Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 39 เหล่าสัตว์อสูรโกลาหล

ตอนที่ 39 เหล่าสัตว์อสูรโกลาหล

สิ่งที่ทำให้ตระกูลถังเต็มใจทุ่มเงินไปมากมายเช่นนี้สัตว์อสูรวิญญาณที่พวกเขาต้องการต้องไม่ใช่เพียงระดับ 5 อย่างไม่ต้องสงสัย สัตว์อสูรวิญญาณที่ระดับสูงที่สุดในภูเขาชีเจี่ยวแห่งนี้คือระดับ 6 และนั้นมันเทียบเท่าได้กับผู้บ่มเพาะพลังระดับขอบเขตราชา

สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 ภายในภูเขาชีเจี่ยวนั้นมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นนามของราชาแห่งภูเขาชีเจี่ยวนี้คือ – จิ้งจอกวิญญาณหกหาง

จิ้งจอกวิญญาณหกหางนั้นเป็นสัตว์อสูรวิญญาณชนิดพิเศษ สัตว์อสูรวิญญาณชนิดนนี้สามารถบ่มเพาะพลังและพัฒนาระดับพลังได้ จิ้งจอกวิญญาณสองหางที่เซียวเฉินเคยพบในเขตด้านนอกของภูเขานั้นก็เป็นผลจากที่จิ้งจอกวิญญาณที่พัฒนาการบ่มเพาะพลัง

อย่างไรก็ตามเงื่อนไขการพัฒนาของจิ้งจอกวิญญาณนั้นสาหัสมาก ภายในภูเขาชีเจี่ยวแห่งนี้จำนวนจิ้งจอกวิญญาณที่สามารถพัฒนาไปได้ถึงระดับ 5 นั้นมีเพียงไม่เกินหนึ่งร้อยเท่านั้น สำหรับสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 จิ้งจอกวิญญาณหกหางนั้นภายในภูเขาชีเจี่ยวแห่งนี้มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

เจ้าจิ้งจอกวิญญาณหกหางนี้ก็คือเป้าหมายของตระกูลถัง อย่างไรก็ตามบางสิ่งทำให้เซียวเฉินรู้สึกแปลกๆ ความแข็งแกร่งของจิ้งจอกวิญญาณหกหางนั้นเทียบได้กับระดับขอบเขตราชาขั้นต่ำ เหตุใดตระกูลถังถึงมั่นใจในการจะจัดการกับมัน?

หรืออาจจะเป็นเช่นเดียวกับตระกูลเซียวของพวกเขานั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงซ่อนตัวอยู่? เมื่อเขาคิดถึงตรงนี้มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยแต่เซียวเฉินก็ยังรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

เซียวอวี่หลันยิ้มเบาๆ “เจ้าไม่ใช่เพียงผู้เดียวที่คิดเช่นนี้ ปู่ของข้าผู้อาวุโสสามและคนอื่นๆก็คิดเช่นเดียวกัน หากพวกนั้นสามารถจับตัวจิ้งจอกวิญญาณหกหางไปได้นั้นก็เปรียบได้ว่าพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตราชาเพิ่มขึ้นมา”

“นอกจากนั้นจิ้งจอกวิญญาณหกหางยังมีอายุขัยที่ยืนยาว นั้นมันเพียงพอที่จะทำให้ตำแหน่งของตระกูลถังภายในเมืองม่อเหอจะมั่นคงไปอีกนับร้อยปี”

เมื่อพวกเขาพบจุดเชื่อมโยงระหว่างเรื่องนี้กับสัญญาสิบปีที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้ามันไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสหนึ่งและคนที่เหลือจะเลือกที่จะปิดภูเขาชีเจี่ยวหลังจากที่ตระกูลถังพยายามจะไปจับตัวสัตว์อสูรวิญญาณลับตาพวกเขา

“บูม!บูม!บูม!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องคำรามของสัตว์อสูรวิญญาณดังมาจากภายในภูเขาชีเจี่ยว เสียงคำรามนั้นดังราวกับฟ้าคำรามสั่นสะเทือนไปถึงผืนดิน เสียงฝีเท้านับไม่ถ้วนดังมาจากทิศทางของเสียง

ค่ายพักแห่งนี้นั้นตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างพื้นที่รอบนอกกับใจกลางของภูเขาชีเจี่ยวเดิมทีผู้อาวุโสหนึ่งและคนอื่นๆตั้งฐานตรงนี้เพราะความสะดวก นั้นเป็นเหตุผลหลักที่เลือกตั้งค่ายพักในบริเวณนี้

ในตอนนี้เสียงคำรามของเหล่าสัตว์อสูรวิญญาณดังสะท้อนไปมาอย่างต่อเนื่องจนหูแทบหนวก มันดูราวกับมีกองทัพขนาดใหญ่กำลังเดินทางผ่านสั่นผืนดินจนดูเหมือนกับแผ่นดินมันจะแยกออกตอนไหนก็ได้

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ทำไมเหล่าสัตว์อสูรวิญญาณถึงส่งเสียงคำราม?”

“เหล่าสัตว์อสูรวิญญาณกำลังแตกตื่น!”

ระเบียบที่ถูกจัดตั้งไว้อย่างเป็นระบบของค่ายพักแห่งนี้ตอนนี้กำลังตกสู่ความสับสนวุ่นวาย เหล่าทหารยามส่งเสียงโวยวายอย่างตื่นตระหนกและนั้นก็ยังไม่มีคำสั่งใดลงมาจากผู้บังคับบัญชาของพวกเขา

เซียวเฉินกระจายสัมผัสวิญญาณออกไปในทันทีเคลื่อนที่ไปทุกสารทิศราวกับละลอกคลื่น เขาพบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษภายในรัศมี 800 เมตรจากตัวเขา

เขาดึงสัมผัสวิญญาณกลับมาพร้อมกับส่งมันออกไปอีกครั้งในรูปแบบเป็นเส้นตรง

รูปแบบนี้เซียวเฉินค้นพบมันโดยบังเอิญ หากเขาส่งมันออกไปในรูปเป็นเส้นตรงจากนั้นระยะของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ข้อเสียก็คือมันไม่สามารถมองเห็นได้รอบทิศทาง เพื่อที่จะมองได้แบบ 360 องศาเขาจำเป็นต้องกวาดเส้นสัมผัสวิญญาณของเขาหมุนไปรอบตัวพร้อมกับต้องพร้อมๆกับดึงพลังสมาธิของเขาออกไปเพิ่มอย่างมาก

ทันใดนั้นเซียวเฉินก็เห็นได้ครบในระยะ 1500 เมตร ทำให้เขามองเห็นภาพรวมของสถานะการณ์ในตอนนี้ มีกลุ่มสัตว์อสูรวิญญาณกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งลงมาจากภูเขา

ระดับ 3 เสือจันทราเลือด ระดับ 4 ปีศาจแมงป่อง ปีศาจหนูลมกรดและสัตว์อสูรวิญญาณประเภทอื่นๆที่ดูเหมือนจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมบางอย่างกำลังวิ่งพล่านลงมาตามภูเขาอย่างร้อนลน พวกมันจะมาถึงค่ายพักแห่งนี้ในอีกไม่ถึง 5 นาที

“เกิดอะไรขึ้น? ทุกคนเงียบซะ!” ผู้อาวุโสหนึ่งเดินออกมาจากห้องโถงและตะโกนขึ้นเมื่อเขาเห็นสถานะการณ์ด้านนอก

ผู้อาวุโสหนึ่งก็ยังเป็นผู้อาวุโสหนึ่ง เมื่อทุกคนเห็นเขาปรากฎตัวออกมาความโกลาหลภายในค่ายพักก็สงบลง จากนั้นไม่นาน ศิษย์ตระกูลเซียวคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก

“ผู้อาวุโสหนึ่งสถานการณ์ไม่ดีแล้ว พวกสัตว์อสูรวิญญาณที่อยู่ภายในแกนกลางของภูเขาทั้งหมดกลายเป็นบ้าคลั่ง พวกมันกำลังมุ่งหน้าลงมาจากภูเขาและกำลังจะมาถึงที่นี้!”

เซียงเฉียงตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ทราบข่าว พวกเขาไม่เคยพบเหตุการณ์ที่เหล่าสัตว์อสูรวิญญาณบนภูเขาชีเจี่ยวจะเกิดบ้าคลั่งเช่นนี้มาก่อน “ผู้อาวุโสหลิวท่าคิดเช่นไร”

หลิวเฟิงหยินไม่ได้ดูตกใจแต่อย่างใดพร้อมกับตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “อาจจะเป็นผลมาจากสิ่งที่พวกมันทำไว้ก่อนหน้านี้ ที่สัตว์อสูรวิญญาณทำไมถึงได้บ้าคลั่งข้าก็ไม่อาจทราบ”

เซียวเฉียงพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะบอกกับผู้อาวุโสสาม “เซียวเทียนพาเหล่าสานุศิษย์ระดับขอบเขตต่ำกว่าเชี่ยวชาญยุทธลงจากภูเขาไปทันที ผู้อาวุโสหลิวและข้าจะนำระดับขอบเขตปรมจารย์สองสามคนไปตรวจสอบสถานการณ์”

“ผู้อาวุโสหนึ่งแล้วเรื่องที่พวกเราคุยกันเมื่อครู่ท่านตัดสินใจเช่นไร?” หลิวเฟิงหยินยังคงนิ่งเฉย

เขาเป็นคนเดียวในที่นี้ที่ยังใจเย็นอยู่ ด้วยระดับขอบเขตนักบุญต่อให้สัตว์อสูรวิญญาณทั้งภูเขาชีเจี่ยวมาวิ่งไล่เขา เขาก็ยังหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย

“เกี่ยวกับหยกวิญญาณสีเลือด? ข้าต้องไปถามเซียวเฉินก่อน” เซียวเฉียงตอบกลับ มองเห็นเซียวอวี่หลันที่เดินตรงเข้ามาเขาก็ถามขึ้น “เจ้าเห็นเซียวเฉินบ้างไหม?”

“เขาไปแล้ว เขาบอกว่าเขามีบางอย่างที่ต้องไปทำและจะลงไปจากภูเขาชีเจี่ยวด้วยตัวเอง บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขา”

“อะไรนะ! ไปแล้ว!” หลิวเฟิงหยินร้องออกมา ความโกรธไหลเข้ามาในดวงตาของเขา

เซียวเฉินนั้นจากไปได้สามนาทีแล้วเพราะว่าสัมผัสวิญญาณพบบางอย่างสะกิดต่อมอยากรู้อยากเห็นของเขา มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เหล่าสัตว์อสูรวิญญาณตกอยู่ในความโกลาหลเช่นนี้

….

ภายในป่าบนภูเขาชีเจี่ยวมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล ในกลุ่มนั้นมีชายชุดน้ำเงินที่โดดเด่นออกมา ผู้นี้ก็คือระดับขอบเขตนักบุญลึกลับคนนั้นที่เซียวเฉินพบในถ้ำของจักรพรรดิสายฟ้า

พวกที่เหลือคือคนจากตระกูลถังแห่งเมืองม่อเหอ ถังหยวนก็อยู่ตรงนั้นด้วยแต่สีหน้าของเขาซีดขาว กำลังสั่นด้วยความกลัวและกำลังอุ้มลูกสัตว์วิญญาณอสูรเอาไว้ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

“ท่านเหลิงพวกเราควรจะะทำเช่นไรต่อ?” ผู้อาวุโสหนึ่งของตระกูลถัง ถังเฟิงถามอย่างเป็นกังวล กลุ่มสัตว์วิญญาณอสูรนั้นกำลังไล่ล่าพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง หากพวกเขาไม่คิดหาทางเดียวนี้ยกเว้นชายชุดน้ำเงินนั้นพวกที่เหลือได้ตายกันหมดเป็นแน่

ชายชุดน้ำเงินมองไปที่ลูกสัตว์อสูรวิญญาณในมือของถังหยวนก่อนพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “ผู้อาวุโสถัง ข้าได้จัดการนำสัตว์อสูรวิณณาณตัวนี้มาแล้ว แม้ว่าจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของข้า ข้าหวังว่าข้อตกลงของเราจะยังคงอยู่?”

ถังเฟิงหน้ากระตุกพร้อมกับมองไปที่ถังหยวน เมื่อถังหยวนรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมา เขาก็ทำได้แค่ก้มลงไปมองพื้นทันที

ตระกูลถังเตรียมการนี้มาเป็นเวลาหลายปีเพื่อจิ้งจอกวิญญาณหกหางตัวนี้ ก่อนที่จิ้งจอกวิญญาณหกหางจะให้กำเนิดเสียอีก

หลังจากให้กำเนิด จิ้งจอกวิญญาณหกหางจะหมดพลังไปอย่างมากและร่างกายอ่อนแอตกลงไปที่ระดับขอบเขตนักบุญ นี้เป็นโอกาสอันดีของตระกูลถัง

บังเอิญที่ชายชุดน้ำเงินผู้นี้ปรากฎตัวขึ้นทำข้อตกลงกับตระกูลถัง ชายชุดน้ำเงินจะเป็นคนจัดการกับจิ้งจอกวิญญาณหกหางส่วนตระกูลถังก็ไปซื้อหยกวิญญาณสีเลือดมาจากการประมูลในอาณาจักรต้าซรี่เพื่อนำมาผนึกมัน

ใครจะคาดคิดว่าถังหยวนและกลุ่มของเขาจะเสียหยกวิญญาณสีเลือดไปในตอนที่แผนการกำลังมาถึงขั้นสุดท้าย

นี้ทำให้ถังเฟิงตัวซีด หลังจากดุด่าถังหยวนจนพอใจเขาตัดสินใจจะดึงแผนทั้งหมดให้กลับเข้าทีเข้าทาง เขาส่งหน่วยกล้าตายของตระกูลไปนำหยกวิญญาณสีเลือกลับมา

เมื่อถึงเวลานัดหมายหน่วยหล้าตายของเขาก็ไม่กลับมา ถังเฟิงเดาว่าพวกเขาทำงานล้มเหลวและแผนคงแตกไปแล้ว เขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้วดังนั้นหลังจากที่ชายชุดน้ำเงินไปล่อจิ้งจองออกไปเขาก็ส่งคนไปขโมยลูกของมันมา

เมื่อมันรู้ว่าลูกของมันถูกลักพาตัวไป จิ้งจอกวิญญาณหกหางก็กลายเป็นพิโรธ ใช้อิทธิพลของมันที่สะสมมาตลอดระยะเวลาที่มันเป็นเจ้าของพื้นที่แห่งนี้ส่งผลให้สัตว์อสูรทั้งหลายในภูเขาบ้าคลั่งไล่ตามคนตระกูลถังไปอย่างไม่หยุดยั้ง

ในขณะที่หลบหนีจำนวนคนในกลุ่มก็ลดลงไปไม่ก็บาดเจ็บ จากกลุ่มขนาดใหญ่ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่คนความหวังเดียวของพวกเขาที่พอจะพึ่งได้ก็คือชายชุดน้ำเงินผู้นี้

นึกย้อนกลับไป ถังเฟิงพูดอย่างรีบร้อน “ผู้อาวุโสเหลิงท่านไม่ต้องกังวลเรื่องข้อตกลง ตระกูลถังจะรักษาข้อตกลงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเราจะลงไปจากภูเขาได้อย่างไรตอนนี้?”

ชายชุดน้ำเงินยิ้มขึ้นอย่างเฉยเมย “ช่างบังเอิญ ตรงนั้นมีสัตว์อสูรระบดับ 4 ระดับ 5 อีกสามตัวแล้วก็ระดับ 3 อีกนับไม่ถ้วนกำลังมาทางนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหล่าตระกูลทั้งที่กลัวอยู่แล้วก็กลัวหนักขึ้นไปอีก พวกเขาเข้ามาเสี่ยงชีวิต แต่อย่างไรก็ตามความพยายามของพวกเขากลับสูญเปล่าพวกเขาถูกล้อมไปด้วยกลุ่มสัตว์อสูรวิญญาณจำนวนมหาศาลเช่นนี้

“ผู้อาวุโสเหลิง ท่าน…ท่านหมายความเช่นไร?” ถังเฟิงสั่นกลัว

ชายชุดน้ำมันยิ้มขึ้น “ผู้อาวุโสถังอย่าเป็นกังวล มีข้ามาด้วยข้ารับรองว่าท่านจะออกไปจากที่นี้ได้แบบเป็นๆ ลองคิดดูในสถานะการณ์เช่นนี้ใครควรจะเป็นกังวลมากกว่าพวกเรา?”

ถังเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนดวงตาของเขาจะเปล่งประการความสุขออกมา “ท่านหมายถึง..ตระกูลเซียว..”

