บทที่ 217 – ฮีโร่คืออะไรกันแน่ (3)
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของบียอนที่ได้เอาชนะบอสประจำชั้นมังกรซอมบี้ในการพยายามครั้งแรก คุณได้รับแต้มทักษะ 3 แต้ม แต้มทักษะในปัจจุบัน 10]
[ความสำเร็จของคุณได้มาถึงจุดที่ทำให้คุณได้รับอนุญาติให้ได้รับชื่อของเทพองค์ที่สาม เทพทั้งหมดที่จับตาคุณอยู่ได้เริ่มต้นการแย่งชิง]
[คุณได้รับฉายา ‘ผู้พิชิตมังกรซอมบี้’ สเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น 2 เป็นการถาวร]
[คุณได้รับตั๋วเข้าสู่เหตุการดันเจี้ยนระดับ SSS+ สำหรับ 2 คน ‘ดินแดนแห่งความตาย’]
[คุณได้เคลียร์บียอนชั้นที่ 15 คุณได้รับสิทธิในการท้าทายชั้นที่ 66 ของดันเจี้ยนที่หนึ่ง]
[คุณได้โบนัสสเตตัส 5 แต้ม พลังชีวิตและมานาสูงสุดเพิ่มขึ้น 2%]
[ค่าประสบการณ์จะถูกเพิ่มให้กับทักษะที่ถูกใช้ในบียอนชั้นที่ 15]
[คุณได้รับรางวัลที่ซ่อนเอาไว้สำหรับนักสำรวจคนแรกเท่านั้น ยินดีด้วยโชคของคุณเพิ่มขึ้น 10]
[1.บัลลังก์แห่งหนาม]
ชื่อที่ดูง่ายๆนี่มันทำให้ดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น เพราะว่ามันเป็นรางวัลที่ได้มาจากการเอาชนะมังกรซอมบี้มันก็ต้องไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาแน่ๆ ฉันได้รับรางวัลนี้มาด้วยความมั่นใจซึ่งมันมีคำว่า ‘อีปิค’ อย่างชัดเจน ชื่อของมันไม่ได้ให้คำใบ้ว่ามันเป็นไอเทมชนิดใดเลย แต่ว่าฉันรู้ได้ในทันทีที่มันมาอยู่ในมือ มันคือแหวน แหวนที่น่าจะทำมาจากกระดูกของมังกรและมีหมอกสีดำออกมา พื้นผิวของมันก็ดูแหลมคมราวกับมีหนามอยู่ ถ้าหากว่าฉันไม่ระวังมันได้แทงนิ้วฉันแน่ๆ
[บัลลังก์แห่งหนาม (อีปิค)
ความทนทาน – ไม่มีวันถูกทำลาย
ความต้องการอุปกรณ์ – คังชิน
ผลสเตตัสอุปกรณ์ – ความแข็งแกร่ง +50 ความคล่องแคล่ว +50 ความอดทน -20 พลังเวทย์ -20 เมื่อใช้ทักษะโจมตีมีโอกาส 5% ที่จะยิงหอกกระดูกมังกรออกไปและเมื่อถูกโจมตีมีโอกาส 10% ที่หอกจะถูกยิงออกมาโจมตีศัตรู
ทักษะ – บัลลังก์แห่งหนาม: สามารถใช้ได้วันละครั้ง เมื่อใช้ร่างกายของคุณจะถูกปกคลุมไปด้วยเกราะกระดูกเป็นเวลา 5 นาที คุณจะสะท้อนดาเมจที่ได้รับกลับคืนไป 20% ในขณะเดียวกันศัตรูก็จะทรมานกับดีบัฟที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ‘วิญญานปนเปื้อน’]
“!”
