บทที่ 205 – คุณสมบัติของนักสำรวจ (2)
ในวันนี้ที่พวกเราได้ประกาศออกไปพวกเราได้รับการโจมตีจากสื่ออย่างไม่รู้จบ บางส่วนก็ประนามเราบอกว่าสิ่งที่พวกเราพูดเรื่องโลกอื่น นักสำรวจและศัตรูของโลกทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ในขณะที่บางส่วนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าเราผูกขาดสิ่งที่ควรได้รับร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ บางกลุ่มก็ยังบอกอีกว่าดันเจี้ยนเป็นศัตรูที่ไม่ต่างจากมอนสเตอร์ และกิลด์รีไวเวิร์ลเป็นแนวหน้าของพวกเขา ความโง่เขลาที่พวกเขากล่าวหาออกมานี้ทำให้พวกเราพูดไม่ออก
เมื่อได้เจอกับสิ่งที่ไม่สามารถจะเข้าใจได้ คนเราก็มักจะปฏิเสธมันง่ายๆหรือไม่ก็ตีความมันเป็นเรื่องโกหก พวกเขาจะไม่เชื่อจนกว่าจะได้เจอกับศัตรูของโลกต่อหน้าต่อตา แม้ว่าพวกเราจะแสดงให้เห็นถึงการทำงานของช่องเก็บของและแสดงให้เห็นการเข้าและออกดันเจี้ยนของเรา ในท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้พวกเขายอมรับการมีอยู่ของดันเจี้ยนจนกว่าพวกเขาจะได้เห็นมันด้วยตัวเอง
ยังไงก็ตามมันยังมีคนที่พร้อมจะปรับตัวและไปต่อ คนพวกนั้นคือคนที่มาสมัครเป็นนักสำรวจ ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขาก็มีจำนวนที่มากกว่าคำว่าน้อย
ฮวาหยาได้มองหน้าจอคอมพิวเตอร์และพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ชิน พวกเขากำลังจะถูกถมด้วยคนมาใช้งาน ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้ามันจะเกินล้าน”
ในจอทีวีมีรายยงานการประนามพวกเราเรื่องการอ้างสิทธิความไม่น่าไว้ใจของเราและให้พวกเราเชื่อฟัง มันน่าขำจริงๆเลย ฉันได้โต้กลับไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะ
“ยังไงก็ตามเราได้ตัดสินใจแล้ว ผู้สมัครที่เราจะยอมรับอย่างน้อยต้องมีระดับ S นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่นักสำรวจจะได้เพิ่มขึ้นเร็วที่สุด”
“ฉันรู้ ในหมู่ผู้สมัครทั้งหมดมีเพียงแค่ 5 คนที่ตรงกับคนสมบัติ แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่พอใจ”
ด้วยเหตุนี้ฮวาหยาได้กดปุ่มและจัดการเคลียร์ลิสต์ ในทันทีหลังจากนั้นเครื่องปริ้นก็ได้เริ่มปริ้นคนสมัครออกมาห้ารายการ เธอได้ส่งมันมาให้ฉัน แต่เมื่อเธอเห็นว่ามือของฉันเต็มอยูู่แล้ว เธอก็ยิ้มออกมาและกางแขนออก
“ไอน่ามาหาแม่นี่”
“อื้อ”
ไอน่าที่อยู่ในอ้อมแขนของฉันได้หยักหน้าเล็กๆและเข้าไปหาฮวาหยา แม้ว่าฉันจะไม่สามารถนำตัวไอน่ามาเปรียบเทียบกับตัวฉันที่มัวแต่ฝึกหอกในป่าอเมซอนในตอนเก้าขวบได้ แต่ว่าไอน่าชอบที่จะทำนิสัยเสียมากไปแล้ว มันน่าจะเป็นเพราะว่าเธอได้เสียครอบครัวไปตั้งแต่ยังเด็ก แม้อย่างนั้นฉันก็ยังยินดีกับความนิสัยเสียของเธอ แต่เพราะว่าหากฉันปล่อยไว้เธออาจจะกลายเป็นวัยรุ่นนิสัยเสีย ดังนั้นฉันต้องแก้ไขเธอ.. มารยาท…
‘ไม่ แต่มันน่ารัก ดังนั้นไม่เป็นไร ไอน่าฉลาดอยู่แล้วฉันมั่นใจว่าเธอจะแก้ไขตัวเองในตอนที่เธอโตขึ้น เมื่อเธอได้มีแฟน ฉันจะฆ่า…. ฉันหมายถึงว่าเธอก็จะออกห่างจากพ่อและแม่’
“หืม มีระดับ SS สองคนหรอ ฉันรู้จักแรส มิเชลนะ แต่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครนะ”
“เธอเป็นผู้ใช้พลังชาวตุรกีที่พึ่งกลายมาเป็นระดับ SS นะ ฉันคิดว่าเธอน่าจะมีพลังในการรักษา”
“พลังรักษาหรอ”
กลายมาเป็นผู้ใช้พลังระดับ SS งั้นหรอ นั้นมันไม่ได้หมายความว่าพลังของเธอมันพัฒนาขึ้นหรอกหรอ มันน่าแปลกใจนิดหนอดนะ ฉันได้มองดูที่หน้าโปรไฟล์ของเธอ เธอนั้นค่อนข้างที่จะยังวัยรุ่นอยู่และก็สวยทีเดียว แม้ว่าฉันจะคิดว่าผิวของเธอจะเป็นสีแทน แต่เธอกลับดูคล้ายคนขาวมากกว่า อืมมคนตุรกีสวนใหญ่เป็นแบบนี้สินะ สวยอะไรแบบนี้
“ชินนนน”
“มะ ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่สงสัยว่าทำไมพวกผู้ใช้พลังระดับสูงหลายๆคนถึงต้องสวยเหมือนเธอกับไอน่าไง”
“ผู้หญิงคนนี้ด้วยสินะ”
“นะ แน่นอนว่าเธอสวยมาก”
“ตอนนี้ฉันรู้แล้ว แต่ฉันจะขอริบนี่ไว้ก่อนนะ ไอน่า”
“อื้อ”
ด้วยคำสั่งของฮวาหยาไอน่าได้เอื้อมมือออกมาและหยิบใบสมัครไปจากฉัน จากนั้นพวกเธอก็เริ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้ใช้พลังรักษา
“อะไรนะ เธอไม่เห็นสวยเลย ผิวของเธอก็ไม่ใช่สีขาว ตาของเธอก็ไม่ได้โต จมูกก็ไม่โด่ง หน้าอกก็นิดเดียวเอง”
“เสื้อของเธอก็แปลกๆ ฉันไม่ชอบต่างหูของเธอเลย แถมผมของเธอก็ล้าสมัยไปแล้ว”
“ฉันไม่ชอบที่เธอดูไร้เดียงสาแบบนี้เลย เธอเตี้ยอีกด้วย ไอน่าระหว่างผู้หญิงคนนี้กับแม่ใครสวยกว่ากัน”
“แม่สวยที่สุด”
“ไอน่าก็สวยเหมือนกัน”
“ก็อย่างที่ฉันพูดไปไงพวกเธอสวยทั้งคู่….”
ฉันได้ละสายตาออกมาจากพวกเธอที่กำลังถูแก้มด้วยกันและไปตรวจสอบที่โปรไฟล์ของคนอื่นๆ คนแรกที่ฉันดูคือแรส มิเชล พลังของเขาที่อยู่ในระดับ SS+ เป็นเรื่องที่สะดุดตาเป็นพิเศษ
“เขาก็ต้องการจะเข้าร่วมรีไวเวิร์ลหรอฮวาหยา”
“ฉันว่ามันก็ไม่มีปัญหานะ ตาลุงคนนั้นมีมารยาทและมีเหตุผล ใครจะรู้ล่ะบางทีเขาอาจจะให้คำแนะนำกับเราได้ด้วยซ้ำ”
“ฉันก็ว่างั้นนะ แต่ว่าก่อนอื่นพวกเราทุกคนควรจะคุยกันก่อน ไปทำให้เขามาเป็นผู้ทำพันธะสัญญารายแรกกันเถอะ เขาเป็นผู้ใช้พลังระดับ SS และถ้าเขาเข้าร่วมกิลด์รีไวเวิร์ลพวกเราจะได้รับความน่าเชื่อถือ”
“เธอคนนี้ก็ด้วย”
“ใครหรอ”
ฮวาหยาได้มองไปที่ไอน่าและเธอก็ส่งกระดาษที่ยับยู่ยี่มาให้ฉัน
“เธอก็ต้องเข้าร่วมรีไวเวิร์ล”
“เอ๊ะ ตุรีกีจะปล่อยเธอมาหรอ”
“มันไม่ใช่ว่าต้องละทิ้งประเทศเพื่อเข้ารีไวเวิร์ลซะหน่อย เธอสามารถเข้าร่วมเหตุการดันเจี้ยนกับพวกเราได้ในส่วนของรีไวเวิร์ลโดยที่ไม่จำเป็นต้องยึดติดอะไร”
“อ่า เข้าาใจแล้ว”
