บทที่ 137 – นักสำรวจคนที่สาม (1)
ด้วยการใช้ย้อนกลับพวกเราได้ออกมาจากหุบเขาแอนเทลโลปโดยที่ไม่มีใครรู้ ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นในอังกฤษและที่นี่ทำให้มีคนคาดเดาว่าอัศวินสายฟ้าและแม่มดเพลิงมีพรรคพวกที่สามารถจะใช้การเทเลพอตได้
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้มันมีปัญหาหนักใจแม้ว่าจะในสถานการณ์ที่วุ่นวาย ได้มีคนถ่ายคลิปที่พวกเราต่อสู้กับเฟรมเดรกและแพร่กระจายไปทั่วโลกเพื่อให้คนได้เห็น บางที…ไม่สิฉันแน่ใจได้เลยว่ามันเป็นผลงานของเคียร่า คีเน็กต์
งหมดที่ฉันทำก็คือการต่อสู้กับเดรกบนหลังของไวเวิร์นที่มีปีกสีดำ ดังนั้นทำไมทุกๆช่องในทีวีถุงเอาแต่พูดถึงอัศวินสายฟ้าล่ะ? ความจรงแล้วมันเป็นเพราะว่าฉันได้เอาชนะเดรกบนหลังของไวเวิร์น ฉายาของฉันเลยเปลื่ยนจากอัสวินสายฟ้า เป็นอัศวินมังกรแทน
ทุกๆประเทศต่างก็ให้ความสนใจในตัวของอัศวินมังกรและตกใจกับพลังของเขา ความจริงที่ว่าฉันเป็นผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดดูเหมือนจะแพร่กระจายไปรอบๆเหมือนความจริงที่จะปฏิเสธไม่ได้
พูดตามตรงมันก็เป็นเรื่องที่เป็นปัญหามาก มันรู้สึกเหมือนว่าจะไม่แปลกเลยถ้าหากเป็นการทำเป็นองค์กร เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มันทำให้ฉันหนักใจยิ่งขึ้นเรื่อย หากว่าตัวตนของฉันเป็นที่รู้จัก ฉันก็สาบานว่าจะซ่อนตัวเองให้มากยิ่งขึ้น
พ่อของฉันแน่แน่เลยว่าได้มองมาที่ฉันด้วยความอิจฉา พ่อเป็นหนึ่งในคนที่ต้องการจะเป็นใหญ่ที่สุดในโลกแต่ไม่สามารถจำทำได้ในช่วงอายุนั้น
“อึก พ่อได้รับชื่อที่แท้จริงของเทพมาเหมือนกันเจ้าลูกชาย!”
“จริงหรอ พ่อต้องการคำแนะนำไหม? ผมบอกพ่อไปแล้วใช่ไหม?”
“พ่อรู้สึกเหมือนจะพลาดอะไรไปนะ! ลองบอกอีกที่ซิ!”
ฉันสงสัยว่าฉันบอกพ่อไปหรือยังนะ แต่ว่าเมื่อฉันได้อธิบายสถานการณ์ทั้งหมดที่ฉันได้รับชื่อของเทพเจ้าที่แท้จริงไป พ่อก็ได้ส่งเสียงหึออกมาและรีบมุ่งหน้าไปสู่ดันเจี้น พ่อไม่ได้บอกว่าพ่อพยายามที่จะสร้างความก้าวหน้าในวิชาหอกหรอกหรอ? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันพ่อ?
นอกจากนี้เพราะเหตุการณ์นี้แม่ก็ยังได้พบกับเยอึนและฮวาหยาอีกด้วย แม้ว่ายุยจะรู้เรื่องของเยอึนและฮวาหยาอยู่แล้ว แต่ว่าเมื่อยุยได้เห็นพวกเธอในทีวียุยก็ดูจะไม่พอใจ
ในขณะที่รูเดียได้ใช้ชีวิตมีระเบียบขึ้น เธอได้หลับในตอน 4 ทุ่มและช้าสุดก็ 5 ทุ่ม หลังจากเธอได้เริ่มปีนดันเจี้ยนแล้วเธอก็หยุดที่จะเกาะติดกับฉันตลอดเวลา ในตอนนี้เธอจะเกาะฉันตอนเธอนอนและจะตะโกนเรียกชื่อฉันตอนที่เธอตื่นเท่านั้นดังนั้นฉันจึงเป็นอิสระขึ้นมาก….เอ๊ะ? ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเปลื่ยนแปลงล่ะ?
