บทที่ 165 – วิกฤติซ้ำซ้อน (1)
เมื่อพวกเราได้ออกมาจากดันเจี้ยน เสียงเชียร์ของเหล่าผู้พิทักษ์ก็ดังขึ้นจนเหมือนจะส่งไปถึงสวรรค์จริงๆ ในตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นการต้อนรับที่แท้จริง นายกรัฐมนตรีของรัสเซียก็ยังวิ่งมาในทันทีที่ได้ยินว่าดันเจี้ยนหายไป
แน่นอนว่าในทันทีที่เขาเห็นไอน่าในอ้อมแขนของฮวาหยา เขาได้นิ่งไป เมื่อเห็นเขาสั่นฉันก็ได้กระพริบตาและพูดออกไป
“เพื่อเป็นการแลกเปลื่ยนที่เราจัดการเกตระดับ SS ของรัสเซีย รีไวเวิลร์รับตัวเอลลิน่า อเล็กซานโดน่า มิคาโลว่าไปเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการนะ เธอก็ได้ขอสัญชาติเกาหลีอย่างเป็นทางการไปแล้ว”
มีเพียงคำตอบเดียวที่เราจะยอมรับ หากเขาไม่ยอมฉันจะจัดการเขาจนกว่าจะยอมรับคำขอเอง
จากนั้นพวกเราก็ได้แยกกับมิเชลด้วยดี แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดของชาราน่า แต่เธอก็ได้แสดงรูปธรรมและมาขอโทษด้วยความจริงใจ ก่อนที่เขาจะได้กลับไปที่ฝรั่งเศสเขาก็ได้บอกกับเราว่า “มันเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งจริงๆ ชุดเกราะยักษษ์ที่สามารถพูดได้ ภูติะาตุ และก็โลกที่ต่างออกไป… นายรู้มากกว่านี้อีกใช่ไหม?”
“ใช่แล้วฉันรู้ ในวันข้างหน้าฉันอาจจะต้องบอกนายเกี่ยวกับเรื่องนี้และขอความช่วยเหลือจากนาย”
“ฉันได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าทำไมองค์กรของนายถึงต้องมีอยู่ ดังนั้นฉันจะไม่สงสัยในตัวนาย ฉันหวังว่าวันนั้นมันจะมาถึงเร็วๆนี้นะ มันดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงยิ่งกว่าที่ใครๆได้คาดการณ์เอาไว้”
“ขอบคุณนะสำครับความเชื่อนั้น”
หลังจากนั้นก็ได้กล่าวลามิเชล พวกเราก็ได้กลับไปที่บ้านในทันที สุมิเระได้กลับไปที่ญี่ปุ่น ชูนะกลับไปที่บ้านกิลด์ และเยอึนก็กลับไปที่บ้านของเธอ และวอร์คเกอร์ก็กลับไปที่บ้านหลังใหญ่ของเขาซึ่งอยู่ถัดไปจากบ้านของเรา
จากนั้นปัญหาก็ได้เกิดขึ้น
“พ่อไม่ได้อยู่กับแม่หรอ?”
“อ่า อืมม….”
ใช่แล้ว พวกเราไม่แน่ใจว่าจะทำยังไงดีกับไอน่า
ในตอนแรกฉันคิดว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายๆเพราะฮวาหยาได้บอกว่าเธอจะดูแลไอน่าเอง
“ฉันจะพาเธอไปด้วย สถานที่ๆฉันอยู่มันใหญ่และมีเพียงแค่ฉันกับแม่ของฉันเท่านั้น ฉันคิดว่าแม่ก็จะต้องชอบไอน่าเหมือนกัน”
“เธอจะโอเคนะ? แม่ของเธอไม่ใช่ว่าเป็นคนธรรมดาหรอ?”