แหวนนี้สมแล้วที่มันอยู่ในระดับอีปิค ไม่สิบางทีมันควรจะเทียบได้กับระดับตำนานเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าความอดทนและพลังเวทย์จะลดลงแต่ว่ามันก็เพิ่มความแข็งแรงและความคล่องแคล่วขึ้นมาอย่างมหาศาล เมื่อเทียบกันแล้วมันให้กำไรถึง 60 แต้ม จำนวนความอดทนและพลังเวทย์ที่ลดไปฉันสามารถเพิ่มมันขึ้นมาด้วยการใช้แต้มสเตตัสเพิ่มขึ้นมาได้
นอกไปจากนี้มันยังมีทักษะที่ติดตัวอยู่อีกด้วย แม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับแหวนโลหิตต้องสาป เพราะว่าโอกาสส่วนมากจะเป็นฉันที่โจมตีแทนที่จะถูกโจมตี
ไม่ว่ายังไงก็ตามทักษะใช้งานที่อยู่ในแหวนมันทรงพลังอย่างแท้จริง
“นี่แหละ ในที่สุดมันก็มาแล้ว”
ทักษะที่ฉันหวังเอาไว้คือทักษะในการแปลงกาย มันเป็นทักษะที่จะทำให้ฉันแสดงพลังได้มากยิ่งขึ้นในระยะเวลาที่จำกัด เพียงแต่ว่าฉันกลับได้รับทักษะพาวเวอร์ ฟอร์มในชั้นที่ 60 แทน บัลลังก์แห่งหนามเป็นทักษะที่ฉันหวังเอาไว้ แม้ว่ามันจะเป็นทักษะที่ดูน่าเกลียดแต่ฉันก็ไม่สนใจ ฉันหวังว่ามันจะไม่มีอะไรมากนะ
ฉันได้รีบถอดทักษะออกมาจากแหวนและเอาไปใส่ไว้ในนาฬิกาพกพาในทันที จากนั้นฉันก็ได้ใช้ทักษะสังเคราะห์ทักษะในทันทีโดยไม่ลังเลใจ ฉันได้วางทักษะบัลลังก์แห่งหนามไว้ในช่องทักษะพื้นฐานและใส่ทักษะพาวเวอร์ ฟอร์มไว้ในทักษะเสริม
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่นั้น ฉันได้ใส่ทักษะ ‘ร่างผู้พิทักษ์สายฟ้า’ ทักษะนี้เป็นทักษะที่ฉันได้ดึงออกมาจากเกราะที่ฉันได้มาจากบอสของบียอนในชั้นที่ 10 เหตุผลที่ฉันไม่ใส่เกราะนั้นก็เพราะว่ามันเป็นแค่เพราะเกรดยูนิค และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ฉันต้องการจะได้ทักษะประเภทแปลงกายมาเพราะฉันได้รับทักาะร่างผู้พิทักษ์สายฟ้ามาด้วย
[ร่างผู้พิทักษ์สายฟ้า: เกราะสายฟ้าจะมาปกคลุมร่างของคุณเป็นเวลา 5 นาที ความเสียหายเวทย์ทั้งหมดที่ได้รับจะลดลง 30% และความเร็วและพลังโจมตีของคุณจะเพิ่มขึ้น 20%]
แม้ว่ามันจะมีอะไรที่ขาดไปบ้างเมื่อนำไปเทียบกับพาวเวอร์ ฟอร์ม หรือบัลลังก์แห่งหนาม แต่มันก็ยังเป็นทักษะแปลงกายที่ทรงพลัง
“ลูกผู้ชายต้องกล้าเสี่ยง”
ฉันยังมีทักษะเหลืออีกสองทักษะ หนึ่งคือผิวมังกร และอีกอันคือช่วงเวลาแห่งยักษ์ แม้ว่าทักษะผิวมังกรจะเพิ่มพลังป้องกันของฉันอย่างมาก แต่มันก็ลดความเร็วของฉันอย่างมากเหมือนกันทำให้ฉันลังเลที่จะใช้มันในสถานการณ์ที่สำคัญหลายๆครั้ง ดังนั้นฉันจึงได้ตัดสินใจที่จะใส่มันลงไปในการสังเคราะห์ทักาะ
