บทที่ 172 – สิ่งที่เธอไม่ได้รับอนุญาต (3)
[เหตุการการจู่โจมประสบความสำเร็จ! นักสำรวจจากทั้งหมด 117 คน เหลือเพียง 83 คนและเอาชนะเหตุการการจู่โจมสำเร็จ ความสำเร็จนี้จะเพิ่มรางวัลขึ้น]
[คุณได้รับแต้มสเตตัส 2 แต้มจากการเคลียร์เหตุการการจู่โจม]
[รางวัลจะถูกแจกตามลำดับผลงาน กิลด์ทั้งหมดนอกเหนือกิลด์ที่ถูกกำจัดไปจะได้รับผลงานจำนวนหนึ่! กิลด์มาสเตอร์จะได้รับรางวัลตามลำดับผลงานกิลด์ จากนั้นรางวัลที่เหลือก็จะถูกแจกให้กับนักสำรวจที่ไม่ใช่กิลด์มาสเตอร์]
[กิลด์รัไวเวิร์ลได้มีผลงานที่สูงที่สุด กิลด็มาสเตอร์จะต้องเลือกรางวัล]
[1.ดวงตามารแห่งการแช่แข็ง (ตำนาน)
2.เครื่องทำลายหินยักษ์
3.หางหิน
…]
[กิลด์รีไวเวิร์ลได้กลายเป็นแร้ง D เมื่อคุณท้าายเหตุการดันเจี้ยนหรือเหตุการจู่โจมหากมีสมาชิกในกิลด์ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปสมาชิกกิลด์ทั้งหมดจะได้รับพลังเพิ่ม 7%]
ฉันได้เงยหน้าขึ้น ทุกๆคนที่รอดอยู่ได้มองมาที่ฉัน จากนั้นชาคนที่พูดกับเราในตอนแรกราล์ฟก็บินเข้ามาหาพวกเขา
“เฮ้ ปล่อยสิทธิการหยิบไอเทมมาซะ! นายคงไม่คิดที่จะเอารางวัลไปก่อนเจ้าของการจู่โจมใช่ไหม?”
“เจ้าบ้านควรจะเป็นคนแรกที่เลือกหรอ?”
“ใช่แล้ว”
“แต่ดูเหมือนว่าระบบของดันเจี้ยนจะไม่ได้คิดแบบนั้นนะ”
“งี่เง่า มันเป็นระเบียบ เจ้าของการจู่โจมได้ให้คนอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในเหตุการการจู่โจมและเพื่อเป็นการแลกเปลื่ยนเจ้าของการจู่โจมก็จะต้องได้เลือกรางวัลก่อน นี้มันเป็นมารยาทโดยพื้นฐานในดันเจี้ยน”
เป็นข้อเรียกร้องที่ดูน่าสนใจ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ส่วนของคนที่โง่นั่นคือคนที่พยายามจะตรากฏที่ไม่ได้ถูกเขียนเอาไว้ขึ้นมาเอง
“แต่ว่าที่นายขอความช่วยเหลือก็เพราะว่านายไม่สามารถจะจัดการมันได้เพียงลำพัง พวกเรายอมรับมันก็เพราะว่าจะมีสิ่งที่ตอบแทนจากการมา มันไม่มีเหตุผลอะไรที่มอบสิ่งที่เป็นของเราให้นาย”
“นายต้องการจะท้าทายกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในดันเจี้ยนที่หนึ่งแมงป่องทะเลทรายงั้นหรอ? นายยังต้องการให้ฉันสอนไหมว่ามันจะเป็นยังไง?”
“อ่อ หรอ? แต่ว่าฉันก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมเราต้องยอมแพ้แล้วมอบสิ่งที่เป็นของเราไป”
ดยแบบนี้ฉันจึงหันหน้าไปมองที่กิลด์มาสเตอร์ที่กำลังยืนอยู่กลางอากาศโดยที่ไม่มองมาทงเรา
“นายคิดยังไง? กิลด์ของฉันนั้นได้รับการยอมรับจากระบบว่ามีผลงานเป็นอันดับหนึ่ง นายจะไม่ยอมรับในผลลัพธ์นี้งั้นหรอ?”
“….”