“มะ แม่…อะแฮ่ม นะ แน่นอนสิ ฉันสัญญากับไอน่าแล้วด้วย”
“นั่น…ก็จริง”
นั่นก็คือคำสัญญา
อย่างแรกฉันได้แต่งตั้งให้ไอน่ากลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่ง สิ่งนี้ได้ทำเสร็จไปแล้วเธอได้กลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่ง
อย่างที่สองไอน่าจะต้องปีนดันเจี้ยนอย่างรวดเร็วและไปถึงชั้นที่ 21 เมื่อเธอไปถึงนั่นเธอก็จะสามารถเข้าสู่พื้นที่พักอาศัยได้
อย่างที่สามเราก็จะให้เธอมาอยู่ที่บ้านกิลด์ เธอก็จะได้อยู่ด้วยกันกับฉันที่เป็นพ่อและฮวาหยาที่เป็นแม่ เธอก็จะได้เจอกับเราทั้งสองทางทั้งในโลกและดันเจี้ยน
อย่างที่ามนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด หากไม่มีฉันหรือฮวาหยา ไอน่าจะได้รับการถือว่าเป็นผู้ใช้พลังที่อันตรายอีกครั้ง เพื่อที่จะช่วยให้เธอได้มีชีวิตที่ปกติอีกครั้ง เรื่องอย่างที่สามนั้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น แม้ว่าเธอเธอจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้แบบเด็กปกตินับตั้งแต่วินาทีที่เธอได้กลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนแล้วก็ตาม
“นอกจากนี้ แม้ว่าถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ฉันก็สามารถจะกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นมันน่าจะโอเค ด้วยพลังของฉัน ฉันสามารถจะช่วยคนไว้ได้ตราบเท่าที่เวลายังผ่านไปไม่นาน”
ฮวาหยาได้พูดอกอมาด้วยใบหน้าที่แดงขึ้นและกอดไอน่าอีกครั้ง จากนั้นไอน่าก็เอียงหัวและคว้าแขนของฉันเอาไว้ ในขณะนี้ฉันไม่ได้ใส่เกราะอยู่ มันเป็นแขนของฉันจริงๆ
“แล้วคุณพ่อล่ะ”
“…หืม?”
“พ่อก็จะมาด้วยใช่ไหม?”
พวกเราได้พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ฉันไม่แน่ใจว่าจะอธิบายให้เธอได้ฟังยังไง ยังไงก็ตามไอน่าก็มีทักษะในการอ่านบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนนี้ระหว่างฉันกับฮวาหยาและถามออกมา
“พ่อกับแม่หย่ากันหรอ?”
“พวกเราไม่เคยแต่งงานกันตั้งแต่แล้วแล้วไอน่า”
แม้ว่าเธอจะเด็กจนไม่เข้าใจเหตุผล แต่ว่าเธอก็ควรจะเข้าใจว่าฮวาหยาและฉันไม่ใช่สามีและภรรยากันจริงๆ
ยังไงก็ตามฉันก็ได้อธิบายถึงเหตุผลให้ไอน่าฟังอีกครั้งในขณะที่ขับรถไปที่บ้าน จากนั้นไอน่าก็ทำแก้มป่องและพูดออกมา
“แต่ว่าทั้งพ่อและแมม่เป็นคู่ที่สวรรค์สร้างนี่นา”
“หนูได้ฟังประโยคนี้มาจากไหนกัน?”
“แม่สอน….”
ในวินาทีที่ไอน่ากำลังจะตอบกลับ ฮวาหยาก็ได้ปิดปากของเธออย่างเป็นธรรมชาติและดึงเธอเข้าไปกอด
“ไอน่า แม่บอกหนูเกี่ยวกับบ้านกิลด์แล้วใช่ไหม? หนูสามารถจะไปเจอกับพ่อได้ที่นั่น”
“พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอ?”
