บทที่ 149 – สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ (7)
ในเดือนที่ผ่านมาเพื่อนของฉันได้ร่วมมือกันจัดการเหตุการดันเจี้ยนทั้งหมด ถึงแม้ว่าดันเจี้ยนเหล่านั้นจะมีระดับที่ต่ำกว่า A แต่ฉันก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นการเสียเวลาเลย พวกเขาได้คุ้นเคยกับการต่อสู้มากขึ้น
“ฮ่าห์”
พ่อได้แทงหอกออกไปข้างหน้าพร้อมเสียงตะโกน ขาข้างหนึ่งของไซครอปได้ถูกระเบิดออกทำให้มันล้มไปทับเพื่อนของมันอีกสองตัว แน่นอนว่าพวกมันอีกสองตัวไม่ได้มีพลังพอจะช่วยเพื่อนมันในสถานการณ์ปัจจุบันได้ นับแต่นั้นไม่นานก็ได้มีกองทัพไซครอปเข้ามาหาพวกเรา
“หนึ่งตัวมันก็น่ารำคาญพอแล้วนะ พวกมันทั้งหมดนี้มาจากไหนกัน?”
“ทั้งงหมดนี้ก็คงจะต้องขอบคุณผู้นำที่น่ารักของเรา พวกมันอาจจะรู้ตัวว่าไม่มีโอกาสจะเอาชนะเราได้เว้นแต่ว่าพวกมันทั้งหมดจะรวมกำลังกัน”
ฮวาหยาได้รีบถอยกลับมาและยื่นมือออกไปเพื่อที่จะเผาไซครอปที่เข้ามา สุมิเระและชูนะได้ป้องกันไซครอปอยู่ด้านหน้าในขณะที่ฮวาหยาจะเผาพวกมันด้วยการโจมตีระยะไกล สำหรับพวกเราที่เป็นผู้โจมตีระยะไกลก็จะวิ่งไปรอบๆเพื่อที่จะฆ่าไซครอปที่เข้ามาด้วยตัวเอง มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือผู้โจมตีระยะไกลของเรามีมากเกินไปเมื่อเทียบกับผู้โจมตีระยะไกลที่เรามีอยู่
“คุณชิน ช่วยด้านขวาหน่อยค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
ฉันได้วิ่งออกไปตามเสียงเรียกของสุมิเระในขณะที่วังวนวายุรอบหอกของฉันได้โผล่ขึ้นมารอบหอก ไซครอปสองตัวที่โจมตีสุมิเระได้ถูกส่งให้ลอยออกไปโดยหอกของฉัน
“พลีน!”
“ล๊าล่าล่า~”
เมื่อไซครอปตัวใหม่ปรากฏออกมาห้าตัว พลีนก็ได้เริ่มร้องเพลงออกมาอย่างกระปรี้กระเปร่า ทุกครั้งที่เธอร้องเพลงด้วยท่าทางที่มีความสุขดูเหมือนว่าพลังจะออกมาจากร่างกายของไซครอป
“อึก ฉันกำลังสูญเสียพลัง…”
“เวร…เอ้ย”
ผู้ใช้พลังระดับ S ที่ไม่ได้รับพิจารณาว่าอยู่ในปาตี้ของเราก็ได้รับผลกระทบด้วย แต่ว่ามันก็ไม่เป็นอะไรเพราะว่าพวกเขาไม่ได้ต่อสู้ ฉันได้ล่ามันต่อไปโดยที่ไม่สนใจพวกเขา
“ล็อทเข้”
[รู้แล้วน่า!]
ในขณะที่ฉันตัดสินใจที่จะต่อสู้กับสมาชิกในปาตี้บนพื้นดิน ฉันกับล็อทเต้ก็ได้แยกกันสู้ ล็อทเต้ได้โจมตีไซครอปด้วยการโฉบจ้าบนท้องฟ้า และเพลิงสีดำที่เธอสามารถจะพ่นออกมาทำร้ายพวกมันได้อย่างรุนแรง แม้กระทั่งร่ายเวทย์คำสาป
[ก๊าซซซซ เจ้านกนั้นมันกันพวกเรา!]
[นกนั่นมันเป็นนกที่อันตราย]
ไซครอปได้พยายามที่จะโจมตีล็อทเต้ แต่ว่าในเมื่อพวกมันไม่มีการโจมตีระยะไกลมันจึงเป็นไปไม่ได้ ราวกับว่าล็อทเต้ก็รู้เรื่องนี้เธอได้กระโดดและบินออกไป ในขณะเดียวกันพวกเราก็ได้ใช้โอกาสที่เธอสร้างขึ้นเพื่อโจมตี
“ย่ะ ย่ะ ตาย!”
เยอึนได้ตะโกนออกมาอย่างน่ารักในขณะที่เล็งโจมตีไปที่จุดอ่อนของไซครอป ในมือของเธอมีมีดสั้นสีดำเล่มหนึ่งสีขาวเล่มหนึ่งซึ่งเป็นรางวัลที่เธอได้รับมาจากเฟรมเดรก เสียงตะโกนและท่าทางของเธอไม่ได้เข้ากันเลยซักนิด ดังนั้นฉันก็อยากให้เธอหยุด
“พวกเขาจะทำอะไรกับศพของมันล่ะ?”
ฮวาหยาได้ถามในขณะที่เธอได้สร้างเพลิงขึ้นมาอย่างไม่หยุดเพื่อที่จะเผาไซครอป แม้ว่าพวกเราจะได้คุยกันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะต้องการพูดเรื่องนี้กับผู้ใช้พลังระดับ S ฉันก็ยังได้ตอบกลับไปลวกๆ
“เราจะขายมัน ฉันแน่ใจได้เลยว่ามีหลายคนที่ต้องการศพของมอนสเตอร์ระดับ S อ่า เราจะเก็บไว้สักนิดนึงด้วย… ฉันสงสัยจะว่ารสชาติของพวกมันจะเป็นยังไง”
[กูว ก๊าาาา!]
[ฮะ ฮีโร่นั่นน่ากลัว]
หลังจากไซครอปหลายร้อยตัวได้ตายสถานการณ์ก็ได้เปลื่ยนไป ได้เริ่มมีไซครอปสีดำปรากฏออกมา ไซครอปพวกนี้มีขนาดที่ใหญ่กว่าตัวปกติและกำลังถือกระบองยักษ์เอาไว้ในมือ และเนื่องจากว่าไฟของฮวาหยาไม่สมารถจะเผาพวกมันได้อย่างง่ายดาย มันดูเหมือนว่าพวกมันจะมีความต้านทานธาตุที่สูง
“บอสใกล้จะปรากฏตัวแล้วฮวาหยา”
“ถ้านายเหนื่อยก็กลับมาที่แนวป้องกันและพักจนกว่าบอสจะมา”
ฮวาหยาได้ตะโกนตอบสนองต่อคำพูดของฉันและยิงไฟสีขาวออกไปทุกด้าน มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังซึ่งทำให้ไซครอปทั้งหมดต้องถอยกลับ วอร์คเกอร์ก็ได้วิ่งกลับไปทันที มันดูเหมือนว่าพ่อก็กำลังเหนื่อยจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่องในขณะที่วิ่งกลับตามหลังวอร์คเกอร์ไป
“อึ อึก เวรเอ้ย การโจมตีของฉันแทบจะไม่ได้ผล…!”
[วอร์คเกอร์ถ้านายยังอยู่ นายก็จะแข็งแกร่งขึ้นจากแต้มสเตตัสที่ได้รับ]
“ถ้านายไม่ได้บังคับให้ฉันเป็นบอดี้การ์ดของน้องสาวนาย ฉันก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนนี้อีก”
“วอร์คเกอร์นายจะต้องคว้าโอกาสเมื่อมันมาถึงสิ!”
“อย่างที่นายพูดแหละ นายไม่ได้ให้โอกาสฉันทำแบบนั้น”
แม้ว่าฉันจะต้องการพูดคุยกับเขาผ่านช่องสนทนากิลด์แต่ดูเหมือนว่าวอร์คเกอร์จะไม่ต้องการแบบนั้น ตั้งแต่ที่ผู้ใช้พลังระดับ S ได้ให้ความสนใจกับสถานการณ์ตรงหน้าของเขาโดยที่ไม่สนใจกับบทสนทนาของเราเลย ฉันเสียใจอย่างจริงจังเกี่ยวกับวอร์คเกอร์ ฉันหวังว่าฉันจะต้องตอบแทนเขาเร็วๆนี้!
การคุยกับวอร์คก็มันเป็นสิ่งที่สนุก แต่ว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะเคลียร์สนามรบนี้และเตรียมความพร้อมสำหรับบอส อย่างแรกฉันได้หยิบเอามานาโพชั่นระดับสูงออกมาและกินมันลงไป ฉันได้จบหอกของฉันแน่น ย่อตัวและกระโดดขึ้นไป
“ชูนะ สุมิเระ ถอยกลับไป!”
“ค่ะ!”
“คุณชิน!?”
หลังจากที่ฉันกระโดดขึ้นไปบนกว่าอากาศกว่าสิบเมตรฉันก็ดึงหอกของฉันไปข้างหนังและใช้งานวงจรเพรูต้าจนถึงขีดสุด จากนั้นแสงห้าสีก็ได้เริ่มรวมกันที่หอกของฉัน
[กรี๊ดดด ยักษ์ตาเดียว!]
[คุณจะสอนบทเรียนให้พวกนั้นใช่ไหมคุณเจ้าชาย คุณจะสอนบทเรียนใช่ปะ?]
[ฉันสามารถนั่งสิ่งนี้ได้ด้วย แปลกจังฉันไม่เป็นอะไร]
[ทุกๆคนมาหมุนๆ แบบพิเศษกันเถอะ!]
ภูติธาตุนับไม่ถ้วนได้เข้ามาในวังวนวายุที่หุ้มอยู่รอบๆหองของฉันจนเป็นสีรุ้ง ในช่วงเวลาสั้นๆที่ฉันอยู่บนอากาศ ฉันได้แทงหอกออกไปในทางที่ไซครอปเข้าและตะโกนขึ้น
“ตาย!”
‘เวรเอ้ย เมื่อไหร่กันนะที่ฉันจะแก้นิสัยชอบตะโกนได้’
[ติดคริติคอล]
จากท้องฟ้าสู่พื้นพายุเหล่าธาตุได้โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ไซครอปสี้ดำที่อยู่ด้านหน้าได้ถูกกวาดออกไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันกับพวกไซครอปที่อยู่ด้านหลังพวกมันก็ด้วย แม้ว่าพวกมันทั้งหมดจะไม่ตาย แต่ว่าพวกมันก็อยู่ในสถานะที่หมดสภาพ
“ฮวาหยาจะการเคลียร์พวกมัน”
“อะ โอเค”
ฮวาหยาผู้ที่นิ่งไปครู่หนึ่งได้หายคงและเริ่มฆ่าไซครอปที่รอดอยู่อย่างรวดเร็ว เธอได้โยนเพลิงสีขาวของเธอใส่ลงไปในลำคอพวกมัน ถ้ามันไม่ตอบสนองพวกมันก็คือตายไปแล้ว แต่ไม่เช่นนั้นพวกมันก็จะสำลักและตายไป มันค่อนข้างสะดวกจริงๆ
หลังจากที่ลงถึงพื้นฉันก็ดื่มมานาโพชั่นลงไป หลังที่พายุธาตุจบลงธาตุนับไม่ถ้วนก็ได้กระจายกันออกไปหลังจากให้พรและจุ๊บฉัน ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ฉันได้ยินมาว่าฉันสามารถเห็นธาตุที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับฉันได้ในขณะที่ฉันพัฒขึ้นในฐานะผู้ใช้ธาตุดูเหมือนว่านี่มันจะเป็นความจริง ถึงแม้ว่าภาพมันจะยังมัวๆ ฉันก็ยังสามารถจะรู้จักพวกเขา
“ยะ ยอนฮวาวู ความสามารถนั่นคืออะไร? ความสามารถของนายไม่ใช่สายฟ้าหรอ?”
“ไม่ใช่นายคิดจริงๆนะว่าฉันจะบอกนายนะ?”
ฉันได้ตอบคำถามของผู้ใช้พลังผู้หญิงไปและขยิบตา จากนั้นฉันก็โยนขวดโพชั่นเปล่าออกไป แม้ว่าพายุธาตุจะใช้มานา 50% ของฉัน ถ้าหากฉันเตรียมโพชั่นไว้ล่วงหน้าและร่วมมันลงไปในเวลานั้น มานาของฉันส่วนมากก็จะฟื้นคืนกลับมาเมื่อมันจบลง! เนื่องจากว่าฉันสามารถจะลดเวลาคูลดาวของโพชั่นได้วิธีนี้ก็ค่อยข้างจะฉลาด
“เป็นพลังที่น่าอิจฉาอะไรแบบนี้ อืมม….”
“คลื่นกระแทกดีเกินไปน้า”
“พูดกันกันพอแล้วนะ เตรียมตัว”
ฮวาหยาได้ตะโกนออกมาเสี่ยงดัง เนื่องจากว่าเราได้เข้ามาต่อสู้กับบอสดันเจี้ยนระดับ S+ มันจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ นอกจากนี้เธอก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการการจู่โจมเช่นกัน
[ชิน ฉันจะใช้การอวยพรอีกครั้ง]
[โอเค ขอบคุณมากรูเดีย]
“พลีนเตรียมร้องเพลงไว้ด้วยนะ”
“โอเค”
รูเดียได้ถือคทาปักลงพื้นและเริ่มสวดเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเสียงที่สง่า ความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวได้หายไปและร่างกายของฉันได้เต็มได้วยความแข็งแรง มันน่าลึกลับอย่างแท้จริง แม้กระหลังจากที่โลกล้มสลายไปและรูเดียย้ายมาที่โลกของฉัน เธอก็ยังคงรักษาพลังของเทพเจ้าที่เธอนับถืออยู่ แม้ว่าฉันจะไม่คิดว่ามันลึกซึ้งเกินไป แต่ว่าฉันจะต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งมี่ชีวิตที่เรียกว่าเทพอีกสักครั้ง
“บอสก็น่าจะเป็นไซครอป หลังจากที่ล็อทเต้ได้พ่นเพลิงสีดำเพื่อลดความต้านทานของมัน พวกเราแต่ละคนก็จะใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเรา การต่อสู้กับบอสก็จะเริ่มหลังจากตอนนั้น”
“เข้าใจแล้ว”
“โอเค”
“บอสของไซครอป…. ฉันไม่อยากจะจินตนาการเลยว่ามันจะเป็นยังไง”
สมาชิกในปาตี้ได้เตรียมเตรียมการโจมตีของพวกเขา หอกของพ่อได้สั่นขึ้นอยู่พักหนึ่งแล้ว ฉันได้สงสัยว่านั่นคือเส้นทางศิลปะการต่อสู้ใหม่ที่พ่อสร้างขึ้นสินะ
จากนั้นในท้ายที่สุดแล้วมันก็ปรากฏตัวขึ้นโดยที่ไม่มีแววจะโผล่ขึ้นมาเลย มันโผล่ขึ้นมาทันทีอยู่เบื้องหน้าของพวกเรา
[ก๊าซซซซซซซ]
มันสูงกว่า 10 เมตรและมีผิวสีแดงกับดวงตาอันน่าสะพรึงกลัว ราวกับว่าการมีแขนของมันมีไม่เพียงพอทำให้มันเพิ่มแขนขึ้นมาอีกสองข้า มันได้ถือกระบองเอาไว้ในมือแต่ละข้าง ในเวลาเดียวกันนั้นหอกของฉันก็ได้เริ่มสั่น เอ๊ะ? เดี่๋ยวก่อนนะ… ในขณะที่ความคิดเข้ามาในหัวของฉัน ในตอนนั้นเองฉันก็ได้รีบตะโกนบอกให้ล็อทเต้ปล่อยลมหายใจทันที
[ลมหายใจคำสาปทมิฬ]
เป็นชื่อที่เจ๋งอะไรแบบนี้
ก่อนที่มันจะทำให้สมาชิกในปาตี้ของเราทั้งหมดตกอยู่ในความหวาดกลัว ล็อทเต้ก็ได้พ่นไฟสีดำออกมา คำว่าเทมันก็คงเหมาะสมอย่างยิ่งกับกาโจมตีของเธอ เพลิงของเธอได้กลืนร่างกายของมันได้และเบาร่างของมัน ถ้าเธอไม่ได้อยู่ฝั่งฉัน ฉันก็คงจะต้องตกใจกลัวเธอแน่ๆเลย
[ก๊าซซซซซซซ]
[มันจะไม่ได้นานนัก แต่ว่ามันจะลดพลังโจมตี ความเร็วและการต้านทานทุกอย่าง]
[ทำไมเธอถึงไม่ใช่มันกับเดรกล่ะ]
[ฉันไม่สามารถใช้มันได้ ฉันได้รับมันมาหลังจากได้อยู่กับฮีโร่…อืมมม]
มันดูเหมือนว่าล็อทเต้จะอาย แต่ว่าฉันก็ไม่มีเวลาพอจะคิดเรื่องนี้ ฮวาหยาได้เป็นคนแรกที่โจมตี เพลิงสีขาวเธอเธอมันขาวจนคนอื่นๆอาจจะเข้าใจผิดว่ามันคือแสง
“ตายยย”
มันเป็นเสียงตะโกนที่เป็นสากลงั้นสินะ? เพลิงของเธอได้พุ่งเข้าไปใส่หน้าอกของไซครอบและเผาจนทำให้มองเห็นกระดูกของมัน และมันยิ่งน่าทึ่งขึ้นไปอีกกับความจริงที่ว่าเพลิงของล็อทเต้ได้ทำให้มันไม่สามารถจะฟื้นฟูได้ จากนั้นหอกของพ่อก็ได้โจมตีไปในจุดเดียวกันด้วยการระเบิดและสั่นสั่นเลือดทำให้มันไอออกมาเป็นเลือดจำนวนมา พ่อได้หลบกระบองและถอยกลับมาทันที ในขณะนั้นเองพ่อก็ได้ยิงออร่าคลื่นกระแทกที่ควบแน่นเอาไว้
“ตาย!”
“จริงดิ! มันฟังดูอ่อนแอจัง!”
พวกเราไม่จำเป็นจะต้องพูดทั้งหมดเหมือนกันๆ
“ย่ะ ตาย!”
“อึก”
“ฟู่….หอกทะลวง”
“ฉะ ฉันด้วยคนค่ะ! โล่กระแทก!”
สมาชิกในปาตี้ทั้งหมดได้ระเบิดการโจมตีจของพวกเขาออกมา ไซครอปได้ร้องออกมาอย่างโกรธแค้นและพยายามจะเหวี่ยงไม้กระบองของมัน เพลิงของล็อทเต้ได้หายไปอย่างช้าๆ
“โอ พลังแห่งผืนดินจงหยุดดาบของเหล่าอริศัตรู”
[ก๊าซซซซ]
การร่ายเวทย์ของรูเดียได้ดังขึ้นมาและกระบองของไซครอปก็หยุดลงกลางอากาศ แผลที่หน้าอกของมันได้เปิดกว้าง
“ตอนนี้แหละ”
รูเดียได้ตะโกนออกมา คทาของเธอกำลังแผ่แสงออกมา
ฉันได้เล็งหอกไปที่หน้าอกของฉัน ฉันได้รอมานานแล้วนับตั้งแต่ฉันได้สร้างเส้นสายฟ้าสีขาวขึ้น แผลตรงหน้าอกของมันถูกเผาโดยฮวาหยาและถูกเจาะโดยพ่อ ฉันสามารถจะเห็นแม้กระทั่งหัวใจของมันที่เต้นอยู่
“ตายยยยยยยย!”
“นะ น่าอายจังเลยนะ”
หอกของฉันมันราวกับว่าจะถูกดูดเขาไป มันได้เจาะลงไปมราอกของไซครอปด้วยแรงระเบิดขนาดใหญ่ วังวนวายุของออร่าได้กินพลังการฟื้นฟูและประสบความสำเร็จในการระเบิดหัวใจของมัน
[คุณได้เอาชนะเหตุการดันเจี้ยน บอสมอนสเตอร์ลอร์ดไซครอปได้ถูกจัดการ]
[2,000,000 ทองจะถูกแบ่งให้กับปาตี้ของคุณอย่างเท่าเทียใ คุณได้รับเงิน 250,000 ทอง]
[คังชินได้มีผลงานสูงที่สุด เลือกรางวัลของคุณ]
“ชินฆ่ามันเลยตอนนี้เป็นโอกาสแล้วทุกคนโจม… เอ๊ะ!? มันตายแล้วหรอ?”
เพียงเท่านั้นพวกเราก็สามารถจะเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ได้อย่างสมบูรณ์