ตอนที่ 34 ทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ – มังกรฟ้าหวนกลับ
มองดูเซียวเฉินที่พยายามลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง ถังเหอออกท่าทางราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ “หากเจ้าไม่สังหารสามคนจากตระกูลถังของข้า เห็นแก่ตระกูลเซียว ข้าคงจะปล่อยเจ้าไปหลังจากที่เจ้าวางผลอ่อนแดงทิ้งไว้”
ใบหน้าที่ซีดขาวของเซียวเฉินยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่ต้องมาเสแสร้ง ถ้าเจ้าไม่พยายามฆ่าข้าก่อน ข้าจะลงมือกับพวกเจ้าทำไม?”
จับกระบี่เงาพระจันทร์ในมือไว้แน่น เซียวเฉินไอออกมาเบาๆก่อนจะพูดต่อ “เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะไร้ทางสู้กับเจ้า?”
ถังเหอจ้องมองด้วยนัยตาว่างเปล่าครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะออกมา “แม้ว่าข้าจะผลาญพลังปราณไปจนเกือบหมด ก็ยังมีเหลือเฟื่อไว้จัดการระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขึ้นต่ำที่กำลังจะตายมิตายแหล่ ที่ข้าต้องทำก็แค่ดีดนิ้วทีเดียว”
มารดามันเถอะ นี้คือระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธที่กำลังเผชิญหน้าอย่างห้าวหาญกับระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นต่ำ ในแง่ของพลังระหว่างพวกเขาสองคนนั้นต่างกันราวกับสวรรค์กับพื้นดิน เซียวเฉินไม่อาจปกปิดสีหน้าเหยียดหยามเอาไว้ได้
มังกรฟ้าหวนกลับเป็นท่าแรกของทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ฟันสยบมังกร นี้เป็นทักษะเฉพาะตัวของจิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้า เมื่อใช้มัน ผู้นั้นจะเหินข้ามน้ำข้ามหาสมุทรอย่างทรงพลังและสง่างาม
ตามตำนาน มังกรเร้นกายแห่งพิภพลึกนั้นคือราชาของทั้งสี่คาบสมุทรและมังกรทะยานนภานั้นเป็นเผด็จการแห่งท้องฟ้า ตราบเท่าที่มีน้ำพลังของมันนั้นไร้ขอบเขต มังกรฟ้าหวนกลับก็มีต้นแบบมาจากมังกรที่หวนกลับกระโจนขึ้นมาจากสมุทร ม้วนทะเลดันแม่น้ำผลักภูเขาให้ถอยกลับ
**ท่อนนี้งงนิดหน่อยนะครับ ไปดูจีนก็ยังงงแต่ตามนี้น่าจะถูกแล้วครับถ้ามีอะไรเดียวมาอัพเดทให้ครับ
เซียวเฉินคิดอย่างเงียบๆในใจ มังกรฟ้าหวนหลับนั้นเป็นเพียงแค่ท่าเริ่มต้นของมังกรดิ่งทลายทัพ มองไปที่ถังเหอผู้ที่แสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา เขายิ้มขึ้น “เพียงดีดนิ้ว…เจอตอขึ้นมาอย่าร้อง..”
ถังเหอมองดูเซียวเฉินที่กำลังดิ้นลนเป็นครั้งสุดท้ายราวกับแมวกำลังเล่นกับหนู ด้วยระยะเท่านี้ เขาไม่กลัวว่าเซียวเฉินจะใช้ทักษะหลบหนีแปลกประหลาดนั้นอีก ไม่ใส่ใจกับคำของเซียวเฉิน เขายิ้มขึ้น “ข้าบอกว่าจะดีดนิ้วทีเดียว ดังนั้นข้าก็จะดีดนิ้วเพียงทีเดียว”
“ฟุ่บ!”
