บทที่ 136 – ทีมรีไวเวิร์ล (10)
หลังจากนั้นทุกๆอย่างก็ได้รับการจัดการในเวลานั้นไป เป้าหมายของทุกๆคนก็คือการปราบปรามพื้นที่ดันเจี้ยนรังไวเวิร์นอยู่แล้ว เพราะว่าฉันได้ฝึกบอสของดันเจี้ยนมาแล้วดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ
ยังไงก็ตามเฟรมเดรกเป็นบอสการจู่โจมที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน แม้ว่าจะไม่มีใครคาดคิด แต่ว่าผู้ใช้พลังส่วนใหญ่ก็ได้เข้าร่วมการจัดการกับมันเพื่อป้องกันประเทศและเกี่ยรติยศของตน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสร้างความเสียหายกับเดรกได้มากนัก แต่ฉันก็ประทับใจกับการที่มีผู้ใช้พลังจำนวนมากได้มาเข้าร่วมการต่อสู้ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ ถ้าหากมีคนมาถามฉันว่าฉันจะยอมเสียสละชีวิตเพื่อชาติและเกียรติยศไหม…ฉันสามารถจะบอกไปได้โดยไม่อายเลยว่า ไม่!
ไม่ว่ายังไงก็ตามตอนนี้เดรกได้ถูกจัดการไปแล้ว สถานการณ์ในรังไวเวิร์นได้สลบลง ผู้ใช้พลังยี่สิบสี่คนได้ตายไป แม้อย่างนั้นก็มีจำนวนคนที่บาดเจ็บพอๆกัน แต่ว่าด้วยผู้ใช้พลังการรักษาระดับ S และรูเดียทำให้สามารถจะรักษาผู้บาดเจ็บได้อย่างง่ายดาย
ทันทีหลังจากที่เดรกได้ตายไป ซากศพของมันก็ได้หายไปอย่างแปลกประหลาดและให้ความรู้สึกที่ว่างเปล่า แต่ว่าคนที่ผิดหวังมากที่สุดเลยก็คือผู้พิทักษ์ของอเมริกา ซากศพของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยได้พบเจอในโลก! เพราะว่าพวกเขาได้สูญเสียกันไปอย่างเปล่าประโยชน์ พวกเขาจะไม่รู้สึกโกรธได้ยังไง? ฉันไม่อยากที่จะอธิบายถึงใบหน้าของสมาชิกกลุ่มผู้พิทักษ์ที่วิ่งเข้าไปในทันที
ถ้าฉันจะต้องพูดกันตามจริงเรื่องส่วนแบ่งของศพ ทีมรีไวเวิร์ลก็จะต้องได้รับส่วนแบ่งที่สูงที่สุด อเมริกาไม่ได้พูดอะไรเลย
ในความจริงแล้ว เมื่อมองไปที่ผู้ใช้พลังที่เสียสละและการที่พวกเขาปฏิบัติกับผู้ใช้พลังคนอื่นๆ ฉันก็ได้คิดว่ารัฐบาลอเมริกาก็น่าจะเป็นเหมือนกับพวกเขา แต่มันก็ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่สูงขึ้นไปก็คิดไปในทางเดียวกัน ในกรณีนี้พวกเขาก็จะต้องให้รางวัลแก่ผู้ใช้พลังที่ซึ่งได้เสี่ยงชีวิตเพื่ออเมริกา ผู้ใช้พลังที่ได้มารวมตัวกันที่หุบเขาแอนเทลโลปได้มีพลังที่มากและมีจำนวนมากจนพวกเขาไม่สามารถจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นได้
เมื่อเห็นสถานการณ์ได้เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ได้ส่งข้อความไปหาคนในปาตี้ของฉัน
[พวกเราสามารถจะแบ่งส่วนแบ่งกันได้หลังจากนี้]
[อ่า ชินสามารถจะเอาส่วนแบ่งของฉันไปได้เลยถือว่าเป็นค่าธรรมเนียมการเข้ากิลด์]
[มันไม่มีค่าธรรมเนียมอะไรหรอกนะ]
[ฉะ ฉันด้วย อะไรที่เป็นของฉันคือของชิน และอะไรก็ตามที่เป็นชินก็คือของฉัน]
[ไม่ นั่นมันไม่ถูกต้อง อะไรที่มันเป็นของเธอก็คือของเธอ และอะไรที่เป็นของฉันก็คือของฉัน]
[อืมม… เจ้าลูกชาย พ่อจะต้องจ่ายส่วนแบ่งของพ่อสำหรับการเข้าสมาคมด้วยหรอ? นอกจากนี้แกก็ยังไม่ได้บอกอะไรบอกของแกหลังจากที่ได้รับคฤหาสน์มาเลยนะ!?]