“ไอน่า คุณจะดื้อแบบนี้ไม่ได้นะ”
“…โอเคค่ะ”
ไอน่าได้หยักหน้ารับอย่างทำอะไรไม่ได้ จากนั้นเธอดึงแก้มของฉันและบอกให้ฉันสัญญา
“พ่อจะต้องมาหาหนูทุกวันนะ”
“อืมม ฉันจะพยายามนะไอน่า ทุกวันมันอาจจะยากไปนะ”
บียอนมันไม่ใช่ที่ๆฉันจะสามารถเคลียร์มันได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แม้ว่าฉันจะอธิบายเรื่องนี้กับไอน่า เธอก็เคืองฉัน เด็กนี้เข้าใจยากจริงๆน้า
ก่อนที่พวกเราจะกลับสู่ชีวิตประจำวัน ฉันก็ได้เรียกสมาชิกในกิลด์มารวมตัวกัน จากนั้นพวกเราก็ได้จัดงานศพของเพซิน่าในคฤหาสน์กิลด์ สถานที่พักของนางฟ้าเป็นสถานที่สำหรับจัดงานของผู้ใช้ธาตุและชาราน่าได้เฝ้าดูมันในร่างรูปธรรมของเธอ
ในพิธีนี้จะเป็นงานที่เหล่าธาตุมารวมตัวกันในศพของผู้ใช้ธาตุและพวกเขาก็จะกลืนมานาที่เหลืออยู่ในศพ จากนั้นร่างกายก็จะหายไปในธรรมชาติ ตำนานนั่นก็คือผู้ใช้ธาตุที่ผ่านพิธีนี้ก็จะกลับมาเกิดใหม่ในฐานะของภูติธาตุ
ในฐานะที่ทีมันจะใช้มานาของผู้ใช้ธาตุจำนวนมาก มันจึงใช้ไม่ได้ในระหว่างการต่อสู้ มันเป็เรื่องยากแม้ว่าจะมีผู้ใช้ธาตุช่วย นอกจากนี้ผู้ใช้ธาตุส่วนใหญ่ก็ยังงเกลีดพิธีศพนี้ที่คนอื่นๆได้เห็น ดังนั้นมันจึงเป็นภาพที่เห็นได้ยาก
อย่างที่พูดมานั้นพิธีศพของผู้ใชธาตุอาจจะเป็นหนึ่งในพิธีศพที่สวยงานที่สุดพิธีหนึ่งในพิธีศพของมนุษย์
“ภูติธาตุใช้แสงสว่างน้ำทางสำหรับเพื่อนของพวกนายด้วย”
[เอลฟ์ผู้ใช้ธาตุ]
[สาวที่น่าสงสาร เธอไม่น่าจะตายเลย]
[เจ้าชายบอกว่าจะช่วย]
[นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันทำแบบนี้]
เหล่าธาตุหลากสีสันได้มารวมกันที่ศพของเพซิน่า ในระหว่างกระบวนการนี้มานาของเธอก็ได้ไหลออกมาตามธรรมชาติ ภูติธาตุก็ได้ส่องแสงสว่างซึ่งแม้แต่คนที่มองไม่เห็นธาตุยังสามารถจะมองเห็นได้ มันเกือบจะเหมืออนกับมีแสงสีรุ้งทออยู่เหนือศพของเพซิน่า
“สวยมาก…!”
“ฉัน”
“หืมมม”
“ไม่อย่างจะเชื่อเลยเมื่อคิดว่าคังชินสามารถจะแสดงภาพที่สวยงามแบบนี้”
ยกเว้นวอร์คเกอร์ คนอื่นๆขอกิลด์รีไวเวิร์ลได้ดูเงียบๆ มันคงจะดีถ้าหากพวกเราสามารถจัดงานศพของผู้ใช้พลังที่ตายในเหตุการดันเจี้ยนได้ แต่ว่าศพของพวกเขาได้หายไปเมื่อเหตุการดันเจี้ยนจบลง
เมื่อเวลาได้ผ่านไปแสงก็ได้ยิ่งสว่างขึ้น ในทุกสุดแสงก็ได้เริ่มหม่นแสงลง สักพักธาตุก็ได้หยุดที่จะส่งแสงออกมา ศพของเพซิน่าได้กลายเป็นอนุภาคแสงและกระจัดกระจายออกไปในอากาศ มานาทั้งหมดในร่างกายของเธอได้ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว
[ลาก่อนนะเพซิน่า มันสนุกจริงๆที่ได้อยู่ด้วยกันกับเธอ]
ชาราน่าได้พูดออกมาด้วยเสียงที่ร่าเริงและสร้างสายลมส่งอนุภาคแสงลอยไป ฉันอดไม่ได้ที่จะถามชาราน่า
“เพซินาจะไปเกิดใหม่เป็นภูติธาตุหรอ?”
[ใช่แล้ว ตั้งแต่ที่พวกเราได้ทำพิธีศพภูติธาตุ ฉันแน่ใจได้เลย ฉันจะต้องได้พบกับเธออีกครั้งในสักวันหนึ่ง…]
เธอได้พึมพัมออกมาจนเหมือนกับเสียงกระซิบ จากนั้นก็คำนับ
[ขอบคุณมากนะนายท่าน ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณจะรู้เกี่ยวพิธีศพภูติธาตุ]
“มันมาพร้อมกับตอนที่ฉันกลายเป็นผู้ใช้ธาตุนะ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าได้มันมายังไงก็ตาม”
ฉันได้ยิ้มออกมาอย่างข่มขื่นและหันไปมองสมาชิกปาตี้คนอื่นๆที่กำลังยืนแสดงท่าทางที่ว่างเปล่าออกมา
“ขอบคุณทุกคนที่มานะ เรามาสนุกกับซาซิมิปลาทูน่าที่คฤหาสน์และกลับไปสำรวจดันเจี้ยนกันดีกว่า!
