บทที่ 214 – มอนสเตอร์ที่ถูกฝึกตัวที่สาม (5)
แม้ว่าฉันจะสั่นอย่างไม่สบายใจแต่ฉันก็ได้เอื้อมมือออกไปหยยิบรางวัลที่ดีเกินกว่าที่จะปล่อยมันไปมา หลังมือขวาของฉันได้ร้อนขึ้นมาในทันที ฉันได้คิดไว้บางแล้ว หลังจากที่ขา แขนและหลังมือซ้ายของฉันได้ถูกเติมเต็มด้วยรอยสักแล้ว ในตอนนี้ก็จะต้องเป็นหลังมือขวาของฉัน ที่มือขวาฉันได้เห็นปีกค้างคาวคู่หนึ่งที่ถูกพันด้วยโซ่ซึ่งมันส่องประกายสีชมพูสง่างามออกมา ฉันรู้สึกโล่งใจในทันทีที่มันเป็นสัญลักษณ์ที่ดีกว่าที่ฉันคิดเอาไว้
ยังไงก็ตามในไม่ช้าฉันก็ต้องรู้สึกเสียใจในทันทีที่รีบรู้สึกโล่งใจจนเกินไป
[คุณได้รับรอยสักราชินีซัคคิวบัส เสน่ห์และพลังเวทย์ของคุณเพิ่มขึ้น 50 เมื่อปะทะกับเพศตรงข้ามจะแสดงผลเป็นสองเท่า คุณสามารถจะใช้มานาเป็นสองเท่าได้วันละครั้ง]
“อืมม ยอดเยี่ยม”
กคนที่จะต้องพบกับคนในทุกๆวันผลของค่าสเตตัสเสน่ห์มีประโยชน์มาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่มันได้เพิ่มพลังเวทย์อีกด้วย แต่การที่มันให้ผลเป็นสองเท่ากับเฉพาะเพศตรงข้ามมันให้ผลที่อันตรายอย่างแท้จริง
ยังไงก็ตามการทำให้มานาเป็นสองเท่าวันละครั้ง…. มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก
“ได้เวลาออกไปแล้วล่ะ”
หลังจากที่ฉันใส่ถุงมือกลับเข้าไปฉันก็ได้ออกมาจากห้องบอส โรเล็ตต้าที่นั่งอยู่ที่ชั้นขายของได้เปลื่ยนท่าทางไปในทันทีที่เห็นฉันออกมา
“ชิ ชิน”
“อะไร มีอะไรหรอ”
หรือว่ามีรอยสักอยู่บนร่างของฉันโดยที่ฉันไม่รู้หรอ ในตอนที่ฉันสะดุ้งและถามออกไป โรเล็ตต้าก็ได้หยิบขวานคู่ของเธอออกมาและพูดขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ทำไมจู่ๆชินถึงมีเสน่ห์มากขึ้นแบบนี้ล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับชินหรอ ถ้าชินบอกมาตามตรงมันจะไม่มีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น มะ มะ มันเป็นไปไม่ได้ที่ว่าซัคคิวบัสนั่นกับชินจะ….”
ขวานที่อยู่ในมือของเธอได้ส่งเสียงดังออกมาเมื่อกระทบกับพื้น สะ สิ่งนั้นที่เธอถือมันไว้ในมือเดียวและมันหนักมาก….โรเล็ตต้าเธอถือมันเอาไว้ได้ยังไงกัน ฉันได้หวาดกลัวว่าจะเกิดอะไรกับชีวิตฉันดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะอธิบายให้เธอฟังอย่างรวดเร็ว
“โอ้เข้าใจแอล้ว มันเป็นพลังของรอยสักนี่เอง”
เธอได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและเก็บขวานกลับลงไป ดันเจี้ยนนี้มันน่ากลัว….
“ฉันคิดว่าชิน…. ฟู่ ชั่งมันเถอะ นี้ดีแล้ว”
“มันดูเหมือนว่าฉันยังฝึกมาไม่พอสินะ ฉันคิดว่าฉันสามารถจะควบคุมออร่าที่ปล่อยออกมาของฉันได้ดีแล้วนะ ฟู่ฉันจะต้องฝึกมันอีกแล้วสินะ”
“เสน่ห์ของชินในตอนนี้มันเข้าสู่ระดับที่อันตรายเกินไปแล้ว มันจะไม่เป็นไรกับคนที่มีเพศเดียวกัน แต่ว่าหากเป็นเพศตรงข้ามมันคือภัยพิบัติ ลองจินตนาการดูสิว่าผู้หญิงทุกคนที่สบตากับชินจะตกหลุมรักชินจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็จะไม่มีทางแก้อีก มันไม่ใช่ผลของสถานะชั่วคราวเท่านั้น แต่เสน่ห์ของชินจะพิชิตใจของพวกเธอไปตลอดกาล”
“นั่นมันร้ายแรงมาก”
ในตอนนี้ฉันก็มีสิ่งที่จัดการมากพออยู่แล้วนะ
“เสน่ห์ของชินในตอนนั้นมันสมารถจะทำให้ใจของฉันสั่นได้แล้ว ชินจะต้องควยคุมมันอย่างระมัดระวัง”
“โอเค…”
ให้ตายสิการมีค่าสเตตัสที่สูงเกินไปมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป แน่นอนว่านอกจากนี้ยังมีที่พลังเวทย์ที่เพิ่มขึ้น 50 อีกด้วย ฉันจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับสเตตัสที่เพิ่มขึ้นนี้ หลังจากนั้นฉันก็ได้ล้มตัวลงนั่งสมาธิเพื่อหมุนเวียนวงจรเพรูต้า โรเล็ตต้าได้ตั้งข้อศอกกับเคาน์เตตอร์ร้านและเฝ้ามองฉันด้วยรอยยิ้ม
“อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ได้อยู่กับชิน”
“อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ ฉันตั้งสมาธิไม่ได้”
“ค่าาาา ฮุฮุ”
หลังจากนั้นเป็นเวลา 10 ชม. ในทุกๆวันฉันก็จะมานั่งทำสมาธิที่หน้าร้านของโรเล็ตต้าเพื่อฝึกควบคุมเสน่ห์ แน่นอนว่าฉฉันก็ยังคงล่าราชินีซัคคิวบัส 10 ครั้งในทุกๆวันเพื่อเอาอิลิกเซอร์ที่เพิ่มพลังเวทย์และเสน่ห์มา ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นความพยายามที่ไม่ได้อะไรกลับมามากนะ แต่ฉันก็ไม่สามารถจะนั่งอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป
“ฉันมั่นใจเลยว่าเจ้าชายรัชทายาทเกลียดฉัน”
“ฉันไม่ได้เกลียดนายเลยสักนิด นั่นไงนายเปิดช่องว่างแล้ว”
“มันไม่มีแม้แต่ที่เดียวที่ตาของเจ้าชายมองฉันว่าไม่ได้เปิดช่องว่าง”
“แน่นอนว่าไม่”
“ฉันรู้เจ้าชายรัชทายาทเกลียดฉัน”
“เร็นนายแค่อ่อนแอเกินไป”