เปลวไฟก่อตัวขึ้นที่นิ้วของถังเหอ หมุนเวียนพลังปราณพร้อมกับตะโกนออกมา เปลวเพลิงนั้นลอยออกไปจากนิ้วของเขากลายเป็นเส้นยาวผ่านอากาศตรงไปที่เซียวเฉิน
แม้ว่าเปลวเพลิงนี้จะดูธรรมดา แต่ความจริงมันอัดแน่นไปไปด้วยพลังธาตุไฟในนั้น คู่ต่อสู้ของเขาหลายคนจบชีวิตลงเพราะดูถูกเปลวไฟนี้และไม่ให้ความสนใจมัน
เขาไม่มีทางเชื่อว่าด้วยระยะแค่นี้ ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดจะสามารถต้านทานไฟนี้ไว้ได้
เป็นเรื่องตาย เซียวเฉินไม่มีทางต้านทานแปลวไฟนี้ได้ เพียงแต่เขาไม่เคยคิดจะยืนรับมันอยู่แล้ว เขากำกระบี่เงาพระจันทร์ในมือแน่นและเปลี่ยนท่าของเขา
ยกแขนขึ้น เขาเล็งปลายแหลมของกระบี่ไปที่ถังเหอ!
เซียวเฉินเพียงแค่เปลี่ยนท่าทางและไม่ได้เคลื่อนไหลอะไรอีก ยังคงเป็นเซียวเฉินผู้ที่ดูอ่อนแอและบาดเจ็บสาหัสไม่ได้แตกต่างจากเมื่อครู่
อย่างไรก็ตาม เปลือกตาขวาของถังเหอเริ่มกระตุก ความคิดของเขาเริ่มว่างเปล่าและเขารู้สึกได้ถึงอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้
เป็นไปได้เช่นไร? เจ้าหนุ่มนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมันจะเอาอะไรมาทำร้ายข้า? ถังเหอส่ายหัวอย่างแรงและระงับความหวาดกลัวในใจ
เปลวไฟดังกล่าวอยู่ห่างจากเซียวเฉินไปไม่ถึงหนึ่งเมตร อยู่เพียงไม่ถึงวินาทีเดียวมันก็จะพุ่งทะลุสมองของเซียวเฉิน ใช้เวลาอีกไม่ถึงหนึ่งวินาทีในการจบชีวิตสหายคนนี้
เมื่อคิดได้ดังนี้ ความกลัวในใจของถังเหอก็เริ่มจางหายไป เขาเผยรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก ได้เวลาจบเรื่องนี้สักที
อย่างไรก็ตามในจังหวะนั้นเอง เซียวเฉินก็ร้องคำรามออกมา กระแสพลังอันไร้ขอบเขตที่ราวกับจะครอบสมุทรเทียบภูเขาระเบิดออกมาจากร่างของเขา ป่าอันเงียบสงบถูกทำร้ายลงด้วยคลื่นพลังขนาดใหญ่พร้อมกับได้ยินเสียงคลื่นสมุทรอย่างต่อเนื่อง
พลังที่ไร้รูปเหมือนกับจะระเบิดออกมาจากร่างของเซียวเฉินและต้นไม้ใหญ่ในรัศมีร้อยเมตรรอบตัวเซียวเฉินถูกถอนรากออกด้วยพายุโหมกระหน่ำ กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
เซียวเฉินรู้สึกเหมือนกับร่างกายของเขาถูกเติมเต็มไปด้วยพลังที่พร้อมจะระเบิดออกมา ในจังหวะนี้ เซียวเฉินรู้สึกเหมือนต่อให้พระเจ้าหรือเทพมารองค์ใดจะมายืนต่อหน้าเขาตอนนี้ เขาก็สงบมันลงแทบเท้าได้
“ทำลาย!”
