บทที่ 12 – โลกที่กลายมาเป็นดันเจี้ยน (5)
“ฮึบบ”
“วู๋ๆๆๆๆ”
“เงียบไปซะ”
ฉันได้แทงหอกลงไปที่วิญญาณร้านด้วยหอกที่บรรจุมานาเอาไว้ แม้ว่าอาวุธที่ฉันใช้จะเป็นง้าว แต่เพราะเทคนิคที่ฉันใช้ฉันจึงเรียกมันว่าหอก เจ้าวิญญาณร้ายมันเหมือนจะต้องผ่านให้การโจมตีของฉันผ่านมันไป แต่ว่ามันก็ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ มันได้กระจายออกไปชิ้นเล็กๆ วิญญาณพยาบาทพวกนี้มันไม่สามารถที่จะได้รับความเสียหายจากการโจมตีแบบกายภาพได้ แต่ว่าพวกมันก็อ่อนแอต่อการโจมตีด้วยเวทมนตร์หรือการบรรจุมานา ดูเหมือนว่าชั้นที่ 6 มันเป็นชั้นที่ปยกผู้ที่ไม่สามารถจะใช้มานาได้ออกไป
ตามที่เอลลอสได้พูดไว้ เพราะว่าในปาตี้ของเขาไม่มีใครที่มีเทคนิคระดับสูง เพื่อที่จะต่อสู้กับวิญญาณร้ายพวกเขาจะต้องเรียนรู้ทักษะที่ใช้มานา แน่นอนว่าฉันที่รู้จักเทคนิคหอกระดับสู.จึงสามารถที่จะใช้มันต่อสู้กับพวกวิญญาณได้
ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ได้อยู่ที่ชั้นที่ 6 นานนะ แต่เป็นชั้นที่ 7 ตอนดึกๆสองวันก่อนฉันได้เคลียพวกวิญญาณทั้งหมดและขึ้นมาที่ชั้นที่ 7 ฉันได้พบกับพวกวิญญาณมากยิ่งขึ้น เมื่อฉันได้ถามเอลลอสเขาก็ได้ตอบกลับมาว่ามันจะสิ้นสุดการปรากฏตัวเมื่อชั้นที่ 10
ในชั่วขณะหนึ่งฉันมั่นใจว่าฉันไม่ได้หวาดกลัวหนังสยองขวัญเรื่องใดๆอีกแล้ว ด้วยการที่พวกวิญญาณโผล่ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ฉันได้เติบโตจนคุ้นเคยกับความประหลาดใจนี้แล้ว
ตอนนี้ฉันมีมานาประมาณ 850 เมื่้อฉันคิดว่าความเร็วในการเพิ่มขึ้นของมันได้ช้า มันได้กระโดดขึ้นไป 100 เมื่อฉันได้เลเวลอัพไปเป็นเลเวล 7 ในตอนนั้นเองฉันก็ได้ตระหนักว่าการเพิ่มขึ้นของเลเวลมันจะเป็นการทำลายการชะลอการเติบโต
การเลเวลอัพก็เหมือนการพัฒนาการ มันเป็นการยกระดับของตัวเองให้ไปอยู่ในขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้น พร้อมกับการที่คุณสามารถจะเลือกได้ว่าคุณต้องการที่จะเติบโตไปในทิศทางไหนโดยการใช้ค่าสเตตัสของคุณอัพมัน การเลเวลอัพมันเป็นอำนวจที่แท้จริงและยิ่งใหญ่
ที่ฉันกล่าวนั้นมันยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำการบ่มเพาะมานาอย่างต่อเนื่องด้วย แต่ว่าความเร็วในการเติบโตของระดับมานาจะเพิ่มเร็วมากขึ้นเมื่อเลเวลอัพ ความเร็วในการฟื้นตัวก็จะเร็วขึ้นเช่นกัน
วิธีการเพาะปลูมมานาของฉันในสเตตัสของฉันมันมีชื่อว่า “วงจรเพรูต้า” บางทีมันอาจจะเป็นเพราะมันไม่ได้อยู่ในระกลัต่ำหรือกลาง มันยังคงเลเวล 2 แม้ว่าจะผ่านไปสองเดือนแล้วก็ตาม
“พวกแกตัวตัว เข้ามานี่มา”
[คุณได้ใช้วอคลาย! สมาชิกในปาตี้ทุกคนได้รับการเคลียสถานะด้านลบ ทุกคนในปาตี้พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 50% ในระยะเวลาหนึ่ง และได้เข้าสู่สถานะสุดยอดเกราะไม่สกสะท้านกับการโจมตีของศัตรู]
ทักษะวอคลายของออร์คลอร์ดมันเป็นทักษะที่สมบูรณ์แบบ เพียงแต่ว่ามันใช้ได้แค่วันละครั้งเท่านั้น ฉันได้พุ่งเข้าไปเก็บกวาดพวกวิญญาณ ฉันไม่ได้มีเวลาที่จะมาเสียกับพวกนี้อีกแล้ว
“กร๊ดดดดดด”
“เท็มเพรส”
เท็มเพรส มันเป็นทักษะเดียวที่ผมได้เรียนรู้จากเพรูต้า มช้การหายใจแบบพิเศษรวมเข้ากับการไหลเวียนของมานาแบบพิเศษทำให้เกิดกระแสมานาสร้างขึ้นอยู่รอบๆหอกและระเบิดมันออกไปข้างหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างในเส้นทางของมันจะถูกฉีกกระชากด้วยใบมีดแห่งลม มันเป็นทักษะที่มีประโยชน์อย่างมาก แต่ข้อเสียของมันคือการใช้มานาถึง 300
“ฉันเห็นบันไดแล้ว!”
ฉันยังเห็นร้านค้าอยู่ข้างๆอีกด้วย เมื่อฉันได้เหวี่ยงง้าวของฉันอีกครั้งและฆ่าวิญญาณพยาบาทที่ขวางทางฉัน จากนั้นฉันก็รีบไปที่ชั้นซื้อขายและก็ได้รับการต้อนรับจากพี่สายที่ฉันเคยพบมาเสมอ
ฉันได้เริ่มตั้งคำถามว่าพี่สาวคือคนๆเดียวกับที่ชั้นก่อนหรือไม่ เธอไม่เพียงแค่หน้าตาเหมือนกัน เธอก็ยังรู้ว่าฉันเป็นใครอีกด้วย
“โอ้ นายมาได้ค่อนข้างเร็วนะ นายได้ทะลุผ่านมาในชั้นที่ 7 ในเวลาเพียงแค่ 2 วัน ในขณะที่คนอื่นๆใช้เวลาถึง 2 เดือนหรือแม้กระทั่งครึ่งปี”
“ฉันควรที่จะไปต่ออีกได้ด้วยอัตรานี้”
“มันเป็นเช่นนั้นหรอ? นายด้ติดอยู่ที่ชั้นที่ 5 ถึง 3 ปี แต่ว่าดูเหมือนว่านายจะไม่ได้ใช้เวลาอย่างไร้ประโยชน์นะ”
พี่สาวได้ทำรอยยิ้มแปลกๆในขณะที่มองมาที่ฉัน
“ถ้างั้นทำไมนายถึงไม่ลองพิสูจน์มันดูหละ?”
“หืมมม?”
[เควสปรากฏ]
“….เควส?”
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เอลลอสได้พูดออกมาอย่างตื่นเต้น
[เควสงั้นหรอ? มหัศจรรย์มาก]
“งั้นหรอ?”
[แน่นอน? ในตอนนี้ฉันได้อยู่ที่ชั้นที่ 21 แต่ว่าฉันก็ยังไม่เคยเจอเควสเลย]
“เควสมันคืออะไร?”
แน่นอนว่าฉันรู้ว่าเควสมันหมายถึงอะไร มันเป็นสิ่งที่สามารถจะหาได้ง่ายในเกม เมื่อมีคนยอมรับคำขอของ NPC และทำตามคำขอนี้สำเร็จเขาก็จะได้รับค่าประสบการณ์และของรางวัล การทำมันเพียงง่ายๆแค่ทำตามคำขออและได้รับรางวัล
แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าดันเจี้ยนนี้มันจะมีเควส ฉันไม่สามารถจะซ่อนความประหลาดใจในเรื่องนี้ได้และฉันได้ติดต่อเอลลอสเพื่อที่จะรับข้อมูลที่ฉันต้องการเกี่ยวกับเรื่องนี้
[เควสคือ…เควสนั่นแหละ มันเป็นเหมือนการปรากฏที่น่าประหลาดใจ ไม่มีใครที่รู้ถึงสาเหตุของมัน]
“การปรากฏที่น่าประหลาดใจ?”
[ใช่แล้ว ในทวิปของฉันมีนักสำรวจผู้ที่พิชิตชั้นที่ 50 ของดันเจี้ยนที่ 3 ได้ จากสิ่งที่ฉันได้ยินที่เขาสามารถจะขึ้นไปสูงได้เนื่องจากเควสที่ได้รับในชั้นที่ 17 เหมือนกับที่ฉันได้บอกไปมันไม่มีใครที่รู้เกี่ยวกับการปรากฏของเควส แต้่ที่พวกเรารู้สิ่งหนึ่งคือถ้าหากว่านายทำตามที่เควสบอกสำเร็จ นายจะได้รับทักษะหรือไอเทมที่ไม่เคยมีนักสำรวจคนไหนเคยพบมาก่อน]
[ผ่านเควสนั่น นักสำรวจที่ฉันพูดถึงได้เรียนรู้ที่ษะที่ได้กลายมาเก็บสัญลักษณ์ของตัวเขาเอง มันได้เติบโตไปพร้อมกับเขาและปีนไปพร้อมๆกับเขาจนถึงชั้นที่ 50]
“ว้าว แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
[เขาได้ล่วงหล่นไปในขณะที่ต่อสู้กับพวกผู้บุกรุก มันเป็นความตายของวีรบุรุษอย่างแท้จริง มันเป็นความน่าละอายใจ ถ้าหากว่าเขาเป็นนักสำรวจของดันเจี้ยนแรกแทนที่จะเป็นดันเจี้ยนที่ 3 เขาก็อาจจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้]
“นายหมายถึงรางวัลมันจะยิ่งใหญ่มากกว่านี้ก็ต่อเมื่อความยากลำบากของดันเจี้ยนสูงขึ้น”
[จำนวนเลขที่อยู่ด้านหน้าของดันเจี้ยนมันได้แสดงว่าดันเจี้ยนนั้นมันยากแค่ไหน]
ตามที่เอลลอสได้บอก ทวีปอีเดียสบ้านของเขานั่นมี จอมเวทย์ นักบวชผู้ใช้พลังของพระเจ้าและอัศวินผู้ใช้ออร่ามากมาย มันเมื่อประมาน 300 ปีก่อนนักสำรวจดันเจี้ยนได้เริ่มปรากฏตัวขึ้น เอลลอสได้เรียกคนกลุ่มแรกเหล่านี้ว่าเป็นนักสำรวจ ‘ผู้บุกเบิก’
ผู้บุกเบิกเหล่านี้ได้ยกระดับเลเวลของเขาขึ้นโดยการสำรวจดันเจี้ยน และกลายมาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปโดยการสวมใส่ไอเทมจากดันเจี้ยน เมื่อถึงเวลาที่ผู้ติดตามมีคนได้รับคุณสมบัติในการเข้าไปในดันเจี้ยนด้วยการยอมรับของผู้บุกเบิก ปรากฏว่าผู้บุกรุกก็เริ่มปรากฏตัวออกมาในทวีปของเขา
ผู้บุกรุกเหล่านี้มาพร้อมกับกองทัพขนาดใหญ่และเป้าหมายของพวกเขาก็คือการสังหารหมู่และพิชิตทวีปแห่งนี้ ไม่มีคำพูดใดๆที่ได้ส่งไปถึงพวกเขาและพวกที่อาศัยอยู่ในทวีปก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการต่อสู้
กับการต่อสู้กับศัตรูที่ใช้อาวุธและเวทมนตร์ที่ลึกลับ เห็นได้ว่านักสำรวจดันเจี้ยนเป็นพวกแรกที่สามารถจะเผชิญหน้ากับมัน สงคราวครั้งนี้มันเริ่มขึ้นเมื่อ 200 ปีก่อนมันดูเหมือนจะยังคงดุเดือดอยู่อยู่
หลังจากที่เอลลอสได้กลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนเขาก็ยังได้รับตำแหน่งสำคัญในประเทศของเขา ตอนที่เขาได้ปีนไปบนชั้นที่ 20 แล้วเขาก็ได้ไปอยู่ในแนวหน้าต่อสู้กับพวกผู้บุกรุก เมื่อครั้งแรกที่ฉันได้ยินเรื่องนี้ฉันรู้สึกตกใจมาก ฉันจึงได้ทำทุกวิธีเพื่อที่จะให้กำลังใจเขา
“นักสำรวจในดันเจี้ยนแรกมีน้อยงั้นหรอ?”
[ใช่ คุณสมบัติของนักสำรวจดันเจี้ยนจะระบุถึงดันเจี้ยนที่เขาจะได้ไป ฉันไม่ได้โม้หรืออะไรแบบนั้นเลยนะ ฮ่าๆ]
“ฉันคิดดูแล้วมันเหมือนการก็กำลังชมฉันเหมือนกันนะ”
[อะไร? ฮ่าๆๆๆ ยังไงก็ตามขอแสดงความยินดีด้วยที่ได้รับเควสนะเพื่อน ฉันจะคอยอธิษฐานให้กับความสำเร็จของนาย]
“เอาหละ ฉันจะมาคุยด้วยในคราวหลังนะ”
[เควส – พุ่งผ่านเหล่าวิญญาณ
เนื้อหา – แม้ว่าคุณจะหยุดนิ่งไม่สามารถผ่านชั้นที่หกมาได้ถึงสามปี แต่คุณก็สามารถจะเจาะผ่านมาที่ชั้น 7 ได้ภายในสองวัน เจ้าของชั้นขายของโลเล็ตต้าปรารถนาที่จะทดสอบศักยภาพในตัวของคุณ ถ้าหากว่าคุณสามารถที่จะเจาะผ่านชั้น 9 ได้ภายในหนึ่งวัน โลล็อตต้าอาจจะให้ไอเทมระดับแรร์ที่ไม่ได้มีขายแก่คุณ
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: 23:46:14]
“หืมม ทะลุผ่านชั้นที่ 9 ในหนึ่งวัน….มันไม่ควรที่จะยากเกินไปหรอกถ้าฉัน…เอ๊ะ?”
ขณะที่ชั้นได้อ่านเนื้อหาของภารกิจที่หน้าชั้นที่ 8 ในที่สุดฉันก็ได้ตระหนักถึงบางอย่าง
“ฉันจะต้องผ่านสองชั้นในหนึ่งวัน!?”
อะ อะไร? ฉันตรวจสอบไปที่ระยะเวลาที่เหลืออยู่ ‘โอ้ไม่นะ 14 นาทีที่ล้ำค่าของฉัน!’ ฉันได้รีบเริ่มพุ่งออกไปพร้อมด้วยง้าวในมือ วิญญาณร้ายในชั้นที่แปดได้เข้ามาหาฉันเหมือนกับฝูงมดที่เจอขนมหวาน
“ถอยออกไป! ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับพวกแก!”
ฉันมีมานาเหลืออยู่ 600
‘ถ้าหากฉันทำเควสสำเร็จแล้ว ฉันสาบานเลยว่าฉันจะมุ่งเน้นไปที่ ‘วงจรเพรูต้า’ มันทำให้ฉันเสียใจกับความล่าช้าของตัวเอง ฉันได้ถือหอกของฉันและพุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ตัวเลือกเดียวที่ฉันมีก็คือพุ่งไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ’
[โง่! ฉันบอกให้นายติดต่อฉันก่อน ทำไมนายถึงปล่อยไว้นาน? อย่าบอกฉันนะว่านายจะส่งมาด้วยข้อความเดียว? นายมันโง่เจ้าออร์ค]
ดูเหมือนว่าจะมีคนส่งข้อความมาถึงฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมัน
ฉันได้เป็นหนึ่งเดียวกับหอก ฉันคิอหอก หอกที่จะทะลวงไปสู่สรวงสวรรค์
[นะ นาย ในที่สุดแล้วฉันก็ติดต่อมาหานาย ไม่ต้องมาทำเป็นไม่สนใจฉันนะ?…ดี ฉันจะไม่รู้จักหายอีกต่อไป! ฉันหวังว่านายจะลื่นและจมูกพังไป]
“กรี๊ดดดดด”
“ฮั๊ววว”
‘อา ฉันสงสัยว่าใครจะสามารถหยุดความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมนี้ได้! ฉันเป็นหนึ่งเดียวกับหอก ฉันควรจะไปข้างหน้าให้เร็วยิ่งขึ้น เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของฉันคือบันได’
[โง่! โง่! ฉันเกลียดนาย] […ฉันไม่รู้จักกับนายอีกแล้ว…โง่เง่า..]
หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 15 ชั่วโมงฉันก็ได้มาจนถึงจุดสิ้นสุดของชั้นที่ 8
“ฮ่าาาา….ฮ่าาา…”
“โอ้ ดูเหมือนนายจะเหนื่อยแล้วนะ นายเหลือเวลาอยู่อีก 9 ชั่วโมง นายแน่ใจนะว่านายจะทำมันได้?”
“ฮู่ ฮู่ฮู๋….นะ แน่นอน..ฮู่…”
ฉันได้กวาดหน้าต่างที่หน้าลำคาญเบื้องหน้าของฉันทิ้ง ฉันตอบกลับไปซึ่งแสดงว่าเธอเป็นคนๆเดียวกัน! แปลก มันเป็นไปได้ยังไง? ฉันจ้องมองเธอในขณะที่คิด แต่ว่าพี่สาวผมตรงก็ดูเหมือนจะแก้มแดงและตอบกลับมา
“แม้ว่านายจะจ้องมองฉันอย่างกระปี้กระเปร่าฉันก็จะไม่เพิ่มเวลาให้”
“ไม่ นั่นมันไม่ใช่”
“เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่นายมาถึง นายได้กลายมาเป็นลูกผู้ชายมากยิ่งขึ้น แม้กระนั้นมันก็ยังเร็วเกินไปสำหรับนาย 5 ปี ฉันชอบผู้ชายที่สามารถจะปกป้องฉันได้”
“ไม่ มันไม่ได้เป็นแบบนั้น”
ฉันไม่อยากจะเสียเวลาพูดกับเธอดังนั้นฉันจึงนั่งลงและเริ่มกินเนื้อ จากนั้นพี่สาวก็เริ่มต้นคุยอีกครั้ง
ดวงตาของเธอได้ส่องแสงแตกต่างจากครั้งก่อน