มันก็เหมือนกันกับช่วงเวลาแห่งยักษ์ที่เป็นทักษะที่รวมกันเพื่อที่จะลบจุดด้อยต่างๆในแต่ละด้าน ตามจริงแล้วฉันมีทักษะมากเกินไป มันจะดีที่สุดถ้าหากว่าจะลดจำนวนมันให้ได้มากเท่าที่จะทำได้
“สังเคราะห์ทักษะ”
เมื่อแผ่นหินได้เริ่มหมุนฉันได้ถอนหายใจออกมาเล็กๆ ฉันรู้สึกยินดีเหมือนกับในตอนที่ฉันได้สร้างทักษะวิญญาณสัมบูรณ์ขึ้นมา เมื่อพิจารณาจากทักษะทั้งหมดที่ฉันได้รวมกันแล้วมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าถ้าหากว่าฉันไม่ชอบในทักษะนั้นฉันจะสังเคราะห์มันใหม่ในทันที
ในไม่ช้าแผ่นหินก็ได้เผยให้เห็นแสงสุกใสเหมือนกับในตอนที่ฉันได้สร้างวิญญาณสัมบูรณ์ ฉันได้จ้องดูแผ่นหินโดยไม่หายใจจนกระทั่งมันหยุดหมุน ในตอนนั้นเองสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น แผ่นหินที่ส่องแสงออกมาอย่างต่อเนื่องจู่ๆก็ร้าวเพราะสายฟ้า
“อะ อะไรกัน? ฉันคิดว่าทักษะนี้มันไม่มีทางล้มเหลวซะอีกนะ”
แผ่นหินยังคงส่งประกายสายฟ้าออกมาอย่างต่อเยื่อง ในทุกๆครั้งที่ประกายสายฟ้าส่องออกมาแผ่นหินก็ได้เริ่มมืดลงไปเล็กๆ มันก็ยังได้เริ่มหมุนอีกด้วย สัญลักษณ์แปลกๆได้ส่องประกายออกมาเหนือมัน
“โอ้ไม่นะ ขอร้องล่ะ ไม่ พระเจ้า พระอัลเลาะห์ พระพุทธเจ้า พระเจ้าของดันเจี้ยน ได้โปรดเถอะให้มันสำเร็จด้วย”
ทักษะนี้มันจะล้มเหลวไม่ได้ หยุดทำให้ฉันเป็นบ้าได้แล้ว
ราวกับว่ามันจะตอบกลับคำขอของฉัน ในที่สุดแล้วแผ่นหินก็ได้หยุดลง ด้านบนแผ่นหินได้แตกออกมาพร้อมด้วยสายฟ้าสัญลักษณ์ประหลาดๆที่ไม่ได้ส่องแสงออกมาตามปกติแต่เป็นแสงสีดำที่น่าขนลุกแทน
[ท่านได้รับทักษะที่เหนือขอบเขต โอเวอร์ลอร์ด]
[เป็นทักษะที่อยู่ในจุดสูงสุดทุกสิ่งทั้งหมด ใช้ได้วันละครั้ง คุณจะสวมใส่เกราะที่สร้างจากมานาสีดำที่ไร้รูปร่าง ‘อินิกม่า’ เป็นเวลา 5 นาที มานาของคุณยังจะกลายเป็นรวมกับอินิกม่าเปลื่ยนให้คุณกลายเป็นยักษ์สูง 5 เมตร ‘อินิกม่า’ คือมานาที่อยู่เหนือมานาทั้งมวล มันเป็นการยากแม้แต่จะมอบชื่อให้กับมันมันคือมานาสูงสุดที่ยืนอยู่ในฝั่งตรงกันข้ามกลับพลังของพระเจ้า อินิกม่าจะส่งผลแม้แต่กับอาวุธทำให้คุณสามารถขยายพวกมันได้ถึง 20 เท่าและย้อมอาวุธนั้นด้วยมานาสีดำ]