เนื่องจากเพราะว่าปัญหาการปล่อยเสน่ห์มาของฉันจึงทำให้ห้องใต้ดินนี้กลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม ถึงแม้ว่าเยอึนกับโซฟีที่ใช้ห้องงนี้เป็นประจำดูจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่ว่าเมื่อฉันอธิบายสถานการณ์ออกไป พวกเธอก็ยอมรับอย่างจำใจ
ซึ่งมันเป็นผลให้เร็นกับฉันได้ห้องฝึกส่วนตัวของเรา ในบางครั้งพ่อกับวอร์เกอร์ก็จะเข้ามาดูเร็นโดนฉันอัด ฉันยังรู้สึกยินดีที่มิเชลกับลีออนนั้นได้อุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการปีนดันเจี้ยน ไม่อย่างนั้นเร็นได้ร้องไห้จากการมีผู้ชมใหม่อย่างแน่นอน
“โอ้ ลูกชายของฉันมีพรสวรรค์ในการอัดคนมากจริงๆ”
“ฉันเป็นคนแรกที่รู้เลยล่ะเพราะฉันเคยโดนคังชินอัดมาก่อน”
“ออกไปเถ้อะะะ พวกนายมามีความสุขกับการได้เห็นฉันถูกอัดได้ยังไงเนี้ย”
“เปิดช่องว่าง”
“โอ๊ยย”
ฉันได้คลายความตรึงเครียดที่ไม่สามารถจะมองเห็นได้ด้วยการอัดเร็น… อะแฮ่ม ฉันรู้สึกยินดีกีบการที่ได้ช่วยให้เร็นพัฒนาขึ้น จริงๆนะ
นับตั้งแต่ที่เร็นได้ย้ายมาที่โลกมันดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มเปลื่ยนนิสัยใจร้อนลงไปอย่างรวดเร็วและสูญเสียสติในระหว่างการต่อสู้น้อยลง
“เจ้าชาย คุณเชื่อว่าจะสามารถปกป้องได้โลกงั้นหรอ”
ในวันที่สิบนับตั้งแต่ที่ฉันได้เริ่มจัดการบอสประจำชั้นที่ 65 ในตอนที่พ่อหรือวอร์คเกอร์ไม่ได้อยู่ในห้องฝึกซ้อมเร็นได้ถามขึ้นมา
“แน่นอนสิฉันเชื่อแบบนั้น เร็นนายคิดว่าฉันจะทำล้มเหลวหรอ”
“ฮ่าๆ อย่าตลกน่า ถ้าหากว่าจะมีใครในกิลด์นี้ที่เชื่อใจเจ้าชายโดยสนิทใจที่สุดคนๆนั้นจะต้องเป็นฉัน”
เร็นได้ตอบออกมาด้วยรอยยิ้มขนในขณะที่ปัดหอกของฉันออกไปด้วยเคลย์มอร์ เนื่องจากว่าเขาได้ใช้แรงและมานาไปจำนวนมากทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลงประมาณหนึ่ง
เขาได้สะบัดผมขึ้นอย่างช้าๆทำให้หยดเหงื่อกระเด็นออกมาและผมของเขาได้กลายเป็นยุ่งเหยิง
เขาได้พูดออกมา
“ฉันไม่เชื่อในตัวเอง”
โอ้ใช่แล้วสินะเร็นได้กลายมาเป็นฮีโร่ของทวีปพาแนน และฉันก็เป็นคนที่ทำให้เขาเป็นฮีโร่
“นายขาดการฝึกฝน”
“ใช่แล้ว ฉันเป็นแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดเอาไว้แล้วว่าเจ้าชายจะพูด…. แต่ว่าฉันก็ยังไม่มั่นใจ เด็กๆกำลังหวังกับฉันไว้… อ่า แน่นอนว่าเอลฟ่าก็หวังกับเจ้าชายเหมือนกัน แต่ว่าในจุดนี้ทั้งเลอบิคและเด็กๆต่างก็เชื่อมั่นในตัวฉันอย่างสนิทใจ พวกเขาเชื่อว่าฉันจะไล่เอลพาทิสออกไปและยึดทวีปพาแนนกลับมาได้ ฉัน…. ฉันรู้สึกว่ามันกดดันมาก”