ฉันต้องการจะให้มันจบลงเร็วๆ ปลาทูน่าละลาย… ไม่ว่าฉันจะกินมันไปมากแค่ไหม มันก็ไม่หมดซะที ฮวาหยาและฉันจะกินมันเสมอ แต่ว่ามันก็ไม่มีวี่แววที่จะหมดลงซะนิด บางทีฉันอาจจะต้องเอามันไปแบ่งให้สวนแฟรี่
ในขณะที่ทุกคนได้เริ่มขยับตัว เพียงคนเดียวที่ยังคงยืนนิ่งต่อไปก็คือรู้เดีย เมื่อฉันเข้าไปหาเธอ เธอก็ถามฉัน
“ชิน ชื่อที่นายพูดของเอลฟ์ผู้ใช้ธาตุคืออะไรนะ?”
“ฉันพูดว่าเพซิน่า ทำไมหรอ?”
ฉันได้เอียงหัวงงและวางมือบนไหล่ของเธอ เธอได้สะดุ้งราวกับว่าเธอตกใจ จากนั้นเธอก็ถามออกมาด้วยหน้าที่ซีดลงไปเล็กน้อย
“ชิน เพซิน่าคือชื่อของฮีโร่เอลฟ์ในตำนานที่ต่อสู้กับเผ่าพันธ์ปีศาจในทวีปลูก้าเมื่อ 50 ปีก่อน…”
ฉันได้ไปหาโรเล็ตต้าในทันที เพราะว่าฉันได้บอกเธอว่าฉันจะไม่มาซักพักหนึ่ง เธอจึงกลับไปพักอยู่ที่สวนแฟรี่อยู่ชั่วคราว ดังนั้นฉันจึงต้องไปที่สวนแฟรี่เพื่อไปหาเธอ
“โรเล็ตต้า”
เมื่อฉันได้เปิดประตูกระท่อมของเธอเข้าไป ฉันก็เห็นโรเล็ตต้าและหลินกำลังดื่มชาอยู่ แถมนอกจากนี้ยังมีสาวสวยอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ถัดไปจากหลิน เมื่อโรเล็ตต้าเห็นฉัน เธอก็โยนแก้วชาที่ถือเอาไว้ ซึ่งแก้วนั้นได้ถูกรับไว้ด้วยผู้หญิงที่อยู่ตรงข้าม และโรเล็ตต้าก็กระโดดเข้ามาหาฉัน
“กรี๊ดชิน ฉันอยากจจะชินเพือ… ฉะ ฉันหมายถึงชินไปนานเกินไปแล้วนะ”
“ฉันก็อยากจะเจอโรเล็ตต้ามากเหมือนกัน แต่ว่าในตอนนี้มีสิ่งที่สำคัญมากกว่า”
“ชินทำเหมือนมันไม่สำคัญอีกแล้ว! ความรู้สึกของฉัน… เดี๋ยวนะ ชินบอกว่าต้องการจะเจอกับฉันมากหรอ? เอะเฮะๆๆ…”
“ว้าว…ถ้างั้นนี่เป็นแฟนของโรเล็ตต้างั้นหรอ?”