เธอเป็นผู้ใช้พลังในการรักษา หรือก็คือแม้ว่าเธอจะเป็นผู้ใช้พลังระดับ SS เธอก็ไม่มีวิธีที่จะโจมตีได้ มันไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมือนกับรูเดียที่ทำได้ทั้งโจมตี บัฟและรักษาโดยการใช้พลังจากผืนดิน
“น่าสนใจ” ฉันได้พึมพัมออกมาและยิ้มขึ้น
“เมื่อเธอเข้ามาในรีไวเวิร์ล ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตุรกีจะยืมพลังของเราในการจัดการเหตุการดันเจี้ยนหรือเหตุการการจู่โจมที่พวกเขาจัดการไม่ได้ นั่นมันเป็นวิธีที่ฉลาดทีเดียว”
ชื่อของเธอคืออิเลด้า แวนด์ เธอมีอายุ 26 ในปีนี้จบการศึกษามาจากมหาลัยและกลายมาเป็นผู้ใช้พลัง พลังของเธอก็ยังกำลังพัฒนามาเรื่อยๆ เธอเป็นคนที่โดดเด่นมาก
แน่นอนว่ารีไวเวิร์ลก็มีฮีลเลอร์ที่ยอดเยี่ยมอย่างรู้เดียอยู่แล้ว แต่ยังไงก็ตามมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรหากจะมีมากเพิ่มอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้พลังระดับสูงคนหนึ่ง ใครจะรู้ล่ะบางทีเธออาจจะมีอย่างอื่นที่ทำได้อีกด้วย
“ถ้าเธอมาร่วมกันเราเพื่อประเทศของเธอ เธอก็อาจจะไม่มีความรู้สึกมุ่งมั่น… แต่ฉันมั่นใจว่าเธอจะมีส่วนร่วมในการทำงาน เอาล่ะ ฉันยอมรับเธอ”
“หืมม ในครั้งนี้พ่อเขาดูฉลาดนะว่ามั๊ยไอน่า”
“พ่อฉลาดอยู่เสมออยู่แล้ว”
“ไอน่าเป็นเพียงคนเดียวที่รู้จักพ่อดี มานี่มา”
“อื้อ”
ฉันตัดสินใจที่จะดูผู้สมัครคนอื่นทีหลังและรับไอน่ามาจากฮวาหยา ไอน่าได้หัวเราะออกมาอย่างไร้เดียงสาใน๘ระที่เล่นกับแก้มของฉัน เธอนี่น่ารักจริงๆเลย ฉันแน่ใจแล้วว่าฉันไม่จำเป็นจะต้องแก้นิสัยของเธอ
ไอน่านั้นมีความสำคัญอย่างแน่นอน แต่ว่าฉันจะไม่ยอมสำรวจล่าช้าเพราะเธอ ถ้าพวกเราได้ยอมรับผู้ใช้พลังระดับ SS สองคนในวันนี้ พวกเราก็จะไม่มีเวลาให้กับคนอื่นๆ
ในขณะที่เราได้ตัดสินใจแล้วที่จะรับแรส มิเชล กับอิเลด้า แวนด์มาเป็นสมาชิกกิลด์แล้วพวกเราก็ต้องไปดูพวกเขาด้วยตัวเอง โดยที่ฉันไม่ต้องทำอะไรเลยฮวาหยาเธอได้เรียกพวกเขาให้มานาแล้ว เธอนี้เป็นรองหัวหน้ากิลด์ที่น่าเชื่อถือจริงๆเลย
ในตอนนั้นเองเสียงของผู้หญิงก็ได้ออกมาจากข้างหลัง
“โอ้นี้มันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเลยนะ แม่ประหลาดใจจริงๆเลยที่ลูกยังไม่ได้แต่งงานกัน”
“แม่! อยู่ดีๆอย่าโผล่มาให้ตกใจสิ”
ฮวาหยาที่กำลังคุยกับใครสักคนอยู่ได้ลดโทรศัพท์ลงและร้องออกมา ผู้หญิงคนที่โผล่ออกมาในห้องนั่งเล่นไม่สนใจฮวาหยาและวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะด้วยรอยยิ้มสดใส เธอดูเหมือนกับฮวาหยาในอีก 10 ปีข้างหน้า แม้อย่างนั้นเธอก็ยังคงสวยและดูราวกับว่าเธอมีอายุเพียงแค่ 30 ปีเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอเป็นแม่ของฮวาหยาอย่างแน่นอน
“แล้วเมื่อไหร่ลูกชายจะแต่งงานล่ะ?”
“อื้ม… แม่…”
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ถามมาในตอนเจอกันครั้งแรก แต่คำถามจากแม่ของฮวาหยา ลาน่าทำให้ฉันต้องเหงื่อตก ฉันได้มาที่นี่ตามคำชวนจากฮวาหยาที่ว่ามันจะหยาบคายที่ทิ้งไอน่าเอาไว้ที่นี่ตลอดเวลาโดยที่ไม่ยอมมาทักทายเจ้าของบ้าน ยังไงก็ตามฉันไม่คิดเลยว่าแม่ของฮวาหยาจะถามคำถามที่ยากแบบนี้
“แม่คิดว่าลูกจะเต็มไปด้วยประสบการณ์ซะอีกนักในตอนที่เห็นโผล่ในทีวี แต่ว่าดูแล้วลูกดูจะไร้เดียงสามากเลย แม่ไม่คิดเลยว่าลูกจะเป็นประเภทนี้ ฮวาหยาไม่ชอบให้ผู้ชายมาอยู่ใกล้ๆเลยในตอนที่อยู่โลกเรียน”
“แม่!”
“แม่เห็นแต่ลูกกำลังจะเป็นบ้าไปนะ ไอน่าก็ได้เรียนสิ่งแย่ๆมาใช่ไหมไอน่า”
“แม่เป็นคนดี แม่แค่ขี้อาย”
“อู้ว นี้หนูเข้าข้างแม่หรอ?”
ฉันได้ยิ้มออกมาและลูบหัวอน่า ฮวาหยาดูเหมือนจะยอมแพ้ที่จะคุยโทรศัพท์ไปแล้ว เธอได้เปลื่ยนมาส่งข้อความไปแทน จากนั้นก็มานั่งข้างๆฉัน
“”หนูบอกให้แม่ทำอาหารกลางวันให้เราใช่ไหม เร็วสิ เดี๋ยวพวกหนูก็ต้องไปแล้ว”
“บอกแม่หน่อยสิลูกชอบอะไรในตัวลูกเขย แล้วระหว่างอัลเลนกับเขา ลูกจะเลือกใครหรอ”
“แม่หยุดนะ”
“แต่ว่าลูกสาวของแม่กำลังเดทกับคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกเลยนะ แม่อิจฉานะ ทำไมแม่ต้องหยุดด้วยล่ะ!?”
