บทที่ 123 – ในโลกที่มีพระอาทิตย์ตก (1)
หลังจากที่รูเดียไปมาที่โลกพร้อมกันกับฉัน สิ่งแรกที่เธอได้เผชิญเลยก็คือการพบกับครอบครัวของฉัน
“โอ้?”
“…ผะ ผมกลับมาแล้ว”
ในวินาทีที่ฉันออกมาจากห้องพร้อมกับรูเดีย พวกเราก็ได้เจอกับแม่ที่กำลังดูดฝุ่นบนบันได ตาของแม่ได้โตอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อแม่เห็นพวกเรา และแม่ก็นิ่งไป ครู่หนึ่งแม่ก็ได้ปิดเครื่องดูดฝุ่นด้วยท่าทางใจเย็น และเช็ดมือด้วยผ้ากันเปื้ยน จากนั้นก็เดินเข้ามาหาฉัน วางมือลงบนไหล่และกระซิบออกมา
“นั่นคือลูกสะใภ้หรอ?”
“เธอเป็นเพื่อนของผม”
ต้องขอบคุณคำถามแม่ที่ฉันได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะเจอฉันเลยได้ตอบกลับไปในทันที ยังไงก็ตามรูเดียได้เอียงหัวและพูดออกมา
“เธอพูดอะไร?”
“อ่า”
ฉันพึ่งจะคิดได้ว่ารูเดียมาจากทวีปลูก้า เธอสามารถจะคุยกับฉันได้เพราะเราทั้งคู่เป็นนักสำรวจดันเจี้ยน แต่ว่าเธอไม่เข้าใจคำที่แม่พูดเพราะไม่ได้เป็นนักสำรวจดันเจี้ยน สิ่งมือที่ว่างอยู่ของเธอ เธอได้ล้วงไปในอากาศและหยิบบางอย่างออกมา มันเป็นที่รัดคอหนังสีดำ เธอได้ใส่มันลงไปและพูดออกมา
“สวัสดี”
นั่นมันภาษาเกาหลี!
“อะ อะไรนะ? ไอสิ่งที่เธอใส่มันคืออะไร?”
“มันเป็นไอเทมแปลภาษาที่ขายในดันเจี้ยนราคา 300,000 ทอง มันจะช่วยแปลภาษาที่ฉันพูดหรือสิ่งที่ผู้อื่นพูดให้ฉันเข้าใจได้ เนื่องจากว่าในทวีปของฉันมีคนพูดหลายภาษาฉันก็เลยซื้อมา”
“ทำไมหลินและโรเล็ตต้าถึงไม่ได้บอกฉันเกี่ยวกับไอเทมนี้…!”
ฉันสามารถแก้ไขปัญหาภาษาอังกฤษที่น่าเศร้าของฉันได้ง่าบๆด้วยสิ่งนี้
ในขณะที่ฉันรู้สึกโกรธสวนแฟรี่เล็กน้อย แม่ก็ได้เข้าไปหารูเดียอย่างกังวล
“เธอเป็นคนต่างชาติหรอ?”
