Infinite Competitive Dungeon Society – บทที่ 147 – สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ (5)

Infinite Competitive Dungeon Society - บทที่ 147 – สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ (5)

บทที่ 147 – สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ (5)

 

ล็อทต้าได้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเดินทางจากกังวอนโดไปที่โซล เมื่อพวกเรามาถึงคาเฟ่ที่ได้นัดพบกันเอาไว้ สมาชิกกิลด์ทุกคนก็กำลังรออยู่กันบนโต๊ะอยู่แล้ว

….นอกจากนี้ก็ยังมีวงล้อมช่างถ่ายภาพและผู้พิทักษ์ที่ล้อมอยู่ไกลๆออกไป แม้แต่ด้านนอกของคาเฟ่ก็ยังเต็มไปด้วยพวกนั้น ฉันได้เดินเข้าไปในร้านคาเฟ่อย่างไม่สุภาพ คนที่มีอำนาจก็น่าจะอยู่ด้านใน

“มาแล้วหรอ?”

“ใช่แล้ว พวกนายวอมอัพกันเสร็จยัง?”

“เจ้าลูกชายถอยไปซะ เจ้าพวกนี้มันกวนพ่อ”

เพราะว่าการสนทนาของพวกเราและไวเวิร์นที่อยู่ด้านนอกทำให้ทุกๆคนหันมาสนใจฉัน เพียงแค่มองดูมันก็ดูเหมือนว่าผู้ใช้พลังระดับ S ทั้งสามคนของเกาหลีจะอยู่ในคาเฟ่นี้

“นายคิดอัศวินมังกรจริงๆหรอ?”

“ทำไมอัศวินมังกรอย่างนายถึงทำลายเกตที่เกาหลีล่ะ?”

“อัศวินมังกรเป็นคนเกาหลีจริงดิ?”

ฉันได้ชูมือขึ้นและโบกเบาๆทำให้เกิดพายุวนขนาดเล็กขึ้นและผลักพวกเขาถอยกลับไป แน่นอนว่าพวกระดับ S ไม่ได้ถูกผลักกลับไปจากพลังเพียงแค่นี้ แต่ว่าฉันก็ไม่สนใจ

ฉันได้เอามือของฉันไปวางบนเลนท์แห่งความลับจากนั้นก็เปลื่ยนสีผมและสีตาของฉัน ตาของฉันได้กลายมาเป็นสีดำตามปกติและผมของฉันยาวตรง

นั่นก็คือรูปลักษณ์ของยอน ฮวาวู

“อ่า นายคือ!”

“ยวน ฮวาวูผู้ใช้พลังระดับ S คนที่สี่ของเกาหลี”

“ใช่แล้ว ฉันคือยอน ฮวาวู และอย่างที่พวกนายเพิ่งจะพูดไปฉันก็ยังเป็นอัศวินมังกรอีกด้วย”

ฉันได้ตอบออกมาอย่างใจเย็นและถอนหายใจออกมา

“เกาหลีก็ยังมีผู้ใช้พลังระดับ SS!”

“ทำไมนายถึงได้ปิดบังตัวตนของนายเอาไว้+ฦW

“แล้วความสัมพันธ์ของนายกับแม่มดเพลิงคือ…อึก”

ฉันได้ตัดสินใจที่จะไม่สนใจเหล่านักข่าวที่หายตัวไปพร้อมเสียงร้อง

แม้ว่าเราจะอยู่ในคาเฟ่ก็ตามแต่มันก็ยังมีกล้องอยู่มากมายไม่ต่างไปจากการแถลงข่าว นั่นมันจึงหมายความว่ามีคนมากมายาสนใจในพวกเรา แน่นอนว่าฉันคาดว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขากำลังโกรธพวกเขา แต่ว่าเมื่อฉันมองไปที่ฮวาหยา เธอก็ได้หยักหน้าและส่งข้อความมาหาฉัน

