงครุ่นคิดกับตัวเอง นั้นหมายความว่านอกจากจะแข็งแกร่งขึ้น,ไม่มีซึ่งทางเชือกอื่น มิฉะนั้น,ข้าก็จะกลายเป็นแบบคนพวกนั้น

 

บนหน้าผาสูงที่ยื่นออกมาในปราสาทที่ดูงดงาม แม่ทัพปีศาจโลหิตอยู่ในชุดคลุมสีเลือดนั่งอยู่บนบัลลังก์สีแดง เขาถือแก้วไวน์สีทองและนั่งอยู่สีหน้าไร้อารมณ์

 

หากไม่มองดูอย่างละเอียดใบหน้าของแม่ทัพปีศาจโลหิตดูไม่ได้ต่างจากชายหนุ่มชาวมนุษย์ทั่วไป

 

อย่างไรก็ตาม,ที่ดวงตาสีแดงบนใบหน้าสีซีดของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันไร้ขอบเขตที่ทำให้ผู้ที่ถูกจ้องมองสั่นเพิ่ม

 

ที่ด้านล่างของโถงใหญ่,มีเสายสิบต้นอยู่ที่สองด้าน ด้านข้างของเสาแต่ละต้น,มีปีศาจโลหิตในชุดสีแดงเลือดสิบตนกำลังยนประจำตำแหน่ง

 

แม่ทัพปีศาจโลหิตยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ คราบสีแดงเหลือทิ้งอยู่ที่ริมฝีปากของเขา

 

เห็นชัดแล้ว นี่มันไม่ใช่ไวน์ชั้นยอดอะไรมันคือแก้วที่เต็มไปด้วยเลือดมนุษย์สดๆ มันเป็นไปได้ว่าคือเลือดจากสานุศิษย์ศาบากระบี่สวรรค์ที่ถูกจับตัวได้

 

แม่ทัพปีศาจโลหิตเช็ดคราบเลือดที่มุมปากและเผยสีหน้ามัวเมาเขากล่าวขึ้น “เลือดมนุษย์เลิศรสสดใหม่ ข้าไม่ได้ริมรสมันมากว่ายี่สิบปีในมิติแห่งนี้”

 

“ปัง! ปัง!”

 

ทันใดนั้น,ปีศาจโลหิตตนหนึ่งที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดเข้ามาในห้องโถงอย่างกังวล เขาเดินเข้ามาและคุกเข่าลงต่อหน้าบัลลังก์

 

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ “ท่านแม่ทัพปีศาจ ปีศาจเงาทั้งหมดที่ท่านส่งออกไปถูกสังหารหมดสิ้น ตามคำแนะนำของท่านเข้าได้ส่งปีศาจโลหิตทั้งหมดที่อยู่ในราชวังออกไปเมื่อหกชั่วโมงก่อน”

 

“เป็นเพราะท่านแม่ทัพปีศาจได้ปิดประตูบ่มเพาะพลัง,ข้าจึงไม่ได้รายงานให้ทราบจนถึงตอนนี้”

 

รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแม่ทัพปีศาจโลหิต เขาวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะที่ด้านข้างบัลลังก์และกล่าว “ไม่เป็นปัญหามันอยู่ในการคาดการณ์อยู่แล้ว พวกมันก็เหมือนฝูงหมา,ข้าไม่ได้คาดหวังว่าพวกมันจะเป็นประโยชน์ได้มากนัก นอกจากนั้น, พวกเราเพิ่งจะวางแผนกันที่นี่”

 

“เจ้าออกไปก่อน,ทำงานได้ดีมาก ตราบใดที่พวกเราขัดขวางพวกมันเอาไว้ได้หนึ่งวันและทำพิธีกรรมให้สำเร็จ, ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา”

 

ผู้ที่คุกเข่าอยู่กับพื้นลุกขึ้นและทำความเคารพก่อนที่จะออกไปจากห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว

 

แม่ทัพปีศาจโลหิตหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาอีกครั้ง เรืองแสงน่ากลัวปรากฏขึ้นในดวงตาสีแดงของเขา เขายกแก้วไวน์ดื่มก่อนที่จะกล่าวอย่างเย็นชา “อีกหนึ่งวัน ทั้งหมดที่ข้าต้องการก็คือเวลาอีกหนึ่งวันและข้าจะสามารถทำให้ศาลากระบี่สวรรค์พังพินาศ”

 

“เป็นเช่นนั้น? ข้าเกรงว่าเจ้าคงจะไม่ได้มีโอกาสเช่นนั้น!” เสียงเย้ยหยันเย็นชาทันใดนั้นก็ต้องสะเทือนไปในห้องโถงใหญ่

 

ในปาอันมืดมิด,กลุ่มของเซี่ยวเฉินสี่คนเดินทางต่อ ปีศาจงูแดงมีอาณาเขตกว้างใหญ่ในปาแห่งนี้ แม้ว่าจะเดินมากว่าหนึ่งชั่วโมง,พวกเขาก็ไม่ได้ไปพบสัตว์อสูรปีศาจตัวอื่นอีก

 

หลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากอาณาเขตของปีศาจงูแดง,พวกเขาก็เริ่มพบสัตว์อสูรปีศาจตัวอื่นอีกครั้ง ที่อ่อนที่สุดที่พวกเขาพบก็คือสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นต้น บางครั้ง,พวกเขาก็พบเข้ากับสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นกลาง

 

พวกเขาพบแม้กระทั่งสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงสุด โชคดีไม่เจอเข้ากับสัตว์อสูรปีศาจระดับ 6 แม้ว่าการต่อสู้จะยากลำบาก,พวกเขาก็ไม่ได้ประสบอันตรายแต่อย่างใด

 

ระหว่างทาง,พวกเขาจะพบการโจมตีฉับพลันจากผีศาจเงามั้ง กลุ่มต้องรับมือกับพวกมันถึงแม้จะเหนื่อยล้า กล่าวได้ว่าการเดินทางในครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตรายทุกย่างก้าว

 

หลังจากที่พวกเขาเดินมาไกล,ในที่สุดพวกเขาก็พบเข้ากับเจ้านายของปีศาจเงา พวกมันเป็นปีศาจที่ประกอบขึ้นมาจากเลือด ปีศาจโลหิตมีลูกไม้ร้ายกาจเก็บเอาไว้,พวกมันน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจเงาการโจมตีของพวกมันแปลกประหลาดและหลากหลายยิ่งกว่า

 

ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือร่างกายของพวกมันก่อขึ้นมาจากของเหลววิธีการทั่วไปไม่อาจสังหารมันลงได้ พวกมันไม่เกรงกลัวที่หัวของมันจะระเบิดหรือถูกสับเป็นชิ้นๆ

 

โชคดี,ธาตุพลังปราณของเซี่ยวเฉินยังเป็นสายฟ้า,มันเป็นปรปักษ์กับสิ่งมีชีวิตพวกนี้ หลังจากที่พวกมันบาดเจ็บ,พลังปราณที่บรรจุสภาวะสายฟ้าจะควอยู่บนบาดแผลของพวกมันไม่ไปไหน เป็นผลให้พวกมันไม่อาจประกอบร่างคืนได้

 

ทักษะกระบี่ท่วงทำนองสวรรค์ของหยุนเข่อซินนาากลัวยิ่งกว่าเมื่อคลื่นเสียงเข้าไปในร่างของพวกมัน,มันจะสามารถเข้าไปในเลือดโลหิตทุกหยดในร่างของปีศาจโลหิตและระเบิดพวกมัน

 

“ระเบิดยอดเขาเดียวดาย!”

 

จางเลี่ยร้องตะโกนและก่อร่างภูเขาขึ้น,ทุบลงใส่ปีศาจเงา จากนั้นเขาก็ดึงเอาแก่นกลางปีศาจออกมาพร้อมกับเสียงซวบ”

 

“ศิษย์พี่หญิง,อีกนานเท่าไหรพวกเราถึงจะออกไปได้?” จางเลี่ยจัดการงานของเขาเสร็จสิ้น เขาเอนตัวลงบนต้นไม้ใหญ่

 

ตลอดทาง, พวกเขาสู้รบประมือไม่หยุด นอกจากสัตว์อสูรปีศาจดุร้าย, พวกเขาต้องเป็นกังวลกับการลอบโจมตีจากปีศาจเงาและปีศาจโลหิต ทั้งกลุ่มอยู่ในสภาวะตื่นตัวเต็มที่

 

นอกจากนั้น เส้นทางในปาดูได้ที่สิ้นสุด ฉากเบื้องหน้าเป็นเหมือนเดิมตลอดเส้นทางะต้นไม้กับต้นไม้สีดำเต็มไปหมด

 

แม้ว่าจางเลี่ยจะมีความเข้าใจในเจตนารมณ์แห่งกระบี่และมีสภาวะจิตใจที่มั่นคงกว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป,เขาก็เริ่มที่จะสิ้นหวัง

 

หยุนเข่อซินโยนหินวิญญาณระดับต่ำไปที่จางเลี่ยและมู่เหิงคนละก้อน จากนั้นนางกล่าวขึ้น “น่าจะอีกไม่ไกลนัก พวกเราเดินเป็นเส้นตรงไปเรื่อยๆ พวกเราน่าจะออกจากปาได้ก่อนค่ำ”

 

หยุนเข่อซินดูเหมือนกับจะมีหินวิญญาณและเม็ดยาตุนเอาไว้ไม่มีวันหมด หลังจากจบการต่อสู้ทุกครั้ง,นางจะส่งเม็ดยามาให้รักษาและฟื้นฟูพลังปราณ

 

หากเสียพลังปราณมากเกินไป,นางจะส่งหินวิญญาณระดับต่ำให้หากไม่ใช่เพาะเสบียงของหยุนเข่อซิน, ถึงแม้ทั้งกลุ่มอยากจะต่อสู้ต่อไปเรื่อยๆ,พลังของพวกเขายังไงก็ต้องหมดลง

 

เหิงนั่งลงขัดสมาธิและยิ้มบางเบา “คิดเสียว่าเป็นการบ่มเพาะพลัง หลังจากสู้รบประมือต่อเนื่องมาตลอดทั้งวัน ข้ารู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นมาอีกครึ่งเท่า”

 

“ข้าถึงกับทะลวงระดับทักษะต่อสู้ที่ข้าไม่อาจเข้าใจก่อนหน้านี้มันดีกว่าอุดตู้บ่มเพาะพลังอย่างเอาเป็นเอาตายที่ด้านหลังภูเขาอยู่สามเดือน”

 

แน่นอน เมื่อเทียบกับการบ่มเพาะพลังเพียงอย่างเดียวในสถานการณ์ที่แขวนชีวิตไว้บนเส้นด้ายฝึกฝนและบ่มเพาะพลังไปด้วยรวดเร็วกว่านัก

 

อย่างไรก็ตาม,มีข้อดีแล้วก็ต้องมีข้อเสีย การบ่มเพาะพลังอย่างเดียวนั้นเสถียรมั่นคงและไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย การฝึกฝนจากประสบการณ์สามารถยกระดับการบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วแต่มันอันตรายและมีความไม่แน่นอนมากเกินไป

 

สรุปได้ว่า จะต้องใช้ทั้งสองวิธี,สลับกันไประหว่างการบ่มเพาะพลังอย่างเข้มข้นและการฝึกฝนผ่านประสบการณ์ การรักษาสมดุลให้ดีเท่านั้นจะทำให้ผู้บ่มเพาะพลังเติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุด

 

เซี่ยวเฉิน ผู้ที่ไปสำรวจสถานการณ์ด้านหน้า,กระโดดลงมาจากต้นไม้ เขากล่าว “พวกเราพักผ่อนได้สักครู่ ไม่มีสัตว์อสูรปีศาจในบริเวณโดยรอบ ที่ใกล้ที่สุดมีสัตว์อสูรปีศาจห่างออกไปหนึ่งพันเมตรด้านหน้าของพวกเรา”

 

“พวกมันเป็นสัตว์อสูรปีศาจระดับ 5 ขั้นต้นหมาป่าปีศาจ หากพวกมันอยู่ตัวเดียว,ง่ายดายที่จะรับมือด้วย น่าเสียดาย,สัตว์อสูรปีศาจประเภทนี้อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม พวกมันมีประมาณห้าตัวดังนั้นมันยากที่จะต่อสู้ด้วย”

 

หยุนเข่อซินพึมพำอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว “เหมือนกับก่อนหน้านี้ สามคนรับมือกับหมาป่าปีศาจ เย่เฉินจะค่อยเฝ้าระวังการลอบโจมตีของปีศาจเงาและปีศาจโลหิต”

 

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง, พวกเขาทุกคนฟื้นฟูพลังปราณกลับมาเต็มและเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

 

“ภูผาเคลื่อนขับเมฆา!”

 

จางเลี่ยร้องตะโกนและสายลมแรงพัดผ่าน ปรากฎการณ์ลึกลับถูกสร้างขึ้น,ยอดเขาเดียวดายก่อร่างขึ้นมา จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าใส่ฝูงหมาป่าปีศาจ

 

“กวาดกระบี่ฉับพลัน! เจ็ดดาราโยกย้าย!”

 

มู่เหิงไม่อยากงอมืองอเท้าอยู่ด้านหลัง แสงสีม่วงถูกจุดขึ้นทั่วร่างของเขาและเขาราวกับเป็นตัวกระบี่ เขาวูบไหวไปรอบฝูงหมาป่าแต่ละครั้งที่เขาปรากฏตัวขึ้น,ฝ่ามือของเขาฟันออกมาหนึ่งครั้งและหัวของหมาป่าถูกส่งลอยขึ้นฟ้า

 

ภายในฝูงหมาปา,ราชาหมาป่าขนาดใหญ่จ้องมองไปที่พวกเขาด้วยดวงตาสีเลือดมันเห่าหอนอย่างเกรี้ยวกราด

 

ราวกับทหารกำลังจัดตำแหน่งยุทธวิธี,ทุกครั้งที่มันหอน,รูปแบบตำแหน่งของฝูงหมาป่าจะเปลี่ยนไป ผ่านไปครู่หนึ่ง กำลังที่ถูกตีแตกพ่ายโดยจางเลี่ยและมู่เหิงก็ได้สวนกลับภายใต้การนำของราชาหมาป่า

 

ฝูงหมาปาปังกันการโจมตีจากทั้งคู่และสวนกลับโดยไม่คิดชีวิตทิ้งบาดแผลไว้บนตัวของพวกเขาทั้งสอง

 

“ชี! ชี!”

 

คลื่นเสียงเสียดแหลมดังขึ้นในสมรภูมิ ร่างสีขาววูบไหวเป็นประกายในอากาศและลงถึงพื้นตรงหน้าของราชาหมาป่า

 

กระบี่เรียวบางในมือของหยุนเข่อซินสั่นเพิ่มและร่างอันใหญ่โตของราชาหมาป่าถูกซัดถอยหลัง รูปแบบของฝูงหมาป่ากลายเป็นวุ่นวายเละเทะ เมื่อหยุนเข่อซินจับราชาหมาป่าแยกออกไป,แรงกดดันบนตัวของจางเลี่ยและมู่เหิงก็ลดลง

 

เชี่ยวเฉินถือกระบี่เงาจันทร์ไว้และหลับตาลง เขาใช้สัมผัสวิญญาณของเขาครอบคลุมทั่วทั้งสมรภูมิเอาไว้โดยเฉพาะพื้นที่ที่ทั้งสามคนกำลังต่อสู้อยู่

 

ตอนนี้พวกเขาเป็นกังวลกับการลอบโตมตีของพงกปีศาจ เมื่อเทียบกับพวกสัตว์อสูรปีศาจ,พวกมันรู้ถึงการปกปิดตัวตนและเล่นลูกไม้ พวกปีศาจเป็นภัยอัตรายใหญ่ที่สุดต่อกลุ่มของพวกเขา

 

“ฉวะ!”

 

ในโลกสัมผัสวิญญาณของเขา,ร่างของมนุษย์และหมาป่าปีศาจปรากฏขึ้น มันมีกลุ่มก้อนเลือดกำลังบินอย่างรวดเร็วไปหาหยุนเข่อซิน

 

เซี่ยวเฉินทันใดนั้นพลันลืมตาขึ้นและใช้ออกอัสนีหลบเลี่ยง เส้นสายฟ้าทะลวงผ่านท้องฟ้าอันมืดมิด

 

“แคว้ง! แคร่ง!” เซี่ยวเฉินชักกระบี่ของเขา แสงบนคมกระบี่เงาจันทร์สว่างรุ่งโรจน์เสียยิ่งกว่าสายฟ้า,มันเจิดจ้าเป็นอย่างมาก

 

“ฟู่ ฟิ่ว!”