ด้วยเสียงคำรามกึงก้อง เซียวเฉินเพียงปัดมือเบาๆ แต่การเคลื่อนไหวนั้นกลับเต็มไปด้วยพลัง
ด้วยการโจมตีที่เกือบจะจะเจาะผ่านช่องว่างและเวลาได้และพื้นที่รอบพวกเขาผันผวนไปจังหวะหนึ่ง คลื่นสมุทรที่สร้างขึ้นมาจากเศษต้นไม้โดยรอบส่งเสียงระเบิดออกมาพร้อมกับมังกรคำรามดังออกมาจากจุดตันเที่ยนของเซียวเฉิน
พลังงานมหาศาลไหลผ่านแขนของเซียวเฉินและกระบี่เงาพระจันทร์จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกระบี่พลังฉีรูปมังกรและบินออกไป ในจังหวะที่กระบี่พลังฉีพุ่งออกไปจากใบมีด กระบี่เงาพระจันทร์ก็ไม่สามารถทนรับต่อพลังที่รุนแรงได้อีกต่อไปก่อนที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วอืดใจเดียว เส้นเปลวเพลิงที่ถังเหอปล่อยออกมาดูราวกับหนอนตัวน้อยเมื่อเทียบกันกับกระบี่พลังฉีรูปทรงมังกรของเซียวเฉินก่อนที่มันจะแตกออกไป
กระบี่พลังฉีรูปทรงมังกรนั้นมีพลังที่ไร้ขอบเขตพร้อมกับตรงไปที่ถังเหอ สักวันหนึ่งข้าจะผลักให้แม่น้ำไหลย้อนกลับ
ถังเหอจ้องมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยสายตาว่างเปล่า ราวกับว่าเขาได้เห็นคลื่นสมุทรที่ไร้ขอบเขตและเจ้าระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดนั้นกำลังขี่มังกรฟ้าตัวมหึมาที่กำลังโผทะยานขึ้นมาจากทะเล
ภายใต้พลังของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์โบราณ แม้แต่จิตวิญญาณต่อสู้วิหคเพลิงภายในร่างของถังเหอยังต้องสั่นกลัว ทั่วทั้งร่างของถังเหอสั่นกลัวและพลังปราณในร่างของเขาปั่นป่วน ปฏิเสธที่จะทำตามประสงค์ของเขา
ภายในพริบตาร่างของถังเหอก็สลายเป็นฝุ่น ปราศจากเสียงร้องและความเจ็บปวดเพียงแต่หายไปอย่างสมบูรณ์ มีเพียงจี้หยกสีแดงที่ร่วงหล่นลงมา
กระบี่พลังฉียังไม่หยุดเพียงเท่านั้นและพุ่งต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นร่องรอยแยกขนาดใหญ่ขยายออกไป
นี้เป็นพลังของทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ พลังของจิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้า มันมีพลังที่จะล้มภูเขาผลักสมุทร ทลายสวรรค์และเผาพื้นพิภพ แม้มันจะถูกใช้ด้วยระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัด มันก็ยังทรงพลังอย่างน่ากลัว
ในพริบตาที่เซียวเฉินเห็นร่างของถังเหอหายไปในอากาศ จิตใจของเซียวเฉินก็ผ่อนคลายลง เมื่อเขาผ่อนคลายลง ผลข้างเคียงของการใช้ยาเกินขนาดและจากการใช้ทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ก็เรียงคิวเข้ามาหาเข้า
หน้าของเขาซีดจนเห็นเป็นเส้นเลือดขึ้นมาชัดเจนและลมปราณภายในร่างของเขาปั่นป่วน หลังจากนั้นผิวหนังของเขาเริ่มฉีกขาดและมีเลือดสดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
ความเจ็บปวดระดับนี้ราวกับมดหลายล้านตัวกำลังรุมกัดในเวลาเดียวกัน เป็นความเจ็บปวดที่สามารถฆ่าคนให้ตายได้ สัมผัสวิญญาณของเขาก็ปั่นป่วน ทั้งความเจ็บปวดที่มาจากร่างกายและจิตใจกำลังทรมานเซียวเฉินอย่างต่อเนื่อง
พยายามรักษาสภาพจิตใจไว้ เซียวเฉินลากร่างอันบอบช่ำของเขาตรงไปที่ช่องเขา จี้หยกแดงที่ร่วงลงมาจากร่างของถังเหอนั้นช่างน่าสงสัย
มันไม่เสียหายจากการโจมตีของทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์แม้แต่น้อย มันจะต้องมีอะไรแปลกประหลาด อย่างยากลำบากในที่สุดเขาก็ลากร่างของเขามาถึงและหยิบจี้หยกสีแดงเลือดขึ้นมาดู เซียวเฉินหมดสติไปด้วยความเจ็บปวด
เซียวเฉินไม่ได้คำนึงถึงพลังทำลายล้างของทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์และพลังที่ต้องจ่ายออกไปเพื่อใช้มัน มีตัวอย่างมากมายให้ดูในทวีปเทียนวู่เหล่าผู้ที่ประเมินตัวออกสูงเกินไปและใช้ทักษะต่อสู้ระดับสูงเกินกว่าจะรับได้ จบลงที่พวกเขาตัวระเบิดตาย
หากไม่ใช่เพราะลักษณะพิเศษของจิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้า มันจบไม่จบลงเพียงแค่เซียวเฉินนอนกองลงกับพื้น
ในเขตรอบนอกของภูเขาชีเจี่ยว ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณฉี ถังหยวนและพวกที่เหลือกำลังรอการกลับมาของผู่เฒ่าสองอย่างจดจ่อ เมื่อมองไปที่ท้องฟ้าที่กำลังจะมืด กลุ่มคนที่รออย่างสงบก็เริ่มวิตกกังวล เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงระเบิดกังกึกก้องมาจากระยะไกล พวกเขาก็เริ่มกลัวจนถึงขีดสุด
หลังจากรอมานาน ผู้เฒ่าสองยังคงไม่กลับลงมา ในที่สุดหนึ่งในพวกเขาก็ทนไม่ไหวพร้อมกับถามถังหยวน “นายน้อย พวกเราควรรอผู้เฒ่าสองต่อไปหรือไม่? ผู้เฒ่าหนึ่งกับคนที่เหลือกำลังรอให้พวกเรานำหยกวิญญาณสีเลือดกลับไป”
ถังหยวนได้ทำความสะอาดชุดและล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายแต่สีห้าของเขาก็ยังซีดเซียวและเจ็บปวด เมือเขาได้ยินคำถามนี้ ไม่ได้สามารถยั้งใจที่จะด่าผู้นั้น “ข้าอยากกลับจะตายอยู่แล้ว แต่หยกวิญญาณสีแดงยังอยู่กับลุงสอง แม้พวกเราจะกลับไปมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”
เมื่อคนกลุ่มนี้ได้ยินดังนั้น สีหน้าพวกเขาก็กังวลหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม นี้เป็นภารกิจสำคัญมากที่ผู้เฒ่าหนึ่งมอบให้พวกเขาไปทำ
เพื่อภารกิจนี้เขาไม่เพียงแค่ส่งสามระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงและเจ็ดระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ พวกเขายังส่งระดับขอบเขตปรมจารย์มาด้วย ด้วยพลังระดับนี้พวกเขาสามารถเดินกร่างรอบเมืองม่อเหอได้ ใครจะรู้ว่าภารกิจง่ายๆจะกลับกลายเป็นเช่นนี้
เมื่อผู้เฒ่าหนึ่งได้ทราบถึงเรื่องนี้ พวกเขาทั้งกลุ่มได้ซวยกันหมดแน่
ภายในกลุ่มนี้ ถังหยวนนั้นเสียหายหนักที่สุด คนอื่นๆอาจจะไม่รู้ถึงการใช้งานของหยกวิญญาณสีเลือดแต่ตัวเขานั้นรู้ดี ภารกิจออกมาเละเทะขนาดนี้ เมื่อเขาคิดถึงผลที่จะตามมา ถังหยวนก็ตัวสั่น
ถ้าพวกเขาไม่มัวไปมองหาผลอ่อนแดงพวกเขาก็คงไม่ไปยั่วยุคนแปลกหน้าผู้นั้น จากนั้นเรื่องก็คงไม่มาถึงจุดนี้ ถังหยวนรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด เขาโทษตัวเองที่พยายามจะไปประจบผู้เฒ่าสอง โทษตัวเองที่พยายามทำตัวฉลาดและทำให้มันเละแบบนี้
“นายน้อยหนึ่งอย่าเพิ่งเป็นกังวลไป มันอาจจะไม่เลวร้ายถึงขั้นนั้น ผู้เฒ่าสองอาจจะแค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทำให้ล่าช้า พวกเราควรกลับไปดูสถานการณ์” คนที่ถามขึ้นก่อนหน้านี้วิเคราะห์อย่างใจเย็น
ถ้าผู้เฒ่าสองยังสาหัส จะไม่ใช่ว่าพวกเราจะไปหาความตายรึ?!
ถังหยวนเกือบจะหลุดปากด่าด้วยความโกรธแต่หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วน เขาก็ใจเย็นลง เรื่องที่เจ้านี้พูดมาก็มีเหตุผล ผู้เฒ่าสองนั้นขึ้นสู่ขั้นสูงจุดของระดับขอบเขตปรมจารย์มานานแล้ว แม้ว่าเขาจะพ่ายให้กับบุคคลลึกลับ บุคคลลึกลับนั้นก็คงสภาพไม่อยู่ดีนัก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแม้ผู้เฒ่าสองจะถูกมันสังหาร บุคคลลึกลับนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บหยกวิญญาณสีเลือดไปเพราะมันไม่ได้มีประโยชน์กับเขา
คิดได้ดังนี้ สีหน้าของถังหยวนก็เริ่มอ่อนลงหร้อมกับพูดกับคนอื่น “พวกเราต้องไปนำหยกวิญญาณสีเลือดนั้นคืนมา ดังนั้นไม่คำนึงถึงสถานการณ์ พวกเราต้องไปตรวจสอบสถานที่ที่เกิดระเบิดขึ้น”
สีหน้าของคนอื่นปรากฎความกลัวขึ้น แม้ว่าเสียงระเบิดจะดังมาจากระยะไกล แต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกกลัวต่อพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ในนั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาคิดถึงผลที่จะตามมาจากการทำภารกิจนี้ล้มเหลวและพอชั่งน้ำหนักดูแล้ว พวดเขาเลือกที่จะตามถังหยวนกลับไปยังจุดที่เกิดระเบิด
ไม่น่าน พวกเขาก็ได้เห็นรอยแยกบนพื้น มันกว้างสามเมตรลึกกว่าเจ็ดเมตรและยังขยายใหญ่ยาวออกไปกว่าพันเมตรเป็นอย่างต่ำ
สีหน้าพวกเขากลายเป็นน่าเกลียดเป็นอย่างมากแต่ด้วยการนำของถังหยวนพวกเขาจำใจต้องเดินต่อไปก่อนที่จะเห็นเซียวเฉิน ผู้ที่ตกลงไปภายในช่องเขา
มองเห็นจี้หยกสีแดงภายในมือของเซียวเฉิน ถังหยวนเป็นสุขในใจ เขากำลังจะก้าวตรงไปหาแต่ทันใดนั้น เงาสีเขียวพุ่งมาดึงร่างของเซียวเฉิน ก่อนที่จะโดดออกไปอย่างรวดเร็ว
ถังหยวนหยุดลูกน้องของพวกเขาที่กำลังทำท่าจะออกไล่ สายตาเย็นชาของเขาที่มองไปยังเงาสีเขียวที่กำลังจากไปพร้อมกับพูดขึ้นเสียงเย็น “ไม่จำเป็นต้องตาม…”