บทที่ 198 – ฤดูกาลที่สอง (1)
แม่ได้ร้องออกมาด้วยความยินดีกับความน่ารักของ หูกระต่าย หูหมา หูแมว หมูหมาป่า หูหมีของเด็กๆเผ่ามนุษย์สัตว์ทั้ง 5 คนและเด็กเผ่ามนุษย์อีก 2 คนที่มาในบ้าน
“เด็กๆมาจากไหนกัน!? เป็นลูกของลูกรอ?”
“ผมอายุแค่ 21 เองนะแม่”
“หูสัตว์น่ารักมากก! หูพวกนั้นเหมือนของจริงเลยอะ”
“ปล่อยหูนะ”
“หูนั่นเป็นของจริงแม่ อย่าไปพยายามดึงสิ”
หลังจากที่ฉันได้กลับมาอย่างแรกเลยฉันได้แจ้งไปที่กิลด์กับโรเล็ตต้า ในตอนนั้นฉันก็ยังพาเร็นและเลอบิคออกมาจากดันเจี้ยน แม่รู้สึกยินดีมากจึงออกไปทำอาหารในขณะที่ยุยตามไปช่วย
กลับกันเร็นได้นั่งอย่างหดหู่อยู่ภายในห้อง ฉันจำเป็นต้องอยู่คุยกับเขาโดยที่ไม่ได้ไปกินอาหาร
“ขอโทษนะเจ้าชาย…. ในตอนที่ฉันเห็นศัตรูใช้ร่างพ่อของฉัน ฉันรู้สึกเลือดร้อนขึ้นมานะ ฉันน่าจะทำตามแผนของเจ้าชาย ฉันไม่ขอแก้ตัวใดๆ”
“ใช่แล้ว นายไม่น่าทำ”
“เด็กใหม่!”
“ฉันบอกนายก่อนแล้วใช่ไหม? นักรบที่ดีจะต้องสุขุม ฉันไม่คิดที่จะพุ่งเข้าไปหาศัตรูของโลกโดยไม่มีแผนหรอกนะ”
“นั่นคังชินมันไม่ถูกนะ คังชินนายห่างจากคำว่าสุขุมมา มันก็เพียงแค่ว่าพลังของนายมันมากเกินไปมันเลยไม่มีปัญหา”
ในตอนที่ฉันกำลังตักเตือนเร็น เดซี่ก็ได้ออกมาจากซักที่หนึ่งและหักล้างคำพูดของฉัน ฉันต้องการจะตอบกลับไปแต่ว่าเมื่อเห็นของในมือของเธอ ฉันก็ไม่มีคำพูด
ในมือข้างหนึ่งของเธอมีเบียร์กระป่องอยู่ในขณะที่อีกข้างมีไส้กรอกหนา ฉันจำได้ว่าเคยเห็นมันมาก่อน หลังจากได้เห็นเร็นและเลอบิคปลอยภัย เด็กๆก็ได้นั่งรอบๆโต๊ะอาหารและกินข้าวกับแม่ ยุยและพ่อ ก่อนที่ฉันจะเข้ามาในห้อง ฉันก็รู้สึกประหลาดใจมากกับการปรับตัวของพวกเด็กๆ ถ้าฉันจำไม่ผิดไส้กรอกนี้มันก็อยู่บนโต๊ะเหมือนกัน มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าไส้กรอกในมือของเดซี่มานาโต๊ะนั่น
“แม่คังชินให้ไส้กรอกฉัน พ่อของคังชินให้เบียร์”
“ฉันดีใจนะที่เธอใกล้ชิดกับ… เดี๋ยวนะทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่!?”
ฉันได้ตะโกนออกไปอย่างตกใจ ทำไมเดซี่ถึงมาที่โลกล่ะ จากนั้นเธอก็ตอบฉันจนทำให้ฉันแทบจะพูดไม่ออก
“คังชินได้ใช้ย้อนกลับกับฉันด้วย ฉันแทบจะเก็บไอกันธ์ไม่ทัน”
“ขะ ขอโทษ”
“ฉันชอบที่นี่ ฉันจะยังอยู่ต่อและกินข้าว”
“ขะ เข้าใจแล้ว… นั่นก็ดี…”
เธอดูเหมือนกับเด็กนักเรียน ม. ต้น ดังนั้นมันจึงแปลกมากที่ได้เห็นเธอกินเบียร์ แม้ว่าฉันจะอยากพูดอะไรกับเธอแต่ฉันก็เก็บเอาไว้ ฉันได้มองไปที่เร็นและพูดขึ้นอีกครั้ง
“เร็นมันได้เวลาแล้ว ช่วงการทุบตีฤดูกาลที่สอง!”
“มะ ไม่”
“แม้ว่านายจะบอกว่าไม่ก็เถอะ แต่ร่างกายของนายก็สั่นด้วยความตื่นเต้นเลยนะ”
“ฉันสั่นเพราะว่าฉันกลัวต่างหาก! หยุดพูดอะไรแปลกๆได้เลย!”
“ช่วงการทุบตีมันคืออะไรหรอเจ้าเด็กใหม่”
“มันเป็นการฝึกพิเศษน่ะ”
“ฝึกหรอ ไม่ถ้านั่นเป็นการฝึก ฉันก็จะทำด้วย ท่านเร็นคือศิษย์ของฉัน”
“เลอบิคใจขอ่อนเกินไป นอกจากนี้ฉันยงรู้สึกว่ามันจะจบลงด้วยการฝึกแปลกๆ ดังนั้นฉันขอปฏิเสธ”
“อึก”
ใบหน้าของเธอมันกำลังพูดออกมาว่า ‘รู้ได้ยังไง’ แล้วนะ เร็นได้ก้าวถอยหลังไ ฉันเพียงแค่ล้อเล่นเองนะ แต่ว่าผู้หยิงคนนี้…น่ากลัวมาก ในทางกลับกันเร็นได้ส่ายหัวของเขาและถามออกมาเหมือนกับเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
“การฝึกแปลกๆหรอ? มันคืออะไรน่ะ เลอบิคเป็นนักรบที่ยอดเยี่ม ถ้าหากว่ามีอะไรที่ฉันสามารถจะฝึกกับเธอได้ ฉันก็อยากจะฝึกมัน ได้โปรดสอนคนโง่เขลาคนนี้ด้วย”
“ทะ ทะ ทะ ทะ ท่านเร็น ถ้านั้นเป็นสิ่งที่ท่านต้องการเลอบิคคนนี้จะ…”
การได้เห็นเลอบิคที่น้ำลายไหลออกมาและม้วนเสื้อผ้า ฉันก็ตรงขมวดคิ้วขึ้นและไล่เธอไป จากนั้นฉันก็หยิบขวดคริสตลที่บรรจุพลังของโลกเอาไว้ ตายสาทุกคู่ได้ต้องมาที่แสงในขวดทันที
“เจ้าชาย นั่นคือ….”
“ใช่แล้วมันคือพลังของโลกนาย”
“ดะ ได้ยังไง?”
“ฉันคือฮีโร่ของโลกนะ ฉันสามารถทำแบบนี้ได้อยู่แล้ว”
“ทำไมนายไม่ใช้มันกับตัวเองล่ะ”
“อย่าพูดเหลวไหลสิ พลังนี้เป็นพลังของทวีปพาแนน”
“เจ้าชาย….”
เร็นได้พูดออกมาอย่างประทับใจ น่ารำคาญ เขากำลังจะร้องไห้ ฉันได้เคาะไปบนโต๊ะเพื่อกระตุ้นเขาและพูดต่อ
“ฉันจะอธิบายให้ฟังนะ ฉันได้เก็บพลังของโลกไว้ในขวดอิลิกเซอร์ซึ่งมันทำจากวัสดุพิเศษที่ป้องกันไม่ให้มันรั่วไหลออกมา แต่ว่ามันไม่ได้จะเป็นแบบนี้ไปตลอด อีกไม่นานมันก็จะรั่วไหลออกมมา และจะเริ่มถูกดูดซึมไปโดยพลังของโลกนี้ นายต้องการให้พลังของทวีปพาแนนถูกกลืนโดยโลกนี้หรอ”
“ไม่…แน่นอนว่าไม่”
ฉันได้ยิ้มกว้างออกมา ฉันแน่ใจอยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้
“ในฐานะที่ฉันเป็นฮีโร่ของโลก ันสามารถที่จะมอบพลังให้กับคนได้ มันง่ายมากและใช้เวลาไม่มากนักในการใช้เวลาในการถ่ายพลังให้คนอื่น แต่ว่าหากเวลายิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่พลังก็จะยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้นและมันจะยิ่งยากที่จะโอนพลังให้คนอื่น ในตอนนี้ฉันควรจะทำอะไรดีล่ะ”
“นายจะต้องโอนพลังให้นักสำรวจให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”
“ถูกแล้ว และมันกำลังเกิดขึ้นในตอนที่มีผู้ถูกรับเลือกที่เยี่ยมที่สุดอยู่ข้างหน้าฉัน”
“เลอบิคก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”
ฉันได้มองไปที่เลอบิคที่หลับอยู่กับพื้นด้วยท่าทางมีความสุข มันทำให้ฉันสั่นหัวออกมา อย่างที่ฉันพูดไปนั้นฉันยอมรับในความกล้าหายของเธอที่ยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเร็นและเข้าไปในการต่อสู้เพื่อหยุดเร็นที่เสียสติไป
แม้แต่เร็นก็ยังเห็นมันได้อย่างชัดเจน การกระทำของเลอบิคมาจากความรักของเธอต่อเร็น ในจุดนี้ความจงรักภักดีมันได้กลายเป็นความรับ หากไม่มีเร็นทวีปพาแนนก็จะไม่มีค่าอะไรสำหรับเธออีกแล้ว
“ระหว่างเร็นกับเลอบิค ฉันจะเลือกเร็น”
“แต่ฉันมันโง่่ เป็นเพราะฉันทั้งเลอบิคและเจ้าชายถึงเดือดร้อน ในตอนที่ฉันมองเจ้าชาย ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่าทำไมฉันถึงไม่เป็นแบบนั้น อึก”
ฉันได้ดีดหน้าผากของเขาอย่างแรง หัวของเขามันแข็งจนทำให้ฉันเจ็บนิ้วเล็กน้อย ฉันได้กลืนความเจ็บไว้และบอกกับเร็น
“ฉันจะบอกว่าสิ่งที่นายทำมันโง่ แต่ว่า….มันคือสิ่งที่ฉันสามารถจะเข้าใจได้ อืมม ยังไงเขาก็คือพ่อของนาย…. อะแฮ่ม ในกรณีนั้นเร็นแตกต่างไปจากแต่ก่อนและฉันรู้ว่าเร็นสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีก ส่วนเรื่องนิสสัยเสียของนายก็สามารถจะแก้ได้ผ่านขั้นตอนการทุบตี”
“แต่ฉัน….”
“ฉันคิดว่าการเลือกเร็นมันเป็นสิ่งที่ถูกเพราะเร็นได้ช่วยเด็กทั้งแปดคนโดยไม่ทิ้งความหวัง เร็นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและกระหายการต่อสู้ นั่นมันคือสิ่งที่ฉันต้องการจะเห็น มันไม่ใช่สิ่งที่จะฝึกกันได้ นายมีมันตั้งแต่เกิด”
“เจ้าชาย….”
“ฉันไม่ได้ถามคำถามนาย ฉันจะไม่มีทางเปลื่ยนความคิดของฉันแน่นอนไม่ว่ายังไงก้ตาม”
“…ฉันไม่ฝึกขั้นตอนการทุบตีไม่ได้จริงๆหรอ”
“นั่นเป็นสิ่งที่นายกลัวงั้นหรอ”
ฉันได้มอบพลังของโลกให้กับเร็น มันง่ายมาก ฉันได้เปิดขวดและผลักมันเข้าไปในปากของเร็น จากนั้นฉันก็ใช้พลังของฉันในฐานะฮีโร่เพื่อกระตุ้นพลังของมัน เมื่อเทียบกับในตอนที่ฉันเอาพลังของคนอื่นไปมอบให้อีกคนมันง่ายกว่ามาก
หลังจากที่ได้รับพลังของฮีโร่เร็นได้ลูบท้องและพูดออกมา
“อื้อ มันรู้สึกเวียนหัวแหะ ฉันรู้สึกเหมือนว่าพลังมันไม่เข้ากัน มันทำให้แทบจะอ้วกออกมา”
“มันจะดีขึ้นในตอนที่นายได้ใช้มัน ยินดีด้วยตอนนี้นายเป็นฮีโร่ของโลกแล้ว มันกดดันมากไหมล่ะ”
“ฉันต้องทำตามหน้าที่ของฉัน”
“เยี่ยม ตอนนี้เด็กๆจะอยู่ที่นี่ อย่าได้กลับไปที่นั่นพักหนึ่งนะ”
“เอ๊ะ”
ทุกๆอย่างที่เร็นต้องการจะปกป้องอยู่บนโลก แม้ว่าฉันจะไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าโลกปลอดภัย แต่อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าทวีปพาแนนที่เต็มไปด้วยเอลพาทิส
“มันไม่มีอะไรที่นายจะทำได้เพียงลำพัง ถ้านายตายและพลังของโลกโดนขโมยไปอีกมันจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้”
“ชะ ใช่แล้ว….”
“การกลับไปเพียงลำพังมันเป็นเรื่องที่โง่มาก หรือแผนที่นายจะทำมันคือการหลบซ่อนในมหาสมุทรหรอ? ใครจะรู้ว่าถ้าพวกมันมีวิธีอื่นมาจัดการล่ะ?”
“นั่นก็..จริง”
“ดังนั้นเร็นมาช่วยฉันสิ”
ฉันได้พูดออกไปตรงๆ
“ฉันจะจัดการกับอันตรายของโลกที่จะเผชิญในอีก 2 ปี หลังจากนั้นฉันต้องการจะไปช่วยโลกอื่นๆ ทวีปลูก้าของลูเดีย ทวีปไซออนของเดซี่และของนาย ทวีปพาแนน”
“นายรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรออกมาเจ้าชาย?”
“แน่นอนสิ นายไม่ได้คิดที่จะหลบซ่อนไปชั่วชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม? ถ้าแบบนั้นมันจะมีความหมายอะไรหากมีพลังของฮีโร่”
ใบหน้าของเร็นได้ถูกย้อมด้วยสีแดง เขาได้ลุกขึ้นและตะโกนออกมา
“มันเป็นไปไม่ได้! นายรู้ไหมว่ามีโลกมากแค่ไหนที่ล่มสลายไปและกำลังจะล่มสลาย!? ถ้าหากนายรู้ นายจะไม่มีทางพูดแบบนั้นแน่”
“ถ้านักสำรวจที่แข็งแกร่งมาร่วมมือกัน ฉันมั่นใจว่ามันเป็นไปได้ มาช่วยฉันเร็น ช่วยฉันปกป้องโลก ฉันจะช่วยนายเหมือนกัน”
ฉันได้พูดออกไปอย่างใจเย็นนและมองเข้าไปในตาของเขา มันไม่มีพื้นที่สำหรับการเล่นมุกแล้ว ฉันต้องการจะให้เร็นตอบกลับมาอย่างจริงจัง
ในตอนนั้นท่าทางของเร็นก็แปลกไป
“เจ้าชาย นาย…กิลด์นาย…”
“ฉันยังไม่ได้บอกนายหรอ? รีไวเวิร์ล มันหมายความว่าเกิดใหม่”
“เกิดใหม่….”
เร็นได้ก้มหน้าลง เมื่อได้เห็นเปลวเพลิงที่ลุกโชนในดวงตาของเขาฉันได้ยิ้มออกมา
“ฉัยขะ…พยายาม ฉันเป็นหนี้ชีวิตเจ้าชาย”
“เยี่ยม ยินดีต้อนรับสู่รีไวเวิร์ลเร็น”
เร็นได้เข้ามาร่วมกิลด์ของฉัน ฉันอยากรู้มากว่าเลอบิคจะตอบสนองกับเรื่องนี้ยังไง แต่ว่าฉันก็ตัดสินใจจะไม่คิดเรื่องนี้ ในตอนที่เร็นและฉันได้จับมือกัน เดซี่ที่ดูพวกเราอยู่ข้างๆก็ประแทกแก้วเบียร์ที่หมดแล้วลง
“เป็นการเดินทางที่ลำบากมาก แต่ว่าฉันจะมองไปข้างหน้า”
“ฉันมั่นใจว่าฉันจะช่วยทวีปไซออนเหมือนกัน จากนั้นเธอก็จะกลายเป็นฮีโร่ เตรียมตัวรู้สึกถึงความกดดันได้เลย”
“ฮึ่ม ฉันจะยินดีมากเมื่อมันมาถึง”
ด้วยแบบนั้นเธอก็ได้ออกไป บางทีเธออาจจะต้องการได้ยินการคุยกันของฉันกับเร็น หรือไม่บางทีเธอก็อยากจะยืนยันความตั้งใจของฉัน เร็นก็ยังได้ถามตามออกมา
“อะ อื้มม…. ช่วงการทุบตีมันจะเริ่มในตอนนี้เลยไหม”
“ยัง”
ฉันได้พูดออกไป
“ฉันจะปีนดันเจี้ยนก่อนเป็นอย่างแรก”