ไม่ว่ายังไงในตอนรูเดียหลับ ฉันได้เริ่มถูกสอบปากคำจากแม่และยุย
“เจ้าลูกชายพวกเธอสามคนใครเป็นตัวจริงล่ะ?”
“ไม่ พวกเธอเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น แค่เพื่อน”
“ไม่ใช่ว่าพวกเธอจะตีลูกทุกๆครั้งที่ลูกพูดแบบนั้นหรอ?”
แม่รู้ได้ยังไง!? เมื่อฉันเปิดตาของฉันกวาง ยุยก็ได้ถอนหายใจยาวออกมาในขณะที่แม่หัวเราะอย่างร่าเริง
“ฮ่าสๆ นั่นมันตลกจังเลยนะ! แม่คิดว่าลูกของแม่จะตายไปโดยที่ไม่เคยเดทกับผู้หญิงซะอีก เมื่อไหร่กันที่ลูกเก่งแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าพวกเธอทุกคนต่างก็สวยมาก ดังนั้นอิ้ว ลูกจะทำให้ปากของแม่ฉีกจากการยิ้มมากเกินไปแล้วนะเนี่ย”
“ทำไมแม่ถึงมีความสุขล่ะ? หนูจะไม่ยกพี่ให้กับผู้หญิงพวกนั้นเด็ดขาด ไม่มีทาง!”
ยุยได้จะโกยออกใสแล้วเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องของเธอซึ่งทำให้ฉันสับสน แต่แล้วแม่ก็หัวเราะและพูดออกมา
“มันถึงเวลาแล้วที่ยุยจบกสนศึกษาจากพี่ชายเหมือนกัน ฉันรู้สึกมีความสุขที่พวกลูกสนิทกันแบบนี้ แต่ว่าบางทีมันก็ดูจะมากเกินไป ลูกควรจะติดสันใจเร็วๆนะว่าจะให้ใครเป็นตัวจริง แม่จะไม่พูดอะไรถ้าลูกจะแต่งงานกับรูเดียในตอนนี้ พูดตามตรงนั้นเธอเป็นคนผ่องที่สุด บุคคลิกภาพของเธอก็เช่นกัน…นอกเหลือจากที่เธอจะพึ่งพาลูกมากเกินไปเธอก็เป็นคนที่ใจดีเลยทีเดียว แม้ว่าเธอจะยังไม่สามารถทำอาหารได้ แต่เธอก็ยังสามารถจะทำความสะอาดและซักผ้าได้ดี”
มันรู้สึกแปลกๆเมื่อได้ยินคนพูดว่ารูเดียเป็นคนใจดี แม่กับรูเดียพึ่งจะเจอกันไม่นานไม่ใช่หรอ …เดี๋ยวก่อนนะอะไรนะ? แต่งงานกับรูเดีย? ฉันได้เหงื่อตกและอธิบายกับแม่
“แม่ ผมพึ่งจะอายุ 21 เองนะ แล้วสิ่งที่แม่หมายถึงเลือกคืออะไร…และก็รูเดีย? ไม่ใช่เพลรูเดีย?”
“นั่นเป็นสิ่งเธอของให้แม่ถามลูก ลูกไม่ควรจะแกล้งทำเป็นไม่รู้นะเมื่อเด็กผู้หญิงเปิดเผยความรู้สึกของเธอออกมาตรงๆ นั่นมันจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้เธอเกลียดลูกเลยนะ”
“ผมอาจจะต้องปฏิเสธพวกเธอ”
“อะไรนะ? ปฏิเสธ? เอ๊ะ ลูกไม่ได้รู้เลยหรอว่าลูกโชคดีแค่ไหน อ่า เดี๋ยวก่อนนะ”
ฉันได้จบการสอบปากคำอย่างแข็งขืน
ถ้าดาร์ก วิง ล็อทเต้อาศัยอยู่ใกล้ๆบ้านเรามันก็จะเป็นการเปิดเผยตัวตนของฉันต่อทั่วโลกในพริบตาดังนั้นฉันก็เลยย้ายเธอให้ไปอยู่ในดันเจี้ยน แทนที่คฤหาสน์จะแคบไป เธอได้ไปอยู่ในสถานที่ใหม่ที่ดีกว่า(มีพื้นที่อยู่ใหม่ในสวนชื่อวว่าเฟรมเดรก) มันเป็นสถานที่พักผ่อนของทูตสวรรค์
[ว้าวนั่นชินนี่]
ในขณะที่ฉันมาถึง พลีนก็ได้สังเกตุเห็นฉันในทันทีและวิ่งเข้ามากอดฉัน เรื่องนี้มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่ฉันได้เจอกับพลีน ฉันได้เคยชินกับความนุ่มนวลของร่างกายเธอแล้ว แม้้ว่ามันจะเป็นเรื่องโกหก…ฉันหมายความว่าเครื่องแต่งกายของพลีนน้อยเกินไป!
[นายนอนหลับหรือยัง? นายต้องการจะกินอะไรไหม ให้ฉันจับปลาให้ไหม]
ดวงตาที่เหมือนกับดาวของเธอได้มองมาที่ฉันซึ่งทำให้ฉันรู้สึกปฏิเสธได้ยาก ยังไงก็ตามเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ถามเธอเกี่ยวกับที่อยู่ใหม่
“ล็อทเต้อยู่ที่ไหนหรอ?”
[ฉันไม่รู้หรอก เธอเกลียดฉัน เธอมักจะบินไปรอบๆนะ]
“หืมมม”
พลีนได้โอกาสที่จะบ่นเกี่ยวกับล็อทเต้ในขณะที่เธอกอดฉันไว้ ฉันได้คิดว่าทำไมพลีนถึงมั่นใจว่าทำไมล็อทถึงไม่ชอบเธอ ฉันก็ได้รอให้ล็อทเต้มา ในขณะที่ฉันคิดแบบนั้นก็ดูเหมือนว่าล็อทเต้จะสามารถรู้สึกถึงการปรากฏตัวของฉันด้วยเช่นกัน เธอก็เลยได้บินมาหาฉัน ไม่ว่าฉันจะเห็นเธอกี่ครั้งเธอก็ยังคงดูใหญ่โตเสมอ
[เรากำลังจะไปซะสู้กันที่ไหนงั้นหรอฮีโร่?]
“ไม่หรอก เธอสามารถจะพักได้อีกสักหน่อย เธอก็เหมือนกันพลีน เมื่อดันเจี้ยนได้เริ่มปรากฏขึ้นบนโลก พวกเธอทั้งคู่จะต้องยุ่งกันแน่ๆ”
[ข้าคิดมันเอาไว้แล้วตั้งแต่ที่เข้ามาฝั่งของฮีโร่ เมื่อพวกเราได้ฆ่าเดรกมันก็สายเกินไปแล้วที่จะหันกลับไป ข้าฉันตามฮีโร่]
[อืมมม ฉันชอบชินดังนั้นฉันก็จะปกป้องคนที่ชินชอบ! มอนสเตอร์ที่นิสัยไม่ดี ดังนั้นฉันจะเอาชนะพวกนั้นให้ได้!]
จากนั้นล็อทเต้ก็มองลงมาที่พลีนและร้องออกมา
[เธอยังเป็นมอนสเตอร์อยู่อีกหรอ ข้าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เจ้าพูดเลย เพียงเพราะว่าเจ้าชอบชายคนหนึ่ง]
[หยี้! แต่เจ้าก็ชอบชินเหมือนกันนิ!]
[ข้าเพียงแค่ยอมคุกเข่าเพราะความต่างของพลังเท่านั้น ตั้งแต่ที่ข้าสาบานว่าจะตามเขา ข้าก็จะทำแบบนั้นแต่ไป แต่ว่าไม่ใช่แบบเจ้า]
[โกหก โกหก! เธอชอบชินเหมือนกัน! โรเล็ตต้าบอกว่าทักษะฝึกจะไม่ทำงานถ้าเจ้าไม่ชอบชิน!]
[นังนี่!!!!!]
ถ้าพวกเธอสู้กันจริงๆ พลีนก็จะพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดาย ดังนั้นฉันจึงปกป้องเธอไว้ในด้วยการทำให้ล็อทต้าใจเย็นลง
“เฮ้ๆ อย่าสู้กันสิและฝึกพลังเถอะนะได้โปรด”
[โอเค เข้าใจแล้ว]
“ชิ…ถ้านั่นเป็นคำขอจากฮีโร่มันก็ไม่มีทางเลือก”
เมื่อฉันได้ลูบหัวของพวกเธอพลีนก็ได้แสดงความสุขออกมาอย่างเปิดเผย ในขณะที่ล็อทเต้ได้ตีหางของเธออกับพื้นแปลกๆ อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เกลียดฉัน
ตอนนี้ฉันได้เสร็จสิ้นการตรวจสอนสถานที่พักผ่อนของทูตสวรรค์แล้ว ฉันจะต้องกลับไปทำตารางประจำวันของฉัน แน่นอนว่ามีเพียงสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับฉัน
มันคือการเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน!
….สำหรับเหตุผลที่ฉันไม่ได้พาล็อทเต้และพลีนตามไปสำรวจดันเจี้ยนด้วยก็เพราะสำหรับพลีนมอนสเตอร์ตามฉันธรรมดาไม่แข็งแกร่งพอให้ฉันต้องการเธอและมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งก็สามารถจะกันพลังของเธอได้อย่างง่ายดาย
หรือง่ายๆก็คือพลีนอ่อนแอเกินไป โชคดีที่ดูเหมือนว่าเธอจะชอบการร้องเพลงในที่พักของทูตสวรรค์ แม้ว่าเธอจะมีความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็ยังอ่อนแอเกินกว่าจะนำไปต่อสู้จริง อย่างที่ฉันพูดไปฉันอาจจะต้องการยืมพลังของเธอเร็วๆนี้บนโลก
สำหรับล็อทเต้ฉันอยากจะพาเธอไปด้วยกัน แต่ว่าเธอมีขนาดใหญ่เกินไปที่จะบินได้อย่างอิสระในดันเจี้ยน
ยังไงก็ตามก่อนหน้านี้ฉันต้องการคำตอบจากโรเล็ตต้า
“ใช่แล้ว ชินมีเวลาเหลือ…20 ปี”
“สำหรับอะไรนะ?”
ในการตนองสนองโรเล็ตต้าฉันได้ถามออกไปอีกครั้งตามธรรมชาติ เธอได้ตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้
“จนกว่าบาเรียป้องกันโลกจะหายไปและมอนสเตอร์ทั้งหมดจะตระหนักได้ว่าชินคือมอนสเตอร์”
“มีเวลาจนกว่าจะถึง…20 ปี”
“ใช่แล้ว”
‘เดี๋ยวนะ…’ ฉันได้เอามือขึ้นมาจับหน้าผาก
อะไรนะ? 20 ปี? เมื่อตอนที่ฉันถามเธอก่อนหน้านี้ ทำไมเธอถึงใช้คำว่า ‘อีกไม่นาน’ ตอนนี้เธอกำลังล้อฉันเล่นงั้นหรอ? ไม่หรอก เธอดูเหมือนจะร้องไห้จริงๆ
“มันเป็น 20 จริงๆหรอ?”
“ใช่แล้ว เหลืออีกแค่ 20 ปีเท่านั้น…ฉันขอโทษนะ นี่ก็คือเหตุผลที่ฉันไม่อยากบอกชิน…”
“โรเล็ตต้าปีนี้เธออายุเท่าไหร่?
“ใช่แล้ว ฉันอายุสองพั….กรี๊ด! หยาบคาย หยาบคายไปแล้วนะ! ทำไมนายถึงถามฉันแบบนั้นกัน? ฉันเกือบจะตอบไปแล้วนะ
“อึก!”
โรเล็ตต้าได้ร้องออกมา และส่งหมัดของเธอตรงมายังจมูกขของฉัน อะไรนะ? สองพันปี…!? เอลฟ์ที่ดูอายุน้อยกว่าฉันมีอายุสองพันปี!? แน่อนว่าฉันไม่สามารถจะเข้าใจในเลขข้างหลังได้ แต่ว่าฉันก็เข้าใจ…ด้วยแบบนั้นฉันได้เข้าใจแล้ว
ไม่ว่าวิทยาศาสตร์การแพทย์จะก้าวหน้าไปมากแค่ไหนมนุษย์ในปัจจุบันก็ยังมีอายุไม่ถึง 150 ปี ถึงแม้ว่า 20 จะยาวนานสำหรับมนุษย์ แต่สำหรับโรเล็ตต้าที่มีอายุถึงสองพันปีแล้ว 20 ปีอาจจะนับว่าสั้นมาก
ไม่ว่ายังไงก็ตามตอนนี้ฉันก็รู้ได้ว่าพลังของฉันหมดไปและแฉันได้ทรุดไปกับพื้นด้วยความตกใจและโรเล็๖ต้าก็ได้ลงมานั่งข้างๆฉัน เธอได้ร้องไห้เล็กน้อยและหลังจากได้เห็นฉันล้มลงเธอก็กระพริบตาของเธอและมองมาที่ฉัน
“ชะ ชิน? หมัดของฉันต่อยโดนนายหรอ? โอ้ไม่นะ มันจะต้องเจ็บมากแน่ๆ!”
“ถ้าเธอคิดว่ามันจะเจ็บมากๆ เธอก็ไม่ควรจะเหวี่ยงหมัดไปรอบๆนะ….และก็ไม่ต้องห่วงเรื่องที่ฉันถูกต่อยนะ ฉันก็แค่…โล่งใจนะ”
“ห๊ะ? โล่งใจ?”
โรเล็ตต้าได้เอียงหัวของเธอด้วยท่าทางที่น่ารัก
“ชินรู้สึกโล่งใจได้ยังไงเมื่อได้ยินว่าเหลือเวลาอีกเพียง 20 ปี?”
“ถ้าฉันมีเวลาถึง 20 ปีฉันก็ควรจะสามารถไปถึงจุดจบของดันเจี้ยนได้ ไม่สิ ฉันจะต้องทำให้ได้อย่างแน่นอน”
“…”
โรเล็ตต้าได้ทำท่าทางมึนงงขึ้นอีกครั้งอย่างน่ารัก ฉันได้หัวเราขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ยังไงก็ตามเมื่อโรเล็ตต้าได้ยินเสียงหัวเราของฉัน เธอก็ไอแห้งๆออกมาและพูดด้วยท่าทางที่รุนแรง
“ชินดันเจี้ยนนี้อยู่ที่นี่มาก่อนที่ฉันจะเกิดขึ้นมาซะอีก ถึงแม้ว่าวิธีการปีนจะต่างกันไปเล็กน้อย แต่ว่าความยากมันไม่ได้แตกต่างกันเลยนะ”
“เธอหมายถึงสองพั…”
มีอะไรบางอย่างประกายขึ้นโดยที่ฉันมองไม่ทันและมีหลุมลึกปรากฏขึ้นบนกำแพงดันเจี้ยน แม้แต่ฮีโรอิคของฉันก็ทำได้เพียงแค่สร้างรอยเล็กๆไว้บนกำแพง
โรเล็ตต้าได้ยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวลและฉันก็ได้บังคับให้ตัวเองยิ้มกลับไป
“ชินกำลังจะพูดอะไรหรอ?”
“สะ สิบเจ็ดปีนั่นนะหรอ?”
ฉันได้ตอบกลับไปในขขณะที่เช็ดเหงื่อ โรเล็ตต้าดูจะพอใจกับคำตอบของฉัน
“หุหุ ดันเจี้ยนนั้นถูกสร้างมานานมากก่อนที่ฉันจะเกิด ไม่ว่าใครก็ตามผู้คนมากมายได้ท้าทายดันเจี้ยนในระหว่างเวลานั้น แต่ว่ามีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ไปถึงจุดจบ”
“แต่เอลลอสบอกว่าไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จ หรือว่าโรเล็ตต้ารู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“หุหุ เขาพูดถูกเหมือนกัน หลังจากที่ดันเจี้ยนเปลื่ยนวิธีในตอนนี้ก็ไม่เคยมีใครสามารถจะพิชิตดันเจี้ยนได้ พูดตรงๆนั้นวิธีการปีนแต่ก่อนนั้นทำได้ง่ายและคล่องตัวกว่านี้ ด้วยเหตุนี้จึงมีข้อผิดพลาดขึ้นระหว่างความสำเร็จและมอบพรออกมาทำให้โลกที่มีส่วนร่วม… ไม่ ลืมไปเถอะ ไม่จำเป็นจะต้องคิดถึงเรื่องนี้
‘ฉันได้ยินมาอย่างสมบูรณ์เลยล่ะ…’ ฉันได้ยิ้มออกมาและโรเล็ตต้าก็ยิ้มกลับ ยังไงก็ตามเธอได้แสดงท่าทางที่จริงจังในช่วงต่อมา
“ดันเจี้ยนนั้นเข้มงวด มันไม่ใช่สถานที่ๆจะทำให้ทุกคนเข็มแข็ง ชินกำลังจะบอกชินจะพิชิตดันเจี้ยนด้วยเวลาเพียงแค่ 20 ปี?”
“ใช่แล้ว”
“ในกรณีนี้มีบางอย่างที่ชินจะต้องรู้”
”มันคืออะไร” ฉันได้เอียงหัวและถามออกไป โรเล็ตต้าได้พูดเสียงแข็ง
“ชิน…ยังคิดอยู่ไหมว่าดันเจี้ยนที่หนึ่งเป็นดันเจี้ยนที่ยากที่สุด?”