“ไม่ต้องกังวลมากหรอก นั่นมันยังเหลือเวลาอีกอย่างน้อยก็ 2 ปี”
ฉันได้ตอบกลับไปราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆและดึงหอกกลับมาตั้งท่าแทง เร็นได้มองมาที่ฉันและถามออกมา
“ถ้านายตาย โลกก็จะเสียอนาคตไป นายคิดยังไงกับเรื่องนี้ไหม”
“ไม่เลย”
“ถ้านายตายคนหลายล้านคนก็จะเสียอนาคตของพวกเขาและสาปแช่งนายสุดหัวใจ นายจะตื่นขึ้นมาตกใจในตอนกลางดึกเมื่อพวกเขาปรากฏขึ้นมาในฝันไหม”
“ไม่เลย”
หลังจากที่ฉันได้ตอบกลับไปเรื่อยๆ ฉันก็จ้องไปที่เร็น
“นายโง่หรือป่าว ฉัรกำลังยุ่งกับการเหวี่ยงหอก ปีนดันเจี้ยนและรวบรวมสมาชิกของรีไวเวิร์ลมามากขึ้น ความคิดของฉันมันเต็มไปด้วยสิ่งเหล่านี้แล้ว ฉันจะเอาเวลาไหนกันที่จะไปคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นและสิ้นหวังกับมันล่ะ แทนที่จะมัวกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น สิ่งที่นายควรจะทำมันก็ควรจะเป็นการเหวี่ยงดาบของนายจะดีกว่า”
“นายทำแบบนั้นได้ยังไง นายพูดแบบนี้โดยที่ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันได้ยังไงกันนะ”
มันดูเหมือนว่าผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดของช่วงการทุบตีได้มาโดยไม่คาดคิด เร็นได้รู้สึกกดดันในฐานะของฮีโร่และเขาก็สงสัยในความสามารถของเขา
“เร็นมีมนุษย์สัตว์มากแค่ไหนที่มีชีวิตอยู่ในทวีปพาแนน”
“ฉันมั่นไม่ใจ แต่ว่าคงไม่มากนัก บางทีมันก็เป็นไปได้ที่จะไม่มีใครเหลืออีกเลย”
“แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าจู่ๆนายตายและเสียพลังของฮีโร่ไป”
“มนุษย์และมนุษย์สัตว์บนทวีปพาแนนจะไม่สามารถมีลูกหรือขยายเผ่าพันธุ์ได้อีกต่อไป…. แม้ว่าาเลอบิคกับเด็กๆจะยังไม่เป็นอะไรก็ตาม”
“ถ้างั้นแม้ว่านายจะตาย มันก็ไม่ใช่ว่าจะต้องมีคนนับล้านต้องตายไปในอนาคตนี่”
“นั่นก็จริง แต่ว่าถ้างั้นทวีปพาแนนก็จะ….”
ฉันได้รวบรวมมานาที่นิ้วของฉันและดีดมันไปที่เขาซึ่งมันได้ปะทะเข้ากับหน้าผากของเร็นและผลักให้เขาถอยหลังไป
“นายก็รู้ว่าไม่ได้มีคนที่จะตายไปแล้วนายจะยังกลัวอะไรอีก นอกจากนี้ไม่ใช่ว่านายจะกลับไปที่ทวีปพาแนนเพียงคนเดียวซะหน่อย ฉันกับสมาชิกคนอื่นๆในรีไวเวิร์ลก็จะไปกับนายด้วยเหมือนกัน”
“เจ้าชาย…..”
“เร็นนายบอกว่านายไว้ใจฉัน ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรที่นายต้องกังวล ฉันจะกลับไปที่ทวีปพาแนนพร้อมกันนายและถ้านายมีพลังไม่พอ ฉันก็จะให้นายยืมพลัง ดังนั้นแทนที่จะมากลัวกับผลที่ตาม นายก็ควรจะตั้งสมาธิกับการฝึกมากกว่านะ”
จากนั้นฉันก็ระเบิดการโจมตีออกไป
“มาเพิ่มความรุนแรงของช่วงการทุบตีเป็นสองเท่ากันเถอะ ฉันมีความสุขนะที่นายเริ่มจะดีขึ้น แต่แล้วนายกลับมาแย่ลง ฉันจำทหให้แน่ใจเลยว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของนายกลับมา นายดีใจไหมล่ะ”
“ฉันไม่ได้มีความสุขเลยสักนิด สองเท่าหรอ นายเพิ่งจะพูดว่าสองเท่างั้นหรอ”
หูขงเร็นได้ตั้งขึ้นและส่ายไปมา ยังไงก็ตามฉันไม่สนใจที่จะตอบเขากลับไปอีกแล้ว
ยังไงก็ตามเมื่อฉันเขาใจในความรู้สึกของเขาแล้วฉันก็ตัดสินใจที่จะพูดให้ซื่อตรงยิ่งขึ้น
“ฉันก็ยังคงเป็นมนุษย์เร็น แน่นอนว่าฉันก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันและรู้สึกท้อเล็กน้อย แต่ว่าเร็นถ้าฉันตาย นายจะตำหนิฉันหรอ”
“แน่นอนสิว่าไม่ นายได้ทำทุกอย่างเท่าที่นายทำได้แล้ว”
“แล้วยุย ฮวาหยา หรือไอน่าจะตำหนิฉันไหม”
“แทนที่เขาจะกลัวกับการที่โลกเผชิญหน้ากับการล่มสลาย ฉันคิดว่าพวกเธอคงจะเศร้ากับการตายของเจ้าชายมากกว่า”
ฉันได้เอามือวางลงบนบ่าของเขา
“เร็นนายก็ได้ทำทุกอย่างเท่าที่นายจะทำได้แล้วเหมือนกัน ถ้างั้นนายก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว นอกจากนี้ฉันก็เป็นคนที่ทำให้นายกลายมาเป็นฮีโร่ ฉันคิดว่านายเป็นลูกศิษย์ของฉันดังนั้นฉันก็จะช่วยนายเหมือนกัน”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้นายเพิ่มช่วงนี้เป็นสองเท่า….”
เมื่อเห็นใบหน้าที่บูดบึ้งของเร็น ฉันก็ได้คิดความคิดหนึ่งเข้ามาในหัว
“โอ้เล่น ถ้าแบบนั้นมันยากเกินไปก็ไปลองขอให้เลอบิคนอนกับนายสิ”
“ดะ ดะ ดะ ดะได้ยังไง ฉันจะทำแบบนั้นกับเลอบิคได้ยังไงกัน”
“นายไม่ได้พูดหรอว่าเลอบิคเป็นเหมือนกับแม่ ในตอนที่นายได้รับความยากลำบากนายก็ควรจะไปล้มตัวลงนอนในอ้อมกอดของแม่นะ มันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วล่ะ”
“แต่ว่านั่นมันต่างกันนะ”
“แค่เชื่อฉันก็พอ ไปหาเลอบิคที่ห้องในตอนกลางคืนและถามเธอว่า ‘ฉันของพึ่งพาเธอได้ไหม’ เลอบิคก็จะช่วยนายแน่นอน ฉันมั่นใจว่าเธอจะให้นายเข้าไป”
“เลอบิคจะไม่มีทางทำแบบนั้น”
“เร็นทำตามที่ฉันพูดสิ เลอบิคไม่มีทางปฏิเสธแน่ ฉันสาบานเลย”
“…จริงหรอ”
“จริงสิ นายมาเตะฉันได้เลยถ้ามันไม่เป็นแบบนั้น”
“อืมมม…. เอาล่ะ ถ้าเจ้าชายพูดแบบนั้น ฉันก็จะลอง… ฉันไม่รู้เลยว่าเลอบิคจะคิดกับฉันในฐานะลูก”
‘เยี่ยม แบบนั้นแหละ ฉันแน่ใจเลยว่าเธอคิดที่จะทำลูกชายกับนาย’ ฉันได้คิดขึ้นภายในใจและคิดถึงสิ่งที่เลอบิคจะตอบแทนฉันหลังจากนี้