[มันจะถูกแพร่กระจายไปทั่วโลก ฉันได้รับการยืนยันมาแล้ว]
[ขอบคุณที่เป็นธุระให้ฉันนะฮวาหยา]
[ฉันต่างหากที่ควรจะขอบคุณนาย ชิน]

ฉันได้เปิดปากขึ้นมาในขณะที่มองไปยังคนที่มองฉัน

“นั่นมันเป็นเพราะว่าฉันยังไม่ได้เป็นผู้ใช้พลังระดับ SS จนกระทั่งถึงเมื่อเร็วๆนี้ นอกจากนี้ฉันก็ยังไม่มีความตั้งใจที่จะเข้ากลุ่มผู้พิทักษ์หรือปีกแห่งเสรี”

“นายกำลังจะบอกว่าพลังระดับ S ในนามของยอน ฮวาวูเป็นเรื่องจริง?”

“ใช่แล้ว”

จากนั้นชายคนหนึ่งก็ได้ก้าวมาข้างหน้า เขาคือหนึ่งในผู้ใช้พลังระดับ S และเป็นผู้ใช้การโจมตีระยะประชิด ชายผู้ที่ฉันไม่สามารถจะจำชื่อได้ ได้ถามออกมา

“ตอนนี้นายก็ยังคงไม่มีเจตนาที่จะเข้าร่วมกลุ่มผู้พิทักษ์ของเกาหลีแม้ว่านายจะกลายเป็นผู้ใช้พลังระดับ SS หรอ?”

“ไม่ ฉันเชื่อว่าฉันได้พบที่ของตัวเองแล้ว”

“ถ้างั้นทำไมนายถึงทำให้มันวุ่นวายให้กับสาธารณะ”

คนที่มองดูอยู่ได้สะดุ้งในทันทีที่จู่ๆผู้ใช้พลังระดับ S ได้เข้าเรื่องปัญหาหลักทันที ฉันสามารถจะรู้ได้ว่าทำไม ไม่ว่าพื้นที่ดันเจี้ยนจะมีค่ามากขนาดไหน แต่ว่าผู้ใช้พลังระดับ SS นั้นก็ยังคงมีคุณค่าที่สูงกว่ามาก ในตอนนี้ความจริงนั่นได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วมันจะดีกว่าถ้าหากผู้พิทักษ์ของเกาหลีจะดึงฉันให้ไปเข้าร่วมกับพวกเขา ยังไงก็ตามฉันก็รู้สึกขอบคุณกับคำถามที่ตรงประเด็นของเขา ฉันไม่ต้องการจะคุยกับพวกเขานานนัก

“ฉันก็อยากจะถามเหมือนกันว่าทำไมนายถึงคิดว่ามันเป็นการสร้างความวุ่นวายล่ะ”

“วู วู คุณหยงฉา คุณไม่ควรจะ….”

ผู้ใช้พลังระดับ S วู หยงฉาได้เมินผู้พิทักษ์ที่พยายามจะหยุดเขาและตะโกนออกมา

“ถ้านี้มันไม่ใช่การสร้างความวุ่นวายแล้วมันจะคืออะไรล่ะ? ฉันทำมันโดยที่ไม่ได้รับมอนสเตอร์หรือหินมานาจากการล่ามอนสเตอร์ที่อ่อนแอแบบนี้ ยังไงก็ตามฉันรู้ว่ามันสำคัญกับเศรษฐกิจของเกาหลีมากแค่ไหน ทำไมผู้ใช้พลังเกาหลีถึงพยายามจะทำให้มันแย่ลงล่ะ?W

“เมื่อเกตมันได้หายไปตามธรรมชาติหลังจากผ่านไประยะหนึ่งพื้นที่ดันเจี้ยนก็อาจจะปรากฏตัวออกมาเหมือนกับในอเมริกาและอังกฤษ แต่ว่ามันก็ยังเป็นโอกาสสำหรับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเหมือนกับตัวที่ฉันได้สู้มาก่อนปรากฏออกมา”

“นั่นมันคือสิ่งที่พวกเราควรจะควบคุมมัน มันเป็นเรื่องที่เหลวไหลที่จะทำลายเกตทั้งหมดเพียงเพราะว่าความเสี่ยงเล็กๆนั่น นอกจากนี้มอนสเตอร์ก็อาจจะปรากฏตัวออกมาแม้ว่านายจะทำลายเกตไป”

“หืม มันดูเหมือนว่านายจะยังไม่ได้รู้ว่าเพื่อนของฉันได้ทำอะไรในเดือนที่ผ่านมา”

“….”

ในช่วงเดือนที่ผ่านมากิลด์รีไวเวิร์ลได้ทำลายเหตุการดันเจี้ยนและเคลียร์เหตุการการจู่โจมที่เกิดขึ้นมาโดยที่ไม่เกิดการบาดเจ็บ ด้วยเรื่องราวนี้มันมีชื่อเสียงมาก คงจะไม่มีใครที่จะไม่เคยได้ยินมัน

“เอาจริงดิ? นายทำลายเกตเพื่อป้องกันไม่ใช่มอนสเตอร์แข็งแกร่งที่ไม่อาจจะควบคุมได้จากการวิ่งอาละวาด? มันไม่ต่างกันเลยนะ”

“นายกำลังพูดถึงอะไร? มันยังเป็นการป้องกันไม่ให้พื้นที่ดันเจี้ยนปรากฏออกมา”

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ อัศวินมังกร?”

“นายคิดว่านี้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายงั้นหรอที่เกตจะปรากฏขึ้น?”

“….”

“เมื่อเกตปรากฏขึ้นอีกครั้งนายจะป้องกันเกตที่อยู่ในระดับต่ำอีกครั้งเพื่อให้มันเปลื่ยนเป็นพื้นที่ดันเจี้ยนอีกไหม?”

“แน่นอนว่าไม่ พวกเราจะทำเพียงแค่รักษาในจำนวนที่พวกเราสามารถจัดการได้!”

“แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนบอกว่าจำนวนของเกตที่ปรากฏออกมามันจะอยู่ในการควบคุมของนาย? เมื่อพวกมันหลุดจากการควบคุมของนายแม้แต่ครั้งเดียว มันก็จบสิ้นแล้ว จำนวนของดันเจี้ยนบนโลกก็จะมีเพียงแต่เพิ่มขึ้น และดินแดนของมนุษย์ก็จะหายไป”

“นั่นมันคือเหตุผลที่พวกเราควรจะสร้างดันเจี้ยนในตอนนี้! เพื่อที่จะควบคุมสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน! ดันเจี้ยนจะให้ในทุกๆสิ่งที่ต้องการกับผู้ใช้พลัง!”

“อย่าพูดให้ฉันขำหน่อยเลย แม้ว่าก่อนที่เกตจะปรากฏออกมาผู้ใช้พลังก็ยังมีอิสระที่จะได้รับเงินและซื้ออุปกรณ์ที่พวกเขาต้องการ นอกจากนี้อุปกรณ์ที่สามารถจะได้มาจากดันเจี้ยนนายสามารถจะจัดการมันได้ง่ายสินะ นายถึงได้พูดแบบนั้น? ถ้าผู้พิทักษ์ได้จัดการดันเจี้ยนนายคิดว่าพวกเขาจะต้องลงทุนเงินเงินไปเท่าไหร่ที่จะให้ไปกับผู้ใช้พลังทั้งหมด?”

ฉันยังคงพูดต่อไปในขณะที่มองไปยังวู หยงฉา

“มันจะสายเกินไปถ้าหากเราไม่ได้เริ่มกำจัดมันตั้งแต่ตอนนี้ มอนสเตอร์ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อความมั่งคั่งของมนุษย์ พวกมันเป็นผู้บุกรุกที่พยายามจะไล่พวกเราออกไปและมาแทนที่พวกเรา สิ่งนี้ฉันสามารถจะรับประกันได้เลย แม้พวกเราจะไม่ได้เพิ่มจำนวนของมอนสเตอร์ด้วยการปล่อยเกตทิ้งไว้มันก็ยังคงมีมอนสเตอร์อีกนับไม่ถ้วนที่คุมคามพื้นดินของพวกเรา นายคิดจะรู้ตัวดีนะผ่านเจ้ามอนสเตอร์ที่เรียกว่าเฟรมเดรก”

ดวงตาของวู หยงฉากำลังสั่น ฉันเข้าใจเขาคงจะอยู่ที่นั่น ไม่สิเขาไม่ได้อยู่ที่นั้นในขณะที่พวกเรากำลังต่อสู้กับเฟรมเดรกอยู่ เขาวิ่งหนีไปงั้นหรอ? ไม่ว่ายังไงก็ตามเขายังคงเงียบอยู่ ฉันได้พูดต่อไปไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่าานั้นแต่ตอนนี้ทุกๆคนกำลังดูอยู่

“ในแง่ของความสามารถพวกเรามั่นใจว่าเราไม่ได้เป็นสองรองใคร นายควรจะคิดให้รอบคอบเกี่ยวกับการที่ทำไมเราถึงทำลายเกตนะในเมื่อพวกเราจะไม่ได้รับอะไรเลย”

“ไม่ใช่เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้พลังคนอื่นๆได้แข็งแกร่งขึ้นหรอ?”

“ถ้าเราไม่ได้ทำมันและปล่อยให้พวกนายทุกคนทำตามที่ต้องการ พวกเขาก็คงจะต้องถูกกินก่อนที่จะได้แข็งแกร่งขึ้นแน่ๆ”

“ทำไมถึงเป็นที่เกาหลี”

“ฉันเป็นคนเกาหลีและฉันก็ยังโตขึ้นมาในเกาหลี ฉันไม่ควรจะปกป้องประเทศของฉันก่อนหรอกหรอ?”

จากนั้นฉันก็ได้ยิ้มออกไปบางๆ

“แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงคิดว่าพวกเราจะหยุดแค่ที่เกาหลี”

คำพูดนี้ของฉันได้ทำให้พวกเขานิ่งงันไปในทันที

“นายหมายความว่า….”

“อันตรายมันไม่ได้จะหายไปเพียงแค่เพราะว่าเกตในเกาหลีได้หายไป สหายของฉันได้ใช้เวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาในการทำลายเกตให้กับประเทศที่อ่อนแอ นายยังไม่เข้าใจอีกหรอว่านี่มันหมายถึงอะไรฦW

“นายกำลังคิดที่จะทำลายเกตในประเทศอื่นๆด้วยงั้นหรอ?”

“อัศวินมังกรนายเป็นผู้ใช้พลังของเกาหลี! ในฐานะของผู้ใช้พลังนี้มันเป็นการฝ่าฝืนกฏหมายของประเทศอื่น แถมนายก็ยังจะนำอันตรายมาสู่เกาหลีด้วย!”

ในฐานะที่เป็นชาวเกาหลีมันจะมีข้อแตกต่างกันระหว่างการเคลียร์เหตุการดันเจี้ยนในเกาหลีกับเหตุการดันเจี้ยนของประเทศอื่นๆ อย่างแรกมันอาจจะเรียกว่าเป็นสิ่งที่ถูก แต่อย่างหลังนั้นจะถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่นักข่าวกำลังพูดกัน มันทำให้ฉันรู้สึกขำ

“ฉันจะไม่ขัดขวางในประเทศที่วางแผนจะทำลายเกตของพวกเขาด้วยตัวเอง แต่ฉันจะไม่อนุญาตให้ประเทศต่างๆที่ทำเป็นเมินเกตและปล่อยให้มันกลายเป็นดันเจี้ยน

“สิ่งที่นายกำลังพูดมันคืออาชญากรรมนะ!”

“มันไม่มีปัญหาหรอก ถ้าหากประเทศใดก็ตามที่ถือว่าการกระทำของฉันเป็นตัวแทนของเกาหลี ฉันจะทำให้แน่ใจได้เลยว่าพวกเขาจะต้องเสียใจแน่ๆ ดังนั้นเกาหลีก็ไม่น่าจะได้รับปัญหาใดๆจากฉันมากนัก”

“พะ พระเจ้า…!”

ฉันหมดเวลาพูดเรื่องเล่นๆแล้ว ในตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่จะพูดในสิ่งที่ฉันต้องการจะพูด

“ฮวาหยา”

“ใช่แล้ว”

สิ่งที่ฉันได้มาจากฮวาหยาเป็นแผ่นกระดาษที่บันทึกสถานที่ของเหตุการดันเจี้ยนทั้งหมดที่มีระดับ S หรือสูงกว่า ฉันก็ยังรู้สึกประหลาดใจที่มันมีอยู่ 4 แห่งในเกาหลี แต่ว่าในตอนนี้สิ่งนั้นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ

“ในอดีตมันจะใช้เวลาสองเดือนก่อนที่เกตจะกลายเป็นดันเจี้ยน ถ้าหากเกตทั้งหมดจะใช้เวลาเท่าๆกันพวกเราก็จะเหลือเวลาอีก 1 เดือน

“ชะ ใช่”

“ฉันได้ยินมาว่าผู้พิทักษ์ ปีกแห่งเสรี และพวกอิสระบางคนได้พยายามที่จะทำลายดันเจี้ยนระดับ S แต่ในความจริงแล้วมันไม่มีอะไรเลยนอกเหนือไปจากการที่ทุกๆคนกำลังพยายามที่จะละเลยดันเจี้ยนที่ถูกจัดระดับเป็น A หรือต่ำกว่านั้น ฉันคิดว่ามันเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมเลย”

“สำนักงานกลุ่มผู้พิทักษ์และพวกเรายอมรับ สำหรับสิ่งนั้นพวกเรา—-“

ฉันได้ตัดบทเขาและพูดต่อไปในทันที

“และในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาได้มีเกต 12 แห่งถูกทำลาย เกตทั้งหมดนั้นเป็นเหตุการดันเจี้ยนระดับ S และในระหว่างกระบวนการนั้นได้มีผู้ใช้พลังกว่า 40 คน ได้ถูกฆ่าและบาดเจ็บ นอกจากนี้ก็ยังไม่เคยมีสักครั้งที่ผู้ใช้พลังระดับ SS ทั้ง 3 คนมาร่วมสู้ด้วยกัน”

“โปรเจคนี้มันได้เริ่มขึ้นมาแต่ว่ามีแต่ความวุ่นวาย ยังไงก็ตามนับจากนี้ไปจำนวนของผู้ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตก็จะลดลงไปในขณะที่จำนวนเกตที่ถูกทำลายจะถูกเพิ่มขึ้น”

“นั่นมันหมายความว่านายสามารถที่จะทำลายเกตอีก 34 แห่งที่เหลือได้ถายในเดือนหน้า?”

ฉันได้ยิ้มกว้างออกมา ในตอนนี้ทุกคนก็ควรจะเข้าใจได้แล้ว

ว่านั่นมันเป็นไปไม่ได้

“เมื่อไหร่กันที่จะยอมแพ้และเมื่อไหร่กันที่จะยอมให้ฉันไปช่วย? ฉันสามารถจะรับประกันได้เลยว่านายจะต้องเสียเวลามากขึ้นแน่ในการดันสินใจแบบนั้นและปล่อยให้เกตจำนวนมากกลายเป็นดันเจี้ยน นายไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นหรอ”

“….”

“ละเลยเกตที่พวกนายควรจะสามารถทำลายมันได้เพื่อผลประโยชน์ในขณะเดียวกันก็ละเลเกตที่นายอาจจะอาจจะทำได้เพราะนายไม่สามารถจะไปได้เพราะความขัดแย้งของผลประโยชน์ เพราะขาดพลัง…. เมื่อซักวันมันมาถึงก็จะเป็นวันที่มอนสเตอร์มีมากกว่ามนุษย์บนโลก ฉันสงสัยจะเลยนะว่านายจะยังพูดว่าการที่ฉันทำแบบนี้มันเป็นการสร้างความวุ่นวายอีกไหม?”

ฉันได้ป่าวประกาศออกไป

“พวกเราคือกิลด์รีไวเวิร์ล สมาชิกของเรานั้นแตกต่างไปจากพวกนายนัก สิ่งที่หนักหนาและยุ่งอย่างอย่างเช่นการช่วยมนุษยชาติหรือป้องกันประเทศนั้นเอาออกไปได้เลย พวกเรานั้นรวมตัวกันเพียงแค่เพื่อปกป้องเพื่อนและครอบครัวของพวกเรา”

“กิลด์รีไวเวิร์ล”

“เขาบอกว่ารีไวเวิร์ล”

“ฉันเคยได้ยินเรื่องทีมรีไวเวิร์ลมาก่อน”

ฉันได้เมินเสียงพึมพัมของพวกเขาและพูดประกาศถึงความตั้งใจของฉันให้กับผู้ฟังทุกคนที่อยู่อีกฝากหนึ่งผ่านกล้อง

“พวกเราจะจัดการเกตทั้งหมดในเกาหลีเริ่มจากระดับ S+ ทั้งสองแห่ง และระดับ S หลังจากนั้นนายก็ไม่น่าจะต้องสงสัยในพลังของพวกเราอีกแล้ว จากนั้นพวกเราก็สามารถจะมาคุยกันได้อีกครั้ง พวกนายทุกคนจะต้องชดเชยให้กับพวกเราสำหรับการที่ช่วยทำลายเกตระดับ S หรือระดับที่สูงกว่านั้น”

ถ้านายต้องการอะไรบางอย่าง นายก็จะต้องจ่ายให้กับมัน ให้และรับมันก็คือพื้นฐานที่เด็กๆก็สามารถจะเข้าใจได้

ระหว่างความปลอดภัยและทรัพยากรสิ่งใดกันที่พวกเขาจะเลือก? พูดตามตรงนะมันก็ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยายังไง ฉันได้แสดงท่าทางออกไปอย่างเฉยเมย ทำไมนะหรอ?

มันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเราจะทำลายเหตุการดันเจี้ยนทั้งหมดโดยไม่สนใจอะไร! นี้เป็นเพียงแค่คำประกาศเท่านั้น บอกให้พวกเขาจัดการด้วยตัวเอง!

ฉันไม่มีเจตนาที่จะปล่อยให้เหตุการดันเจี้ยนเหลือแม้แต่อย่างเดียว ฉันจะต้องปกป้องโลก ได้รับแต้มสเตตัส ฉีกหน้าผู้พิทักษ์ ปีกแห่งเสรี และเคียร่า พร้อมทั้งได้รับรางวัลจากบอส! มันไม่มีอะไรเลยนอกจากเต็มไปด้วยประโยชน์ ฉันจะไม่ยอมพลาดแบบในตอนที่ฉันฝึกอีกแล้ว ดังนั้นฉันก็จะไม่ปล่อยให้มันเหลืออีกสักแห่งเดียว

“ฉันหวังว่าทุกคนจะคอยดูพวกเรา พวกเราจะแสดงให้นายได้เห็นถึงพลังและความตั้งใจของกิลด์รีไวเวิร์ล”

ด้วยการแสดงออกที่สงบและดวงตาที่กระตือรือร้นฉันได้มองไปที่กล้องแต่ละตัว

‘แค่รออีกหน่อยนะเหตุการดันเจี้ยน! ฉันกำลังจะไปจัดการให้หมดเอง’

 

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

ICDS, 무한경쟁던전사회
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2015 Native Language: Korean
อ่านนิยาย Infinite Competitive Dungeon Society เรื่องย่อ : เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset