บทที่ 179 – พลังของฮีโร่ (3)
ในขณะที่ฉันได้ยินข้อความนี้ตัวฉันได้แข็งทื่อและพบว่ามันยากที่จะสูดหายใจ ฉันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย อะไรกัน? เอาพลังคืน? มันเป็นไปได้ยังไง? ทำไมนี่ถึงเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินมัน? หรือว่าฉันจะต้องทำตามเงื่อนไขบางอย่างมันถึงจะเกิดขึ้น?
ยังไงก็ตามคำถามของฉันมันได้สำคัญ สิ่งสำคัญคือฉันจะสามารถยึดพลังของลูก้า บรูโน่ มันไม่ได้ใช้เวลานานนักทำฉันจะตัดสินใจ ฉันได้หยักหน้ารับ ในทันทีมานาได้เริ่มไหลออกมาจากร่างกายของลูก้า บรูโน่ เขาได้ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“อ๊ากกกกกกกก!”
“เอ๊ะ? ความเจ็บปวดหลังจากนั้นหรอ”
“เอ๊ะ….คนๆนั้นหน้าซีดมากเลยนะ”
มานาได้ไหลออกมาจากลูก้า บรูโน่โดยถูกบอลสีขาวดูดกลืนไปซึงจากนั้นก็บินมาที่มือของฉัน ฉันได้มองไปที่มันราวกับว่าถูกดึงดูด จากนั้นข้อความอีกข้อความก็ดังขึ้น
[ผู้ที่มีความเหมาะสมสำหรับพลังนี้อยู่ใกล้ๆ คุณต้องการที่จะมอบพลังให้หรือไม่?]
โดยไม่ต้องถามอะไรฉันรู้ได้เลยว่าใครเป็นผู้ที่เหมาะสม มันน่าจะ…สัญชาติญาต ฉันได้จ้องไปที่บอสสีขาวจากนั้นก็หันไปหายุยที่กำลังมองมาทีฉันอย่างตั้งใจ เธอได้มองมาที่ฉันราวกับว่ารู้ว่าฉันจะพูดอะไร
“พี่ค่ะ…”
“ยุยน้องยังต้องการจะเป็น…นักสำรวจดันเจี้ยนไหม?”
“แน่นอนค่ะ”
ยุยได้ตะโกนดังออกมาในทันที
“หนูต้องการจะช่วยพี่อยู่ข้างๆ หนูจะไม่นั่งรอข้างหลังอีกต่อไปแล้ว!”
“มันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากนะ ลองคิดให้ดียุย พี่น่ะต้องการที่จะปกป้องชีวิตประจำวันอันแสนสงบสุขของยุยนะ ความจริงแล้วพี่ไม่อยากจะถามมันเลย แต่ว่า….”
“พี่ค่ะขอร้องล่ะค่ะ… หนูอยากอยู่ข้างๆพี่ได้โปรด”
ฉันมองไปที่สายตาอ้อนวอนของยุย ฉันได้พูดในสิ่งที่พูดให้จบ
“แต่ว่า…. มันจะไม่ดีสำหรับยุยถ้ายุยไม่มีพลังที่จะป้องกันตัวเอง”
“พี่”
ยุยได้กระโดดเข้ามากอดฉัน ฉันต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะไม่ให้ยุยได้รับบาดเจ็บจกาชุดเพราะที่ฉันใส่อยู่และฉันก็ทำสำเร็จ วอร์คเกอร์ได้ทำท่าทางตกตำลึง
“นายนี่มันอ่อนเกินไปกับน้องสาว”
“ผิดแล้วเจ้าโง่ มันไม่ใช่แบบนั้น เธอคือทุกสิ่งของฉัน”
ฉันได้ยกบอลแสงขึ้น จากนั้นก็เตือนยุยเป็นครั้งสุดท้าย
“ยุยรู้เอาไว้นะ มันจะหนักหนากว่าที่ยุยคิดเอาไว้ เมื่อยุยได้รับพลังนี้ไปแล้วมันจะไม่มีทางย้อนกลับ ยุยจะยืนอยู่ในสถานที่ๆผู้ใช้พลังต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์และปีนขึ้นไปในดันเจี้ยน ชีวิตของยุยจะเสี่ยงอันตรายและยุยก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ยุยยังจะทำมันอีกไหม”
“พี่ก็กำลังทำแบบนั้นใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
“ถ้างั้นหนูก็จะทำมันเหมือนกัน หนูเบื่อที่จะรอพี่กลับมาในขณะที่หนูทำได้แค่เรียนและนั่งเฉยๆอีกแล้ว”
“ฉันไม่อยากจะขัดนะ แต่ว่าพี่ชายและน้องสาวพวกนี้ไม่ปกติเอาซะเลย”
“หุบปากน่าวอร์คเกอร์”
ฉันได้บ่นให้วอร์คเกอร์ จากนั้นก็ปล่อยบอลแสงในมือไปสัมผัสกับหน้าผากของยุย บอลแสงได้หายไปอย่างราบรื่นราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเธอ
มานาที่ไม่สิ้นสุดของลูก้า บรูโน่ได้เปลื่ยนไปและเริ่มย้ายมาอยู่ในร่างกายของยุยอย่างสมบูรณ์ มันดูเหมือนว่ายุยจะไม่สามารถทนต่ออาการช็อคได้จึงเป็นลมไป ฉันได้รับเธอเอาไว้อย่างระมัดระวัง
“ฉันจะพายุยกลับไปส่งที่บ้านก่อนจะไปอังกฤษ… วอร์คเกอร์นายจะไปกับฉันไหม”
วอร์คเกอร์ได้มองมาที่ฉันด้วยท่าทางที่แปลกใจเล็กน้อย
“คังชิน…นายกำลังเปลื่ยนไปทีละนิด”
“อะไรนะ”
“ไม่ ไม่มีอะไรหรอ ฉันจะไป ฉันอยากจะเห็นจุดจบของบริทแมนด้วยตาของตัวเอง”
ฉันสามารถจะเอาพลังของสมาชิกของเงาฮีโร่คืนมาได้ในทีเดียว หลังจากที่ได้ทำมันครั้งหนึ่ง ฉันก็รู้สึกว่ามันง่ายที่จะทำอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเงื่อนไขก็คือพวกเขาต่อต้านฉันซึ่งเป็นฮีโร่และไม่ทำตามภารกิจดั้งเดิมอย่างการใช้พลังกำจัดมอนสเตอร์ ดังนั้นตามมาตรฐานแล้วมันทำได้อย่างง่ายดายมากในการดึงพลังออกมาจากพวกเขา
มันน่ารำคาญสำหรับพลังเล็กๆน้อยๆ ดังนั้นฉันจึงโบกมือของฉันและโยนบอลแสงทิ้งไป ดูเหมือนว่าพวกนั้นมันจะกลับไปหาเคียร่า
“นายไม่สามารถจะดูดซับได้หรอ?”
“คนเรามีพลังได้อย่างเดียว นายไม่ได้เรียนรู้ในตอนเป็นเด็กหรอ? พุดดิ้งสำหรับคนๆนึง”
“นายคิดว่าพลังมันเหมือนพุดดิ้ง…? นอกจากนี้บริทแมนก็ยังเอาพุดดิ้งไปจากฉัน ไอเวรนั่น”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด”
ฉันได้หัวเราะและพูดขึ้น
“ถ้างั้นก็ไปเอาพุดดิ้งของนายคืนมากัน”
ฉันได้ทิ้งยุยให้หลับอยู่ในบ้านและคุยกับกิลด์รีไวเวิร์ลเรื่องการทำให้ยุยเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน พวกเขาตกใจมากที่ได้ยินว่าฉันมีพลังในการยึดพลังของคนอีกได้ แต่ว่าก็ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วยกับการให้ยุยมาเป็นนักสำรวจ เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดเลยก็คือฉันได้มอบพลังให้กับเธอไปแล้ว เธอมีพลังที่มหาศาลและไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธออยู่ฝั่งพวกเราแน่ๆ นั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธการที่เธอจะมาเป็นนักสำรวจ
อะแฮ่ม ฉันได้สัญญาว่าจะคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับการให้คนกลายมาเป็นนักสำรจ แต่ว่าเราไม่เคยพูดเรื่องการให้พลัง! แน่นอนว่าเนื่องจากฉันทำไปแล้ว ฉันก็ไม่สามารถจะพูดอะไรได้แม้ว่าพวกเขาจะโกรธ
ฉันได้ให้พ่อเฝ้ายุยและแม่เอาไว้
“เมื่อยุยตื่นขึ้นมาก็ทำให้เธอเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งเลยนะพ่อ”
“โอเค เข้าใจแล้ว พ่อเห็นด้วยนะ แต่ว่า… นี่เป็นสิ่งที่ยุยต้องการหรอ?”
ใช่ อืมม… ผมขอโทษ”
“ไม่… ถ้านั่นคือสิ่งที่ยุยต้องการมันก็ไม่มีปัญหา พ่อแค่กังวลว่าเธอจะติดแกมาเกินไปนะ ดังนั้นพ่อเลยต้องการกันเธอจากการเป็นนักสำรวจหรือผู้ใช้พลัง…แต่ว่าหากมันถึงขีดจำกัดที่เธอได้รับพลังและต้องการเป็นนักสำรวจมันก็ดูเหมือนว่าพ่อจะไม่สามารถจะได้เห็นแฟนของเธอไปได้อีกพักหนึ่ง”
“ไม่ต้องห่วงพ่อ แม้ว่าถ้าน้องไม่ได้เดทกับใครเลย ผมก็จะอยู่กับน้องไปตลอดชีวิต”
“เงียบไปเลยไอลูกชาย”
แม่กำลังลูบหัวยุยที่นอนอยู่และมองมาที่ฉันท่าทางไม่พอใจ
“แล้วมีอะไรให้แม่ไหม?”
“แม่พูดตรงๆนะ…”
“ว่าไง?”
“แม่ไม่เหมาะสมกับพลังอะไรเลย”
ฉันได้เคืองและเข้ามาตีฉัน แต่ว่ามันไม่ได้เจ็บเลยซักนิด ฉันได้หัวเราะและพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะป้องกันมือแม่
ฉันได้ขอบคุณพ่ออีกครั้งและออกไปจากบ้าน อย่างแรกฉันได้กลับไปในดันเจี้ยนและไปหาเดซี่ จากนั้นก็เรียกล็อทเต้
“ล็อทเต้มา”
[เข้าใจขแล้วฮีโร่]
ล็อทเต้ที่อยู่ในพื้นที่ฝึก แต่ว่าเมื่อพิจารณาการที่เธอตอบฉันในทันทีมันดูเหมือนว่าเธอจะฝึกเสร็จแล้ว เมื่อฉันได้พบกับเธอในที่สุดฉันก็เข้าใจในสิ่งที่เธอหมายถึงด้วยการฝึก
“อย่าบอกฉันนะ…”
“ใช่แล้ว ฮีโร่ นี้คือผลลัพธ์มาจากการฝึกของฉัน ไม่มีใครหน้าไหนจะมาหยุดฉันได้อีกแล้ว ฉันสามารถจะอยู่กับฮีโร่ได้ไม่ว่าจะไปไหน”
ที่ด้านหน้าของฉัน วอร์คเกอร์ เดซี่นั้นไม่ใช่ใครไวเวิร์นแต่กลับเป็นหญิงสาวคนนึง เธอมีผมยาวสีดำ ตาโตสีดำ และผิวสีน้ำตาลเข็ม
ดวงตาของเธอให้ความรู้สึกของความป่าเถื่อนมากกว่าเหตุผลในขณะที่เล็บของเธอถูกย้อนไปด้วยสีดำและยื่นออกมา ล็อทเต้ในรูปแบบมนุษย์ นอกจากนี้ยังมีทรวดทรงที่สมส่วนอุดมสมบูรณ์ของผู้หญิง
ฉันได้ตะโกนออกมา
“ทำไมเธอถึวเปลื่อยล่ะ?”
“มันไม่ชัดเจนอีกหรอ? ฉันไม่เคยใส่อะไรต่อหน้าฮีโร่ มันจะเป็นการหยาบคายต่อหน้าเจ้านายของฉัน”
“ฉันไม่มีปัญหาออะไรดังนั้นไปใส่เสื้อผ้าเธอ! ไม่สิกลับไปในรูปแบบไวเวิร์นของเธอ ขอโทษนะแต่ว่าพวกเราไม่ได้จะไปดันเจี้ยนในวันนี้ พวกเราจะบิน”
“ฉันจะต้องให้คนอื่นนั่งอีกแล้ว…?”
ล็อทเตค้ได้ขมวดคิ้วและถามมาด้วยเสียงต่ำ เสียงที่แหบของเธอดูทรงเสน่ห์
“ขอโทษนะ ฉันจะชดใช้ให้ทีหลัง ถ้ามันเป็นสิ่งที่อยู่ในพลังของฉันจะอะไรก็ตาม”
“หุหุ ฉันจะจำไว้ฮีโร่”
ล็อทเต้ได้ปิดตาของเธอ เมื่อถึงเวลาที่เธอเปิดตาอีกครั้งเธอก็กลับไปอยู่ในรูปแบบไวเวิร์น ฉันได้กระโดดขึ้นไปบนหลังของเธอพร้อมกับคนอื่นจากนั้นก็เรียกพลีน
“ไปกันเถอะพลีน”
“ฉันไปได้ด้วยหรอ? จริงๆนะ?”
“ใช่แล้ว พวกเราจะต้องใช้พลังของเธอ”
“เอะเฮะๆ ฉันจะทำให้ดีที่สุด”
พลีนได้กระโดดขึ้นอย่างร่าเริง ล็อทเต้ได้กระพือปีกของเธอราวกับไม่พอใจในขณะที่วอร์คเกอร์ทำท่าทางเกร็งมันดูเหมือนว่าเขาจะกลัวล็อทเต้เล็กน้อย ในทางกลับกันเดซี่ได้ลูบหลังล็อทเต้ช้าๆ จากนั้นเธอก็พึมพัม
“ฆ่าเขา.. ถ้าเธอตาย ฉันต้องการศพ ฉันจะนำเธอกลับมาเป็นเด็กที่เจ๋งที่สุดเลย”
“ฉันจะไม่ฆ่าเธอ! เธอจะไม่ตายแน่นอน”
ในตอนแรกฉันได้วางแผนที่จะไปอังกฤษ แต่ว่าหลังจากที่วอร์คเกอร์บอกฉันว่าบริทแมนในปัจจุบันอยู่ที่อเมริกา ฉันก็ได้เปลื่ยนปลายทางแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะใช้สื่อทั่วโลกในการต่อต้านเรา แต่พวกเขาก็จะถูกละเลยหรือไม่ก็ถูกวิจารย์ ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันรู้ว่าทำไม
“เคียร่า”
“เพียงแค่เงียบและยอมรับความช่วยเหลือของเธอในครั้งนี้”
“ฉันรู้ เธอรู้ว่าฉันไม่สามารถจะปฏิเสธได้อีกต่อไป ฉันจะไม่พูดว่าฉันเป็นหนี้ของเธอ แต่เธอจะพลาดถ้าเธอคิดว่าฉันจะให้อภัยเธอด้วยเรื่องนี้”
[ฮีโร่ มีเครื่องบินเจ็ทห้าลำกำลังมาทางนี้]
“ยิงมันให้ล่วง ฉันไม่สนใจหรอกถ้าจะมีนักบินตายไป”
[เข้าใจแล้ว]
ล็อทเต้ได้พ่นเพลิงสีดำซึ่งปกคลุมไปทั้งท้องฟ้า เพื่อที่จะต้านเพลิงนี้อย่างน้อยต้องอยู่ในระดับเดียวกับเฟรมเดรก เมื่อเห็นเครื่องบินรบพังลงไปอย่างไร้ค่า เดซี่ได้เอียงหัวของเธอ
“เป็นมอนสเตอร์ที่น่าสนใจ”
“นั่นไม่ใช่มอนสเตอร์ พวกมันเป็นเครื่องบินรบ ยานพาหนะที่ทำมาจากเทคโนโลยีของมนุษย์เพื่อให้บินได้”
“อาวุธหรอ?”
“อืม ประมาณนั้นแหละ”
“รูปร่าง มันยากที่จะใส่มานาเข้าไป ด้วยอาวุธนี้ มานาไม่ก้าวหน้า”
“ใช้แล้ว เดิมทีโลกของฉันไม่มีผู้ใช้พลังมากขนาดนี้”
ล็อทเต้ได้เร่งความเร็วขึ้นไปอีกทำให้เราไปถึงบอสตันในเวลาไม่ถึง 30 นาทีซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริทแมน ฉันอดไม่ได้ที่จะถามวอร์คเกอร์
“ทำไมสำนักงานใหญ่บริษัทของบริทแมนถึงมาอยู่ในอเมริกาแทนที่จะเป็นอังกฤษล่ะ?”
“มันจะง่ายกว่าที่จะทำให้ธุรกิจเป็นแบบทั่วโลกที่นี่น่ะ”
“บริทแมนอยู่ที่นั่นใข่ไหม?”
“มันยังไม่ชัดอีกหรอ? มันมีโซนที่เชื่องไปถึงดาดฟ้าและเฮลิคอปเตอร์ได้จอดอยู่ มันเป็นรุ่นใหม่ที่สามารถจะเดินทางกลับไปที่อังกฤษได้ในเพียง 2 ชม.”
“เขาอยู่ในอเมริเพื่อทำธุระกิจงั้นหรอ…? ฉันแปลกใจมากเลยนะที่เขาสามารถจะออกมาจากอังกฤษได้ แม้ว่าฮวาหยาจะไม่อยู่แล้ว”
“นั่นมันระยะแรกเฉยๆ มันดูเหมือนว่าอังกฤษในตอนนี้จะดิดว่าตนปลอดภัย”
แต่ยังไงก็ไม่ใช่ธุระของฉัน แต่ว่าพวกนั้นแน่ใจได้เลยว่าจะต้องถูกส่งจิตใจไปพักที่ดาวเคราะห์อโดเมด้าแน่นอน!
ล็อทเต้ได้กระพือปีของเธอและหยุดมันลงในตอนนี้เราได้อยู่ข้างหน้ามันแล้ว ฉันสามารถจะมองเห็นได้เลยว่าตึกนี้มันใหญ่ขนาดไหน มันสูงจนฉันขี้เกีจยจจะนับจำนวนชั้นเลย มันเป็นตึกที่สูงและใหญ่ที่สุดในบี้ที่นี้ จากระยะไกฉันสามารถจะมองเห็นคนที่อยู่ระหว่างการทำงานมองมาที่เราด้วยตาที่เบิกกว้าง ฉันได้ยิ้มให้พวกเขาและโบกมือจากนั้นก็ถามพลีน
“เธอช่วยให้คนในตึกนั้นทั้งหมดออกมาได้ไหม? นอกจากนี้ทำให้พวกเขาและคนอื่นๆอยู่ห่างจากพื้นที่ตึก”
“นั่นมันง่ายมา! ล๊าล่าล่าา~!”
มานาของพูดได้เสริมพลังเสียงของเธอ ผลก็เกิดขึ้นในทันที คนที่ทำงานอยู่ทันใดนั้นก็หยุดลงราวกับว่าพวกเขาถูกครอบงำและเริ่มเดินออกมา มันเกิดขึ้นในทุกๆชั้นของอาคาร
ในเวลาเดียวกันชายคนที่ยืนอยู่บนชั้นบนสุดได้ยืนขึ้นในทันทีที่เห็นพวกเรา ผมสีเงินของเขาที่ถูกปัดกลับหลังไปด้วยการใช้น้ำมันและลักษณะของเขาเหมือนกับคนในยุค 20 มันไม่ใช่ใครอื่นนอกเหนือไปจากบริทแมน ฉันได้สบตากับเขาและยิ้มออกมา ในทางกลับกันวอร์คเกอร์ได้เริ่มฝุ่งซ่านทันที
“โอ้วว มีการอพยพจำนวนมาก”
เมื่อฉันได้มองลงไปฉันได้เห็นคนจำนวนนับไม่ถ้วนได้เดินออกไปจากตึกทางประตู ด้วยจำนวนที่ไม่คาดคิดของพนักงานนี้ทำให้เสียงดังสนั่นแม้ว่าจะอยู่บนท้องฟ้า ยังไงก็ตามการดำเนินการอพยพก็ยังดำเนิการต่อไปเรื่อยๆ บริทแมนที่ซึ่งตระหนักได้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นบ้างหากสายไปเล็กน้อย เขาได้ตะโกนใส่พวกเรา ซึ่งฉันไม่สนหรอกนะไอลูกหมาเอ้ย
“เกือบจะทุกๆคนออกไปแล้ว”
“โอ้ จริงหรอ?”
“บริทแมนมองมาที่เราคังชิน ดูเหมือนว่าเขาจะพร้อมพุ่งเข้ามาหานายตลอดเวลาเลย”
“อืมม ฉันชอบคนที่กล้าหาญนะ แต่ว่า…ฉันเกลียดคนที่แทงด้านหลังคนอื่น”
ฉันได้เรียกไพก้าและชาราน่าออกมาและรีบหยิบมานาโพชั่นระดับสูงและดื่มมันลงไปพร้อมทั้งให้ไพก้าแสดงรูปธรรม
“เรียบร้อยแล้ว! เหลือแค่เจ้าคนนั้นยังอยู่ในตึก”
“โอเค ขอบคุณมากนะพลีน”
“เอะเฮะๆๆ”
ฉันได้ลูบหัวพลีนเบาๆและดื่มมานาโพชั่นลงไป จากนั้นฉันก็สั่งไพก้ากับชาราน่าที่กำลังหาวเหมือนกำลังเบื่อ”
“จมตึกนั่น”
หลังจากนั้นไม่ถึงนาทีตึกก็ได้พังลง