บทที่ 166 – วิกฤติซ้ำซ้อน (2)
“ตามปกติแล้วการจะบุกรุกนั้นจะช้าอย่างมาก ตำนวนครั้งที่จะใช้งานนี้มีขีดจำกัดก่อนที่จะสามารถจะใช้ได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าเมื่อเกิดวิกฤติซ้ำซ้อนขึ้นทางผ่านมิติจะกว้างขึ้นและการบุกรุกก็จะถูกเร่งขึ้นมา โลกที่เจอกับที่เจอกับวิกฤติซ้ำซ้อนก็จะเผชิญหน้ากับศัตรูเร็วขึ้น”
โรเล็ตต้าได้ยืนยันในคำพูดของหลิน อย่างที่เขาพูดโลกดูเหมือนจะซวยบัดซบเลยล่ะ
“ชิน บอกฉันทีสิว่ามีเหตุการดันเจี้ยนปรากฏออกมาเท่าไหร่ในครั้งนี้?”
“ประมาณ 300”
“300… 300… การบุกรุกเริ่มขึ้นเมื่อ 1 ปีกับอีก 8 เดือนก่อน และประมาณสองเดือนครึ่งก่อนหน้านี้กองทัพปีศาจได้พิชิตทวีปลูก้าเริ่มออกไปสู่โลกอื่น…”
มี่กำลังพูดกับหลินได้ตอบมาแทนโรเล็ตต้า
“มันดูเหมือนว่ากองกำลังหนึ่งจะบุกรุกจะมาถึงในเวลาอย่างน้อยก็ 2 ปี… โลกนายไม่ใช่ว่าจบสิ้นแล้วหรอ?”
“เงียบน่าอเลนี่”
โรเล็ตต้าได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งผู้หญิงที่ชื่ออเลนี่ได้ผงะไป มันได้แสดงถึงตำแหน่งของพวกเธอได้อย่างชัดเจน
“มันจะไม่เป็นไร ถ้าเป็นชินจะต้องทำมันได้แน่… เขาเป็นคนที่เขียนประวัติศาสตร์ดันเจี้ยนใหม่ทั้งหมด ถ้าหากเขาสามารถจะปีนไปจนถึงจุดสิ้นสุดของดันเจี้ยนภายใน 2 ปี….”
“หา? เธอคิดว่าเขาจะสามารถพิชิตดันเจี้ยนที่หนึ่งซึ่งไม่เคยถูกพิชิตมาก่อนในเวลาเพียง 1 ปีหรอ? เขาอยู่ในชั้นที่เท่าไหร่? 98 หรอ?”
“54”
“พรืด”
“และเขาก็เป็นนักสำรวจบียอน”
“….”
ผู้หญิงที่ชื่ออเลนนี่ได้ตะนึงไปทันที
“โรเล็ตต้าเธอพูดความจริงหรอ? หรือว่าในท้ายที่สุดแล้วเธอเสียความคิดไป? ชั่งเถอะ ในฐานะที่เป็นนักรวจบียอนในชั้นที่ 54 มันเป็นความจริงที่ว่าเขาเป็นอัจฉริยะ ฉันยอมรับมัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามมันเป็นไปได้ได้ ในทางกายภาพแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย บางทีเขาอาจจะบรรลุเป้าหมายได้ถ้าเขาได้รับเวลา 200 ปี”
“เมื่อ 1 ปี 8 เดือนก่อน ชินเพิ่งจะอยู่ชั้นที่ 5”
“…?”
โอ้ ฉันรู้จักท่าทางแบบนั้นดี นั่นเป็นท่าทางของเยอึนในครั้งแรกที่ฉันได้บอกกับเธอเกี่ยวกับดันเจี้ยน นั่นคือการแสดงออกประมาณว่า ‘คนๆนี้พูดบ้าอะไรเนี้ย?’ ยังไงก็ตามโรเล็ตต้าได้ยักไหล่ราวกับว่ามันเสียเวลาในการอธิบายเรื่องต่างๆ”
“อเลนี่ขอโทษนะ แต่ออกไปก่อน ฉันไม่ต้องการที่จะให้คนที่ไม่ใช่สมาชิกกิลด์ได้ยินสิ่งที่ฉันจะพูดนับจากนี้”
“เธอจะรู้เรื่องนี้นะ แต่ว่าโรเล็ตต้า…”
“ออกไป”
ด้วยแบบนั้นโรเล็ตต้าได้พูดออกมาด้วยเสียงหนักแน่น คำพูดของอเลนี่ได้ถูกขัดและเธอก็ได้จางหายไปพร้อมเสียงฮึ่ม จากนั้นโรเล็ตต้าก็อธิบายออกมา
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นกิลด์มาสเตรอ์ของกิลด์ผู้ดูและ ‘ลอส วัลเลย์’ นับตั้งแต่ที่เธอเสียหลินไป เธอก็เมินเฉยต่อสถานะกิลด์มาสเตอร์และมักจะมาที่สวนแฟรี่ ชินไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจกับคนแบบเธอก็ได้”
ฉันรู้สึกว่าฉันก็รู้จักผู้หญิงที่เหมือนกับเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้พูดออกไป จากนั้นโรเล็ตต้าก็เริ่มดื่มชาอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ฉันก็ถามหลินเรื่องการแก้ไขอุปกรณ์ของฉัน ฉันไม่ได้ดูแลบำรุงรักษาอุปกรณ์ของฉันมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว พวกมันค่อนข้างจะเสียหายมาก หลินได้สบถออกมาแต่เขาก็ยังรับชุดไปและเริ่มซ่อมมัน
โรเล็ตต้าที่กำลังดื่มชาอยู่ทันใดนั้นเธอก็กัดฟันแน่นหลังจากเห็นเกราะของฉัน
“หลินอุปกรณ์ของชินเก่าแล้วนะ นายจะปล่อยให้เขาสวมใส่อุปกรณ์ที่ซ่อมซ่อแบบนี้ไปถึงไหนไ
“พี่สาว ฉันพึ่งทำให้เขาไม่นานมานี้เองนะ นอกจากนี้ของพวกนี้ยังเป็นระดับอีปิคนะ….”
“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสอง”
“ชิ… เข้าใจแล้ว ฉันจะทำอันที่ดีกว่านี้ให้”
ฉันได้รู้สึกว่ามันเกิดขึ้นมาก่อน แต่ว่าบางทีโรเล็ตต้าอาจจะเผด็กการทีเดียวที่ให้พวกเขาทำงานให้เธอ ในขณะที่ฉันกำลังคิดถึงความสัมพันธ์ในรูปแบบที่สุดยอดของพวกเรา หลินก็ได้มองมาที่ฉันและพูดออกมา
“แต่ว่าฉันจะไม่ทำให้ฟรีหรอกนะ เอาวัตถุดิบบางอย่างที่เหมาะกับันมาให้ฉัน บางสิ่งที่จะทำให้ฉันคุกเขาและตะโกนออกมาว่า ‘สิ่งนี้แหละ’ “
“อะไรที่หลินจะประทับใจงั้นหรอ? เฟรมเดรกล่ะ?”
“ให้ตายสิ นายจะเขาจิ้งจกที่ไหนมาให้ฉัน ถ้านายต้องการจะให้ฉันประทับใจกับสิ่งมีชีวิตล่ะก็ เอามังกรหรือไม่ก็ปีศาจระดับสูงมาให้ฉัน”
หลินได้ตอบกลับมา เขาทำให้ฉันนึกได้ถึงอย่างนึง และหยิบเอาศพของผู้บัญชาการกองทัพปีศาจชาตูโน่ออกมาจากช่องเก็บของ
“แล้วนี่ล่ะหลิน”
ในวินาทีที่หลินได้เห็นศพของชาตูโน่เขาก็เม้มริมฝีปากและกำหมัดแน่น จากนั้นเขาก็พึมพัมออกมาเหมือนกับเขาเกลียดมัน
“เวรเอ้ย นี้มัน…”
“ทำไมนายไม่คุกเข่าล่ะ? ทำสิ ฉันอยากจะเห็น ทำมันสิ”
“อ๊า น่ารำคาญน่า”
นอกจากศพของชาตูโน่ หลินก็ได้เอาชิ้นส่วนกระดองของด้วงกว่าง ผิวและเลือดของลอร์ดไซครอป และมอนสเตอร์อื่นๆอีกซึ่งถูกยัดอยู่ในช่องเก็บของๆฉัน จากนั้นเขาก็ได้เอาผ้าคลุมมังกรแดง ซึ่งเดมทีติดกับเกราะไป
“ฉันจะปรับแต่งผ้าคลุมโดยการเพิ่มหนังของปีศาจไป มันดูเหมือนว่าฉันจะยุ่งแล้ว…”
“เยี่ยม มันดูเหมือนว่านายได้เจอกับงานที่นายจะทำแล้วนะหลิน”
“ฉันมีงานมากอยู่แล้วนะ คุณจะฆ่าฉันหรือยังไงพี่สาว!?”
“อึ้ หลินจะตายเพราะอะไรแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ? ดังนั้นก็รีบๆเข้าน้า”
โรเล็ตต้าได้กดดันหลินด้วยรอยยิ้มที่สดใส หลินได้เกาหัวและถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้น
“ให้ตายสิ…ถ้างั้นฉันไปทำงานพวกนี้ก่อนละกัน เฮ้ คังชิน ฉันจะเอามันไปสักเดี๋ยวนะ ดังนั้นก็ใช้ชีวิตโดยไม่มีผ้าคลุมไปซักพักละกัน”
“ขอบคุณมากหลิน”
“ฮึ่ม”
เขาได้ส่งเสียงออกมาและเดินออกจากห้องไป เมื่อเห็นเขาจากไปโรเล็ตต้าก็พูดออกมา
“หลินคงจะชอบชินจริงๆ”
“ส่วนไหนของบทสนทาที่ทำให้เธอคิดแบบนั้นล่ะ”
“ชินไม่รู้เลยหรอ? ไม่ว่าฉันจะขอร้องเขามากแค่ไหน แต่หลินก็ไม่เคยว่าอุปกรณ์ให้กับคนที่เขาเกลียดหรอกนะ”
ฉันได้คิดว่าสิ่งที่โรเล็ตต้าทำมันดูเหมือนการข่มขู่มากกว่าการขอร้องอีกนะ แต่ว่าฉันก็อาจจะเข้าใจผิดก็ได้มั้ง
“ถ้างั้นชิน เรากลับมาคุยเรื่องที่กำลังจะมาถึงดีกว่า”
โรเล็ตต้าได้วางแก้วชาลมและมองมาที่ฉันอย่างจริงจัง ดวงตาของเธอได้กระพริบหลายครั้งด้วยเสียงดูเหมือนว่าเธอกำลังตรวจสอบฉันด้วยควมกังวล
“อืมม ไม่ต้องกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับสิ่งที่อเลนี่พูดหรอกนะ มันยังไม่จบลง”
“อ่า”
ฉันจำได้ว่าพวกเราเคยพูดถึงเรื่องนี้ แต่ว่ายังไงก็ตามจากเวลา 20 ปีได้ถูกย่นมาเป็น 2 ปี มันราวกับเป็นการโจมตีฉันด้วยความจริงนี้
2 ปีหรอ? ฉันจะต้องเผชิญหน้ากับคนที่เหมือนๆกับเดม่อนลอร์ดใน 2 ปีหรอ? เมื่อเทียบกับจำนวนนักรบนับไม่ถ้วยในทวีปลูก้าแล้ว โลกยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ผู้ใช้พลังยังไม่ได้เติบโตโดยสมบูรณ์และพวกเราก็มีนักสำรวจดันเจี้ยนเพียงไม่กี่คน ในตอนนี้พวกเราพึ่งจะเริ่มมองหาพรรคพวกที่เชื่อใจได้ แต่ว่าเราดันเหลือเวลาเพียงแค่ 2 ปี…
นอกจากนี้ยังมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังของวิกฤติซ้ำซ้อนที่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเดม่อนลอร์ดที่โจมตีทวีปลูก้าเองด้วย ฉันได้ถามในสิ่งที่ฉันสงสัยมานานแล้ว”
“โรเล็ตต้า…”
“ไม่ มันเป็นเรื่องบังเอิญ”
โรเล็ตต้าได้ขัดจังหวะฉัน
“ไม่ใช่เพราะว่าชินเป็นทหารรับจ้างต่างมิติ ถ้าหากว่าการเป็นทหารรับจ้างต่างมิติจะทำให้เกิดวิกฤติซ้ำซ้อนก็คงจะไม่มีใครต้องการจะเป็นทหารรับจ้างต่างมิติหรอก”
“แต่ว่าฉันคือฮีโร่ของโลก มันอาจจะมีผลกระทบ….”
