บทที่ 199 – ฤดูกาลที่สอง (2)
แน่นอนว่าฉันไม่ได้ตรงเข้าไปในดันเจี้ยนเลย ฉันจำเป็นจะต้องไปหาลูกกิลด์และที่สำคัญไปกว่านั้นฉันก็ต้องจัดงานศพให้พ่อของเร็น เดซี่ได้ร้องไห้ออกมาทันทีที่ได้ยินว่าฉันมีศพของฮีโร่แต่ว่ามันไม่มีทางที่เธอจะได้รับไป ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับเธอไว้ว่าฉันจะให้ศพที่คล้ายๆกันนี้ใสักวัน
“ฮีโร่คนก่อน…. เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง….”
แม้แต่ในตอนที่เราเผาศพพ่อของเร็น เดซี่ก็ยังพึมพัมออกมาอย่างเศร้าใจ มันดูน่ากลัวนิดหน่อยแหะ
เนื่อองจากว่าเลอบิคและเด็กๆก็ต้องการร่วมงานศพ เราจึงไม่สามารถจัดได้ในบ้านกิลด์ ในท้ายที่สุดพวกเราก็ได้มารวมกันเพื่อจัดงานศพที่ใกล้ๆกับภูเขาในโลก มันอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากหากคนมาเห็นดังนั้นฮวาหยาจึงร่ายเวทย์ป้องกันเอาไว้รอบๆทันที
“ฉันไม่คิดว่านายจะเอาชนะศัตรูของโลกได้”
“เงื่อนไขมันอำนวยแค่นั้นเอง”
ฮวาหยาได้ยิ้มออกมา
“ฉันอยากจะรู้จะเลยนะ ใครจะรู้ว่าบางทีมันอาจจะช่วยให้เราสามารถจัดการอันตรายที่โลกกำลังจะเผชิญก็ได้ ไว้บอกรายละเอียดฉันทีหลังด้วยนะ แน่นอนว่าพร้อมกับไปดื่มด้วยนะ”
“แน่นอนสิ…แต่ว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนะ”
แม้ว่าสมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ลทุกคนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับทวีปพาแนน แต่ว่าทุกๆคนต่างก็มาที่งานศพ มันเกป็นโอกาสที่จะได้พบกับเร็นที่เป็นสมาชิกคนใหม่ ในตอนที่สมาชิกผู้หญิงได้เห็นเด็กตัวเล็กๆ พวกเธอก็ดูมีความสุขอย่างมาก
“ดูเด็กสาวหูกระต่ายนั่นสิ”
“ฉันกำลังสั่น อยากจะกอดเธอจัง…”
“น่ารักกก!”
แน่นอนว่าด้วยชื่อชอบที่มหาศาลของพวกเธอทำให้เด็กๆมาหลบอยู่หลังเร็น เลอบิคแและฉันด้วยความกลัว แม้ว่ามันจะเกิดเหตุบังเอิญที่ไอน่าได้วิ่งเข้ามาหาฉันจนทำให้เกือบจะเผลอแช่แข็งเอลฟ่าไปแต่ว่าทุกอย่างก็ยังคงราบรื่น เร็นสามารถได้บอกลาพ่อซึ่งฉันแน่ใจได้เลยว่ามันเป็นการยืนยันในความตั้งใจของตัวเขา
เนื่องจากว่าไอน่ามีอายุที่เท่ากับเด็กๆจากทวีปพาแนน เธอจึงมีความขัดแย้งกับพวกเด็กๆเล็กน้อย
“พ่อของพวกเธอเป็นใคร? พ่อเป็นของไอน่านะ”
“พ่อไม่ได้เป็นของไอน่านะ นอกจากนี้พวกเขายังเป็นเพื่อนที่มาจากทวีปพาแนนนะ”
“พ่อหรอ พี่ชินเป็นพ่อแล้วหรอ”
“นั่นเป็นเรื่องโกหก”
“นั่นเรื่องโกหก ทั้งสองคนไม่ได้มีสีผมเหมือนกับเลย”
เมื่อได้ยินไอน่าเรียกฉันว่าพ่อเอลฟ่าก็ตั้งหูของเธอขึ้นและถามออกมา ในขณะที่คนอื่นๆก็มองสลับไปมาระหว่างไอน่าและฉันอย่างประหลาดใจ ไอน่าได้พองแก้มของเธอและเอาแขนมารัดคอฉัน
“ไอน่าเป็นลูกสาวของพ่อ”
“ชะ ใช่… ไอน่าเป็นลูกของฉัน”
มันรู้สึกแปลกเล็กน้อยที่จะพูดมันออกไปแต่ว่ามันก็ไม่มีทางเลือกอื่น ฉันไม่อยากจะกระตุ้นการบาดเจ็บทางจิตใจของไอน่า ฉันได้ลูบหัวไอน่าที่กำลังกอดคอของฉันเอาไว้เหมือนกับหมีโคอาล่าและเธอก็ประกาศให้คนอื่นได้รู้ว่าฉันคือพ่อของเธอ เมื่อเห็นทางทางตรงใจที่แสดงขึ้นมาในขณะที่หูและหางของพวกเด็กๆขยับขึ้นลงไปมาฉันก็อยากจะตาย
หลังจากงานศพจบลง ฉันก็ได้ไปหยุดเดซี่ที่พพยายามจะไปเก็บขี้เถ้ามา แต่ว่าพวกเราก็ได้ทำความสะอาดทั้งหมด ยังไงก็ตามปัญหาของเร็นและเด็กๆยังคงมีอยู่ พวกเขาไม่สามารถจะใช้ชีวิตในบ้านของฉันได้ พวกเราจึงได้ตัดสินใจซื้อบ้านๆใกล้ๆกับพวกเรา
ในตอนที่เลอบิครู้ว่าเร็นกับเด็กๆทั้งแปดคนจะอยู่ด้วยกันในบ้านเธอก็มาหาฉันด้วยท่าทางที่มุ่งมั่น
“ฉันต้องการจะเข้ากิลด์นาย”
“เธอต้องการจะพักอยู่กับเร็นหรอ?”
“อึก”
“มันแสดงอยู่บนใบหน้าเธอแล้วนะ”
แม้ว่าแรงจูงใจของเธอมันจะไม่บริสุทธิ์ แต่มันก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่นักที่จะให้ผู้หญิงอยู่ในบ้านด้วย โดยเฉพาะกับเร็นที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย นอกจากนี้เธอก็ยังเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่อยู่ใในชั้นที่ 69 หลังจากคุยกันเล็กน้อย เลอบิคก็ได้ออกจากกิลด์เดิมของเธอและเข้ามาในกิลด์ของฉัน
เพียงหลังจากที่ทำแบบนั้นฉันก็รู้สึกว่าทุกๆอย่างได้ถูกจัดการแล้ว แต่ว่ายังไงก็ตามฉันก็จะต้องทำให้รูเดียกับไอน่าไม่เห็นพวกนั้นเป็นศัตรูซะก่อน
“แล้วชินมาเพื่อปีนดันเจี้ยนเลยใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
หลังจากฉันตอบกลับไปสั้นๆ โรเล็ตต้าก็ทำท่าทางจริงจัง จากนั้นเธอก็พูดอะไรบางอย่างที่มันไม่ได้เข้ากับท่าทางของเธอเลยสักนิด
“อย่างแรกเลยยินดีด้วยนะที่เอาชนะศัตรูของโลกในทวีปพาแนน นั่นเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากๆ มันไม่ใช่สิ่งที่ชินจะเปิดเผยออกไปโดยไม่ระวังได้ แต่ว่าอย่างน้อยผู้ดูแลดันเจี้ยนทั้งหมดจะรู้เกี่ยวกับมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…พระเจ้า”
“ขอบคุณนะ ถ้างั้น…เมื่อไหร่เธอจะปล่อยมือฉันล่ะ?”
จากคำถามของฉันโรเล็ตต้าได้เพิ่มความแข็งแรงให้กับมือของเธอที่จับข้อมือของฉันอยู่และพูดต่อไป
“แต่ว่าชิน ชินจะต้องระวังตัวเอาไว้ ไม่ใช่ว่าศัตรูของโลกทั้งหมดจะเหมือนๆกัน อย่าได้คิดว่าศัตรูของโลกชินจะสามารถจัดการได้ง่ายดายได้เหมือนในทวีปพาแนน”
“ฉันรู้ ฉันจะอยู่กับโรเล็ตต้าสักชั่วโมงก่อนจะไป ดีไหม?”
แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์นัก แต่มันดูเหมือนว่าจะเป็นคำตอบที่ถูก โรเล็ตต้าได้ปล่อยข้อมือขชองฉันในทันทีและยิ้มออกมาอย่างสดใส เธอได้ลากฉันมาที่โต๊ะ ให้ฉันนั่งลงและนั่งข้างๆฉัน
“นั่งก่อนสิแล้วบอกทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น”
“ได้ ได้”
“เอะเฮะเฮะ เร็วเข้า!”
จากนั้นฉันก็ต้องรออีก 3 ชั่วโมงถึงจะสามารถไปที่ชั้นที่ 59 ได้ เพราะว่ามันได้จบลงด้วยการที่ฉันรับพรจากราชินีเอลฟ์ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ แน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นแปลกๆ
หลังจากผ่านชั้นที่ 59 ซึ่งมันมีเพียงแค่จำนวนโกเลมที่เพิ่มขึ้นมา ฉันก็ได้ผ่านมันไปในทันทีเพียง 2 ชั่วโมงและเข้าไปในบียอนชั้นที่ 9 ทันที แต่ละชั้นของบียอนจะใหญ่กว่าชั้นก่อนๆ หากไม่มีมานาตรวจตจับมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปต่อ แน่นอนว่ามานาตรวจจับมันคือสิ่งหนึ่งที่จะเรียนรู้ได้เองตามธรรมชาติในตอนแรกที่เข้ามาในบียอน
“ก๊าซซซซซว”
“มนุษย์ ดูพลังของอัศวินลิซาร์ดแมนซะ”
“ใช่แล้ว ฉันมีความสุขที่ได้เห็นพวกนาย”
หลังจากได้ต่อสู้กับศัตรูที่น่ารำคาญอย่างผู้กินมานาหรือไม่ก็เอลพาทิส การที่ได้เห็นมนุษย์หนูทมิฬและอัศวินลิซาร์ดแมนมันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ ด้วยความรู้สึกแบบนี้ในบียอน ฉันรู้สึกหกหู่ใจเหมือนกับฉันกับลังมาผิดทาง ในตอนนี้แม้ว่าถ้าหากมีออร์คลอร์ดสองร้อยตัวปรากฏฏในเวลาเดียวกันฉันก็รู้สึกเหมือนกับฉันสามารถที่จะจัดการพวกมันได้โดยไม่เปลื่ยนสีหน้า
[คุณเคลียร์บียอนชั้นที่ 9 คุณได้รับคุณสมบัติในการท้าทายดันเจี้ยนชั้นที่ 60]
[พลังชีวิตและมานาสูงสุดเพิ่ม 2% คุณได้รับแต้มโบนัสสเตตัส 5 แต้ม]
[ประสบการณ์ของทักษะจะเพิ่มขึ้นตามความถี่ของทักษะที่คุณใช้ในการผ่านบียอนชั้นที่ 9]
[ยั่วยุระดับสูงได้เป็นเลเวล 7 การดำรงอยู่ของคุณคือการยั่วยุ บางทีแม้ว่าวัตถุที่ไม่มีชีวิตอาจจะโกรธและเข้ามาโจมตีคุณ]
[ราชาวายุพิโรธได้กลายเป็นเลเวล 3 ความเสียหายต่อมอนสเตอร์เพิ่มขึ้น 15% และเพิ่มพลังสูงสุดได้ 200%]
“ฟู่…..”
หลังจากฆ่ามนุษย์หนูและอัศวินลิซาร์ดแมนนับร้อยด้วยเสียงคำรามสีชาด ฉันก็ถอนหายใจออกมาอย่างพอใจและตรวจสอบนหน้าต่างข้อความ ในตอนนี้ฉันได้มาถึงชั้นรที่ 60 แล้ว หลังจากที่ฉันเอาชนะบอสประจำชั้นกระบวนการทุบตีของเร็นก็จะเริ่มขึ้น เมื่อคิดว่าเร็นจะพัฒนาขึ้นมาแค่ไหน รอยยิ้มก็ปรากฏออกมาบนหน้าของฉัน
[เฮ้ เกราะเสร็จแล้ว]
[ฉันจะไปในทันที]
ในตอนที่ฉันได้เเห็นข้อความจากเร็น ฉันก็ออกไปจากบียอนและตรงไปยังพื้นที่พักอาศัย ฉันรู้สึกเหมือนกับมีอะไรหายไปในตอนผ่านชั้นที่ 59 และบียอนชั้นที่ 9 ซึ่งนั่นก็คือฉันไม่มีเกราะ ฉันไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมันถึงเจ็บมากในตอนที่ฉันถูกโจมตี
เมื่อฉันได้มาถึงสวนแฟรี่ฉันได้ถามหาทางไปที่ทำงานของหลินในทันที ตามที่ฉันคิดเอาไว้จากที่ทำงานของรองหัวหน้ากิลด์ แม้ว่ามันจะดูเหมือนจะทำลายความงดงามดั้งเดิมของสวนแฟรี่ แต่ว่าก็ไม่มีใครที่สนใจ
ในสวนแฟรี่ทุกๆอย่างที่นี่ดูเป็นธรรมชิ ที่ทำงานของหลินคืออาคารสมัยใหม่แห่งเดียวที่ทำลายบรรยากาศนี้ ปล่องใจสีดำได้ลอยออกมาจากอาคารและความร้อนก็มากอที่จะทำให้รู้สึกถึงได้จากด้านนอก เพียงแค่หลังจากได้เห็นเจ้าสิ่งนี้ฉันก็รู้ในทันทีว่ามันคือที่ทำงานของหลิน
“ดอ้ นายมาเร็วดีนี่”
หลินได้ต้อนรับฉันด้วยเสื้อที่ระบายอากาศได้ดีและบุหรี่ที่อยู่ในปาก ข้างๆเขาเป็นเกราะอันใหม่ที่อยู่ในสร้อยข้อมือเหมือนกับเกราะเกล็ดมังกรแดง สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือม้นมีสีดำเงา
“มันทำมาจากวัสดุที่นายเอามาให้ฉัน เพียงเพราะว่าฉันเป็นมังกรแดงไม่ได้หมายความว่าทุกๆอย่างที่ฉันทำจะต้องเป็นสีแดง”
“อ่า นั่นก็จริง…. ขอบคุณนะหลิน สำหรับทุกๆอย่างที่นายทำให้”
“มันไม่ใช่เพื่อนาย มันเป็นคำสั่งของพี่สาว ชิ”
“หลินได้ขยี้ขี้เถ้าบุหรี่และบ่นออกมา ยังไงก็ตามมันก็ดูเหมือนว่าเขาจะยิ้มอย่างพอใจ
“นายชอบโรเล็ตต้า”
“หุบปากและเอาเกราะไปได้แล้ว ต้องขอบคุณความสามารถที่โดดเด่นของฉันมันได้เปลื่ยนเป็นของที่ดีกว่าเท่าที่จะเป็นไปได้จากวัสดุนั่น”
ฉันได้หยิบสร้อยข้อมือที่พึ่งรับมาและสำรวจมันในทันที
[ความปรารถนาที่ดำมืด (ตำนาน)
ความทนทาน – ไม่สามารถทำลายได้
ป้องกัน – 7500
ความต้องการอุปกรณ์ – คังชิน
ผลสถานะ – สเตตัสทั้งหมด +30 ลดความเสียหายจากการโจมตีพื้นฐานลง 50% ลดความเสียหายที่ได้รับจากทักษะโจมตีลง 30% โอกาสโจมตีคริติคอลเพิ่ม 50% แต่ความเสียหายที่ติดคริติคอลเพิ่มขึ้น 200% เมื่่อใช้ทักษะประเภทพุ่ง ‘หนามแห่งปรารถนา’ จะถูกใช้งาน เมื่อใช้ทักษะประเภทโจมตีจะสามารถใช้ ‘สังเวย’ ได้ เมื่อพลังชีวิตต่ำกว่า 10% ทักษะ ‘กลืนกิน’ จะถูกใช้งานซึ่งใช้ได้วันละครั้ง]
หนามแห่งปรารถนา – ในขณะที่ใช้ทักษะประเภทพุ่งสามารถใช้ได้วันละครั้ง หนามจำนวนนับไม่ถ้วนจะถูกยิงออกไปจากเกราะเพื่อดูดพลังชีวิตจากเป้าหมายที่โดนโจมตี ปริมาณพลังชีวิตที่ดูดมาครึ่งหนึ่งจะสร้างเป็นความเสียหาย ดังนั้นเป้าหมายจะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้น 50%
สังเวย – ใช้ได้กับทุกๆการโจมตี รับความเสียหายครึ่งหนึ่งจากความเสียหายทักษะแต่จะเพิ่มผลของทักษะเป้นสองเท่า ความเสียหายที่ได้รับจากสังเวยจะไม่สามารถลดพลังชีวิตของคุณจนต่ำกว่า 10%
กลืนกิน – หลังจากเลือกเป้าหมาย การโจมตีทั้งหมดของคุณจะดูดพลังชีวิตของเป้าหมายมาฟื้นฟูคุณ ยังไงก็ตามการดูดกลืนพลังชีวิตของเป้าหมายอาจจะทำให้ร่างกายของคุณเกิดการกลายพันธ์ การเปลื่ยนแปลงนี้สามารถลบล้างได้ด้วยเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดหรืออิลิกเซอร์]
“ตำนาน!?”
“อะไรกัน ฉันก็ได้อัพเกรดผ้าคลุมของนายให้เป็นระดับตำนานเหมือนกัน นายไม่เอาหรอ?”
“เอาสิ ส่งมันมาเลย”
ไอเทมระดับตำนานสองชิ้น! ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันสามารถจะพิชิตชั้นที่ 100 ได้แล้วในตอนนี้