เขาได้เงียบไป ในขณะเดียกันราล์ฟก็ได้พยายามจะคว้าคอของฉัน แต่ว่าเขาต้องถอยกลับออกไปเมื่อเห็นไพก้าปล่อยสายฟ้าออกมา จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้น
“ระบบนั่นก็แปลกเหมือนกัน หากไม่มีหัวหน้าแล้วมันก็ไม่มีทางที่นายจะจัดการสร้างความเสียหายสุดท้ายกับบาซิลิสได้”
“กิลด์มาสเตอร์ของนายที่ได้รับผลงานก็ต้องขอบคุณฉันเหมือนกัน ฉันอยากจะได้ยินความคิดของเขาเหมือนกันนะ ไม่สิก่อนหน้านั้น ฉันก็อยากจะรู้ว่า กฏ นี้มันจะถูกบังคับใช้กับนายไหมเมื่อนายไม่ใช่เจ้าของการจู่โจม?”
ไม่มีใครตอบกลับมา แต่ในช่องทางการสื่อสารได้เต็มไปด้วยเสียงพึมพัม
[เฮ้เจ้าเด็กใหม่ กิลด์แมงป่องทะเลทรายเป็นกิลด์ระดับ S ยกตัวหน้าง่ายๆนะเขาเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งกิลด์หนึ่งในดันเจี้ยนที่หนึ่ง ฉันชอบในสิ่งที่นายพยายามจะทำนะ แต่ว่าถ้านายไม่ทำตามกฏของพวกเขา นายอาจจะไม่มีอนาคตที่สดใส]
[มันยังไม่ชัดเจนอีกหรอว่ากฏนี้จะใช้เฉพาะเมื่อพวกเขาเป็นเจ้าของการจู่โจมเท่านั้น? นายรู้ไหมพวกเขาก็ได้แย่งมันไปจากพวกเราในตอนที่เราเชิญ? ทุกๆคนต่างก็พยายามจะได้ในอันดับหนึ่ง ดังนั้นใครมันจะไปต้องการยอมแพ้กันล่ะ? ชิ ไอพวกสารเลวนั่น]
[ฉันรู้สึกประทับใจกับทักษะของนายมากเลยนะ ด้วยความแข็งแกร่งของกิลด์นาย ฉันสงสัยจะเลยว่ากิลด์แมงป่องทะเลทรายจะทำอะไรได้มั้ง นอกจากนี้ลองมองไปข้างหน้าสิ…. วันที่พวกนายจะแซงหน้าพวกเขาในวันนั้นระบบชนชั้นของดันเจี้ยนก็จะมีการเปลื่ยนแปลง]
[ให้ฉันเสริมอีกหน่อยนะ นายสามารถจะให้หนึ่งในพวกนายมาช่วยพวกเราได้ไหม? เพียงแค่คนเดียวเท่านั้นเอง]
[พวกแกไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนไอพวกเสแสร้ง? แกเป็นใคร? อย่าเปลื่ยนเสียนงและใช้เสียงจริงมาสิ ไอพวกเวร]
ฉันได้มองไปที่หัวหน้ากิลด์แมงป่องทะเลทรายอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็อ้าปากออกมา
“ฉันเห็นในพลังของนายพูดตามตรงนะฉันรู้สึกประทับใจ… กิลด์ของฉันสามารถจะทำให้นายแข็งแกร่งได้ยิ่งกว่านี้ ทิ้งชื่อของหัวหน้ากิลด์และมาเข้ากับพวกเราสิ ถ้าเป็นนายเราสามารถจะทำให้นายเป็นรองหัวหน้ากิลด์ได้เลย ตั้งแต่ที่นายได้มาไกลขนาดนี้ นายก็ควรจะรู้นะว่าอะไรคือสิ่งที่ฉลาดที่สุด
มันเป็นคำพูดที่ไม่มีเหตุผลไรจริงๆ
“ฉันรู้”
ฉันได้โยนความลังเลทิ้งไปและเลือกดวงตามารแห่งการแช่แข็งมา ในทันทีหลังจากนั้นตาของฉันมีความรู้สึกเหมือนกำลังถูกเผา ฉันแทบจะไม่สามารถกั้นเสียงร้องของฉันไว้ได้
“อั๊ก”
“อ่า ไอเวรนั่น”
“เขาเลือกรางวัลแล้ว…! เวรเอ้ย นั่นมัน…!?”