 

มีแสงเย็นยะเยือกวูบไหวและคมกระบี่ซัดเข้าไปที่เลือดที่อยู่ตรงพื้น มันรวดเร็วเป็นอย่างมาก แม้แต่สายฟ้าในท้องฟ้ายังไม่ทันจางหายไป

 

เสียงร้องโหยหวนและน่าสมเพชดังออกมาจากพื้น กองเลอดบนพื้นก่อเป็นร่างมนุษย์ มือทั้งสองของมันจับไปที่กระบี่เงาจันทร์ที่เรื่องไปด้วยแสงสายฟ้าร้องคำรามไม่หยุด

 

“ไอ้พวกมนุษย์น่ารังเกียจ! ข้าจะดื่มต่ำไปกับเลือดของเจ้าในไม่ช้า ข้าจะทำให้เจ้าตกพบกับความทรมานที่สุดในโลกใบนี้”

 

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบาพร้อมกับกล่าวเสียงนุม “ต้องขออภัยเจ้าอยู่ไม่ถึงโอกาสนั้น ระเบิด!”

 

กระบี่เงาจันทร์ที่แทงลงไปตรงหัวใจของปีศาจปลดปล่อยแสงสายฟ้าอันน่าหวาดกลัว มีประกายกระแสไฟฟ้าแตกตัวกระโดดไปรอบๆ

 

ร่างของปีศาจโลหิตถูกระเบิดกลายเป็นหยดเลือดเล็กๆก่อนที่จะจางหายไป

 

ทันใดนั้น,สี่ปีศาจเงาลอยตรงเข้ามาและส่งตัวเองไปที่จางเลี้ยและมู่เพิ่ง,ผู้ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ปีศาจเงาเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ พวกมันเลือกจังหวะที่พวกเขาถูกฝูงหมาปาปิดล้อมและไม่อาจตอบสนองได้

 

เปลวเพลิงดุร้ายเริ่มเผาไหมในดวงตาขวาของเซียวเฉินและควบรวมไปเป็นเพลิงสายฟ้าสีม่วง เปลวเพลิงยืดออกไปอย่างรวดเร็วและกลายไปเป็นลูกศรแหลมคม

 

“ฟู่ ฟิ่ว”

 

ลูกศรทะลวงผ่านอากาศราวกับเส้นสายฟ้า มันทะลวงผ่านความเร็วเสียงพร้อมกับแทงทะลุร่างของปีศาจเงาทั้งสี่

 

ปีศาจเงาตัวระเบิดและกลายเป็นห่าฝนเลือดสีดำปกคลุมท้องฟ้า

 

ในราชวังบนหน้าผา,แม่ทัพปีศาจโลหิตนิ่งอึ้งเมื่อเขาได้ยินเสียง เย้ยหยัน

 

เป็นคนที่หลบเลี่ยงการรับรู้ของเขาและแทรกซึมเข้ามาในราชวัง

 

“ฟู่ ฟิ่ว!”

 

สิบปีศาจโลหิตที่ยืนอยู่ด้านล่างของบัลลังก์ทั้งหมดร้องออกมาอย่างน่าสมเพชและตัวระเบิด,กลายเป็นหมอกสีเลอด

 

ลู่เฉิน,หลิวหรูเยว่ และทีมของพวกเขาค่อยๆปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงใหญ่ พวกเขาปลดปล่อยกระแสพลังออกมาอย่างสมบูรณ์ สายตาของพวกเขาคมกริบราวกับคมกระบี่พร้อมกับจ้องมองไปที่แม่ทัพปีศาจโลหิตที่นั่งอยู่บนบัลลังก์

 

นี่คือปีศาจที่ครั้งหนึ่งเคยนำพาภัยพิบัติมายังศาลากระบี่สวรรค์

 

แม่ทัพปีศาจโลหิตมองไปที่ทั้งสิบคนและริมฝีปากของเขายกขึ้นเขาเผยรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้า “ข้าก็คิดอยู่ว่าการบ่มเพาะพลังของพวกเจ้าสูงส่งเพียงใดถึงได้ซ่อนตัวจากการรับรู้ของข้าได้ที่แท้เจ้าได้ใช้เครื่องรางปกปิดกระแสพลัง”

 

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

IMDC, 仙武同修
Score 6.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Released: 2008 Native Language: Chinese
เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset