ตอนที่ 42 วิญญาณดาบ – อ๋าวเจียว
หลิวเฟิงหยินนำหน้าผู้อาวุโสหนึ่งและคนอื่นไล่ตามชายชุดน้ำเงินไปอย่างจดจ่อ อย่างไรก็ตามฝีเท้าของชายชุดน้ำเงินก็เร็วอย่างแปลกประหลาด ก้อนศิลายังคงหมุนวนไปตามเท้าของเขาอย่างต่อเนื่องทำให้เขาเคลื่อนที่ได้รวดเร็วไปตามพื้นราบ
หลังจากไล่ตามมาระยะเวลาหนึ่งเขาก็หายไปจากสายตาของกลุ่มสี่คนนี้ หลิวเฟิงหยินเห็นว่าไล่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นด้วยการนำของหลิวเฟิงหยินคนกลุ่มนี้ก็มุ่งหน้ากลับ
“เกิดบ้าอะไรขึ้น? จิ้งจอกวิญญาณหกหางหายไป?” หลิวเฟิงหยินกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจหลังจากเห็นพื้นที่ว่างเปล่า “เซียวเฉิน? เขาไปไหน? เขาเป็นคนเอามันไปเป็นแน่”
จิ้งจอกวิญญาณหกหางหายตัวและเซียวเฉินก็หายหัว หลิวเฟิงหยินพยายามหาจุดเชื่อมโยงในทันที เซียวเฉินจะสามารถหอบจิ้งจอกวิญญาณหนีไปได้? แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผล
จิ้งจอกวิญญาณหกหางตัวโตกว่าสิบเมตร เซียวเฉินเป็นเพียงแค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นต่ำเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอามันไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเลย
ได้ยินหลิวเฟิงหยิน เซียวเฉียงรู้สึกได้ถึงคำก่นด่าอย่างชัดเจน ประกายความโกรธไหลผ่านดวงตาของเซียวเฉียง ไม่ว่าเรื่องจะเป็นเช่นไรเซียวเฉินก็ยังเป็นบุตรชายของผู้นำตระกูล เขาไม่มีสิทธิ์มาพูดถึงเซียวเฉินเช่นนั้น
ผู้อาวุโสหนึ่งพยายามควบคุมอารมณ์สำรวจบริเวณโดยรอบ เขาพบว่ามันไม่มีร่องรอยจิ้งจอกวิญญาณได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าอยู่ดีๆจิ้งจอกวิญญาณก็หายไปในอากาศ
หลังจากพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งเซียวเฉียงก็พูดขึ้น “ผู้อาวุโสหลิว จากที่ข้าเห็นลักษณะที่จิ้งจอกวิญญาณหกหางนั้นหายตัวไปช่างแปลกประหลาด มันยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าเซียวเฉินเป็นคนเอามันไป”
ระดับขอบเขตปรมจารย์อีกสองคนหลังจากที่ได้สำรวจโดยรอบแล้วก็พบว่ามันแปลกเช่นกัน เซียวเฉินนั้นไม่อาจจะพามันออกไปได้ หนึ่งในสองคนนั้นพูดขึ้น “เป็นไปได้ไหมว่าจิ้งจอกวิญญาณหกหางฟื้นพลังกลับมาแล้วลากตัวเซียวเฉินไป”
“ไร้สาระ! ก่อนหน้านั้นจิ้งจอกวิญญาณหกหางบาดเจ็บสาหัส หลังจากที่มันคลั่งระเบิดพลังชีวิตออกไปมากมาย มันจะฟื้นพลังกลับมาเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?” หลิวเฟิงหยินตอบกลับอย่างรุนแรงด้วยเสียงอันดัง
เซียวเฉียงไขว้มือไปข้างหลังสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เห็นร่องรอยอะไรเลย ดูเหมือนจะมีเพียงเซียวเฉินที่รู้ว่าจิ้งจอกวิญญาณหกหางนั้นหายตัวไปได้เช่นไร
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเซียวเฉียงก็ตอบกลับไป “เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการตามหาตัวเซียวเฉิน ถึงยังไงเขาก็เป็นบุตรของผู้นำตระกูล หากเกิดอะไรขึ้นกับเขาพวกเรารับผิดชอบด้วยกันหมด”
“ตอนนี้ความโกลาหลจองเหล่าสัตว์อสูรวิญญาณได้หยุดลงเเล้ว ข้าตัดสินใจว่าเราจะปิดภูเขาในทันที ไม่มีความจำเป็นที่จะรอถึงพรุ้งนี้ หากว่าถ้าเราพบพวกตระกูลถังก็ต้องพบมันเป็นศพเท่านั้น”
ในส่วนนี้หลิวเฟิงหยินไม่ออกความเห็น เขายังคงมืดบอดแปดด้านว่าจิ้งจอกวิญญาณหกหางนั้นหายตัวไปได้เช่นไร เขาทำได้เพียงหาตัวเซียวเฉินให้เจอก่อนนอกนั้นค่อยว่ากัน
…
ในอีกด้านหนึ่งในขณะนี้…เซียวเฉินที่อยู่ในถ้ำลับกำลังทาขี้ผึ้งทองลงบนตัวจิ้งจอกวิญญาณหกหาง ขี้ผึ้งทองนี้เซียวเฉินได้รับมันมาจากเซียวอวี่หลัน เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้ใช่มันสักที เป็นเรื่องดีที่ในที่สุดเขาก็นำมันมาใช้ประโยชน์ได้
เขาค่อยๆทาขี้ผึ้งทองลงบนแผลทั่วตัวของจิ้งจอกวิญญาณหกหางและผงยาสีขาวก็ซึมลงไปรักษาบาดแผล จิ้งจอกวิญญาณหกหางที่หมดสติก็ยังคงตัวสั่น
หลังจากทาจนทั่วเซียวเฉินก็เริ่มส่งพลังปราณภายในร่างของเขาลงไปยังร่างของจิ้งจอกวิญญาณหกหาง พลังปราณอันอ่อนโยนค่อยๆรักษาอาการบาดเจ็บภายในของจิ้งจอกวิญญาณหกหาง
เนื่องจากเซียวเฉินที่กำลังตั้งสมาธิอยู่กับการรักษาแม่จิ้งจอกตนนี้ เขาไม่ทันได้สังเกตเลยว่าตาของมันได้เปิดขึ้นมาเล็กน้อยจ้องไปที่เซียวเฉินและจดจำเขาไว้ในใจ
พลังปราณหมุนเวียนไปทั่วร่างของจิ้งจอกวิญญาณหกหาง เซียวเฉินพบว่าเส้นพลังปราณของสัตว์อสูรวิญญาณนั้นช่างเหมาะที่จะใช้ทักษะบ่มเพาะพลังของอสูรปีศาจจากตำราบ่มเพาะพลัง
จากบทสรุปของตำราบ่มเพาะพลัง สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่มีวิญญาณสามารถฝึกฝนมันได้ ตามตำนานของจีนโบราณนั้มีปีศาจชื่อเสียงโด่งดังมากมาย
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเซียวเฉินก็ตัดสินใจที่จะสอนทักษะเก้ามายาสวรรค์ที่บันทึกไว้ในตำราบ่มเพาะพลังให้แก่แม่จิ้งจอกตนนี้ มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับทักษะการบ่มเพาะพลังของอสูรปีศาจในตำราบ่มเพาะพลังเล่มนี้ มันมีเพียงแค่เก้ามายาสวรรค์ชุดเดียวเท่านั้น
ทำตามวิธีการหมุนเวียนพลังของเก้ามายาสวรรค์เซียวเฉินควบคุมพลังปราณทำให้มันไหลเวียนไปภายในร่างของจิ้งจอกวิญญาณหกหาง กว่าหนึ่งชั่วโมงกระแสพลังปราณนี้ก็หมุนเวียนตามวิถีการบ่มเพาะพลังนั้นจนครบรอบ
ด้วยวิธีนี้มันจะทิ้งร่องรอยวิถีการหมุนเวียนพลังนี้เอาไว้ในร่างของจิ้งจอกวิญญาณหกหาง หลังจากที่มันฟื้นขึ้นมันจะสามารถทำตามวิถีนี้และบ่มเพาะพลังของตัวเอง
นี้เป็นสิ่งที่พอจะตอบแทนได้ เซียวเฉินคิดและถอนพลังปราณเขากลับมา เก้ามายาสวรรค์นี้เป็นทักษะบ่มเพาะพลังลึกลับที่อสูรปีศาจในตำนานเหลือทิ้งเอาไว้
“เจ้าโง่!! ยังไม่รีบหนีไปอีก? เจ้าจิ้งจอกนั้นกำลังจะตื่นขึ้นแล้ว”
ทันใดนั้นก็มีเสียงใสดังขึ้นมาจากความว่างเปล่า เซียวเฉินผู้ที่กำลังจมอยู่กับความคิดตกใจ เขารีบส่งสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปสำรวจรอบทิศทาง
อย่างไรก็ตามนอกจากตัวเขาเองและแม่จิ้งจอกที่กำลังหมดสติเขาก็ไม่พบใครอีก แม้เขาจะบีบสัมผัสวิญญาณเป็นเส้นตรงหมุนวนไปหนึ่งรอบก็ยังไม่เจอใครในระยะกว่าพันเมตรจากตัวเขา
หรือจะหลอนไปเอง? ไม่น่าใช่ เซียวเฉินแตกตื่น
“เจ้าโง่! หยุดส่องได้แล้วข้าอยู่ตรงนี้” ภาพมายาของเด็กสาวผู้หนึ่งลอยช้าๆออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลปรากฎขึ้นต่อหน้าสายตาตื่นตระลึงของเซียวเฉิน
สาวน้อยผู้นี้อายุไม่น่าจะเกินสิบสี่หรือสิบห้าปี นางแต่งตัวด้วยชุดสีแดงแลดูน่ารัก อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถสัมผัสถึงร่างของนางได้เลย
เซียวเฉินแข็งค้างไปเป็นเวลานานก่อนจะดึงสติกลับมาได้ “เจ้าเป็นคนหรือผี? เจ้าออกมาจากไหน”
เมื่อได้ยินคำถามของเซียวเฉิน สาวน้อยก็กลายเป็นโมโห ถึงอย่างนั้นโทสะที่ส่งออกมาจากใบหน้าที่น่ารักนั้น เขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงความโกรธแม้แต่น้อย
“ข้าไม่ใช่ทั้งคนหรือผีข้าเป็นเพียงวิญญาณดาบ ไม่ต้องทำหน้าโง่เง่าถึงเพียงนั้นก็ได้ ชื่อของข้าคืออ๋าวเจียว”
วิญญาณดาบ?
อาจเป็นไปได้ว่ามาจากดาบหักๆจากถ้ำจักรพรรดิสายฟ้า? เซียวเฉินจำได้ทันทีในตอนที่เขาหยดเลือดลงไปบนแหวนห้วงจักรวาลนั้นเขาได้ยินเสียงเด็กผู้หญิง ตอนนั้นเขาคิดว่าเขาหูฝาดไปเอง
เซียวเฉินที่กำลังจะถามคำถามกับนาง จิ้งจอกวิญญาณน้อยก็ได้ออกมาจากหยกวิญญาณสีเลือดและวิ่งตรงไปหาแม่ของมันที่หมดสติอยู่ เขาตกใจและพยายามที่จะจับตัวมันไว้
“ไม่ต้องไปไล่จับหรอก เจ้าตัวน้อยนี่ทำสัญญาเลือดไว้กับเจ้า มันจะไม่หนีไปไหน” อ๋าวเจียวพูดขึ้นหลังจากที่นางเห็นเซียวเฉินกำลังจะไล่ตามมันไป หลังจากพูดจบนางก็บินออกไปจากถ้ำ
แม้ว่าในหัวของเซียวเฉินยังเต็มไปด้วยเรื่องของจิ้งจอกวิญญาณน้อย เขาก็ยังมีคำถามมากอยากจะถามสาวน้อยที่ออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล ดังนั้นเขาไม่มีทางเลือกนอกจากตามนางออกไป
ภายนอกของถ้ำ สาวน้อยนามอ๋าวเจียวไม่ใช่เด็กน้อยที่ละเอียดอ่อน แต่เป็นวิญญาณดาบที่มีความแข็งกร้าวอยู่บนใบหน้า นางยื่นมือขึ้นไปหาท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวราวกับมีบางสิ่งที่นางต้องการแปะอยู่บนนั้น
เซียวเฉินจัดระเบียบความคิดพร้อมกับถามออกไปตรงๆ “เจ้าเป็นใครกันแน่? เกี่ยวข้องยังไงกับข้า? ช่วยบอกข้าที”
อ๋าวเจียวผู้ที่กำลังล่องลอยไปในอากาศจับจ้องไปที่ดวงดาวบนท้องฟ้าหันหน้ากลับมา นางไม่ได้ตอบคำถามของเซียวเฉิน แต่กลับไล่มองเซียวเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับนางกำลังเลือกดูข้าวของในร้านค้า ความผิดหวังปรากฎในดวงตาของนาง
เซียวเฉินเริ่มหมดความอดทน รู้สึกไม่สบายใจภายใต้การสอดส่องของนางและพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “เห้ย! เจ้าเด็กเหลือขอ หยุดส่องข้าได้แล้วตอบคำถามข้ามาเจ้าเป็นอะไรมาจากไหน?”
