ตอนที่ 71 ผู้ต้องสงสัย
แหวนห้วงจักรวาลวงนี้มีพื้นที่ที่เป็นอิสระมันแตกต่างจากแหวนห้วงมิติของโลกนี้ สิ่งมีชีวิตสามารถใส่เข้าไปในแหวนได้หากได้รับการยินยอมหรือว่าหมดสติอยู่ นี่เป็นพลังของสมบัติเวทมนต์
มองดูเศษซากความพินาศในบริเวณโดยรอบเซียวเฉินไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะออกล่าอีกต่อไป นอกจากนั้นพวกเขาสร้างความปั่วนป่วนครั้งใหญ่ในป่ามันอาจจะดึงดูดอสูรวิญญาณที่แข็งแกร่งเข้ามา หากเป็นเช่นนั้นก็มีเพียงแต่ความตายที่จะรอเขาอยู่
เมื่อเซียวเฉินกลับมาที่ค่ายพักเซียวอวี่หลันและคนอื่นๆได้ตื่นขึ้นมาหมดเรียบร้อยและมารวมตัวกันที่ลานของค่ายพัก เห็นได้ชัดว่าเสียงวินาศสันตะโรเมื่อครู่ปลุกพวกเขาตื่นขึ้นมา
“น้องเฉินเจ้าออกไปที่ไหนมา? ทุกคนเป็นห่วงเจ้ามาก” เซียวอวี่หลันกล่าวกับเซียวเฉินมีความโกรธแกมเข้ามาในน้ำเสียง
เซียวเฉินรู้สึกละอายใจ “ไม่มีอะไร ข้าแค่รู้สึกอะไรบางอย่างจึงออกไปตรวจสอบดู”
“แต่พวกที่เฝ้ายามกลางคืนก็บอกว่าไม่เห็นเจ้า หากเจ้าจะออกไปข้างนอกก็บอกกล่าวกันไว้บ้าง” เซียวอวี่หลันกล่าวขณะที่ชี้นิ้วไปทางคนสองคน
เซียวเฉินรู้สึกปวดหัว ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นเซียวเจี้ยนที่อยู่ในฝูงคนและรีบพูดขึ้น “ข้าบอกเซียวเจี้ยนไว้แล้ว เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่?”
เซียวเจี้ยนยืนแข็งก่อนที่จะพยักหน้า “อืม เขาบอกข้าไว้”
เซียวเฉินยิ้มขึ้น “ข้าไม่ได้โกหกเจ้าเห็นไหม? กลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ยามกลางคืนก็ทำหน้าที่ต่อไป ข้าเพียงแค่ออกไปตรวจสอบและก็ไม่เจออะไร”
ในวันที่สองของการทดสอบเซียวเฉินกลัวว่าพวกเขาจะวนไปเจอร่างสีดำน่ากลัวคนนั้น เขาตัดสินใจว่าพวกเขาทั้งสิบจะจับกลุ่มออกล่าไปด้วยกัน
ภาพของร่างสีดำที่กำลังกัดกินเครื่องในเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองยังฝังลึกอยู่ในใจของเซียวเฉิน ถึงแม้ว่าร่างสีดำนั้นจะบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์เมื่อคืนเขาก็ยังไม่กล้าแยกกลุ่มไปอยู่ดี
ในวันที่สองพวกเขาพบเข้ากับอสูรปีศาจระดับ 3 และระดับ 4 พุ่งออกมาระหว่างการทดสอบ แม้ว่าเซียวเฉินจะใช้สัมผัสวิญญาณหลบเลี่ยงพวกมันมาได้เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องอยู่ดี
“ปัง!ปัง!”
ในวันที่สามของการทดสอบเซียวเฉินได้ยินเสียงทุบดังขึ้นมาจากแหวนห้วงจักรวาล เขางุนงงมันดูเหมือนราวกับพื้นที่ในแหวนห้วงจักรวาลกำลังแตกสลาย
ดูเหมือนว่าหญิงสาวชุดขาวจะฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว เขายุ่งกับการนำพากลุ่มคนออกล่าและฝึกฝนตัวเองในตอนกลางคืนจึงลืมนางไปเสียสนิท
เซียวเฉินรีบหยิบแก่นกลางปีศาจระดับ 2 ออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล เขาเกรงว่าถ้าหากเขาไม่นำมันออกมาพวกมันอาจจะโดนหญิงสาวชุดขาวผู้นี้อาละวาดทุบแหลกเป็นชิ้น หากมันเกิดขึ้นจะเสียหายไม่น้อย จากความพยายามทุ่มเทในสองสามวันมานี้พวกเขาเกือบจะเก็บรวบรวมได้ครบสองร้อยชิ้น
“พี่สาวอวี่หลัน ข้าฝากของพวกนี้ไว้กับเจ้าก่อนรวมถึงแก่นกลางปีศาจที่ได้รับมาต่อจากนี้ด้วย ข้าจะปลีกตัวไปสักครู่”
เซียวอวี่หลันมองดูเซียวเฉินที่ตื่นตระหนก “น้องเฉินเจ้ากำลังจะไปทำอะไร? พวกเรากำลังจะไปกันต่อ”
“ข้ายังไม่มีเวลามาอธิบาย ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการตอนนี้” เซียวเฉินพูดอย่างรวดเร็ว มีเลือดหยดในแก่นกลางภายในแหวนห้วงจักรวาล ในทุกครั้งที่มีเสียงทุบดังออกมามันรู้สึกเหมือนเกิดระเบิดขึ้นในใจของเขา
คนที่เหลือเห็นเซียวเฉินใช้อัสนีหลบเลี่ยงและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เซียวอวี่หลันกระทืบพื้นอย่างเกรี้ยวกราดมองดูร่างของเขาที่หายไปอย่างรวดเร็ว
…
หลังจากที่เซียวเฉินออกมาไกลพอและแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณเขาก็ปลดปล่อยหญิงสาวคนนั้นออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล
“สารเลว! ตาย!” หญิงสาวคนนั้นถือหอกสีทองไว้ในมือและโจมตีใส่เซียวเฉินในทันทีที่เขาปล่อยนางออกมา
การโจมตีเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธและพลังงานพลุ่งพล่าน มันลอยไปทางเซียวเฉินอย่างไร้ความปราณี ทำให้เขาตกใจและกระโดดถอยหลังหลบไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้เฮ้ มองดูตัวเองก่อนว่ามีอะไรเสียหายก่อนที่จะเรียกข้าสารเลว” เซียวเฉินรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นว่านางกำลังจะลงมืออีกครั้ง
หญิงสาวเห็นว่าตัวนางตอนนี้เหลือเพียงชุดชั้นในใบหน้าซีดขาวของนางก็ปรากฎเป็นสีแดง “มาถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่ยอมรับ ตายซะ!”
นางคว้าหอกสีทองหันขึ้นมาอีกครั้งเจตนาฆ่าบางเบาปรากฎขึ้นในดวงตาของนางเตรียมพร้อมจะลงมือ
เซียวเฉินเห็นว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ นางผู้นี้มีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขาก็คาดถึงเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนและเตรียมตัววิ่ง
“ปัง!”
มีเสียงใครบางคนสะดุดดังมาจากข้างหลังเขา เซียวเฉินหันหัวไปมองและพบว่าก่อนที่นางจะได้ลงมือนางก็ล้มพับลงไปกับพื้น เขารีบหันกลับและเดินตรงมา
“อย่ามาแตะตัวข้า!” หญิงสาวพูดอย่างเกรี้ยวกราด
เซียวเฉินกล่าวอย่างหมดปัญญา “ข้าสัญญาว่าจะไม่แตะต้องเจ้า ข้าแค่อยากจะบอกว่าข้าไม่ใช่สารเลว มองดูบาดแผลบนตัวของเจ้าก่อนว่ามีอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง ข้าแค่ใส่ยาให้เท่านั้นไม่ได้ทำอะไรอีก”
“อย่าจ้องจะกินเลือดข้าเช่นนั้น ดูสภาพตัวเจ้าเองก่อน หากข้าจะทำอะไรเจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะมีทางขัดขืน”
หลังจากนั้นพักใหญ่หญิงสาวก็พูดขึ้น “เช่นนั้นข้าจะลองเชื่อใจเจ้า อย่างไรก็ตามทำไมถึงขังข้าไว้ข้างในนั้น?”
เซียวเฉินรีบอธิบายสถานการณ์ของเขาจนในที่สุดนางก็ยอมเชื่อ “ช่วยข้าก่อนตอนนี้ข้าจะเชื่อใจเจ้า”
เซียวเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอกและช่วยพยุงนางขึ้นจากนั้นก็ไปยืนพิงที่ต้นไม้ “จริงสิ ข้ายังไม่ได้ถามชื่อเจ้าเลย”
“ชื่อข้า? เยว่หญิง” หญิงสาวพูดขึ้นเบาๆหลังจากนั้นก็มีเสียงร้องดังมาจากท้องของนาง นางอดไม่ได้ที่จะอับอาย
หลังจากที่เซียวเฉินได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และหยิบเม็ดยาอดอาหารออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล “กินนี่ หลังจากเจ้ากินเข้าไปเจ้าจะไม่หิว”
รับเม็ดยาอดอาหารมาเยว่หญิงไม่ได้ลังเลที่จะกลืนมันลงไป หลังจากนั้นท้องที่ว่างเปล่าของนางก็ไม่รู้สึกหิวอีกต่อไป นางพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “เจ้าเป็นนักปรุงยา? เม็ดยานี่ช่างน่าอัศจรรย์”
เซียวเฉินพยักหน้า “เจ้าช่างกล้าจริงไม่กลัวว่าข้าจะวางยาเจ้า?”
ในตอนนี้เยว่หญิงฟื้นคืนความแข็งแกร่งกลับมาบางส่วน นางลุกขึ้นยืดร่างกาย “เมื่อข้าเลือกที่จะเชื่อใจเจ้าข้าก็ไม่ลังเล นอกจากนั้นหากข้าอยากจะฆ่าเจ้าซะตราบที่ข้ายังหายใจอยู่มันก็เป็นเรื่องง่ายดาย”
เซียวเฉินเม้มปากทำไมผู้หญิงทุกนางที่เขาพบเจอทั้งหมดถึงได้แข็งแกร่งนัก? อ๋าวเจียวก็แข็งแกร่งแล้วตอนนี้ก็เยว่หญิง
“นานเท่าไหรแล้วที่ข้าอยู่ในช่องว่างนั้น?” ทันใดนั้นเยว่หญิงก็ถามขึ้น
“ประมาณสามวัน”
เยว่หญิงสีหน้าเปลี่ยน “ไม่! พวกคนจากมณฑลฉี่จื๊อถูกเย่เฉินโจวฆ่าล้างไปแล้วเป็นแน่ เจ้าไปพาคนที่เข้าร่วมการทดสอบนี้ออกไปให้ไว อสูรปีศาจกำลังจะเริ่มโจมตีแล้ว”
เซียวเฉินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจำได้ว่าเขาไปเจอกับอสูรปีศาจระดับสูงเพิ่มขึ้นในสองสามวันมานี้เป็นไปได้ว่าผู้เชี่ยวชาญที่มณฑลฉี่จื๊อส่งไปที่ใจกลางป่าทมิฬจะถูกสังหารไปหมดแล้ว?
“ฟุ่บ!”
ทันใดนั้นก็มีเปลวไฟต่างสีปรากฎขึ้นในป่าทมิฬอันมืดมิด พวกนั้นเป็นสัญญาณฉุกเฉินของตระกูลจาง ตระกูลเซียวและตระกูลถัง
เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทั้งสามตระกูลถึงส่งสัญญาณฉุกเฉินออกมาในเวลาเดียวกัน? เซียวเฉินงุนงง
“ข้ากำลังจะกลับไปแล้วเจ้าจะเอายังไงต่อ?” เซียวเฉินถามเยว่หญิง
เยว่หญิงยิ้มขึ้นอย่างเฉยเมย “ไปเถอะ ข้าไม่ได้บาดเจ็บหนักหนาอะไร เพียงแค่เหนื่อยล้าจากการที่ใช้ทักษะนั้นออกมา ข้าพักฟื้นได้สักชั่วโมงข้าก็จะไปแล้ว”
เซียวเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา “เช่นนั้นข้าจะอยู่ปกป้องเจ้าหนึ่งชั่วโมง”
“ขอบคุณ” เยว่หญิงกล่าวอย่างจริงใจ ในตอนนี้นางอ่อนแอที่สุดและต้องการคนค่อยเฝ้าระวังให้
เยว่หญิงนั่งลงขัดสมาธิและเงามังกรทั้งเก้าก็ว่ายเวียนไปรอบตัวนาง กระแสพลังฉีมังกรสีทองถูกปล่อยออกมาจากร่างของนางอย่างต่อเนื่อง ม่านพลังของนางแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆทีละเล็กน้อย
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงทันใดนั้นเยว่หญิงก็ลืมตาขึ้นมา อาการบาดเจ็บก่อนหน้าถูกรักษา นางไม่ได้ให้ความรู้สึกอ่อนแอแบบก่อนหน้านี้ ในตอนนี้นางเต็มไปด้วยกระแสพลังพลังกดข่ม
นางพยักหน้าไปที่เซียวเฉินและมังกรสีทองตัวเล็กก็ลอยเข้าไปในร่างของเซียวเฉิน มันว่ายเวียนไปทั่วร่างของเขาก่อนที่จะรวมเข้ากับจิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้า
“เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ เมื่อถึงคราวจำเป็นมังกรฉีตนนี้จะป้องปกชีวิตเจ้า” หลังจากที่นางพูดจบนางก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าและหายไปอย่างรวดเร็ว ร่างอันงดงามหายไปจากสายตาของเซียวเฉิน
เซียวเฉินไม่ลังเลที่จะจากไปบ้าง จากที่นางสามารถใช้เพลิงมังกรได้เซียวเฉินเดาถึงตัวตนของนาง เยว่หญิงเมื่อเขากลับชื่อนางมันก็คืออิงเยว่ มันชัดเจนว่านางมาจากตระกูลราชวงศ์ของอาณาจักรต้าฉินอันเกรียงไกร ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองช่างไกลแสนไกล
หลังจากดึงสติกลับมาที่เรื่องตรงหน้าเซียวเฉินก็ตรงกลับไปที่ค่ายพักของตระกูลเซียว ทั้งสามตระกูลยิงสัญญาณฉุกเฉินออกมาพร้อมกันจะต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น
“ทำไมถึงไม่มีใครอยู่สักคน?”
เมื่อเซียวเฉินรีบตรงกลับมาที่ค่ายพักเขาพบว่าข้าวของทุกอย่างถูกเอาไปหมดแล้ว แม้แต่ซากอสูรปีศาจในห้องเก็บของก็ถูกเก็บเอาไป
เป็นไปได้ว่าพวกเขาถอยกลับออกไปหมดแล้ว?