“ไม่ชิน ฉันสัญญาได้เลย มันไม่ใช่เพราะชิน ชินไม่เชื่อใจฉันหรอ”
โรเล็ตต้าได้ยื่นหน้ามาหาฉัน ตาสีทองของเธอได้ส่องประกายราวกับอัญมณี เธอเข้ามาใกล้พอที่เราจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเธอ เมื่อเห็นดวงตาที่แน่วแน่ของเธอ ฉันได้แต่ส่ายหัว
“ฉันไว้ใจเธอ”
“เดม่อนลอร์ดอาจจะไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของชิน เขาจะรู้ได้เพียงแต่เมื่อเขาข้ามไปที่นั่นแล้วเท่านั้น เขาสามารถบุกสู่อีกโลกหนึ่งได้ผ่านเส้นทางซึ่งเส้นทางนั้นมันทำไปสู่โลกเท่านั้นเอง เชื่อฉันสิชิน”
“อย่างที่ฉันพูดไปแหละฉันเชื่อใจเธอ”
“อือ… เยี่ยม”
โรเล็ตต้าได้กลับไปที่เดิมด้วยความพ่อใจ จากนั้นเธอก็ปรบมือทันที
“เอาล่ะ ถ้างั้นเรามาคุยสิ่งที่ชินควรจะทำในตอนนี้ดีกว่า”
“ฉันควรจะทำหรอ?”
“ชินควรจะปีนดันเจี้ยนจบใน 2 ปี”
เธอได้พูดออกมาราวกับมันเป็นเรื่องง่าย
“ถ้าเป็นไปได้เพื่อนของชินก็ด้วย”
“มันฟังดูยากมากๆเลยนะ”
“แต่ว่าชินเป็นเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมจะเข้าสู่บียอนใช่ไหม? ถ้ามันเป็นเพียงแค่ดันเจี้ยนที่หนึ่งเพื่อนๆของชินก็อาจจะสามารถประสบความสำเร็จได้”
“ฉันก็อยากจะให้มันเป็นแบบนั้น”
“ถ้ามันเป็นแบบนั้น ชินก็จะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉันขอรับประกันเลย”
“เธอต้องการให้พวกเราทำทั้งหมดนี้ด้วยเวลาเพียงแค่ 2 ปี ในสิ่งที่นักสำรวจคนอื่นๆไม่สามารถจะทำได้ในเวลาหลายร้อยปี?”
“ไม่เช่นนั้นแล้วโลกของชินก็จะถึงจุดจบ”
“….”
เมื่อฉันเงียบไป โรเล็ตต้าก็เงียบลงเช่นกัน ในเวลานี้ความเงียบได้ดำเนินไปอยู่พักหนึ่ง เมื่อฉันไม่สามารถจะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อีกต่อไปและกำลังจะลุกขึ้นโรเล็ตต้าก็พูดออกมา
“ชิน”
“ว่าไง?”
“ถ้า..ถ้าชินกลัว… ฉัน…”
“….โรเล็ตต้า?”
“แม้ว่าถ้าชินจะทิ้งโลกของชิน ฉันก็จะไม่ตำหนิชิน”
ฉันสงสัยในเสียงที่ได้ยิน
“โรเล็ตต้า”
“แนจะไปต่อต้านดันเจี้ยนและปรัชญาของลอร์ด… แต่ว่าชินมีความสำคัญกับฉันมาก ฉัน ฉันจะไม่ตำหนิชิน ดังนั้นถ้า…ถ้ามันเป็นภาระที่หนักเกินไป… ถ้าชินไม่สามารถจะทนกับมันได้อีกต่อไป…”
ฉันได้ขัดเธอและถามออกไป
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันหนี?”
“…ถ้าหากว่าฮีโร่อยู่ในดันเจี้ยนนานเกินไป มันก็จะทำให้โลกสูญสียพลัง”
“หรือก็คือสิ่งเดียวที่เกิดกับทวีปลูก้าก็จะเกิดกับโลก”
“…”
ความเงียบเป็นคำยืนยันที่แน่นอน เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ ฉันรู้สึกเบาใจลง
วิ่งหนี… ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยคิดถึงมัน แต่ว่าถ้าฉันทำจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันล่ะ? แม้ว่าถ้าฉันทำให่แม่และยุยกลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนและพาทั้งคู่มาในดันเจี้ยน แล้วเพื่อนของฉันล่ะ? ถ้าพวกเราไม่คิดเหมือนฉันล่ะ ฉันจะทิ้งพวกเขาไปข้างหลังพร้อมกับโลกงั้นหรอ?
ไม่ แน่นอนว่าไม่ ฉันไม่ได้มีแผนที่จะอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมฉันจะต้องทิ้งเพื่อนและหนีมาที่ดันเจี้ยนด้วยล่ะ? เพราะเดม่อนลอร์ดหรอ? เพราะว่าศัตรูที่ไม่รู้จักหรอ? ฉันควรจะอยู่ในดันเจี้ยนเพราะฉันกลัวพวกนั้น? ถ้าฉันโยนสิ่งที่สำคัญในชีวิตฉันไปและหนีมา ฉันจะยังสามารถมีชีวิตอยู่แบบนั้นได้หรอ?
ฉันมั่นใจได้เลยคำตอบของฉันก็คือไม่ ฉันเกลียดการสูญเสียอิสระภาพมากที่สุด ไม่มีใครสามารถจะขังฉันไว้ได้ ฉันเกลียดคนที่พยายามจะหยุดฉันเพราะฮันเป็นฮีโร่ แต่สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือการเอาอิสระภาพของฉันไปทิ้งด้วยตัวเองเพียงเพราะว่าฉันกลัวมอนสเตอร์
ฉันได้ยิ้มออกมา
“เธอก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่ ใช่ไหมล่ะ?”
“แต่ว่าชิน…”
“ฉันตัดสินใจไปแล้ว 2 ปีใช่ไหม? เธอแน่ใจในเรื่องนี้ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว เวลา 2 ปีเป็นอย่างน้อ แต่ว่า….”
“ถ้างั้นฉันจะทำมันใน 2 ปี”
ฉันได้พูดออกไปเบาๆและยิ้ออกมา จากนั้นฉันก็สบตากับโรเล็ตต้าที่กำลังจะร้องออกมา
“สั้นๆและเรียบง่ายนะ ถ้าฉันสามารถพิชิตดันเจี้ยนใน 2 ปี ฉันก็จะสามารถทำลายในสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นเดม่อนลอร์ดหรืออะไรก็ตาม”
“ตะ แต่มันไม่ใช่ว่าชินจะ…”
“แต่มีเพียงแค่ฉัน”
“….”
“ฉันจะทำมัน ฉันรู้ว่าฉันทำได้ ดังนั้นไม่ต้องห่วงและคอยดูให้ดี ฉันจะทำลายดันเจี้ยนและช่วยโลก ฉันจะเป็นผู้ชายที่เจ๋งที่สุดในโลก”
“ชิน…”
โรเล็ตต้าได้ขมวดคิ้ว ดังนั้นฉันจึงพูดต่อไป
“เพื่อโรเล็ตต้า ฉันจะทำมันให้แน่ใจว่าฉันจะทำสำเร็จ”
“เพื่อ… ฉัน…?”
“โรเล็ตต้า ฉันน่ะต่างออกไป เชื่อฉันสิ”
“ชิน”
โรเล็ตต้าได้กระพริบตาของเธอ ดูตาของเธอดูจะกลัวเล็กน้อย
“ชินจะทำยังไง…”
“มันก็ง่ายๆ”
“มะ ไม่ ชะ ชิน ฉันชินเป็นเพียงคนเดียว อ่า อึก บางทีชินอาจจะได้พบ อ๊า”
โรเล็ตต้าได้จบลงด้วยการกัดลิ้นตัวเอง ฉันอดไม่ได้ที่จะขำเมื่อเห็นความซุ่มซ่ามของเธอ
“ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องห่วงกับสิ่งนั่นและก็คอยดูนะ อย่างแรกเลยฉันจะได้เคลียร์ชั้นที่ 54 ของดันเจี้ยนที่หนึ่งและชั้นที่ 4 ของบียอนแล้วจะกลับมานะ”
“ชิน”
ฉันได้ลูบหัวเธอและพูดต่อไป
“เธอไม่เชื่อใจฉันหรอ?”
“…ฉันเชื่อชิน ฉันเชื่อในศักยภาพของชิน ดังนั้น…ขอให้ฉันคอยสนับสนุนชินนะ”
“แน่นอน ถ้างั้นฉันไปล่ะ”
ฉันได้ยิ้มและออกจากห้องไป ฉันยังได้ยินเสียงของโรเล็ตต้าอยู่ แต่ฉันไม่ได้หันกลับไป
ในตอนนี้มันเป็นเวลาที่จะต้องพิชิตดันเจี้ยนแล้ว คอยฉันก่อนนะชั้นที่ 100