อ๋าวเจียวคิ้วขมวดนวดกำปั้นมือขวาของนางแกว่งไปมา นางพูดขึ้นอย่างดุดัน “เจ้าเรียกใครว่าเด็กเหลือขอ! เจ้านายขยะ! อย่าคิดว่าข้าจะไม่กล้าโยนเจ้าลงไปทะเลกระดูกทิ้งเป็นอาหารให้ซอมบี้ซะ”
เจ้านายขยะ? เมื่อเซียวเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็เริ่มจับทางได้ สหายตัวน้อยนี้ออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลของเขา
แหวนห้วงจักรวาลของเขานั้นสร้างขึ้นมาจากดาบหักที่ได้มาจากถ้ำจักรพรรดิอัสนีและเจ้าตัวน้อยนี่เคยพูดว่านางเป็นวิญญาณดาบ ตามตำนานของทวีปเทียนวู่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทุกชิ้นนั้นล้วนมีวิญญาณสถิตอยู่ กระบี่ก็จะมีวิญญาณกระบี่ ดาบก็จะมีวิญญาณดาบ หอกก็จะมีวิญญาณหอก
มันคืออาวุธวิญญาณที่มีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ และแต่ละวิญญาณก็จะมีบุคลิกของตัวเอง เมื่ออาวุธศักดิ์มีวิญญาณสิงสถิตมันก็กล่าวได้ว่าเป็นอาวุธวิญญาณที่แท้จริงและพลังของมันก็จะเพิ่มสู้ยิ่งขึ้นไปอีก
ดูเหมือนว่าดาบหักๆในถ้ำของจักรพรรดิอัสนีนั้นจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มันถูกหักออกเป็นครึ่งแต่ก็ไม่รู้เพราะทำไมวิญญาณดาบจึงยังไม่หายไป
เมื่อเขาคิดมาถึงตรงนี้ความเป็นไปได้ก็ยิ่งสูงขึ้น เมื่อเขาหลอมดาบหักนั้นให้กลายเป็นแหวนห้วงจักรวาล เปลี่ยนมันไปเป็นสมบัติห้วงอวกาศ เขาได้กลายเป็นเจ้านายของวิญญาณดาบตนนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อคิดถึงตรงนี้เซียวเฉินก็ยิ้มขึ้น มีวิญญาณดาบโลลิมาเป็นบริวารมันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร แต่ลักษณะบุคลลิกออกไปหลุดกรอบไปสักหน่อย
“นี่!เจ้าโง่!อยู่ๆจะหัวเราะขึ้นมาทำไม? โดนใครเข้าสิงหรือไง? ” อ๋าวเจียวมองไปที่เซียวเฉินที่อยู่ดีๆก็ระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นอย่างงุนงง
เจ้าโง่? โดนสิง?
เซียวเฉินแทบจะกระอักเลือดออกมาพร้อมกับพูดขึ้นอย่างโกรธๆ “ข้าควรจะเป็นเจ้านายของเจ้า แล้วนี้คือทัศนคติที่แสดงต่อเจ้านายรึ?”
มุมปากของอ๋าวเจียวยกขึ้นปรากฎเป็นรอยยิ้มเย็นชา “เจ้านาย? ข้ากำลังจะบอกเจ้า แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ามาเป็นเจ้านายของข้าได้เช่นไรในตอนที่ข้าหลับไหลอยู่ ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้นำไปเปรียบเทียบกับมดยังสงสารมด”
“เจ้าลองนึกถึงช้างที่เดินมาเจอมด ประมาณนั้นแล.. ”
มด? เซียวเฉินโมโหเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขามองไปที่อ๋าวเจียวเขาก็โกรธไม่ลง สาวน้อยคนนี้เหมือนกับงูพิษ ด้วยใบหน้าอันน่ารักของนางไม่มีใครที่จะโกรธนางลง
เซียวเฉินยิ้มขมๆ “เช่นนั้นแม่นางอ๋าวเจียว จุดประสงค์ที่เจ้าออกมาคืออะไร? เพื่อที่จะมาดูถูกเจ้านายขยะผู้นี้?”
“แค่จะมาเตือนให้เจ้าไสตูดออกมา จิ้งจอกวิญญาณหกหางกำลังฟื้นและกำลังคืนสติ หลังจากที่เจ้าลักพาตัวลูกน้อยของมันมาหากเจ้าไม่รีบหนีก็มีแต่ตาย และหากเจ้าตายข้าเจ็บหนัก”
“ดังนั้นรีบๆแกร่งขึ้นได้แล้วเจ้านายขยะ หยุดทำให้วิญญาณดาบต้องมาคอยเป็นกังวล มันช่างน่าละอาย”
หลังจากที่อ๋าวเขียวพูดจบนางก็มองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยผืนดาวก่อนที่จะกลับเข้าไปในแหวนห้วงจักรวาล ไม่ว่าเซียวเฉยจะทำเช่นไรนางก็ไม่ออกมาอีกเลย