“อืมม ใช่แล้วเขาเป็นคนที่โง่นิดหน่อย แต่ว่าน่าแปลกที่เขาดึงดูดผู้หญิง เธอก็จะต้องระวังเอาไว้นะ”
“ถ้างั้นเขาก็เหมือนนายหลิน”
“เธอกล้าที่จะล้อเล่นกับเผ่ามังกรหรอ? หยาบคายอะไรแบบนี้ เยี่ยมตามฉันมา ฉันจะแสดงความโกรธของฉันให้ดูเอง”
ฉันสามารถจะได้ยินเรื่องไร้สาระของหลินกับผู้หญิงคนนั้นได้ แต่ว่าฉันได้เมินพวกเขาและดึงโรเล็ตต้าผู้ที่กำลังถูกหน้าของเธอบนหน้าอกของฉันราวกับว่าจะมุดเข้าไปให้ได้ออกไป
“โรเล็ตต้าเธอรู้ว่าฉันออกไปทำลายเหตุการดันเจี้ยนใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว ชินได้บอกกับฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชินได้แข็งแกร่งขึ้นมา แต่ว่าชินไม่ควรจะไว้ใจในค่าสถานะที่มากเกินไปนะ สิ่งที่สำคัญก็คือเลเวลของชิน ไม่ว่าค่าสเตตัสจะมหาศาลมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับศัตรู แต่ว่าถ้าหากชินมีเลเวลที่ต่ำกว่า ระดับวิญญาณของชินก็จะแย่กว่าเมื่อนำไปเทียบกัน”
“เรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลังนั้น มันมีสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องการจะถามโรเล็ตต้าก่อน”
“มันคืออะไรล่ะชิน”
มันดูเหมือนว่าโรเล็ตต้าจะตระหนักได้ว่าฉันกำลังจริงจัง ดวงตาของโรเล็ตต้าก็ยังจริงจังขึ้น ฉันได้อธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น การได้พบกับผู้ใช้ธาตุเพซิน่าและคู่หูคนใหม่ชาราน่าในดันเจี้ยน และเรื่องที่พวกเขาทั้งสองคนมาจากทวีปลูก้า
“กองทัพปีศาจที่โจมตีทวีปลูก้าก็ยังจะโจมตีโลกด้วยไหม? โรเล็ตต้ามันจะเป็นไปได้ไหม? กองทัพปีศาจเพิ่งเอาชนะทวีปลูก้าเองนะ เมื่อไหร่กันที่พวกเขาบุกมาที่โลกเมื่อตั้งแต่ 2 ปีก่อนหรอ? พวกนั้นแยกออกมาเป็นสองกองทัพหรอ? หรือว่ามันเป็นช่องว่างของระยะเวลาที่ฉันไม่รู้?”
“มะ ไม่ พวกนั้นมันไม่ใช่ความจริงทั้งสองทาง”
โรเล็ตต้าได้ส่ายหัวของเธอ ริมฝีปากของเธอได้สั่น
“โอ้ ขอร้องล่ะฉันไม่สามารถ…”
“โรเล็ตต้า”
“พวกนั้นไม่ใช่ศัตรูของโลก ฉันแน่ใจได้เพราะว่ามีเพียงโลกที่สูญเสียพลังของพวกเขาเท่านั้นที่จะบุกโลกอื่นได้….”
“….”
ฉันได้ยินความลับที่บ้าบอมากๆ เดี๋ยวนะ นั่นหมายความว่าศัตรูของโลกก็ยังอยู่ในโลกอื่นเหมือนกับเราหรอ? พวกเขาบุกรุกโลกอื่นเพื่อที่จะขโมยพลังของหรอ? พวกเขาสูญเสียพลังของพวกเขาในตอนแรกไปได้ยังไง?
ไม่ ฉันไม่สามารถที่จะไขความลับนี้ได้อีกต่อไป สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือ…!
“ถ้างั้นทำไมดันเจี้ยนในโลกถึงมีบอสเป็นลูกน้องของเดม่อนลอร์ด?”
“มันยังไม่ชัดเจนอีกหรอเจ้าหนู? พวกเขาไม่สามารถที่จะปูทางไปมันได้ด้วยตัวเอง แต่ว่าพวกเขาสามารถจะใช้เส้นทางที่ถูกเจาะเอาไว้แล้วได้”
หลินได้ตอบออกมาแทนโรเล็ตต้าที่เงียบไป ดวงตาของเขาได้เปล่งประกายด้วยความเย็นชา
“โลกของนายในปัจจุบันกำลังถูกโจมตีโดยสองกองกำลัง แม้ว่ามันจะหาได้ยาก แต่มันก็ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย คนที่ได้ลิ้มรสพลังของโลกไปก็จะสามารถเปลื่ยนความสนใจไปที่พลังของโลกอื่นอีกได้ง่ายๆ แม้ว่าหลังจากที่พวกเขาจะประสมความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในการทำให้โลกของพวกเขาดำรงอยู่ต่อไป แต่พวกเขานั้นยังไม่พอใจและมองหาทางที่จะได้รับอำนาจที่ทรงพลังยิ่งกว่า นั่นก็คือสิ่งที่นายกำลังเผชิญอยู่
เขาได้พูดต่อออกมาด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย
“พวกเราเรียกมันว่าวิกฤติซ้ำซ้อน พูดนายง่ายๆก็คือนายแม่งโครตซวยเลยล่ะ”