“อย่างที่แม่เห็นเลยรูเดียเป็นชาวต่างชาติ”
“เธอมาจากไหนหรอ? ด้วยลักษณะชาวตะวันตกนี้เธอเป็นชาวอเมริกัน อังกฤษ หรือว่าฝรั่งเศษ เธอดูไม่เหมือนชาวอิตาเลี่ยนเลย…”
“ฉันเป็นเจ้า…พลเมืองสามัญของจักรวรรดิอีเฮอ”
ถ้าเธอจะทิ้งสถานะนี้ไปเธอก็ไม่ควรจะพูดเกี่ยวกับมันนะ ฉันได้จ้องไปที่รูเดียอย่างจริงจัง แต่เธอก็ได้หันหัวไปทางอื่นและสำลักออกมา สำหรับตอนนี้เธอได้จับฉันแรงด้วย เมื่อได้ยินคำว่าจักรวรรดิอีเฮอ แม่ก็เอียงหัวงง
“อีเฮอ…”
“แม่ เธอเป็นเพื่อนที่ผมรู้จักในดันเจี้ยน ผมอยากจะให้เธออยู่ที่นี่ซักพัก จะเป็นอะรไหม? เดี๋ยวผมก็จะไปบอกพ่อกับยุยเหมือนกัน”
ฉันได้เปลื่ยนเรื่องและถามแม่ไป แม่ได้รีบหยุดคิดเรื่องจักรวรรดิอีเฮอในทันที ในขณะนั้นแม่ก็ได้วางมือลงบนไหล่ของรูเดีย
“แน่นอน เธอสามารถจะอยู่ที่นี่ได้ตลอดไปเลย พระเจ้าฉันไม่คิดว่าลูกของฉันจะพาสาวสวยเข้าบ้านมาก่อนแล้ว แล้วนี่ลูกไปไกลแค่ไหนแล้ว”
“แม่เธอเป็นแค่เพื่อนของผมอย่าเข้าใจผิดสิ…”
“ถ้าลูกจะแก้ตัวว่าเป็นแค่เพื่อนอย่าน้อยก็หยุดคล้องแขนกันแบบนั้นก่อนสิ”
เมื่อรูเดียได้ยินสิ่งที่แม่ฉันพูด ทันใดนั้นเธอก็ได้ตัวอ่อนปวกเปียกและดึงแขนฉันแน่นขึ้นพร้อมกันเอาตัวเองเข้ามาในอ้อมกอดของฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติท่าทางของแม่ฉันได้กระด้างขึ้น ฉันได้ถามกลับไปด้วยรอยยิ้มขม
“ฉันช่วยหน่อยสิ?”
“…เอาเถอะนะ ตั้งแต่ที่ชินพาเพื่อนมาบ้าน แม่ก็ควรจะต้องแสดงออก แม่จะต้องปลอบใจยุยด้วยเหมือนกัน”
“ปลอบใจยุย? ยุยโกรธที่ผมไม่ได้กลับบ้านมาพักหนึ่งหรอ?”
“ลูกจะรู้เองเมื่อเจอยุย”
ด้วยแบบนั้นแม่ได้ยิ้มออกมา ฉันได้เอียงหัวงงและมองไปที่รูเดีย แต่เธอก็ยังคงตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของฉัน
ในกรณีนี้ยุยก็ดูเหมือนจะโกรธจริงๆเหมือนกับที่แม่เศร้า
“มะ…ไม่! ธะ เธอไม่มีทางมาอยู่ด้วยกันกับ…พี่ได้! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่สวยแบบนี้!”
“เธอเป็นเพียงแค่เพื่อนกับพี่นะยุย มันมีสถานการณ์ที่ซับซ้อนมากดังนั้นพี่หวังว่ายุยจะเข้าใจนะ”
ฉันได้มองไปที่พ่กับแม่ในขณะที่พยายามจะโน้มน้าวยุย แต่ว่าเขาทั้งคู่ได้เป็นห่วงมากยิ่งขึ้นกับรูเดีย แม่ได้ถามถึงงานอดิเรกของเธอและพ่อก็ดูเหมือนจะสนใจในความจริงที่ว่ารูเดียเป็นนักสำรวจ ไม่ว่าในกรณีใดพวกเขาจะบอกให้ฉันโน้มน้าวยุยด้วยตัวเอง
“พี่นะเอาจริงๆนะ หนูจะบ้าแล้ว พี่พึ่งกลับมาจากอังกฤษได้ไม่นาน แต่พี่ก็ออกไปจากบ้านถึงสี่วัน และยังแม้แต่พาคนสวยคนนั้นมาที่นี่!”
“ขอโทษนะ แต่มันมีบางอย่างที่พี่ไม่สามารถจะบอกยุยได้ มันยากที่จะอธิบาย….”
“ทำไมมันถึงยากที่จะอธิบาย”
เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ที่ฉันได้เห็นยุยไร้เหตุผล ฉันไม่รู้ว่าทำไม จากนั้นรูเดียก็ถอนหายใจและดึงแขนฉัน เธอได้ถือตะเกียบแบบแปลกๆและถามฉัน
“ชินนายช่วยอธิบายวิธีการใช้เจ้าเครื่องมือนี่ทีสิ?”
“ฉันบอกให้เธอใช้ส้อมแทนตะเกียบไง”
“ฉันไม่ต้องการ ไม่ว่านายจะไปประเทศไหนเพื่อต่อรองมันก็จะต้องเริ่มจากมารยาทบนโต๊ะอาหารไม่ใช่หรอ ดังนั้นนายต้องสอนฉัน”
“เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อการทูตสักหน่อย…”
“ฉันจะเป็นคนของโลกใบนี้ดังนั้นฉันจะต้องสมบูรณ์แบบ นายจะต้องสอนฉันทุกๆอย่าง”
“เธอ…”
“พี่คะ!”
“อึก!”
ในขณะที่ฉันมัวแต่สนใจรูเดีย ยุยก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แบบตัวสั้น
“หนูจะโกรธจริงๆแล้วนะ! หนูไม่สนแล้ว พี่เชิญทำตามที่พี่ต้องการเลย!”
“ยุย!?”
หลังจากที่จัดการจานจนวางยุยก็จากไป ในที่สุดยุยก็ถึงวัยต่อต้านแล้วสินะ….!
“ชินนายช่วยโชว์วิธีใช้เจ้าสิ่งนี้หน่อยสิ? ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะใช้มันยังไง”
“ฉันนี่ประหลาดใจจริงๆที่เธอสามารถจะเมินคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี”
แม้ในขณะที่ฉันถอนหายใจ ฉันก็ได้สอนรูเดียใช้ส้อม เพราะฉันไม่รู้ว่าจะปลอบใจยุยยังไง ฉันก็ทำได้แต่ถอนหายใจออกมา
เมื่อฉันได้บอกโรเล็ตต้าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่เธอก็โกรธขึ้นมา”
“ชินกำลังจะบอกว่าลูกค้าที่ชื่อเพลรูเดียกำลังพักอยู่ในบ้านของชินหรอ และก็เป็นคนที่ชินมอบที่คาดหัวให้!?”
“ใช่แล้ว”
“ฉันอิจฉา….ไม่สิ ส่งเธอกลับมาพื้นที่พักอาศัยซะ!”
“เธอก็พูดแบบนี้ด้วยหรอโรเล็ตต้า? ฉันกังวลเรื่องของรูเดีย ฉันต้องการที่จะเฝ้าดูเธอซักพักหนึ่ง”
“นะ นั่นมัน…ฉันรู้ว่าชินไม่ได้มีอะไรซ่อนเร้น แต่ว่า….”
โรเล็ตต้าดูเหมือนจะพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นเธอก็พูดเหมือนหมดทางเลือก
“ไม่เป็นไร ฉันอนุญาติ”
“ขอบคุณ…?”
แปลก ทำไมฉันถึงต้องได้รับความเห็นชอบจากโรเล็ตต้าด้วย ฉันได้รับการเห็นชอบอะไร ในขณะที่โรเล็ตต้าพูดต่อไปหัวของฉันก็ยังคงเต็มไปด้วยคำถาม
“ถ้างั้นอย่างแรกฉันจะสอนชินว่าจะปลอบน้องสาวชินยังไง”
“บอกฉันมาเร็วๆเลย!”
คำถามเหล่านั้นได้หายไปในทันที
เมื่อฉันได้กลับออกมาจากดันเจี้ยนมันก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ในขณะที่ฉันเข้าไปในดันเจี้ยงก็คือตอนที่รูเดียหลับไปและฉันก็ได้เป็นอิสระ ฉันได้พูดคุยกับโรเล็ตต้าไม่นานนัก
“ยุย น้องหลับหรือยัง?”
[ใช่แล้ว หนูหลับอยู่!]
“พี่เข้าไปได้ไหม?”
[….เชิญ]
หลังจากที่เธอตะโกนออกมาอย่างโกรธเคืองว่าหลับอยู่ เธอก็ได้ยอมรับคำขอของฉันอย่างง่ายดาย ฉันได้เปิดประตูเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ยุยดูเหมือนว่ากำลังเรียนอยู่ ในขณะที่เธอมองหารโน๊ตบุ๊คของเธอและเปิดอินเตอร์เน็ต เธอก็ได้หมุนเก้าอี้และหันมาหาฉัน แก้มของยุยได้พองขึ้นมา
“หนูคิดว่าพี่จะอยู่กับคุณเพลรูเดียซะอีก”
“เธอได้เข้าไปนอนเมื่อไม่นานมานี้ พี่เพิ่งจะกลับออกมาจากดันเจี้ยน”
“อูววว ถ้างั้นเธอก็อยู่ติดกับพี่ก่อนนอน?”
“ยุย น้องก็รู้ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติใช่ไหม?”
เมื่อฉันได้ถามออกไปอย่างใจเย็น ยุยก็ได้แสดงท่าทางยากๆ…จากนั้นก็หยักหน้ารับ
“พี่พบกับเธอได้ยังไง?”
“พี่ได้พบกับเธอในดันเจี้ยนและเราก็ได้กลายเป็นเพื่อนกัน น้องก็น่าจะรู้ในครั้งนี้พี่ได้ไปช่วยเธอ”
“เธอเป็นเพื่อนจริงๆใช่ไหม พี่ไม่ได้กำลังเดทกันนะ?”
“แน่นอนว่าไม่”
“ทำไมเธอถึงตัวติดกับพี่แบบนั้นล่ะ?”
“มันยากที่จะอธิย่นระ เธอเพิ่งจากได้ผ่านความยากลำบากบางอย่างมา เธอได้สูญเสียยสถานที่ๆอยู่ในประเทศของเธอ พี่ไม่สามารถจะปล่อยเธอไว้เพียงลำพังได้ พี่ก็เลยพาเธอมาที่นี่”
“รายละเอียดนี้แหละคือสิ่งที่หนูต้องการจะได้ยิน….”
ยุยได้พึมพัมออกมาเบาๆและห่อไหล่ของเธอ จากนั้นเธอก็พูดอะไรบางอย่างที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อน
“หนูอยากจะช่วยพี่เหมือนกัน”
“เอ๊ะ….?”
“พี่ดูเหมือนว่าพี่จะมีปัญหามากเมื่อเร็วนี้ๆ นอกจากนี้พี่ก็ยังยุ่งอยู่เสมอ เหตุการที่ทำให้เพื่อนของพี่เป็นแบบนั้น….พี่ก็คงจะอยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน ดังนั้นหนูก็เลยเป็นห่วงพี่”
“อืม”
ในขณะที่ฉันตระหนกจากการตอบสนองของยุยที่แตกต่างไปจากที่โรเล็ตต้าบอกมา ยุยก็พูดต่อออกไป
“เมื่อตอนแรกที่พี่กลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนพี่นะมีความสุข พี่มักจะยิ้มอยู่เสมอ เต็มไปด้วยความมั่นใจและแม้แต่เสียกล้ามเนื้อและกลายเป็นหล่อขึ้น…อ่า พี่หล่ออยู่เสมอแหละ แต่ว่าพี่ได้หล่อมากยิ่งขึ้น”
“ขะ ขอบคุณ”
“แต่ว่าหลังจากมีดวงจันทร์ดวงที่สองปรากฏขึ้นและมีมอนสเตอร์โผล่ออกมาพี่ก็เริ่มเปลื่ยนไป หนูมีความสุขหนูรู้สึกภูมิใจกับพี่ แต่ว่าเมื่อเร็วๆนี้หนูร้อนใจมาก หนูกังวลว่าอยู่ดีๆพี่อาจจะทิ้งหนูและไหายตัวไป”
สักวันหนึ่งมันจะมาถึงวันที่คนที่ไม่มีความสามารถจะเกิดปัญหาถ้าอยู่ใกล้กับฮีโร่ ในตอนนั้นที่ฉันจะออกไปจากครอบครัว เพราะคำพูดของยุยนั้นถูกต้อง ฉันก็เลยไม่สามารถจะโต้เถียงเธอไปได้
จากนั้นยุยก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาฉัน
“ถ้าหนูกลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน…หนูจะสามารถช่วยพี่ได้สินะ?”
“ไม่”
แม้ว่าฉันจะแปลกใจกับคำพูดของยุย แต่ฉันก็ได้ตอบกลับเธอไปในทันที
“ยุยไม่จำเป็นต้องสู้ การต่อสู้มันควรจะเป็นพี่และพ่อที่รู้วิธีต่อสู้เท่านั้น ยุยสามารถจะช่วยพี่ได้โดยการอยู่อย่างปลอดภัยและรักษาสุขภาพให้ดี”
“หนูก็รู้วิธีการต่อสู้เหมือนกัน!”