ปีศาจ มีปีศาจอยู่ที่นี่… ฉันได้กอดไอน่าเอาไว้และตั่วสั่น เธอไม่เหมือนกับรูปลักษณ์เป็นผู้ใหญ่ของเธอ แม่ของฮวาหยาเป็นคนขี้แกล้ว ฉันได้บอกกับตัวเองว่าให้จำเรื่องนี้เอาไว้
หลังจาากกินอาหารเกาหลีที่ยอดเยี่ยมที่แม่ของฮวาหยาได้ทำให้เรา ฉันก็ได้โคจรวงจรเพรูต้าเพื่ออุ่นร่างกายในตอนลุกขึ้น ฮวาหยาที่กำลังเล่นกับไอน่าได้เอียงหัวและถามออกมา
“ชินนายจะไปไหนนะ พวกเราจะไปพบกับพวกเขาในอีกสองชั่วโมงนะ”
“สองชั่วโมงก็มากพอแล้วที่ฉันจะปีนขึ้นไปที่ชั้นที่ 64 เดี๋ยวฉันกลับมา”
“นายต้องการแค่สองชั่วโมงในการปีนดันเจี้ยนนี่น่ะ… นายยังเป็นมนุษย์อยู่แน่หรอ”
“ไม่นานมานี้ฉันก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ว่าฉันก็ยังดูเหมือนมนุษย์นะ แถมยังมีคนอีกมากที่แข็งแกร่งกว่าฉันภายในดันเจี้ยน”
“เอาล่ะ นายอยู่เพียงแค่เลเวล 61.. ฟู่ ไม่ต้องคิดมาก นอกจากนี้ฉันก็น่าจะสามารถเข้าไปในดันเจี้ยนที่หนึ่งในเวลาอีกไม่กี่วันเหมือนกัน ฉันอยู่ช่วงท้ายของชั้นที่ 79 แล้วในตอนนี้”
แม้ว่าฮวาหยาจะพูดออกมาเหมือนมันไม่มีอะไร แต่ว่ามันก็ชัดเจนว่ามันเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นมากๆ ในตอนที่เธอกลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่ง… แม้ว่าตอนั้นเธอจะอ่อนแอลงไป แต่เธอก็สามารถจะพัฒนาต่อยอดไปได้ในระยะยาว เธอยังสามารถมีโอกาสกลายมาเป็นนักสำรวจบียอนได้อีกด้วย”
“ยินดีด้วยนะฮวาหยา เธอทำได้ดีมากเลย”
“เมื่อไหร่ที่ฉันเอาชนะบอสประจำชั้นที่ 50 ของดันเจี้ยนที่หนึ่งฉันก็จะได้รับทักษะท่องมิติ ฉันไม่จำเป็นจะต้องปล่อยให้นายไปในโลกอื่นเพียงลำพังอีกต่อไป”
“จริงสิ… เธอมัวแต่คิดเรื่องนั้นอยู่ตลอดเวลาหรือยังไงกัน”
“ฮึ่ม ฉันก็ต้องระวังเดซี่เหมือนกัน ในตอนนี้เธอเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถจะตามนายไปในภารกิจของทหารรับจ้างต่างมิติได้ มันทำให้ฉันต้องอิจฉาเลยล่ะ”
“ถ้าเดซี่สนใจฉัน มันก็คงจะเป็นแค่ศพของฉันเท่านั้นแหละไม่ต้องห่วงหรอก”
“นั่นมันฟังดูเหมือนว่าฉันกำลังกลัวว่าจะมีจะมีใครมาขโมยนายไปจากฉันนะ ฉันอาจจะอิจฉาแต่ว่าฉันไม่คิดคิดเลยว่านายจะถูกขโมยไปหรอกนะ เข้าใจไหม”
ฉันได้หยักหน้าด้วยรนอยยิ้มอย่างขมขื่นกับอารมณ์ที่แปรปรวนขอฮวาหยา เอาตามตรงฉันค่อนข้างจะยกย่องกับความมั่นใจที่ทะลุฟ้าไปของเธอ
ทันใดนั้นฮวาหยาก็ลดเสียงของเธอลงและพูดออกมาอย่างเงียบๆ
“ยะ ยังมีอีก…เรื่องที่แม่ฉันพูดก่อนหน้านี้…อัลเลนเป็นแค่เพื่อนที่ฉันเคยรู้จักในตอนเด็ก ไม่ต้องห่วงนะ มะ มันไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ”
“ใช่ ฉันรู้ว่าเธอแค่ล้อเล่น ฉันไม่ได้คิดอะไร”
ฉันคิดว่าฉันตอบกลับไปอย่างถูกต้องแล้ว แต่ฮวาหยากลับขมวดคิ้วและตะโกนออกมาราวกับว่าฉันพูดอะไรที่เธอไม่พอใจ
“…นายควรจะคิดอะไรซักหน่อยนะ! นายนี่ไม่สนใจอะไรเลยแม้ว่าจะมีชื่อของผู้ชายโผล่ออกมา”
“เธอต้องการให้ฉันคิดหรือไม่คิดเนี้ย”
ผู้หญิงนี่ทั้งน่ารำคาญและน่ารักไปในเวลาเดียวกันจริงๆเลย