[อย่างที่ผมพูดไปแหละมันไม่มีค่าธรรมเนียมอะไรทั้งนั้น นอกจากนี้ถ้าผมบอกพ่อ พ่อก็จะต้องเป็นบ้าไปด้วยความอิจฉาผมแน่ๆเลย]
[ยังไงก็ตาม ชินไม่ใช่คนประเภทที่จะจะใช้ประโยชน์จากพวกเรา ดังนั้นพวกเราควรจะมีความสุขกับรางวัล ชุดเดรสนั่นมันน่าทึ่งมาก]
[หืมม….ฉันรู้สึกแย่มากเลยนะที่ได้รับเงินมา 5,000,000 ทองในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะว่าฉันไม่สามารถจะสร้างความเสียหายกับเดรกได้สักนิด นายก็เชิญเอารางวัลของฉันไปได้เลยถ้านายต้องการ ฉันไม่สามารถจะนอนหลับได้ในคืนนี้แน่ๆถ้ารับมันไป]
[หนูก็ด้วย หนูชอบโล่นี้มาก…ทั้งคุณฮวาหยาและคุณชินต่างก็น่าทึ่งทั้งคู่เลย พวกคุณเหมือนกับฮีโร่ในตำนานเลย]
[ฉันก็สามารถจะพูดว่าเธอก็เหมือนกันนะสุมิเระ! เมื่อไหร่กันที่เธอได้รับชื่อของเทพที่แท้จริง!?]
ฉันได้ปล่อยให้ทุกคนคุยในช่องสนทนาปาตี้อย่างมีความสุขและเปิดช่องเก็บของลึกจากนั้นก็ยิ้มด้วยความพอใจ
ใช่แล้ว ภายในนั้นมีศพของเฟรมเดรกที่สมบูรณ์เอาไว้อยู่
ฉัรได้ใส่มันลงไปในช่องเก็บของของฉันเมื่อฉันได้ไปเก็บหอกคืนมา ด้วยความเร็วศักดิ์สิทธิ์มันได้ทำให้งานนี้กลายเป็นเรื่องกล้วยๆ ถ้าฉันปล่อยมันทิ้งเอาไว้คนอเมริกาจะต้องกัดฟันเอามันไปแน่และมันก็ไม่มีเหตุอะไรที่ฉันจะปล่อยให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น
ยังไงก็ตามฉันจะต้องแสดงความเคาระต่อผู้ที่เสียชีวิตในขณะที่ต่อสู้กับเฟรมเดรก ถ้าฉันเห็นว่าอเมริกาตอบแทนพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรม ฉันก็ได้มีแผนที่จะไปมอบรางวัลให้กับครอบครัวของพวกแม้ว่าฉันจะต้องใช้ทองทั้งหมดก็ตาม ตามที่กล่าวมานั้นเมื่อได้เห็นว่าอเมริกาได้เชิญพวกเขาอย่างเปิดเผย ดังนั้นฉันก็อาจจะไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้
สำหรับรางวัลของฉัน ฉันได้เลือกความพิโรธแห่งวัลแคน ฉันไม่ต้องการเงิน 5,000,000 ทอง หรืออิลิกเซอร์ ฉันได้คิดว่าจะเอาหอกในตอนแรกแต่ว่าฉันนั้นมีหอกกลืนกินอยู่แล้วฉันก็เลยตัดสินใจที่จะยกมันให้กับพ่อ ไม่ว่าอะไรก็ตามฉันได้เลือกสิ่งนี้มา
แม้ว่าฉันจะหวังอย่างมากให้มันเป็นเครื่องประดับ แต่ว่าความพิโรธแห่งวัลแคนมันเป็นดาบระดับอีปิค มันดูเหมือนว่าจิตวิญญาณนักสะสมจะไม่ได้ทำงานในตอนนี้ มันน่าผิดหวังมาก ฉันไม่ได้สนใจทักษะพิเศษหรือผลสเตตัสใดๆเลย ฉันทำเพียงแค่ให้หอกกลืนกินมันลงไป
[หอกกลืนกินได้ดูดซับความพิโรธแห่งวัลแคน อัตราการเติบโต 96%]
เอ๊ะ!? ก่อนหน้านี้มันอยู่ที่ 87% มันได้เพิ่มขึ้นมา 9% มันเพิ่ม % ที่มากกว่าอาวุธของผู้บัญชาการปีศษจซักอีก แม้ว่าทั้งสองอย่างจะเป็นอาวุธระดับอีปิคเหมือนกัน…! ด้วยแบบนี้มันคงจะใช้เวลาอีกไม่นานแล้วที่หอกกลืนกินจะได้พัฒนาไปจนถึง 100% ด้วยความคิดนี้มันทำให้ใจฉันเต้นรัว ถ้ามันแข็งแกร่งแล้วในตอนนี้ แล้วมันจะแข็งแกร่งมากขึ้นขนาดไหนกับเมื่อวิวัฒนาการ? ถ้าฉันคิดเกี่ยวกับอาวุธทั้งหมดที่มันได้กินไปมันได้ทำให้ฉันมุ่งหวังเป็นอย่างมากกับมัน
เมื่อฉันได้เลือกรางวัลของฉัน ฉันก็ได้เก็บศพของเดรกมา และจัดการช่วยฟื้นฟูผู้ใช้พลังทั้งหมดและพาเขาหลบภัย ฉันต้องการที่จะกับบ้าน วอร์คเกอร์ พ่อ และสุมิเระได้กลับกันไปแล้ว เหลือเพียงแค่ฉัน เยอึน รูเดียและฮวาหยาที่ยังอยู่ แม้ว่าพวกเราจะคิดที่จะใช้ย้อนกลับเพื่อกลับไป แต่ว่าฉันก็ได้ตัดสินใจที่จะไปหาเป็ปเปอร์ก่อนที่เราจตะไป
ฉันต้องการจะไปคว้าคอของในทันที
“ไอเวรนี่ ฉันเกือบจะตายเพราะระเบิดด้านที่นายให้มาเลยนะ!”
“อึก มันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ! มันจะไม่มีปัญหาหรอกถ้ามันระเบิดข้างนอก แต่ว่าเป็นเพราะมันอยู่ภายในร่างกายที่มีความต้านทานมานาที่สูง ฉันจึงไม่สามารถจะสั่งระเบิดมันได้ด้วยพลังมานาของฉันเพียงลำพัง”
“นายก็ควรจะบอกมันในก่อนหน้านี้สิ เจ้าเวรเอ้ย”
“ก็ฉันไม่รู้นี่ว่านายจะเจาะคอของมันและใส่ระเบิดลงไป! อ้ากกก ท้องฟ้ากำลังสั่น TK”
หลังจากฉันได้เขย่าเป็ปเปอร์ประมาณ 5 นาทีเพื่อระบายอารมณ์ฉัรก็ได้ปล่อยเขาและบอกลา แม้ว่าฉันฉันจะปล่อยเขาไปสักพักแล้ว เป็ปเปอร์ก็ดูเหมือนจะลังเลที่จะเข้าใกล้ฉัน
“คุณมัสติฟอร์ด สาวน้อยมีดสั้น และสาวน้อยนักบวช มันเป็นความอัปยศของผมที่จะต้องบอกลา”
“ซักวันหนึ่งพวกเราจะได้พบกันอีก”
“ฮ่าๆ! ถ้ามันมีมอนสเตอร์ที่น่ากลัวเหมือนครั้งนี้โผล่มาในอเมริกาอีก นายจะเป็นคนแรกที่ฉันมองหา TK ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะทำงานให้นาย นายควรจะเตรียมรางวัลให้มันหนักๆเลยนะ”
“ฉันมั่นใจเลยว่ารัฐบาลจะจัดการเรื่องนั้น เหมือนกับในครั้งนี้ไง ฮ่าๆๆๆ”
เมื่อฉันได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของเป็ปเปอร์มันทำให้ฉันอดยิ้มขมไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกลียดคนแบบนี้
มันไม่ใช่เพียงแต่การอำลาที่น่ารื่นรมย์เพียงเท่านั้น เมื่อฉันได้เข้าไปทำความสะอาดห้องที่ฉันอยู่ฉันก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อฉันบอกให้เข้ามาโดยไม่คิดอะไร ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาตามมาด้วยชายหกคนในชุดสูท
นั่นก็คือเคียร่า คีเน็กต์
“คุณได้ยินฉันไหม คุณฮีโร่?”
ด้วยดวงตาที่ปิดอยู่ เธอได้ยกมือขึ้นและชี้ออกไปนอกหน้าต่าง
“ทุกๆคนกำลังยกย่องคุณฮีโร่ พวกเขาได้รับความประทำใจกับความสำเร็จที่คุณฮีโร่ได้เอาชนะมอนสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่แบบนั้นพียงลำพัง”
“มันไม่ใช่เพียงแค่ฉัน มันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีทุกคนคอยช่วย”
“นั่นมันคือเหตุผลที่คุณฮีโร่จะต้องนำทางพวกเขา นี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุด”
ฉันคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องพูดมันขึเนมาอีก ฉันได้หันไปเผชิญหน้ากับเธอด้วยการถอนหายใจและพูดต่อไป
“ฉันจะพูดแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ ฉันรู้สึกประทัใจจริงๆกับผู้ใช้พลังที่เสี่ยงชีวิตเพื่อประเทศของตนและเคารพพวกเขา”
“คุณฮีโร่…!”
“แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีพวกเขา พวกเราก็สามาถจะเอาชนะเดรกได้”
ฉันได้พูดออกไปสั้นๆ
“พวกเขาได้สูญเสียกันไปอย่างเสียเปล่า พวกเขาตายไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย! พวกเขาควรจะไปเฉิดฉายในที่อื่น ไม่ใช่การต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับ SS+ แบบเดรก แต่ว่าเป็นการต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับ B หรือ A ที่ผู้ใช้พลังระดับอื่นๆจัดการไม่ได้ พวกเราควรจะปกป้องผู้คนด้วยวิธีนี้ พวกเขาไม่ควรจะมาทิ้งชีวิตของพวกเขาเอาไว้ที่นี้”
“แต่หากไม่มีพวกเขา ใครล่ะจะเอาชนะเดรกได้!?”
“อย่าเป็นเด็กไปหน่อยเลย ถ้าเธอรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น….เธอก็ควรจะรู้ว่าพวกเขาไม่ได้สร้างแม้แต่รอยขีดข่วนบนตัวของเดรก”
ในขณะที่คำพูดออกไปจากปากของฉัน ก็ได้มีความคิดหนึ่งเข้ามาให้หัวฉัน ถ้านั่นเป็นความจริง…เด็กคนนี้…
“…เธอรู้ใช่ไหมว่าเดรกจะปรากฏตัวออกมา เธอได้บอกว่าตัวเองรู้ว่าจะมีมอนสเตอร์ปรากฏตัวที่นี่ เธอได้เรียกฉันมาที่นี่ด้วยเหตุผลนี้ใช่ไหม?W
“…”
“และเธอก็รู้ด้วยว่า ฉันและเพื่อนของฉันสามารถที่จะเอาชนะเดรกได้ด้วยตัวเราเอง”
“ฉัน…”
ถึงแม้ว่าเธอจะมองไม่เห็น เธอก็ได้หันหนีไปราวกับว่าเธอจะหลบการจ้องของฉัน เมื่อเห็นแบบนี้มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงด้วยความโกรธ
“เธอได้อยู่เงียบๆเพราะว่าเธอต้องการที่จะเห็นผู้ใช้พลังคนอื่นๆยกย่องฉัน? เธอปล่อยให้พวกเขาต้องตายเพราะอะไรแบบนั้น? เพื่อให้คนอื่นรู้ถึงพลังของฉัน? ผู้ใช้พลังระดับ S 24 คนจะต้องตายเพราะเรื่องนั้น 24 ชีวิตที่มีค่าได้หายไปเลยนะ!”
“แต่ว่าพลังของพวกเขาก็ได้รับมาจากฉันและฉันสามารถที่จะจัดสรรให้กับคนที่เหมาะสมต่อไปได้! ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตายไป แต่ว่าในผลลัพธ์คุณฮีโร่ก็ได้อำนาจเด็ดขาดในหมู่ผู้ใช้พลัง ฉันคิดว่ารางวัลนี้มันยิ่งใหญ่เกินจะเอามาเทียบกันได้
ครู่หนึ่งหัวของฉันก็กลายเป็นมึนคง ฉันไม่สามารถจะคิดอะไรได้อีก มันเกือบจะรู้สึกเหมือนกับได้รับการโจมตีทางจิตใจ
ถ้าฉันยกมือขึ้นและต่อยเธอเบาๆ เธอจะต้องตายอย่างแน่นอน ด้วยความโกรธทำให้มันเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะควบคุมพลังของฉันเอง เมื่อฉันได้ยกมือขึ้นมาชายในชุดสูทก็ได้ขยับไปปกป้องเธอฉันได้ลดมือลงไปและจ้องไปที่พวกเขา พวกเขาได้อยู่นิ่งกับที่
ฉันได้พยายามควบคุมความโกรธและพูดต่อไป
“เธอควรจะบอกความจริงกับทุกคน เธอควรจะอพยพผู้ใช้พลังทั้งหมดและปล่อยให้สมาชิกในปาตี้ของฉันจัดการเป็ดอยู่ที่นี่”
“คุณฮีโร่ในกรณีนั้นความสำเร็จของคุณฮีโร่ก็จะไม่ได้รับการประเมินอย่างถูกต้อง! ปฏิกิริยามันจะแตกต่างไปจากนี้อย่างสิ้นเชิง ในความเป็นจริงคนอื่นอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวง”
“ไม่ได้ถูกประเมินอย่างถูกต้องหรือจะคิดว่าถูกหลอกมันก็ไม่เป็นไร! ความจริงแล้วเราควรจะเรียกผู้ใช้พลังระดับ SS คนอื่นๆและต่อสู้กับเดรกด้วยกันที่นี่! นั่นมันควรจะเป็นการใช้พลังแบบดั้งเดิมของเธอ
“คุณฮีโร่!”
ฉันรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างในหัวของฉันได้ขาดออกไป
“ออกไปซะ ในตอนนี้พวกแกทุกคน..ออกไปไกลๆซะ”
[คุณได้รับทักษะติดตัว ครอบงำ ทักษะนี้จะปรากฏขึ้นด้วยโอกาสที่น้อยมากในหมู่คนที่มีพลังเวทย์และค่าเสน่ห์ที่สูง เพียงแค่ครอบครองทักษะนี้คุณจะลดสเตตัสทั้งหมดของศัตรูตามเปอเซ็นโดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงว่าศัตรูจะแข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่าคุณ ในเลเวล 1 มันจะลดสเตตัสทั้งหมดของศัตรู 5% โอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามของคุณไม่สามารถจะเปิดใช้ทักษะใช้งาน 5%]
ฉันไม่ได้ยินการตอบสนองใดๆ ประตูได้ปิดเงียบ ฉันได้กระแทกหมัดลงไปบนโต๊ะและโต๊ะได้กลายเป็นฝุ่นทันที
ฉันไม่สามารถจะเผชิญหน้ากับความสิ้นหวังที่ใกล้เข้ามาด้วยจำนวนคนได้ได้ ฉันรู้สึกถึงมันตั้งแต่ในทวีปลูก้าที่มีความแข็งแกร่งที่มาก มันจำเป็นจะต้องมีความแข็งแกร่งอย่างมากเพื่อที่จะไม่คุกเข่าเมื่อเผชิญหน้ากับความกลัว แม้ว่าจำนวนจะสำคัญแต่มันก็ยังคงไม่เพียงพอกับการต่อสู้กับเดม่อนลอร์ดอยู่ดี
มันจะแตกต่างไปมากจากประวัติศาสตร์ที่โลกจะแสดงออกมา
ทหารที่แข็งแกร่งจะลดลงไปตลอดการต่อสู้ ซึ่งมันยังจะเป็นจุดอ่อนอีกด้วย ทำไมนะหรอ? เพราะว่ามอนสเตอร์และดันเจี้ยนที่โผล่ออกมาจนถึงตอนนี้มันยังไม่สิ้นสุดลงเลย! ถ้ามีคนตายพวกเราจะสามารถแทนที่พวกเขาได้หรอ? ไม่ มันไม่มีทางเลย มนุษย์ไม่ใช่สิ่งของหรืออาวุธใดๆทั้งนั้น!
นี้มันไม่ใช่เรื่องของสงคราม มันเป็นการแข่งขันแบบไม่จำกัดเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด
และสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่จำนวนที่ใช้ได้อย่างไม่จำกัดและมุ่งสู่ความหายนะ มันเป็นคนที่แข็งแกร่งที่ถูกเลือกเพียงไม่กี่คน ฮีโร่ผู้ที่ยืนอยู่สูงเมื่อเทียบกับอัตราต่อรองทั้งหมดและเอาชนะศัตรูทุกคน
ฉันไม่มีแผนที่จะบอกว่าฉันสามารถทำมันได้ ฉันไม่มีแผนที่จะบอกว่าทุกคนที่มีกำลังควรจะทำมัน จริงๆแล้วถ้ามีคนมาบังคับให้ฉันสวมบทเป็นอะไรก็ตามฉันก็จะปฏิเสธมันด้วยความไม่พอใจในทันที ถ้ามีคนที่ชอบบริทแมนและบอกว่าเขาจะมาเติมเต็มบทบาทนี้ฉันก็จะไม่เชื่อเขา ฉันจะเชื่อแต่ในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่น
ยังไงก็ตามเราจำเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะปกป้องสถานที่ๆเราสามารถจะยืนได้
ก่อนที่เราทุกคนจะลงไปในหลุมลึกที่ไร้ซึ่งที่ให้ยืนอีก