[ดวงตามารแห่งการแช่แข็งได้ทดสอบความสามารถของผู้ถือครอง วงจรเพรูต้าได้หมุนอย่างรุนแรง! ไต้ฝุ่นคลั่งเปิดใช้งาน! ป้องกันวิญญาณเปิดใช้งาน! ความเชี่ยวชาญจิตวิญญาณระดับสูงเปิดใช้งาน! พลังของธาตุทั้งหมดที่เชื่อต่อกับคุณไม่แน่นอน]
[ดวงตามารแห่งการแช่แข็งได้ยอมรับคุณเป็นเจ้าของโดยชอบธรรม พลังในการทำให้เป้าหมายกลายเป็นหินถูกมอบให้กับตาของคุณ คุณสามารถที่จะดึงพลังของดวงตามารแห่งการแช่แข็งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ]
[คุณได้รับดวงตาปีศาจแห่งการแช่แข็ง พลังเวทย์ของคุณเพิ่ม 100 คุณสามารถที่จะทำให้เป้าหมายทั้งหมดแข็งเป็นหินหากพลังต้านทานยเวย์ของเป้าหมายอยู่ต่ำกว่าแร้ง S คุณก็ยังสามารถที่จะทำให้เป้าหมายที่กลายเป็นหินกลับมาเป็นปกติได้ คุณสามารถจะลบสถานะการกลายเป็นหินจากเป้าที่กลายเป็นหินผ่านวิธีการนี้ ในเลเวลปัจจุบันของคุณและขึ้นอยู่กับจำนวนมานาที่คุณใช้คุณจะสามารถทำให้เป้าหมายที่มีระดับ SS+ กลายเป็นหินได้ แม้ว่าเป้าหมายจะไม่กลายเป็นหินก็จะทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลงจากการถูกมอง ทักษะครอบงำได้เสริมพลังให้กับดวงตาปีศาจ! มันจะถูกเพิ่มพลังขึ้นด้วยพลังเวทย์ สติปัญญา และเลเวลของทักษะครอบงำ]
[ความต้านทานต่อดวงตามารทุกชนิดเพิ่มขึ้น]
[คุณได้ถูกเพ็งเล็งโดยโทมที่มีมรดกเกี่ยวกับดวงตามากขึ้น]
เมื่อความเจ็บปวดได้หายไปและฉันก็ฟื้นคืนสัมผัสกลับมา ฉันก็กระพริบตาในขณะที่คิดถึงข้อความที่ฉันได้ยิน ดวงตาของฉันไม่ได้เจ็บอีกต่อไป ในความจริงแล้วตอนนี้มันดูสดชื่นมาก ฉันรู้สึกเหมือนกับสามารถจะเห็นมานาทั้งหมดในโลกได้
ความคิดได้ผ่านมาในจิตใจของฉันทำให้ฉันถามริยูในทันที
“ริยูช่วยสร้างกระจกหน่อยได้ไหม?”
[อื้อ]
กระจกน้ำแข็งขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นมาในทันทีซึ่งมันสะท้อนให้เห็นร่างกายของฉัน ฉันได้ถอดหมวกออกมาและตรวจสอบตาของฉัน
“อ่า เวร”
ม่านตาสีดำของฉันได้เปลื่ยนเป็นสีทอง แม้ว่าก่อนหน้านี้ใจกลางม่านตาของฉันจะเป็นสีทองอยู่แล้วหลังจากทำสัญญากับไพก้า แต่ว่ามันก็แทบจะมองไม่เห็น แต่ในตอนนี้มันทำให้ใครๆก็เห็นได้ง่ายๆเลย
นอกจากนี้มันก็ดูเหมือนว่าทางช้างเผือกได้ถูกยัดไปในตาของฉัน แสงจำนวนนับไม่ถ้วนได้ส่องออกมาภายในตา
ไม่สิ ตาของฉันมันกลายเป็นเหมือนกับในอนิเมะไปแล้ว! นี้มันคือสิ่งที่ควรจะเป็นเมื่อฉันใช้ตานี้งั้นหรอ? ให้ตายสิ!
[นายท่านกลายมาเป็นเหมือนกับฉันเลย]
ไพก้าได้หยุดใช้สปิริตออร่าด้วยตัวเองแล้วมาขดอยู่ที่แขนของฉัน มันดูเหมือนว่าเธอจะตื่นเต้นมากๆ เดี่ยวก่อนนะ นี้มันหมายความว่าจาของฉันก็เหมือนกับของโรเล็ตต้า บางทีมันอาจจะไม่แย่ก็ได้นะ…
ไม่ว่ายังไงก็ตามสมาชิกของกิลด์แมงป่องทะเลทรายดูจะไม่มีความสุขนั่น
“ไอเวรนั่นมันได้ดวงตามาร…!”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ดวงตามาร…”
“เราจะต้องแก้แค้น มันมาจากกิลด์อะไร?”
“รีไวเวิร์ล! นับแต่นี้ไปกิลด์รีไวเวิร์ลถูกห้ามจากพื้นที่อยู่อาศัย”
หลังจากนั้นฉันก็ตระหนักได้ว่ากิลด์แมงป่องทะเลทรายได้โกรธจัดและสร้างความวุ่นวาย ในขณะเดียวกันหัวหน้ากิลด์ของพวกเขาก็ได้ลดระดับลงมาหาฉัน ฉันได้เห็นประกายดวงตาของเขาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
ยังไงก็ตามสิ่งที่เขาพูดต่อมาเป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงโดยสิ้ยนเชิง
“นายเป็นนักสำรวจบียอน?”
“….นายรู้ได้ยังไง?”
“เพราะว่ารีไวเวิร์ลไม่ใช่กิลด์ในดันเจี้ยนที่หนึ่ง ฉันได้ดูรายชื่อกิลด์เมื่อตอนกลางวันดังนั้นฉันจึงแน่ใจ มีเพียงวิธีเดียวที่กิลด์นายจะอยู่ที่นี่ได้ก็คือกิลด์ของนายเป็นกิลด์ของบียอน เพราะว่ามีเพียงแค่กิลด์จากบียอนเท่านั้นที่จะได้รับเชิญไปสู่การจู่โจมของดันเจี้ยนทั้งหมด”
นั่นมัน…น่าทึ่งมาก! ฉันคิดว่าเราจะสามารถมามีส่วนร่วมในเหตุการการจู่โจมที่หนึ่งได้เพราะตามปกติแล้วฉันเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น ยังไงก็ตามหลังจากที่เขาได้ยืนยันว่าฉันมาจากบียอนเขาก็ได้โกรธมากยิ่งขึ้น
“นักสำรวจบียอนอย่างนายที่ชอบวิ่งพล่านเสมอเลยนะ ดวงตามาร… นายกล้าที่จะเอามันไปจากฉันผู้เป็นเจ้าของ!”
“โทษนะ แต่ว่านี่มันเป็นของๆฉัน ฉันเพิ่งจะพูดไปเองนะ”
“ยะโสอะไรแบบนี้ แม้ว่านายจะได้รับมันไป แต่นายคิดว่าจะใช้มันด้วยเลเวลที่ต่ำแบบนั้นได้งั้นหรอ?”
“อืม ถ้านายต้องการจะคุยต่อ นายก็ไปเลือกรางวัลก่อนไหม? คนอื่นๆกำลังรออยู่นะ”
จากนั้นฉันก็กล่าวเสริมขึ้นไปอีก
“นอกจากนี้นายช่วยออกไปไกลๆหน้าฉันได้ไหม? เห็นแบบมันรำคาญนะ”
“นายและกิลด์ของนายจะไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่พักอาศัยของดันเจี้ยนที่หนึ่งได้อีก นายจะต้องจ่ายในสิ่งที่นายทำไว้กับแมงป่องทะเลทราย”
“ยังไงหรอ?”
เขาได้ตะโกนออกมาในคำถามที่ไร้เดียงสาของฉัน
“นายจะไม่สามารถใช้ร้านขายของใดๆหรือร้านประมูลได้ กิลด์ของฉันมีอำนาจมากพอที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้นายจะไม่สามารถได้เห็นเหตุการดันเจี้ยนหรือเหตุการการจู่โจมได้อีกในชีวิต
“โอ้ นั่นมันน่าตกใจมากเลยนะ”
ฉันสงสัยตั้งแต่ที่กิลด์ที่ไม่ใช่ผู้ดูแลสามารถจะทำแบบนี้แล้ว ฉันเดาว่ากิลด์ของเขาอาจจะได้รับการสนับสนุนการกิลด์ผู้ดูแล
ยังไงก็ตามแม้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาจะเป็นความจริง พวกเขาก็สามารถร้านขายของอื่นๆในดันเจี้ยนและร้านประมูลได้ง่ายๆ เหตุการดันเจี้ยนแล้วก็เหตุการการจู่โจมงั้นหรอ? พวกเราก็สามารถจะเข้าไปในเหตุการดันเจี้ยนและเหตุการการจู่โจมในดันเจี้ยนอื่นได้เช่นกัน ในขณะนี้ฉันก็มั่นใจ นั่นก็คือการกลายมาเป็นนักสำรวจบียอนได้ปลดฉันออกจากความขัดแย้งระหว่างนักสำรวจและกิลด์ในดันเจี้ยนที่หนึ่ง
ตั้งแต่ที่ฉันรู้แบบนั้นฉันก็ยิ้มบงๆ
“น่ากลัวจริงๆเลยน้า”
“กึก…! จงรู้เอาไว้จะไม่มีนักสำรวจคนใดเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการดันเจี้ยนหรือเหตุการการจู่โจมที่นายเป็นเจ้าของ มาดูกันว่านายจะสามารถปีนไปในดันเจี้ยนได้ไกลแค่ไหนเพียงลำพัง….ยังมีอีกอย่างหนึ่ง”
เขาได้วิจารน์ออกมา
“อย่าได้ไปไปพัวกันกับไดซี่ เแอคทราเดียนลล่ะ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ฉันเพียงจะพูดไปจะเป็นเพียงแค่เรื่องเด่นเลนเมื่อเทียบกับสิ่งที่นายจะเผชิญ”
ด้วยแบบนั้นเขาได้หันและจากไป
“เดซี่ แอคทราเดี่ยน? ใครล่ะนั่น?”
คำพูดของเขาก็ยังอยู่ในหัวของฉัน สัญชาตญาณของฉันได้บอกฉันว่าชื่อนี้จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ฉันได้มองไปที่นักสำรวจที่กำลังคุยกันในขณะที่เลือกรางวัล ฉันได้คิดว่าฉันควรจะกลับไปและถามโรเล็ตต้าเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในคืนนั้นเอง
[ประกาศถึงนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งทุกคน กิลด์ระดับ S ในดันเจี้ยนที่หนึ่งแมงป่องทะเลทรายได้ข่มเหงนักสรวจคนอื่นๆและติดสินบนกิลด์ผู้ดูแลด้วยเหตุผลส่วนตัว สี่ในห้ากิลด์ผู้ดูแลได้ให้การรับรองแล้ว ดังนั้นกิลด์แมงป่องทะเลทรายจึงได้ถูกลดระดับลงเหลือแร้ง D และจำกัดสมาชิกสูงสุด 10 คนเท่านั้น]
[ได้โปรดรีบด้วย ยกเว้นว่าสมาชิกกิลด์จะถอนตัวจนกว่าจะน้อยกว่าจำนวนที่รับได้สูงสุด ไม่เช่นนั้นก็จะถูกสุ่มออก นอกจากนี้นสมาชิกกิลด์ที่ถอนตัวจะไม่สามารถเข้าในกิลด์อื่นได้อีกเป็นเวลาสิบปีและจะไม่มีโอกาสกลายเป็นกิลด์มาสเตอร์ได้อีกตลอดกาล]
[หัวหน้ากิลด์และลูกกิลด์แมงป่องทะเลทรายจะไม่สามารถเข้าร่วมเหตุการดันเจี้ยนและเหตุการการจู่โจมได้อีกเป็นเวลา 50 ปี นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้มีสิทธิเป็นเจ้าของเหตุการดันเจี้ยนและเหตุการการจู่โจม นอกจากนี้คะแนนผลงานในการต่อสู้กับบอสประจำชั้นจะถูกหักไป และพวกเขาก็จะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าของค่าเฉลี่ยสำหรับทุกๆไอเทมในร้านขายของประจำชั้น]
[ลูกกิลด์แมงป่องทะเลทรายผู้ที่ถอนตัวภายในหนึ่งชั่วโมงถัดไปจะเผชิญหน้าเพียงแค่บทลงโทษแรก]
ในคืนนั้นกิลด์แมงป่องทะเลทรายได้ถูกยุบลงไปอย่างสมบูรณ์ จากสิ่งที่ฉันได้ยินมารองหัวหน้ากิลด์เป็นคนแรกที่ออกไป
มันไม่ใช่ว่านี่มันมากเกินไปหรอโรเล็ตต้า? ฉันชื่นชมในความรู้สึกของเธอนะ แต่ว่า… ความรักนี่มันมากเกินไปแล้ว!