ตอนที่ 72 ใครเป็นที่หนึ่ง
เซียวเฉินมองดูไปรอบๆและคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ทุกคนจะถอยหนีกลับออกไปหมดแล้ว คิดถึงที่เยว่หญิงบอกมาเขาเดาว่าผู้คนในมณฑลฉี่จื๊อได้รับข่าวแล้วจึงยุติการทดสอบนี้ก่อนกำหนด
เมื่อเขากำลังจะกลับออกไปทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตราย เขาปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไปและเขาพบผู้บ่มเพาะพลังซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ทางซ้ายสูงขึ้นไปยี่สิบเมตร
นักบ่มเพาะพลังผู้นี้เก็บซ่อนกระแสพลังของเขาและจ้องมองมาที่เซียวเฉิน เขากำลังรอโอกาสที่จะสังหารเซียวเฉิน
เซียวเฉินควบคุมสัมผัสวิญญาณของเขาและหลังจากที่เห็นได้อย่างชัดเจนเขาหัวเราะออกมาในใจอย่างช่วยไม่ได้ คนคนนั้นคือระดัขอบเขตปรมจารย์ของตระกูลจาง เขาน่าจะมาถึงพร้อมกับสองผู้อาวุโสจากตระกูลถัง ไม่รู้ว่ามันผู้นี้รอดเงื้อมือของเย่เฉินโจวมาได้เช่นไร
อย่างไรก็ตามกระแสพลังของเขาดูเหมือนจะอ่อนแอ ระหว่างที่หลบเลี่ยงเย่เฉินโจวมาหลายวันเขาจะต้องเสียพลังปราณไปจำนวนไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้หยุดพักผ่อนเลย
ในสถานการณ์ปัจจุบันมันไม่ได้กลับออกไป แต่วนกลับมาดักฆ่าข้า นี่แสดงให้เห็นว่าตระกูลจางเกลียดข้าถึงเพียงใด เซียวเฉินคิดกับตัวเอง
ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้อย่างดีที่สุดก็เหลือพลังเพียงครึ่งเดียว เซียวเฉินไม่ได้คิดที่จะหลบหนีไป สำหรับเขานี่มันเป็นการทดสอบพลังที่ดี น่าสนใจลองมากว่าอสูรปีศาจเสียอีก
เขาตัดสินใจลงมือก่อนทันที สายฟ้าพุ่งพาดผ่านทันใดนั้นเซียวเฉินก็ปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของชายคนนั้น กระบี่เงาจันทร์ส่องแสงเจิดจ้าและพลังอันไร้ขอบเขตของแก่นกลางปีศาจระดับ 6 แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
ชายคนนั้นหันกลับมาเจอกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของเซียวเฉิน ความประหลาดใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนเขาไม่รู้ว่าเซียวเฉินทราบที่ซ่อนของเขาได้อย่างไร
…..
ชายขอบของป่าทมิฬพระอาทิตย์ลอยสูงบนท้องฟ้าฉายแสงลงมา
“ท่านพ่อ ทำไมถึงเรียกพวกเรากลับมา? น้องเฉินยังไม่กลับออกมาเลย” เซียวอวี่หลันพูดกับเซียวเฉียงน้ำเสียงไม่พอใจอย่างชัดเจน
ไม่นานหลังจากที่เซียวเฉินปลีกตัวออกไปเซียวเฉียงนำระดับขอบเขตปรมจารย์สี่คนไปที่ค่ายพักของตระกูลเฉิน เขาบอกว่าการทดสอบต้องจบก่อนกำหนดและจากนั้นก็พาทุกคนออกมาในทันที
เซียวเฉียงขมวดคิ้ว “นอกจากระดับขอบเขตปรมจารย์ที่หนีรอดออกมาได้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่มณฑลฉี่จื๊อส่งไปที่แก่นกลางป่าทมิฬถูกฆ่าตายแม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญที่พวกเขาส่งไปก็ไม่รอด”
เหล่าคนข้างหลังหายใจเข้าอย่างรุนแรง “แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่รอด?! อสูรปีศาจในป่าทมิฬน่ากลัวถึงเพียงนั้น?”
“เขาถูกฆ่าด้วยน้ำมือของมนุษย์ไม่ใช่อสูรปีศาจ นอกจากนั้นวิธีการตายยังน่าสยดสยอง มณฑลฉี่จื๊อรายงานเรื่องนี้ให้ราชวงศ์ทราบแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปจัดการได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการทดสอบจึงถูกยกเลิก” เซียวเฉียงอธิบาย
สีหน้าของเซียวอวี่หลันเปลี่ยนเล็กน้อยและนางพูดด้วยเสียงเป็นกังวล “เช่นนั้นหมายความว่าน้องเฉินตกอยู่ในอันตราย? ข้าต้องกลับไปตามหาเขา”
“บ้าบอ!” เซียวเฉียงตะโกนเสียงดัง “เจ้าจำสิ่งที่เกิดขึ้นที่ภูเขาชีเจี่ยวได้ไหม? เจ้าคิดว่าเชียวเฉินจะตายง่ายเช่นนั้นเชียว? หากเขาอยากจะหนีแม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็จับตัวเขาไม่ทัน หากเจ้ากลับเข้าไปก็รังแต่จะไปเป็นภาระให้เขา”
ดวงตาของเซียวอวี่หลันกลายเป็นสีแดงแต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“ผู้อาวุโสเซียวท่านทำอะไรอยู่? กำลังดุด่าใคร? นั้นมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น” ผู้นำตระกูลถังพากลุ่มของเขาตรงเข้ามา “แล้วนายน้อยสองของตระกูลท่านหายไปไหน? ทำไมข้าไม่เห็นหัวเขา? หรือจะโดนอสูรปีศาจจับกินไปแล้ว?”
เซียวเฉียงมองไปที่ผู้นำตระกูลถังอย่างเย็นชาและกล่าวเยาะเย้ย “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าทำในป่าทมิฬ น่าเสียดายที่สวรรค์ยังมีตาและผู้อาวุโสของพวกเจ้าสองคนก็หายไปอย่างไร้ค่า”
สีหน้าของถังเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากนั้นก็ยิ้มขึ้น “ข้าไม่เห็นเข้าใจว่าผู้อาวุโสเซียวกำลังพูดถึงเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามแม้ว่าการทดสอบจะจบลงก่อนกำหนดพวกเราก็ต้องมาตัดสินผลลัพธ์ระหว่างพวกเราสามตระกูล ข้าสงสัยว่าตระกูลเซียวจะล่าแก่นกลางปีศาจมาได้สักเท่าไหร?”
“เอาไว้ก่อน เมื่อเจ้าเมืองมาถึงข้าจะรายงานด้วยตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็หวังว่าจำนวนที่ตระกูลถังรายงานจะไม่ต่ำจนเกินไป”
ตระกูลเซียวเก็บรวบรวมแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาได้ทั้งหมด 180 ก้อน เซียวเฉียงพึงพอใจเป็นอย่างมากด้วยจำนวนเท่านี้ในระยะเวลาสามวัน ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องไปเกรงกลัวการเยาะเย้ยจากถังเทียน
ไม่นานนักเจ้าเมืองตู้กู่เฟิงก็เรียกคนจากทั้งสามตระกูลมารวมกัน สีหน้าของเขาดูสบายๆราวกับว่าเรื่องป่าทมิฬไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา
ตู้กู่เฟิงยิ้มขึ้น “แม้ว่าจะเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นทำให้การทดสอบต้องจบก่อนกำหนดพวกเราก็จะนับตามกฎเดิม การเเข่งขันระหว่างทั้งสามตระกูลยังดำเนินต่อไป ข้าสงสัยว่าจะมีใครสามารถเอาชนะตระกูลเซียวได้หรือไม่พวกเขาเป็นที่หนึ่งในครั้งที่ผ่านมา”
“เริ่มจากตระกูลจาง ข้าสงสัยนักว่าพวกเขาจะเก็บรวบรวมแก่นกลางปีศาจมาได้กี่ก้อน?”
สีหน้าผู้นำตระกูลจางกลายเป็นน่าเกียจเมื่อเขาได้ยินดังนั้น ในครั้งนี้ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลจางของพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจากจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาได้รับความเสียหาย ผลการเก็บเกี่ยวของพวกเขาไม่ได้ดีเท่าไหร อย่างไรก็ตามเมื่อท่านเจ้าเมืองถามมาพวกเขาก็ต้องรายงานไป
“ตระกูลจางได้รับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาทั้งหมด 50 ก้อนในการออกล่าครั้งนี้” ผู้นำตระกูลจางกล่าวขึ้น
ตู้กู่เฟิงไม่ไดตกใจอะไรกับผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ้มขึ้นเบาๆและพูดขึ้น “ไม่เป็นไร จางเหอไม่ได้มาเข้าร่วมดังนั้นได้ผลลัพธ์มาเช่นนี้ก็ถือว่าไม่เลว”
“ต่อไป ตระกูลถังรายงานจำนวนมา ข้าค่อนข้างคาดหวังกับตระกูลถัง”
ถังเทียนยิ้มอย่างไม่แยแส “ท่านเจ้าเมืองกล่าวเกินไปแล้ว ในครั้งนี้ตระกูลถังได้รับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาทั้งหมด 100 ก้อน”
หลังจากที่ถังเทียนกล่าวจบเขาก็หน้ามองมาทางเซียวเฉียง ความหมายออกมาจากสายตาของเขาชัดเจนว่าถึงตาพวกเจ้าแล้ว
เซียวเฉียงถอดหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินรายงานจากตระกูลถัง เมื่อเห็นท่านเจ้าเมืองมองมาทางเขาเซียวเฉียงก็พูดขึ้น “ในการทดสอบครั้งนี้ ตระกูลเซียวได้รับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาทั้งหมด 180 ก้อน”
ตู้กู่เฟิงหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินดังนั้น “ดูเหมือนตระกูลเซียวจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ยินดีด้วยดูเหมือนตระกูลเซียวจะชนะในการทดสอบนี้อีกครั้ง”
ถังเทียนเผยรอยยิ้มลึกๆ “ท่านเจ้าเมืองอย่ารีบร้อนยินดีกับพวกเขาไป ถังเฟิงเอาของออกมาให้ท่านเจ้าเมืองดู”
ถังเฟิงเดินขึ้นหน้ามาเมื่อได้ยินเช่นนั้นและหยิบแก่นกลางปีศาจหกชิ้นวางพวกมันลงที่ด้านหน้าของท่านเจ้าเมือง เรืองแสงที่เปล่งออกมาจากแก่นกลางปีศาจทั้งหกนี้ลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากแก่นกลางปีศาจระดับ 2
ใครบางคนข้างหลังเขาอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “พวกนั้นเป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3”
“ถูกต้อง มันเป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3 จริงๆ!” คนด้านข้างอีกคนหยิบแก่นกลางปีศาจขึ้นมาตรวจสอบดู
อสูรปีศาจระดับ 3 เทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธ ถังเฟิงคนนี้สามารถจัดการอสูรปีศาจระดับ 3 ได้ถึงหกตัว มันช่างเหลือเชื่อ
“เมืองม่อเหอจัดการทดสอบมาแล้วก็หลายครั้งจนถึงตอนนี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครจัดการอสูรปีศาจระดับ 3 ได้มาก่อนในอดีต ดูเหมือนว่าตระกูลถังจะเป็นคนแรกที่ทำได้ เหนือยิ่งกว่าตระกูลเซียว!”
“แน่นอน ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นเขายังอยู่เพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง ด้วยระดับความแข็งแกร่งในปัจจุบันเมื่อเขาเติบโตขึ้นจะไม่มีใครสามารถล้มเขาได้ในศึกสัญญาสิบปีที่กำลังจะมาถึง”
ตู้กู่เฟิงมองไปที่แก่นกลางปีศาจระดับ 3 ที่ถังเฟิงส่งมาให้ ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นเบาๆ “ดูเหมือนว่าตระกูลเซียวจะไม่อาจขึ้นเป็นที่หนึ่งได้ในครั้งนี้ มูลค่าของแก่นกลางปีศาจระดับ 3 นั้นอาจเทียบเท่าได้กับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 100 ก้อน”