[เนื่องจากว่าไม่มีใครที่สามารถแยกแยะวิเคราะห์ออกได้ทำให้การโจมตีของคุณไม่สามารถจะคาดเดาได้และการโจมตีของศัตรูจะไม่สามารถแสดงพลังใส่คุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในตอนที่ทักษะนี้ถูกใช้งานพลังชีวิตและมานาของคุณจะเพิ่มเป็นสามเท่าและสเตตัสของคุณจะเพิ่มเป็นสองเท่า เมื่อคุณโจมตีศัตรูมีโอกาส 10% ที่จะสุ่มสถานะระดับสูงขึ้นมา และเมื่อคุณถูกโจมตีมีโอกาส 20% ที่จะสุ่มสเตตัสระดับสูงขึ้น]
[การเรียนทักษะโอเวอร์ลอร์ดทำให้สเตตัสทั้งหมดของคุณเพิ่มขึ้น 30 แต้ม ทักษะครอบงำและวิญญาณสัมบูรณ์ได้กลายเป็นเลเวล 5 แม้ว่าในตอนที่ทักษะโอเวอร์ลอร์ดไม่ได้ถูกใช้งาน คุณก็จะได้รับผลครึ่งหนึ่ง พลังชีวิตและมานาจะเพิ่มขึ้น 20% มีโอกาส 1% เมื่อโจมตีศัตรูและจะมีโอกาส 2% เมื่อถูกจะศัตรูโจมตีจะสุ่มสถานะระดับสูงขึ้น]
[ทักษะนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของดันเจี้ยน มันไม่สามารถจะสังเคราะห์ได้อีกต่อไป เพื่อที่จะสร้างทักษะที่สูงกว่าทักษะนี้คุณจะต้องอยู่ในระดับที่สูงมากกว่ากว่าระดับในปัจจุบัน]
[คุณได้สร้างทักษะที่เหนือขอบเขต ทักษะนี้ได้เกิดขึ้นภายใต้ระบบดันเจี้ยนแต่ก็ยังเหนือขอบเขตของดันเจี้ยน แม้แต่ความดำรงอยู่ของมันก็สามารถละเลยอิทธิพลของดันเจี้ยนได้ เพียงแค่ครอบครองทักษะนี้อยู่ศัตรูของโลกทักษะก็จะระวังที่จะเป็นศัตรูของคุณพระเจ้าได้ให้คำยกย่องอย่างมากกับความสำเร็จที่น่าทึ่งนี้ คุณได้รับแต้มทักษะ 10 แต้ม แต้มทักษะในปัจจุบัน 20]
“….อ๊าาาาา”
ฉันได้ตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง เนื่องจากว่าฉันได้ฟังข้อความที่วุ่นวายนั้นมาแล้ว ฉันได้ตีความแล้วว่าทักษะนี้มันหมายถึงอะไร ข้อสรุปของฉันมันเรียบง่ายมาก
ในที่สุดฉันก็ได้มันมาแล้ว
“วิธีที่จะเอาชนะศัตรูของโลก”
ในที่สุดแล้วฉันก็ได้มันมา วิธีที่จะต่อสู้กับพวกนั้น พลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังของเทพ พลังที่ยิ่งใหญ่ที่ฉันสามารถจะใช้ได้ มันมีสิ่งนึ่งที่ฉันรู้อย่างแน่ชัด
ฉันได้รับทักษะโอเวอร์ลอร์ดนี้มาแล้ว มันเป็นสิ่งที่จะป้องกันอนาคตของฉัน
เมื่อฉันได้ออกมาจากบียอนชั้นี่ 15 โรเล็ตต้าก็ได้ต้อนรับฉันแบบงงๆ ในตอนนี้ฉันได้เรียนรู้ทักษะโอเวอร์ลอร์ดแล้ว แต่ฉันก็แทบจะไม่สามารถจับจับจุดพลังของโรเล็ตต้าได้เลย เธอมีพลังมากจนฉันไม่สามารถจะเอาชนะเธอได้แม้ว่าจะใช้โอเวอร์ลอร์ดแล้วก็ตาม
หรือก็คือเธอก็เป็นผู้ครอบครองพลังที่เหนือขอบเขตที่เรียกอินิกม่าเหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ที่ทำให้ฉันไม่สามารถจะมองพลังเธอได้ตลอดเวลา ฉันไม่มีทางที่จะประเมินพลังของคนที่ใช้พลังในที่ต่างกันราวกับคนละมิติได้อยู่แล้ว
“ชินการได้เห็นชินเปลื่ยนไปในทุกๆครั้งมันทำให้ฉันไม่สบายใจนะ อืม ชิน… ชนะมันหรอ”
“ใช่แล้ว”
คำถามของโรเล็ตต้าทำให้เธอได้เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายฉันจึงได้ตอบกลับเธอไปอย่างรวดเร็ซในขณะที่พยายามหาพลังของเธอที่ไม่สามารถจะหาได้ โรเล็ตต้าได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามออกมา
“พลังข้างในชิน…. ชินรู้ใช่ไหมว่ามันคืออะไร”
“ใช่”
คำถามของโรเล็ตต้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าเธอรู้ในทักษะและพลังของฉันแล้ว เมื่อฉันได้ตอบกลับไปสั้นๆ โรเล็ตต้าก็ได้ถอนหายใจออกมาซึ่งดูเธอจะโล่งอก จากนั้นเธอก็ถามขึ้นและจ้องมาที่ฉัน
“….ฉันควรจะแสดงควมยินดีกับชินไหม”
“ใช่สิ”
เมื่อเห็นดวงตาของโรเล็ตต้าส่องประกายขึ้นฉันได้คาดเดาถึงคำตอบของเธอในทันที จากนั้นเธอก็พูดออกมา
“ถ้างั้นคือนนี้อยู่ด้วยกันในกระท่อมของฉัน….”
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ”
“มันยังไม่จบเลยนะชิน โง่เง่า โง่ โง่”
โรเล็ตต้าได้กระดิกหูของเธอไปมาอย่างไม่สิ้นสุดลงขณะที่ตะโกนออกมา ฉันได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“อย่างที่ฉันพูดไปฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้จนกว่าศัตรูของโลกจะถูกกำจัด”
“แต่ว่าการที่ชินปฏิเสธแบบเย็นยาแล้วนี้มันทำให้ฉันเจ็บใจราวกับถูกฉีกเป็นชิ้นๆเลยนะ”
“เธอก็ไม่ควรจะถามแต่แรกในเมื่อรู้ว่าจะถูกปฏิเสธ”
“ฉันคิดว่าชินจะไหลไปตามนั้นและ”
“ฉันก็หวังว่าเธอจะรู้นะว่ามันไม่ได้ผลเพราะเธอคิดมากเกินไป”
“ฮิค….”
หูของโรเล็ตต้าได้ตกลงราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ ฉันได้ยิ้มและตอบกลับไป
“แต่ว่าตามที่ได้สัญญาเอาไว้วันนี้เราสามารถเล่นกันได้ ฉันจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นในตอนนี้”
“โอเค งั้นเราควรจะเริ่มด้วยการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ดีไหม”
“บาย โรเล็ตต้า”
“อ๊าาาาา ฉันล้อเล่นๆ อยู่เล่นกับฉันก่อน”
เมื่อเห็นโรเล็ตต้าเข้ามากอดที่ขาของฉัน ฉันทำได้แต่ยอมแพ้ให้กับเธอ มันจบลงด้วยการที่ฉันได้ใช้เวลาทั้งวันไปอยู่กับเธอ แน่นอนว่าเราไม่ได้เล่นไพ่โป๊กเกอร์กัน
….จริงๆนะ