“ไม่ยุย น้องนะเหมาะสมกับสิ่งต่างๆที่ไม่ใช่การต่อสู้”
ยุยไม่ได้มีพรสวรรค์ในการใช้พลังงานกายแบบการต่อสู้ ฉันแน่ใจได้เลย เพราะว่าฉันไม่สามารถจะบอกเธอตรงๆได้ ฉันก็เลยพยายามจะพูดอ้อมๆ แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“หนูเกลียดพี่”
“อึก!”
“พี่นิสัยไม่ดี! ออกไปนะ!”
ยุยพูดแบบนี้กับฉัน! เมื่อยุยได้ผลักฉันด้วยมือของเธอ ฉันก็กลัวว่าเธอจะจบด้วยการทำให้มือของเธอเจ็บ ฉันได้รีบออกจากห้องของเธอ ในทันทีหลังจากนั้นประตูก็ได้ถูกปิดเสียงดังตูม ทิ้งฉันไว้ข้างนอกเพียงลำพัง ฉันพบว่าคำพูดที่จะอธิบายในสถานการนี้ได้และพึมพัมด้วยหัวใจที่พังทลายลง
“พี่น้องทะเลาะกัน….!”
โรเล็ตต้าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ! แม้ว่าฉันจะพูดในสิ่งที่เธอบอกฉันหรือใช้ในสิ่งที่เธอให้ฉัน
ฉันได้พบเป้าหมายที่จะระบายมันก็คือเวนดิโก้ ยังไงก็ตามเวนดิโกมีจุดอ่อนที่าสำคัญนั่นก็คือการโจมตีจุดเดิมซ้ำๆ
[เลือกรางวัลของคุณ]
[1.กางเกงขนสัตว์ของเวนดิโก้
2.คริลตัลเยือกแข็ง]
“เวรเอ้ย เจ้านี่มันอ่อนเกินไป!”
มันอ่อนมาก ฉันไม่ได้รู้สึกเหมือนกับการจ่อสู้เลย! ฉันได้เตะหิมะบนพื้นด้วยความโกรธและกลืนคริสตัลเยือกแข็งลงไป
[ด้วยการกินคริสตัลเยือกแข็ง ความต้านทานและความสัมพันธ์กับธาตุน้ำแข็งของคุณได้เพิ่มมากขึ้น พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 1]
[ฉันรัชิน! มันเย็นมากขึ้นแล้ว!]
“ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของริยูได้มากถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่วา….ริยู ฉันก็ชอบริยูเหมือนกัน”
[เอะเฮะๆ…]
ริยูได้เอาหัวของเธอมาถูกับอกของฉันและฉันก็ลูบหัวเธอในขณะที่คิดว่าจะทำอะไรต่อไป อย่างแรก ฉันก็จะต้องง้อยุย…. ไม่สิ นั่นมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ในตอนี้ เพราะว่ายุยไม่ค่อยได้โกรธฉัน ดังนั้นฉันก็เลยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะใจเย็นลง ฉันได้คิดว่าทำไมเธอถึงโกรธ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะหาต้นตอของเรื่องนี้….
“ฉันเดาว่ามันน่าจะเป็นรังไวเวิร์น”
อเมริกา ในรัฐแอริโซนา หุบเขาแอนทีโลปมันเป็นพื้นที่ดันเจี้ยนรังไวเวิร์น ถ้าฉันไปที่นั่นฉันก็จะได้พบกับเคียร่า คีเน็กต์ ผู้หญิงที่พูดว่าฉันเป็นฮ๊โร่ ฉันจะรู้เมื่อฉันได้พบกับเธอว่าทำไมเธอถึงเรียกฉันว่าฮีโร่และเธอเป็นใคร ถ้าเธอปฏิเสธที่จะพูด ฉันก็จะต้องเค้นข้อมูลนั้นออกมาจากเธอ ในตอนนี้ฉันมีศักยภาพที่มากพอแล้ว
เอาล่ะ ฉันตัดสินใจได้แล้ว เมื่อฉันได้จบการพิชิตเวนดิโกและพลังของริยูเพิ่มขึ้น ฉันก็จะไปที่รังไวเวิร์น ล้างคอรอฉันได้เลยเคียร่า คีเน็กต์!