ถังเทียนยืดหน้าพร้อมกับมองไปที่เซียวเฉียง “ผู้อาวุโสเซียวข้าต้องขออภัย ดูเหมือนที่หนึ่งในการทดสอบครั้งนี้ตระกูลถังของพวกเราคงต้องขอรับไป”
หลังจากที่ชนะตระกูลเซียวได้ในการทดสอบครั้งนี้และหากว่าพวกเขายังสามารถชนะตระกูลเซียวในศึกสัญญาสิบปี ศักดิ์ศรีของตระกูลเซียวจะแหลกสลายย่อยยับ
ทุกคนที่มีธุรกิจหรือข้อตกลงร่วมกับตระกูลเซียวเมื่อได้เห็นสถานการณ์ก็จะยุติสัญญากับพวกเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นตระกูลเซียวก็จะตกสู่หายนะ
สีหน้าของเซียวเฉียงไม่น่าดูนัก ในตอนเขาคิดว่าจะชนะได้อย่างแน่นอนแล้วแต่ตอนนี้เขาถูกลากออกมาตบหน้า ถังเทียนช่างต่ำทราม
สีหน้าของศิษย์ตระกูลเซียวทุกคนก็ดูไม่ดีเช่นกัน การทดสอบนี้ส่งผลต่อชื่อเสียงของตระกูล พวกเขารู้สึกต้องรับผิดชอบที่คว้าที่หนึ่งมาไว้ไม่ได้ แม้แต่เซียวหลิงเอ๋อที่ซื่อบื้อเป็นปกติในตอนนี้ก็กัดริมฝีปากของนางด้วยสีหน้าเศร้าสลดหมอง
ในตอนนี้เองเซียวเจี้ยนก็เดินขึ้นหน้าฝูงชนออกมาและเดินตรงไปที่ท่านเจ้าเมือง เขาหยิบแก่นกลางปีศาจห้าก้อนออกมาและพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “ข้าก็ได้แก่นกลางปีศาจระดับ 3 มาห้าก้อน ท่านเจ้าเมืองโปรดตรวจสอบ”
หลังจากที่พูดจบเขาก็เดินกลับไปข้างหลังโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก สีหน้าเขาราวกับผืนน้ำนิ่งสงบทำให้คนอื่นไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“นั้นเซียวเจี้ยน เป็นไปได้ว่าเขาก็ได้แก่นกลางปีศาจระดับ 3 มาเหมือนกัน?”
“คนคนนี้ก็เคยเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นไปได้เหมือนกันว่าเขาก็ได้แก่นกลางปีศาจระดับ 3 มา?”
ข้าได้ยินว่าความหลังจากได้รับความอับอายที่จางเหอมอบให้เขาก็เก็บตัวเงียบ พอคิดว่าเขาจะกลับออกมาสร้างความประหลาดใจเช่นนี้ ข้าสงสัยว่าจะดึงตระกูลเซียวขึ้นมาจากความพ่ายแพ้ไดเหรือไม่?
“ข้าว่าน่าจะยาก หลังจากที่เขาหยิบแก่นกลางปีศาจระดับ 3 ออกมาเพียงห้าก้อน ถังเฟิงมีหก”
ผู้ที่อยู่ด้านข้างเจ้าเมืองหันมาพูดคุยกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าผลของการทดสอบในครั้งนี้จะทำให้พวกเขาประหลาดใจได้เช่นนี้ ไม่เพียงครั้งเดียวแต่ถึงสองครั้ง
ตู้กู่เฟิงพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้น “แก่นกลางปีศาจพวกนี้เป็นระดับ 3 อย่างแน่นอน ตระกูลถังมีแก่นกลางปีศาจระดับ 3 มากกว่าหนึ่งแต่ตระกูลเวียวก็มีแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มากกว่าตระกูลถัง 80 ก้อน หลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่ข้ารู้สึกว่าควรจะให้เป็นเสมอกัน เจ้าคิดว่าไง?”
เซียวเฉียงยิ้มออกมาเบาๆผลออกมารับได้สำหรับเขา เขาคิดว่าจะต้องพ่ายแพ้เสียแล้วแต่ใครจะรู้ว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้? มันค่อนข้างดีสำหรับพวกเขาที่ผลมันออกมาเสมอ
ถังเทียนตอนนี้อารมณ์บูด เขากล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ข้าก็ไม่แน่ใจว่าแก่นกลางปีศาจระดับ 3 นั้นจะเทียบได้เท่าไหรกับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 แต่ในความคิดของข้ามันน่าจะเทียบได้อย่างต่ำแก่นกลางปีศาจระดับ 2 100ก้อน”
เซียวเฉียงเย้ยเยาะ “เพียงแค่ปากเจ้าว่าเป็น 100 มันก็ต้องเป็น 100? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เถ้าแก่ศาลาหลินหลาง? ในความคิดของเจ้า? เช่นนั้นในความคิดของข้าพวกมันมีค่าเพียง 50 เจ้าจะว่ายังไง?”
ถังเทียนกล่าวอย่างเกรี้ยวโกรธ “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ยอมรับผลเสมอ หลังจากที่กลับไปข้าจะประกาศว่าตระกูลถังของพวกเรานั้นได้ที่หนึ่งในการทดสอบครั้งนี้”
ตู้กู่เฟิงจุดยืนไม่แน่นอน ด้วยผลเช่นนี้เขาไม่แน่ใจนักว่าจะตัดสินออกมาได้แม่นยำ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการประเมินมูลค่าของแก่นกลางปีศาจ
“ข้าคิดว่ามันก็ไม่ได้เสมอเช่นกัน แต่คนที่แพ้เป็นเจ้าตระกูลถัง”
ใครมันพูดออกมา? น้ำเสียงช่างจองหอง
ฝูงชนหันหัวไปมองแต่สิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นเพียงร่างของเด็กหนุ่มกำลังเดินออกมาจากป่าทมิฬอย่างไม่รีบร้อน พวกเขาหยีตาแต่ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างจ้าปรากฎขึ้นมา
เขากำลังแบกกระเป๋ากลมมาบนหลังของเขา แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงบนหน้าของเขาทำให้ใบหน้าที่เกือบหล่อของเขาเปล่งประกาย เสียงของเขาไม่ได้ดังแต่ทุกคนกลับได้ยินอย่างชัดเจน
“น้องเฉินในที่สุดเจ้าก็กลับมา”
“พี่ใหญ่เฉินมาช่วยล้างแค้นให้หลิงเอ่อด้วย”
“หัวหน้า…”
เหล่าศิษย์ตระกูลเซียวที่ติดตามเขาทั้งหมดวิ่งตรงเข้ามาอย่างยินดีและเซียวเฉินก็ทักทายพวกเขา เขาเดินไปตรงหน้าของถังเทียนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จ้องมองไปอย่างไร้ความกลัว
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากเสมอเช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี”
เซียวเฉินสะบัดมือหยิบแก่นกลางปีศาจออกมาสามก้อน “พวกนี้เป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3 ของเสือปีศาจลายดำ ทั้งหมดสามก้อน”
“นี่คือแก่นกลางปีศาจระดับ 3 จากอสูรวานรจันโลหิตทั้งหมดสามก้อนเช่นกัน”
“ส่วนนี่เป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3 จากมังกรหางดาบ ทั้งหมด 4 ก้อน”
ทุกครั้งที่เวียวเฉินหยิบแก่นกลางปีศาจออกมาฝูงชนที่ล้อมรอบอยู่ก็ส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมา ท้ายที่สุดเซียวเฉินหยิบแก่นกลางปีศาจหลากหลายชนิดออกมาแต่ละชนิดไม่ต่ำกว่าสามก้อน
“เจ้ามีอะไรอยากจะพูดอีก? ถังเทียนตระกูลถังของเจ้าไม่มีวันเหนือไปกว่าตระกูลเซียว หากเจ้าอยากจะเป็นที่หนึ่งก่อนอื่นเจ้าต้องมาขออนุญาตจากข้าก่อนแล้วข้าจะเก็บไปพิจารณา” เซียวเฉินพูดอย่างเยือกเย็นไปที่ถังเทียนที่ยืนตัวแข็ง
คนจากตระกูลเซียวรู้สึกปลดปล่อย พร้อมกับมองไปที่ใบหน้าไร้คำพูดของถังเทียน พวกเขารู้สึกเป็นสุขในใจ
เซียวเฉินพูดอย่างเฉยเมย “หากเจ้ายังไม่มั่นใจในความพ่ายแพ้ของเจ้าถุงข้างหลังข้ายังมีของที่เทียบได้กับแก่นกลางอสูรปีศาจอีกมากกว่า 100”
เซียวเฉินพูดจบก็เปิดปากถุงออกมา เขาโยนมันลงไปบนพื้นและหัวคนทรงกลมก็กลิ้งออกมา ดวงตาของหัวนั้นเบิกกว้างเห็นได้ชัดว่าได้ตายลงอย่างเศร้าสลด
“นั้นเป็นผู้อาวุโสจากตระกูลจาง หรือเขาถูกสังหารโดยเซียวเฉิน? ว่ากันตามกฎแล้วเขาไม่ควรเข้าไปอยุ่ในป่าทมิฬด้วยซ้ำ” ฝูงชนรอบข้างสูบหายใจเข้าลึก
“อะไรกัน!”
“อะไรกัน!”
ถังเทียนและผู้นำตระกูลจางนัดเวลาอุทานขึ้นมาพร้อมกันและท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ความหวาดกลัวปรากฎออกมาในดวงตาที่จ้องมองไปทางเซียวเฉิน