ตอนที่ 61 หนึ่งกระบวณท่าทลายพันทักษะ
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นและมุมของสนามประลองที่เซียวเฉินยืนอยู่ถูกเป่ากลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย เศษหินลอยไปทั่วทุกทิศฝุ่นดินกระจายไปในอากาศ สนามประลองเเห่งนี้สร้างขึ้นมาจากศิลาผาสวรรค์ขนาดลึกกว่าสองเมตรทำให้ผู้คนต่างร้องออกมาด้วยความตื่นตะลึง
“จันทราโชติช่วงช่างน่าสะพรึง มันเป่าสนามประลองที่สร้างขึ้นมาจากศิลาผาสวรรค์เป็นผุยผง”
“เจ้าหมอนี้ในอนาคตจะเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด ดั่งเช่นปราชญ์ดาบแห่งสำนักผาขาวที่สามารถสังหารระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธได้ในดาบเดียว”
“เป็นจริงดังนั้น เห็นได้ชัดจากพลังของจางเหอที่เพิ่มขึ้นมา หลังจบการประลองนี้ระดับชั้นพลังในเมืองม่อเหอดูเหมือนจะต้องมีการปรับเปลี่ยน”
“พวกเจ้าคิดว่าเซียวเฉินจะรับมือกันมันได้หรือไม่?”
“ไร้สาระ! มันจำเป็นจะต้องถาม? หลุมขนาดใหญ่ยักษ์บนศิลาผาสวรรค์ ข้าเดาว่าแม้แต่ศพก็ถูกเป่าหายไปด้วย ช่างน่าเสียดายอาวุธปีศาจชิ้นนั้น”
เมื่อจางเหอใช้สยายปีกจันทราโชติช่วงออกมาเหล่าฝูงชนต่างคิดไปแล้วว่าการประลองคงจบลงเพียงเท่านี้แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แสดงออกมา การประลองนี้ช่างเปิดหูเปิดตาพวกเขา มันเพียงพอที่พวกเขาจะเอาไปคุยโวในอนาคต
ความสว่างแพร่กระจายและแสงจันทร์ที่ส่องลงมา จางเหอบินไปตามสายลมและดวงตาของเขานิ่งสงบราวกับน้ำ กระบวณท่าเมื่อครู่ผลาญพลังปราณและพลังของดาบฟ้าครามของเขาไปไม่น้อย หากเขายังทำลายโล่อัสนีสวรรค์ไม่ได้เขาก็อับจนหนทางแล้ว
เอาเถอะมันจะเป็นเช่นนั้นไปได้เยี่ยงไร?
เห็นได้ชัดเจนว่าไม่มีทางเป็นไปได้ มุมปากของจางเหอยกขึ้นปรากฎเป็นรอยยิ้มเย็นชา เขาจับดาบอริยะเงาไว้ในมือและตรงไปที่ปากหลุม ฝีเท้าก้าวไปอย่างเบาและผ่อนคลาย อย่างไรก็ตามเขายังไม่ลดการป้องกันลงแม้แต่น้อย
ด้วยพลังเพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นกลางเซียวเฉินทำให้เขาประหลาดใจมาหลายคราแล้ว เป็นการยากที่จะทำให้เขานิ่งนอนใจ เขายังผ่อนคลายลงไม่ได้… จนกว่ามันจะจบลงจริงๆ
ที่ก้นของหลุมใหญ่นั้นเสื้อผ้าของเซียวเฉินฉีกขาดเป็นชิ้นๆ ดูเหมือนคนตายนอนกองอยู่กับพื้น
ดวงตาปิดสนิทมีสายโลหิตไหลออกมาจากหูตาจมูกปากของเขา ดูเหมือนเขากำลังกำอะไรบางอย่างไว้ในมืออย่างแน่นหนา กระบี่เงาจันทร์ปักอยู่บนพื้นข้างมือขวาของเขา
จางเหอถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ว่าจะมองอย่างไรร่างของเซียวเฉินก็เต็มไปด้วยบาดแผลสาหัส เขาไม่มีทางลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีกต่อไป
ปรากฎรอยยิ้มบางๆ จางเหอกระโดดลงไปและเดินตรงไปหากระบี่เงาจันทร์ เขาพูดอย่างเฉยเมย “ข้าจางเหอ ขอรับอาวุธปีศาจชิ้นนี้ไป”
ในจังหวะที่มือของเขากำลังจะสัมผัสกับด้ามของกระบี่ มือขวาของเซียวเฉินทันใดนั้นก็ขยับและชี้ไปที่จางเหอ ดวงตาที่ปิดสนิทของเขาพลันลืมขึ้นมา
มีประกายแสงสีแดงออกมาจากดวงตาของเขาและรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้า บวกกับใบหน้าที่ท่วมเลือดของเขามันทำให้เขาดูน่ากลัว
จางเหอสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันตราย เขารีบใช้สยายปีกออกมาทันที ชายที่เหินขึ้นมาราวกับวิหคยักษ์กลับขึ้นมาบนเวทีอย่างรวดเร็ว
ข้างหลังเขามีเปลวไฟสีม่วงมันเคลื่อนไหวราวกับงูตามติดเขามาอย่างประชันชิด หากเขาช้ากว่านี้เพียงเสี้ยววินาทีเขาคงจะโดนมันจับตัวไว้ด้วยเปลวเพลิงสีม่วง ผลที่ตามมาจะไม่อาจจิตนาการออกมาได้
เปลวเพลิงสัมผัสโดนเขาจากด้านหลังและเกิดเป็นประกายบนผมของเขา ทันใดนั้นก็มีกลิ่นไหม้ลอยออกมา ผมยาวสลวยกว่าครึ่งของเขาถูกไฟไหม้ไป
จางเหอหมุนเวียนพลังปราณของเขาและผมของเขาก็ชี้ตั้งขึ้น เปลวเพลิงสีม่วงไหม้ลงมาอย่างช้าๆ กำลังจะถึงหัวของเขา
“ซั่ว!”
จางเหอตัดสินใจใช้ดาบในมือของเขาตัดเส้นผมที่ลุกไหม้ทิ้ง ผมที่ถูกตัดทั้งหมดตกลงไปบนพื้น
เส้นผมที่สง่างามของเขาหายไปแล้วทิ้งไว้เพียงกระจุกผมบางๆด้านหลังและส่งกลิ่นไหม้ออกมา
ในขณะนี้สีหน้าของเขาดูน่าเกียจเป็นอย่างยิ่ง สีหน้าเขาเหมือนกับคนที่เพิ่งดื่มเยี่ยวม้า นี่เป็นความรู้สึกที่จางเหอเผชิญในตอนนี้
ฝูงชนที่เห็นจางเหอกระโดดลงไปอย่างสง่างาม พวกเขาคิดว่าเขาคงจะกระโดดกลับมาพร้อมกับกระบี่เงาจันทร์ในมือและจบการประลองลง
หลังจากนั้นพวกเขากลับพบว่าจางเหอกระโดดกลับขึ้นมาด้วยท่าทางน่าเกียจพร้อมกับเส้นผมที่ลุกไหม้ หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็ราวกับคนที่เพิ่งดื่มเยี่ยวมา ไม่มีใครรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น
“พวกเจ้ารู้สึกถึงพลังฉีและโลหิตที่กำลังเดือดพล่านข้างล่างนั้นไหม?”
“ข้าก็สัมผัสได้! มันเป็นความรู้สึกในตอนก่อนที่จะทะลวงระดับขอบเขตขึ้นไป”
“เป็นไปไม่ได้! รอดจากกระกระหน่ำโจมตีแล้วขอบเขตพลังของเขายังยกระดับขึ้นไประดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง?”
ภายในก้นหลุม เซียวเฉินดูดซับหินวิญญาณระดับต่ำที่อยู่ในมือจนหมด จากนั้นเขาก็โยนมันทิ้งไว้ข้างๆหินวิญญาณก้อนนั้นหมดซึ่งประกายแสงและดูเหมือนกับก้อนหินธรรมดาไม่มีค่าอีกต่อไป
เขารู้สึกได้ว่าเม็ดยาห้วนคืนโลหิตที่เขากลืนไปก่อนหน้านี้เริ่มออกฤทธิ์แล้ว เซียวเฉินถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย
จันทราโชติช่วงจะน่ากลัวเกินไปแล้ว แม้แต่โล่อัสนีสวรรค์ที่เทียบได้กับทักษะต่อสู้ระดับปฐพีก็ไร้ประโยชน์และถูกฉีกทิ้งราวกับกระดาษ
ร่างที่ปรากฎขึ้นบนฟ้าราวกับทวยเทพที่ลงมายังโลก ด้วยดาบเดียวเขาทำลายทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องร่างของเขาไว้และดันโลหิตของเขาออกมาจากทวารทั้งเจ็ด
หากเขาไม่โยนเม็ดยาห้วนคืนโลหิตเข้าปากไปก่อนแม้จะมีโล่อัสนีสวรรค์และทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องร่างของเขาอยู่เขาก็ไม่อาจจะลุกขึ้นมาได้อีก
เขาส่งสัมผัสวิญญาณออกไปมองเห็นจางเหออยู่ที่ด้านบนของเวที มุมปากของเซียวเฉินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา เขาหยิบเม็ดยาอีกเม็ดออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล
นี่คือเม็ดยากลืนเมฆาหลังจากกลืนมันเข้าไปในระยะเวลาสั้นๆมันจะเสริมพลังให้กับผู้ใช้ไปหลายเท่าตัว มันช่างน่ากลัวเป็นที่สุด
หลังจากที่ดูดซับหินวิญญาณระดับต่ำเข้าไปเซียวเฉินก็ก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขขั้นสูงสุด เขากลืนเม็ดยากลืนเมฆาตามเข้าไปทันทีและพลังของเขาก็พุ่งขึ้นสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นกลาง
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเซียวเฉินทัดเทียมกับจางเหอ ด้วยการสนับสนุนจากมังกรฟ้าทำให้ตอนนี้เขาเหนือกว่าในทุกด้าน
ฝูงชนที่อยู่ห่างออกไปสามารถสัมผัสได้ถึงพลังของเซียวเฉินที่เพิ่มขึ้นมา จางเหอผู้ที่ยืนอยู่บนเวทีสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสพลังที่กดดันเขาอย่าโหดเหี้ยมและแต่ละคลื่นที่ระเบิดออกมารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“บูม!”
เซียวเฉินกระทืบพื้นพุ่งตัวกระโดดขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง กระแสสายฟ้าที่ห่อหุ้มกระบี่เงาจันทร์ส่องสว่างเจิดจ้าและไร้ขอบเขตพลังฉีลอยอัดแน่นไปเต็มพื้นที่ เขารู้สึกราวกับปีศาจที่กระโดดขึ้นมาจากนรก
นี่เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าของจางเหอกลายเป็นซีดเทา มีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะแพ้ให้กับคมของกระบี่เล่มนั้น เขาคิดในใจอย่างช่วยไม่ได้
“สยายปีกหนึ่งดาบตัด!”
จางเหอไม่อาจทนต่อพลังฉีที่รุนแรงเช่นนี้ได้อีกต่อไป เขาเริ่มเปิดฉากจู่โจม การลงมือของเขาเรียบง่ายและดาบแสงก็ปรากฎออกมา ดาบของเขาเต็มไปด้วยพลังอันไร้ขอบเขตผสานกับทักษะเคลื่อนไหวสยายปีกและสับลงไปที่เซียวเฉินอย่างไร้ความปราณี
เซียวเฉินยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนหน้านี้เขาสังเกตการเคลื่อนไหวของจางเหอทั้งหมด
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นทักษะการเคลื่อนไหวที่จางเหอภูมิใจหนักหนาในตอนนี้เซียวเฉินมองเห็นได้ทะลุปรุโปร่ง จับการเคลื่อนไหวของเขาได้ทันที
“สยายปีกหนึ่งดาบตัด!”
จางเหอตกตะลึง… เซียวเฉินกำลังใช้ทักษะเดียวกันกับเขา เป็นกระบวณท่าเดียวกันอย่างแน่นอนทั้งยังมีแสงดาบออกมา
เซียวเฉินลงมือช้ากว่าจางเหอแต่เขากลับถึงก่อน เขาหลบการโจมตีของจางเหอและสวนกลับไปตรงหัวใจของจางเหอ
“เป็น…ไปได้อย่างไร? เขาสำเร็จวิชาสยายปีก? เพียงแค่มองตาม?” จางเหอพูดขึ้นมาอย่างสับสนสภาพจิตใจของเขาระส่ำระส่าย
เขารู้ซึ้งถึงพลังของสยายปีกหนึ่งดาบตัด เขารีบดึงดาบกลับมาและตั้งท่าป้องกัน ตั้งใจจะรับมันด้วยดาบของเขา
เขาได้ศึกษาร่ำเรียนทักษะดาบสยายปีกและคุ้นเคยกับมันดี เสี้ยววินาทีหลังจากที่ตกตะลึงเขารีบหาทางป้องกันมัน
เท้าของเขาขยับเล็กน้อยและจับดาบขวางป้องกันหน้าอกไว้ เขาคำนวณมุมกระบี่ของเซียวเฉินได้อย่างแม่นยำ
“แคร้ง!”
เมื่อดาบและกระบี่สัมผัสกันเกิดเป็นเสียงดังกังวาลของโลหะออกมา พลังที่ออกมาจากกระบี่เงาจันทร์เกินความคาดหมายของจางเหอ
การจู่โจมอันรวดเร็วและรุนแรงทำให้เขาเสียหลัก กระบี่เงาจันทร์ที่ฝังแก่นกลางปีศาจไว้ข้างในสายฟ้าอันรุนแรงสาดออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
มันผ่านดาบอริยะเงาของเขาและตรงเข้าไปในร่างกาย สายฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังงานอันดุร้ายวิ่งเข้าไปในร่างของจางเหอ มันโหมเข้ามาอย่างรุนแรงปิดกั้นพลังปราณของเขาและทำให้มันแตกสลายไปทันที
“ปุ๊!”
มีรสขมอยู่ในปากของเขาพร้อมกับจางเหอที่กระอักเลือดออกมา ร่างของเขาถอยกลับไปห้าก้าว
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อมองไปยังเซียวเฉิน เขาพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อ “เจ้านำสยายปีกหนึ่งดาบตัดไปผสมผสานกับทักษะกระบี่ของเจ้า! มันเป็นไปได้เยี่ยงไร?!”
“สยายปีกร่ายรำอลหม่านพันปี”
เซียวเฉินไม่ตอบคำถามของจางเหอและใช้กระบวณท่าที่สองของสยายปีกออกไป ร่างของเขาเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วพร้อมกับลำแสงกระบี่ถูกยิงไปที่จางเหอ
“ดาบไขว้พลังฉี!”
จางเหอตะโกนออกมาเสียงดังและเรียกใช่ทักษะที่เคยทำให้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สลายไปเมื่อคราวก่อน กระบวณท่านี้สามารถใช้ป้องกันหรือโจมตีก็ได้ เป็นหนึ่งในทักษะต่อสู้ที่เขาภูมิใจ
ดาบพลังฉีนับไม่ถ้วนออกมาล้อมรอบตัวจางเหอ หมุนวนไปย่างไร้รูปแบบ มันแน่นหนาพอที่ลมก็ไม่อาจเล็ดรอดผ่านไปได้ป้องกันการโจมตีจากภายนอก
เซียวเฉินไม่ได้มีจิตวิญญาณยุทธดาบศักดิ์สิทธิ์ดังนั้นด้วยระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธเขาไม่อาจใช้ดาบพลังฉีได้
ดังนั้นเขาจึงใช้ต้นกำเนิดปัญญายุทธมาปรับเปลี่ยนเลียนแบบสยายปีกร่ายรำอลหม่านพันปี อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่อาจะยิงดาบพลังฉีออกไปได้และทำได้เพียงยิงกระบี่แสงที่สร้างขึ้นมาจากพลังปราณของเขา
ถึงอย่างนั้นการโจมตีจากต้นกำเนิดปัญญายุทธ ทักษะป้องกันใดๆล้วนมีช่องโหว่ นอกจากนั้นเซียวเฉินยังมีจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าและพลังของกระบี่แสงของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าดาบพลังฉีของจางเหอ
หลังจากดาบไขว้พลังฉีของจางเหอรับกระบี่แสงไปนับพันมันก็ถูกทำลายลง กระบี่แสงอีกสองร้อยที่เหลือปะทะเข้ากับร่างของจางเหอ
จางเหองร้องออกมาอย่างเจ็บปวดส่งเสียงออกมาไม่หยุด เสื้อผ้าชั้นดีของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นด้วยกระบี่แสงเปลี่ยนมันกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว ร่างของเขาเต็มไปด้วยหลายร้อยบาดแผล
“ปัง!”
หลังจากที่สยายปีกร่ายรำอลหม่านพันปีจบลงเซียวเฉินผู้ที่กำลังร่อนลงมาปล่อยลูกเตะออกไประหว่างที่เขากำลังลอยตัวสูง จางเหอถูกเตะลงไปนอนกับพื้น หลังจากตีลังกาหนึ่งตลบเซียวเฉินก็ลงจอดอย่างนิ่มนวล
“อย่าคิดว่าเพียงเจ้ายกระดับพลังขึ้นมาเทียบเท่ากับข้าจากนั้นก็ลักวิชาสยายปีกของข้าไปใช้แล้ว ข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้” จางเหอที่อยู่กับพื้นพูดใส่เซียวเฉินอย่างโหดเหี้ยม
“ดาบศักดิ์สิทธิ์,ดาบฟ้าคราม!”
เขาใช้นิ้วมือเป็นดาบและชี้ไปทางเซียวเฉิน ประกายแสงดาบศักดิ์สิทธิ์ปรากฎขึ้นตรงหน้าส่องแสงสีเหลืองทอง มันทำให้ท้องฟ้าสว่างเติมเต็มทุกพื้นที่ไปด้วยแสงสีเหลืองอบอุ่น
“นี้มันคือต้นกำเนิดดาบศักดิ์สิทธิ์ เขาใช้ต้นกำเนิดของจิตวิญญาณยุทธดาบฟ้าครามออกมา!”
“มันช่างบ้าบิ่น! หากดาบศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกทำลายการบ่มเพาะพลังของเขาก็จะกลายเป็นพิกการ เปลี่ยนให้เขาเป็นขยะไปตลอดกาล”
เสียงประหลาดใจของฝูงชนดังขึ้นมาอีกครั้ง จางเหอเดิมกันด้วยการบ่มเพาะพลังของเขาเผชิญหน้ากับเซียวเฉิน
“สยายปีกจันทราโชติช่วง”
สายตาของเซียวเฉินนิ่งสงบ ต้นกำเนิดปัญญายุทธค่อยๆเลียนแบบกระบวณท่าที่สามของสยายปีก ปรากฎการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง
ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำลึกและจันทร์เต็มดวงก็ส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามรูปทรงของมันนั้นไม่เหมือนเดิม มีเพียงแค่จันทร์เต็มดวงเท่านั้นที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าส่องแสงไปทั่วทุกหนแห่ง
ทำไม ‘เทพ’ ถึงไม่ปรากฎตัวออกมาเซียวเฉินรู้อยู่แล้วในใจ นั้นเป็นเพราะวิถีแห่งดาบของเขานั้นไม่เพียงพอ เขาสามารถทำได้เพียงเลียนแบบรูปร่างของจันทราโชติช่วงเท่านั้นไม่ใช่เนื้อแท้ของมัน
อย่างไรก็ตามเซียวเฉินก็มีวิถีทางของเขาแล้ว ต้นกำเนิดปัญญายุทธคือพลังฉีโจมตีที่แกร่งที่สุดภายใต้สวรรค์และไม่มีอะไรสามารถป้องกันได้ เมื่อเขาไม่สามารถใช้ความซับซ้อนของดาบได้เช่นนั้นเขาก็จะแทนมันด้วยพลังอันเด็จขาดและตัดสินทุกอย่างด้วยกระบวณท่าเดียว
กระบี่แทงลงและจันทร์เต็มดวงบนฟ้าก็ค่อยๆลดต่ำลงมา ลงมาอย่างรุนแรงตรงไปที่ดาบฟ้าครามในมือของจางเหอ!