“ถูกต้อง เมื่อเกิดความปั่นป่วนขนาดใหญ่เช่นนี้ตระกูลเซียวต้องส่งคนไปตรวจสอบเป็นแน่ อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรพวกนั้นมันคลั่งสนไม่สนใครหน้าไหนแล้วมันจะจู่โจมใส่ทุกคนที่เห็น และระหว่างที่ตระกูลเซียวกำลังดึงความสนใจของพวกมันไว้พวกเราก็หลบหนีไปโดยง่าย”

“ปัญหาใหญ่ตอนนี้ก็คือจิ้งจอกวิญญาณหกหางตัวน้อยในมือของนายน้อยถัง จิ้งจอกวิญญาณหกหางนั้นสามารถรับรู้ถึงตำแหน่งของจิ้งจอกวิญญาณได้ ตราบใดที่พามันไปกับพวกเรามันก็เป็นการยากที่จะหลบหนีพ้น”

มองดูจิ้งจอกวิญญาณน้อย ถังหยวนรู้สึกปวดหัวเล็กๆ เจ้าตัวเล็กนี่ก็เหมือนกับธงแห่งความตายปักบนหัวเขา หลังจากได้ฟังคำของชายชุดน้ำเงินความรู้สึกปลดปล่อยก็เข้ามาในหัวของเขา “ผู้อาวุโสเหลิงท่านหมายถึงให้เราปล่อยจิ้งจอกน้อยนี้ไป?”

“ห้ามเด็ดขาด!!” ก่อนที่ชายชุดน้ำเงินจะได้พูดอะไร ถังเฟิงก็พูดขัดเสียงดัง

หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนพวกเขาจะได้รับการเสริมศักยภาพอย่างมหาศาลหลังจากที่ผนึกจิ้งจอกวิญญาณหกหางได้ แต่ตอนนี้พวกเขาได้มาเพียงลูกจิ้งจอก มันจะต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้

อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นทุ่มความพยายามและเสียคนไปเป็นจำนวนมากพวกเขาจะเสียไปทุกสิ่งและจะไม่ได้รับอะไรกลับมาเลยหากพวกเขาปล่อยจิ้งจอกน้อยนี้ไป

ชายชุดน้ำเงินยิ้มเบาๆ “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยจิ้งจอกน้อยนี้ไป ที่ข้าจะบอกก็คือให้เพียงคนเดียวหนีไปกับจิ้งจอกน้อยและระหว่างที่ตระกูลเซียวกำลังถ่วงเวลาให้พวกเราที่เหลือก็จะหนีไปโดยง่าย เวลาไม่มีแล้ว ผู้อาวุโสถังเร่งตัดสินใจ”

ถังเฟิงคิดและเห็นด้วยกับชายชุดน้ำเงินอย่างรวดเร็ว ปัญเดียวคือต้องตัดสินใจว่าจะส่งใครไป

ก่อนอื่นชายชุดน้ำเงินตัดออกไปได้เลย ไม่ต้องแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ถังเฟิงไม่มั่นใจที่จะส่งจิ้งจอกน้อยให้กับเขา เมื่อเขาจากไปเขาสามารถแก้ตัวได้ง่ายดายว่าเขาทำมันหลุดไปและถึงอย่างก็ไม่สามารถมีใครทำอะไรเขาได้

ครั้งนี้เขาก็ตัดตัวเองออกจากตัวเลือกเช่นกัน ไปวิ่งล่อจิ้งจอกวิญญาณหกหางฟังดูเหมือนจะง่ายแต่ถ้าพลาดขึ้นมาก็ตายได้ง่ายๆเหมือนกัน พวกเขาเสียคนไปแล้วเป็นจำนวนมากแล้วและถังเฟิงก็ไม่อยากจะเป็นหนึ่งในนั้นถังเฟิงไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาเอง

จากที่พิจารณามาตัวเลือกตัวเดียวนั้นควรจะเป็นถังหยวนผู้ที่ทำผิดพลาดไปครั้งใหญ่ เมื่อเขาตัดสินใจได้ถังเฟิงก็ออกคำสั่ง “เจ้า! ติดตามนายน้อยหนึ่งและพาจิ้งจอกน้อยลงไปจากภูเขาเดียวนี้ ถ้าถังหยวนทำจิ้งจอกน้อยนี่หลุดมือไป… ข้าคงไม่ต้องบอกว่าตระกูลจะทำยังไงกับเจ้า”

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset